ขอบเขตของการบังคับใช้และบทบัญญัติทั่วไป เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และ ข้อกำหนดตัวอย่าง

ขอบเขตของการบังคับใช้และบทบัญญัติทั่วไป เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และ. ลักษณะของสัญญาที่ครอบคลุมทั้งกรณีที่อนุสัญญามีผลใช้บังคับและไม่ใช้บังคับ ดังนี้ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศได้กำหนดขอบเขตการ บังคับใช้โดยพิจารณาถึงสถานประกอบธุรกิจเป็นสำคัญ โดยกำหนดให้อนุสัญญานี้ใช้บังคับแก่สัญญาซื้อขายสินค้า ระหว่างคู่สัญญาซึ่งมีสถานประกอบธุรกิจอยู่ในรัฐต่างรัฐกัน ไม่ว่าคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจะมีสัญชาติเดียวกัน หรือไม่ก็ตาม ทั้งนี้ ต้องปรากฏว่าเมื่อรัฐทั้งสองรัฐนั้นต่างเป็นรัฐภาคีแห่งอนุสัญญา หรือเมื่อพิจารณาตาม หลักเกณฑ์ของกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล (กฎหมายว่าด้วยการขัดกัน) แล้ว กฎหมายของ รัฐภาคีเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับกับสัญญาซื้อขายนั้น ซึ่งกรณีหลังนี้รัฐภาคีสามารถประกาศเป็นข้อสงวน ที่จะไม่นำอนุสัญญามาใช้บังคับได้ตามข้อ ๙๕ โดยข้อ ๙๕ ได้เปิดโอกาสให้รัฐภาคีสามารถที่จะตั้งข้อสงวน ในกรณีดังกล่าวได้ โดยการประกาศว่าจะเข้าผูกพันตามอนุสัญญาเฉพาะกรณีที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่าย มีสถานประกอบธุรกิจตั้งอยู่ในรัฐภาคีแห่งอนุสัญญาเท่านั้น และจะไม่นำบทบัญญัติในอนุสัญญามาใช้บังคับ ในกรณีที่กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลกำหนดให้ใช้กฎหมายของรัฐภาคีแต่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายมิได้มี สถานประกอบธุรกิจในรัฐภาคี นอกจากนี้ ข้อ ๙๔ ของอนุสัญญา ยังได้กำหนดข้อจำกัดเพิ่มเติมเกี่ยวกับขอบเขตการบังคับ ใช้อนุสัญญาไว้ว่า อนุสัญญาจะไม่มีผลใช้บังคับกับรัฐที่เป็นภาคีในความตกลงระหว่างประเทศอื่นซึ่งกำหนด บทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในอนุสัญญานี้ และรัฐที่มีกฎหมายภายในเกี่ยวกับการซื้อขายที่มีเนื้อหาเหมือนหรือ คล้ายคลึงกับอนุสัญญานี้ หากรัฐดังกล่าวประกาศว่าอนุสัญญานี้ไม่มีผลใช้บังคับกับรัฐนั้น อนุสัญญาฯ ได้กำหนดไม่ใช้บังคับกับการซื้อขายสินค้าบางประเภท ไม่ว่าจะเป็นด้วย วัตถุประสงค์ของการซื้อขาย (การซื้อขายสินค้าซึ่งนำไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว หรือเพื่อประโยชน์ในครอบครัว หรือครัวเรือน เว้นแต่ผู้ขายมิได้รู้และไม่ควรจะได้รู้ก่อนหรือขณะทำสัญญาว่าสินค้าที่ซื้อขายกันนั้นมุ่งหมาย จะนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว) ลักษณะของการซื้อขาย (การขายทอดตลาด การขายในกระบวนการ บังคับคดีหรือการบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย) ลักษณะของสินค้า (เช่น หลักทรัพย์ ตราสารเพื่อการลงทุน ตราสารเปลี่ยนมือ เงินตรา เรือ อากาศยาน หรือไฟฟ้า) ในหลายรัฐการซื้อขายในสิ่งที่กล่าวมาบางอย่างหรือ ทั้งหมดอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เฉพาะซึ่งสะท้อนถึงลักษณะเฉพาะของสิ่งเหล่านั้น นอกจากนี้ อนุสัญญาฯ ยังไม่ใช้บังคับกับสัญญาเพื่อการจัดหาสินค้าที่คู่สัญญาฝ่ายซึ่งสั่ง สินค้าตกลงจัดหาวัตถุดิบในส่วนที่สำคัญอันจำเป็นต่อการผลิตสินค้านั้น และสัญญาเพื่อการจัดหาสินค้าที่หน้าที่ ส่วนใหญ่ของคู่สัญญาฝ่ายที่จัดหาสินค้าประกอบด้วยแรงงานหรือบริการอื่น ทั้งนี้ เพื่อแยกความแตกต่างระหว่าง สัญญาซื้อขายและสัญญาให้บริการ อย่างไรก็ดี บทบัญญัติของอนุสัญญาฯ ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าอนุสัญญาจะครอบคลุม เฉพาะส่วนที่ว่าด้วยการก่อให้เกิดสัญญา สิทธิแล...

Related to ขอบเขตของการบังคับใช้และบทบัญญัติทั่วไป เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และ

  • แบบรูปและรายการละเอียดคลาดเคลื่อน ผู้รับจ้างรับรองว่าได้ตรวจสอบและทําความเข้าใจในแบบรูปและรายการละเอียดโดยถี่ถ้วนแล้ว หากปรากฏว่าแบบรูปและรายการละเอียดนั้นผิดพลาด หรือคลาดเคลื่อนไปจากหลักการทางวิศวกรรมหรือทาง เทคนิค ผู้รับจ้างตกลงที่จะปฏิบัติตามคําวินิจฉัยของผู้ว่าจ้าง คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ ผู้ควบคุมงาน หรือบริษัทที่ ปรึกษาที่ผู้ว่าจ้างแต่งตั้ง เพื่อให้งานแล้วเสร็จบริบูรณ์ คําวินิจฉัยดังกล่าว ให้ถือเป็นที่สุด โดยผู้รับจ้างจะคิดค่าจ้าง ค่าเสียหาย หรือค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มขึ้นจากผู้ว่าจ้าง หรือขอขยายอายุสัญญาไม่ได้

  • ค่าจ้างและการจ่ายเงิน ผู้ว่าจ้าง ตกลงจา่ ย และผู้รับจ้างตกลงรับเงินค่าจ้างจาํ นวนเงิน ๔๘๒,๐๐๐.๐๐ บาท (สี่แสนแปดหมื่นสองพัน บาทถ้วน) ซึ่งได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม จํานวน ๓๑,๕๓๒.๗๑ บาท (สามหมื่นหนงพันห้าร้อยสามสิบสองบาทเจ็ดสิบเอ็ดสตางค์) ตลอดจน ภาษีอากรอื่น ๆ และค่าใช้จ่ายทั้งปวงด้วยแล้ว โดยถือราคาเหมารวม เป็นเกณฑ์ และกําหนดการจ่ายเงิน เป็นงวด ๆ ดังนี้ งวดที่ ๑ เป็นจํานวนเงิน ๔๘๒,๐๐๐.๐๐ บาท (สี่แสนแปดหมื่นสองพันบาทถ้วน) เมื่อผู้รับจ้างได้ ปฏิบัติงาน ก่อสร้างถนน คสล. กว้าง ๔.๐๐ เมตร ยาว ๒๔๐ เมตร หนา ๐.๑๕ เมตร หรือมีพื้นที่เทคอนกรีตไม่น้อยกว่า ๙๖๐ ตาราง เมตร พร้อมติดตั้งป้ายโครงการ เมื่อได้ส่งมอบงานครบถ้วนตามสัญญานั้น ให้แล้วเสร็จภายใน ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๔

  • ข้อตกลงคุ้มครอง รถยนตส ูญหาย บริษท จะชดใชค ่าสินไหมทดแทน เมื่อรถยนตห รือส่วนหน่ึงส่วนใดของรถยนต์ รวมท้งั อุปกรณ์ เครื่องตกแต่ง หรือสิ่ง ที่ติดประจา˚ อยู่กบ ตวั รถยนต์ตามมาตรฐานที่ติดต้งั มากบ รถยนตโ์ ดยโรงงานประกอบรถยนต์หรือศูนยจ์ า˚ หน่ายรถยนต์ และให้รวมถึงอุปกรณ์ เคร่ืองตกแต่งท่ีไดท า˚ เพ่ิมข้ึนและผูเ้ อาประกน ภยั ไดแ จง้ ให้บริษท ทราบดว้ ยแลว สูญหายไปอน เกิดจากการกระทา˚ ความผิดเฉพาะฐานลกทรัพย ชิงทรัพย์ ปลน ทรัพย์ ยก ยอกทรัพย์ หรือเกิดความเสียหายต่อรถยนต์อน เกิดจากการกระทา˚ ความผิด หรือการพยายามกระทา˚ ความผิดเช่นว่าน้น แต่ไม่รวมการสูญหายจากการกระทาความผิดฐานฉ้อโกง รถยนต์ไฟไหมบ ริษท จะชดใชค ่าสินไหมทดแทน เมื่อรถยนต์เกิดความเสียหายจากไฟไหม้ ไม่ว่าจะเป็ นการไหมโ้ ดยตวั ของมน เอง หรือเป็นการไหมที่เป็นผลสบเื นื่องจากสาเหตุใด ๆ ก็ตาม

  • ข้อสงวนสิทธิในการยื่นข้อเสนอและอื่น ๆ ๑๑.๑ เงินค่าจ้างสำหรับงานจ้างครั้งนี้ ได้มาจากเงินงบประมาณประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕ การลงนามในสัญญาจะกระทำได้ต่อเมื่อ สำนักงานได้รับอนุมัติเงินค่าจ้างจาก เงินงบประมาณประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕ แล้วเท่านั้น

  • เอกสารอันเป็นส่วนหนึ่งของสัญญา เอกสารแนบท้ายสัญญาดังต่อไปนี้ให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญานี้

  • วัตถุประสงค์ เพื่อตอบสนองยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔) ภายใต้วิสัยทัศน์ “ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติต้านทุจริต (Zero Tolerance and Clean Thailand)” และมาตรการ 3 ป. 1 ค. ในการป้องกันการทุจริตของกระทรวงสาธารณสุข มุ่งสู่หน่วยงาน คุณธรรมและความโปร่งใส โดยเน้นผู้นําหน่วยงานเป็นต้นแบบ โดยผู้บริหารให้ความสําคัญ และแสดงความ ตั้งใจหรือให้คํามั่นที่จะนําพาหน่วยงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีคุณธรรม มีความโปร่งใส ปราศจากการทุจริต และพร้อมที่จะได้รับการติดตามตรวจสอบการปฏิบัติงานตามเจตจํานงที่ได้แสดงไว้อย่างจริงใจ ทั้งจาก เจ้าหน้าที่ภายในหน่วยงานและจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหรือสาธารณชนภายนอกหน่วยงาน อีกทั้งส่งเสริม/ สนับสนุนให้หน่วยงานมีการดําเนินงานอย่างมีคุณธรรมและความโปร่งใสมากขึ้น ผ่านการกําหนดทิศทาง นโยบาย มาตรการ โครงการหรือกิจกรรม ตามแนวทางการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการ ดําเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ

  • การบังคับค่าปรับ ค่าเสียหาย และค่าใช้จ่าย ในกรณีที่ผู้รับจ้างไม่ปฏิบัติตามสัญญาข้อหนึ่งข้อใดด้วยเหตุใดๆ ก็ตาม จนเป็นเหตุให้เกิดค่าปรับ ค่าเสียหาย หรือ ค่าใช้จ่ายแก่ผู้ว่าจ้าง ผู้รับจ้างต้องชดใช้ค่าปรับ ค่าเสียหาย หรือค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้แก่ผู้ว่าจ้างโดยสนิ้ เชิงภายในกำหนด ๗ (เจ็ด) วัน นับ ถัดจากวันทไี่ ด้รับแจ้งเปน็ หนังสือจากผู้ว่าจ้าง หากผู้รับจ้างไม่ชดใช้ให้ถูกต้องครบถ้วนภายในระยะเวลาดังกล่าวให้ผู้ว่าจ้างมีสทธิที่จะหัก เอาจากจำนวนเงินค่าจ้างที่ต้องชำระ หรือจากเงินประกันผลงาน ของผู้รับจ้าง หรือบังคับจากหลักประกันการปฏิบติตามสัญญาได้ทนั ที หากค่าปรับ ค่าเสียหาย หรือค่าใช้จ่ายที่บังคับจากเงินค่าจ้างที่ต้องชำระ เงินประกันผลงาน หรือหลักประกันการ ปฏิบัติตามสัญญาแล้วยังไม่เพียงพอ ผู้รับจ้างยินยอมชำระส่วนที่เหลือ ที่ยังขาดอยู่จนครบถ้วนตามจำนวนค่าปรับ ค่าเสียหาย หรือค่าใช้จ่ายนั้น ภายในกำหนด ๗ (เจ็ด) วัน นับถัดจากวันทไี่ ด้รับแจ้งเป็นหนังสือจากผู้ว่าจ้าง หากมีเงินค่าจ้างตามสัญญาที่หักไว้จ่ายเป็นค่าปรับ ค่าเสียหาย หรือค่าใช้จ่ายแล้วยังเหลืออยู่อีกเท่าใด ผู้ว่าจ้างจะคืนให้แก่ผู้รับจ้างทงั้ หมด

  • การปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบ ในระหว่างระยะเวลาการก่อสร้าง ผู้ยื่นข้อเสนอที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้รับจ้างต้องปฏิบัติ ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายและระเบียบได้กําหนดไว้โดยเคร่งครัด

  • หลักประกันการเสนอราคา ผู้ยื่นข้อเสนอต้องวางหลักประกันการเสนอราคาพร้อมกับการเสนอราคาทางระบบการ จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ โดยใช้หลักประกันอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ จำนวน ๕๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท (ห้าแสนบาทถ้วน)

  • การหักเงินประกันผลงาน ในการจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ผู้รับจ้างแต่ละงวด ผู้ว่าจ้างจะหักเงินจํานวนร้อยละ...........-.............. (… ) ของเงินที่ต้องจ่ายในงวดนั้นเพื่อเป็นประกันผลงาน ในกรณีที่เงินประกันผลงานถูกหักไว้แล้วเป็นจํานวนเงิน ไม่ต่ํากว่า………..-...........บาท (…………-…………...) ผู้รับจ้างมีสิทธิที่จะขอเงินประกันผลงานคืน โดยนําหนังสือค้ํา ประกันของธนาคารหรือหนังสือค้ําประกันอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งออกโดยธนาคารภายในประเทศมามอบให้ผู้ว่าจ้างเพื่อ เป็นหลักประกันแทนก็ได้ ผู้ว่าจ้างจะคืนเงินประกันผลงาน และ/หรือหนังสือค้ําประกันของธนาคารดังกล่าวตามวรรคหนึ่ง โดยไม่มีดอกเบี้ยให้แก่ผู้รับจ้างพร้อมกับการจ่ายเงินค่าจ้างงวดสุดท้าย ภายในกําหนด 1 (หนึ่ง) วัน นับถัดจากวันลงนามในสัญญาผู้รับจ้างจะต้องเสนอแผนงานให้เป็นที่ พอใจแก่ผู้ว่าจ้าง โดยแสดงถึงขั้นตอนของการทํางานและกําหนดเวลาที่ต้องใช้ในการทํางานหลักต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จ ผู้รับจ้างต้องเริ่มทํางานที่รับจ้างภายในกําหนด 7 (เจ็ด) วัน นับถัดจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้งให้เริ่ม งาน และจะต้องทํางานให้แล้วเสร็จภายในกําหนด 45 (สี่สบห้า) วัน นับถัดจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้งดังกล่าวนั้น ถ้าผู้รับจ้างมิได้เสนอแผนงาน หรือมิได้ลงมือทํางานภายในกําหนดเวลาหรือไม่สามารถทํางานให้แล้ว เสร็จตามกําหนดเวลา หรือมีเหตุให้เชื่อได้ว่าผู้รับจ้างไม่สามารถทํางานให้แล้วเสร็จภายในกําหนดเวลา หรือจะแล้ว เสร็จล่าช้าเกินกว่ากําหนดเวลา หรือผู้รับจ้างทําผิดสัญญาข้อใดข้อหนึ่ง หรือตกเป็นผู้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด หรือ ตกเป็นผู้ล้มละลาย หรือเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ หรือผู้ควบคุมงานหรือบริษัท ที่ปรึกษาซึ่งได้รับมอบอํานาจจากผู้ว่าจ้าง ผู้ว่าจ้างมีสิทธิที่จะบอกเลิกสัญญานี้ได้ และมีสิทธิจ้างผู้รับจ้างรายใหม่เข้า ทํางานของผู้รับจ้างให้ลุล่วงไปได้ด้วย การใช้สิทธิบอกเลิกสัญญานั้นไม่กระทบสิทธิของผู้ว่าจ้างที่จะเรียกร้อง ค่าเสียหายจากผู้รับจ้าง การที่ผู้ว่าจ้างไม่ใช้สิทธิเลิกสัญญาดังกล่าวข้างต้นนั้น ไม่เป็นเหตุให้ผู้รับจ้างพ้นจากความรับผิดตาม สัญญา