Contract
ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน
x xxxxxxxxxฝ่ ังฟา
xxxxxxxxxx
“สัญญาได้มัย” เขากระซิบเสียงสั่น “อยู่กับฉันตลอดไป สัญญาได้มัย” หญิงสาวxxxxxxตอบในทันที เธอจ้องเขา xxxxxมองร่องรอยแตกสลายในแววตา
ซึ่งสร้างแรงถ่วงรงกลางอกอย่างหนักหน่วง ก่อนขยับใกล้ขึ้นอีก คราวนีใช้นวิ โป้ง
เช็ดคราบน�า้ ตา พร้อมรอยยิมxxxxxxxxxxxมาพร้อมห้วงxxxxxxxxxxxxx “ฉันจะอยู่กับนายเอง” แล้วxxxxxxxxxxxxxxxxxเริ่มจากจูบแผ่วเบาตอนนัน้
ค�ำน�ำ
หลังจากxxxxxxผลงานให้ผู้อ่านทุกท่านได้ประทับใจกันมาแล้วกับ 'ในม่านกาล' 'บุพเพรักร้อยxxxxx' และ 'xxxxxxxxxxxxx' นักเขียนสาวผู้มีส�านวนในการxxxxxxxxxx เป็นxxxxxxxxxอย่าง 'xxxxxxxxxx' ก็xxxxxxอีกxxxxพร้อมกับเรื่องราวความรัก
ทxxxxxxจะโรแมนติกร้ายของหนุ่มสาวทเคยมีอดีตอันหวานชนร่วมกัน ก่อนจะ
กลายเป็นความขมขื่นเพียงชั่วข้ามคืนจนสร้างความปวดร้าวในxxxxxคู่ตลอด หลายปีที่ผ่านมา
จากการพบกันxxxแรกของ 'มาลาริน' และ 'xxxx' xxxxxxxxxxน่าประทับใจนัก แต่สถานการณ์กลับxxxxxxxxxให้ทงคู่ต้องมาผูกติดอยู่ด้วยxxx xx� ไปสู่ความxxxxxxxx xxxลึกซึ้งเกินแยกจาก แต่xxxxxxxxxxหญิงสาวผู้เป็นดั่งทุกสิ่งอย่างของเขากลับ หายหน้าไปโดยไม่แม้แต่จะบอกค�าลา สร้างบาดแผลใหญ่ไว้ในใจของชายหนุ่ม เนิ่นนานนับสิบปี และแล้วโชคชะตาก็พาxxxxxxxxxxxxxพบกันอีกxxxx xxxxxxx เต็มไปด้วยความxxxxxxxและแค้นเคืองหมายมาดว่าจะต้องเอาคืนให้สาสม กับที่เธอเคยท�าเอาไว้ ทว่าความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นอีกครั้งท�าให้เรื่องราวที่ฝังลึก ในอดีตกลับถูกขุดขึ้นมาจนเผยความจริงxxxxxxเคยรับรู้xxxxxx
อะไรคือความลับทเธอxxxxxxxเอาไว้ เขาจะxxxxxxxxxxดงทตงใจไว้หรือไม่
และการพบกันอีกxxxจะนา� พาทงคู่ไปสู่จุดจบแบบใด มาร่วมxxxxxxxxxกับความรัก ครั้งนี้ของทั้งสองคนไปด้วยกันนะคะ
xxxxxxxxxxxx xxxxxxพิมพ์แจ่มใส
ประวัติ
นักเขียน
xxxxxxxxxxเป็นนามปากกาจากเรองราวส่วนใหญ่xxxxxxระหว่างหลับฝัน เป็น เจ้าของสุนัขโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ไม่ยอมแก่หนึ่งตัว และต้นไม้หลายสิบกระถาง xxxxกับการอยู่ท่ามกลางxxxxxกับศิลปะ มีเพลงนับxxxxxxxหลงรัก และมี ภาพวาดxxxxxxxxxมากมาย
หลังจากที่ 'ในม่านกาล' 'บุพเพรักร้อยxxxxx' และ 'xxxxxxxxxxxxx' ได้ออกมา ปรากฏตัวบนช้นหนังสือ การเดินทางของxxxxxxxxxxเองก็ยังxxด�าเนินต่อไป เพื่อค้นหา เพื่อxxxxxxxx เพื่อกลบฝัง เพื่อเยียวยา และเพื่อท�าหลายต่อหลายอย่าง ต่อตนเองผ่านงานเขียน โดยxxxxxxxให้นักอ่านเป็นดั่งเพื่อนร่วมทางxxxxxx แบ่งปันเรื่องราวแก่กัน
xxxxxxxxxx
แนะน�ำ
ตัวละคร
มาลาริน บุษบ
เจ้าของร้านกาแฟฟอร์บิดเดนคาเฟ่ xxxxxxxxเงียบขรึม และเหมือนxxxxxxxxอยู่ในใจตลอดเวลา เป็นเสาหลักดูแล ครอบครัว
xxxx ตันติxxxxx บุตรชายคนโตของบ้านตันติxxxxx หนุ่มลูกครึ่งผู้มีxxxxx
สีเทาเป็นxxxxxxxxx ด�ารงต�าแหน่งกรรมการบริษัทแห่ง อิมมอร์ทอล กรุ๊ป
xxxxx ตันติxxxxx น้องชายต่างมารดาของxxxx ชอบการวาดรูป เป็นลูกค้าประจา�
ในร้านฟอร์บิดเดนคาเฟ่และแอบชอบมาลาริน
xxxxx อาของxxxxและxxxxx อาศัยอยู่ในเมลเบิร์น เจ้าของคาเฟ่ ที่มาลารินเคยท�างาน เป็นคนที่มาลารินเคารพและชื่นชม มาก
xxxxxxxxxxxxx xxxxxx เด็กวัยสิบขวบผู้ได้ชื่อว่าเป็นบุตรชายของมาลาริน ชื่นชม
ผู้ใหญ่เท่ๆ เป็นพิเศษ
xxxxxxxxxx 7
บทน�ำ
ว่ากันว่าการแอบรักเป็นเรื่องขลาดเขลาและท�าให้เรากลายเป็นคน โง่งม...
xxxxxxxxเชื่อxxxxนั้น หรืออย่างน้อยก็ไม่เคยคิดว่าตนเป็นxxxxน้น... กระทั่งระยะหลังมานี้
"ลาเต้xxxxค่ะ"
เสยงxxxxxxxxxxxกาแฟถกวางตรงหน้าเรยกสตของเขากลบมาอย่าง
รวดเร็ว และแม้ถ้อยค�านั้นจะไม่xxxxxxxxxxอ่อนหวาน หากก็xxxxxxxxxxจะ ท�าให้ใบหน้าคนฟังซับสีชมพูขึ้นxxx xxxxxหันไปเก้กังพึมพ�าขอบคุณคนพูด ผะผ่าวอีกครั้งเมื่อเธอยิ้มรับค�าก่อนผละออกไป
กระทั่งเหลือตนเองนั่งอยู่คนเดียวอีกครั้งนั่นแหละ เด็กหนุ่มจึงค่อย ก้มลงมองสมุดจดตรงหน้า ความว่างเปล่าถูกครอบครองด้วยลายเส้นดินสอ มากมาย หลากหลาย ล้วนแต่เป็นโครงร่างของหญิงสาวคนหนง...สูงเพรียว ในชุดกระโปรงสีหม่นและผ้ากันเปื้อนไร้ลวดลาย ผมด�ายาวถึงเอวถักเปีย ไว้อย่างหลวมๆ อยู่ตลอดแต่กลับไม่เคยลุ่ยออกมาสักครั้ง และใบหน้า ของเธอ...xxxxxxxxxxxxxxxxxxxแววร้าวลึกข้างใน จนดูคล้ายก�าลัง
แบกสัมภาระแห่งความโศกเศร้า ซัดเซพเนจรจากดินxxxทรงจ�าร้างไร้ อันเป็นxxxxxxxxxนั้น
มาลาริน...คือชxxxxxxxบอบบางของเธอ และทงหมดทเขารู้เกยวกับ หญิงสาวผู้นี้ก็มีเพียงชื่อของเธอกับร้านกาแฟลึกลับนามฟอร์บิดเดนคาเฟ่ แห่งนี้เท่านั้น
xxxxxจ�าได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นในยามบ่ายอึมครึมชื้นไอฝน ตอนที่เขาอยากxxxท�าตัวเป็นเด็กหนุ่มหัวขบถหลังได้รับแรงกดดันจากแม่
เรองxxxxxของตัวเอง ดอรน xxxxxxxxx ทะยานพารถราคาแพงออกจากบ้าน
อย่างไร้จุดหมายและจบลงด้วยการหลงxxxxxxxซอยxxxxxx เบื้องหน้า ร้านกาแฟเล็กๆ xxxxxxxจะหลบมิดชิดอยู่หลังxxxxxxเขียวสดของต้นไม้ ราวจะหลีกเร้นตัวตนจากโลกxxxxx
...เริ่มแรก xxxxxxxxxxxรักกาแฟของเธอก่อน ลาเต้xxxxxxxจะมาพร้อม ฟองนมโรเซ็ตตาของคุณมาลารินท�าให้ทุกสิ่งทุกอย่างรอบxxxxxxxxxxxxจน แทบจะหยุดนิ่ง เด็กหนุ่มใช้เวลาที่เหลือของวันนั้นนั่งละเลียดเครื่องดื่ม หลงลืมความxxxxxxxซึ่งxxxxxxxxxxxxหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ มองฝนหยาดผ่าน กระจกสลับกับแมวอ้วนสีเทาบนเบาะพิเศษของมันโดยเฉพาะ ฟังเพลงแจ๊ซ xxxxxxรู้จักกระทั่งเธอปิดร้าน...ก่อนจะกลับไปอีกครั้งในสองวันต่อมา และ สัปดาห์ต่อมา และต่อมา ซ�้าแล้วซ�้าอีก กว่าจะรู้ตัว สายตาของเขาก็ลอบ ติดตามหญิงสาวผู้ใช้เวลาส่วนxxxxxxxxหลังเครื่องท�ากาแฟและดูแลต้นไม้ ที่ไม่มีวันนับได้หมดเหล่านั้นไปแล้ว
เมื่อมองจากภายนอก ดูอย่างไรเจ้าของร้านกาแฟซึ่งคะเนอายุราว ยี่สิบเศษๆ (xxxxxตัดสินเอาจากใบหน้าxxxxxxxจะไร้ริ้วรอยแม้เพียงนิดนั่น) กับเขาที่เป็นเพียงนักศึกษามหาวิทยาลัยก็มีช่องว่างอยู่มากโข แต่มันก็มี ความรู้สึกเชื่อมโยงอันยากจะอธิบาย ในตอนท่ีเขามองลายฟองบนกาแฟ ของตนแล้วxxxxxxxในใจ ยามตระหนักลึกๆ ว่าลวดลายตรงหน้าคือสิ่งที่
เธอสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเขา เป็นกาแฟที่เธอท�าขึ้นเพื่อเขาเพียงคนเดียว เพ้อเจ้อไปหน่อย xxxxxxxxxx แต่นี่คือหลักฐานพยานของความxxxxxxxx
ซึ่งบางเบายิ่งกว่าไอควันเหนือแก้วระหว่างทงสอง เท่าที่คนแอบรักคนหนึ่ง จะเก็บสะสมได้xxxxx...
เมี้ยว...
แมวอ้วนบนเบาะxxxxxxxxครางขึ้นเบาๆ ปรือตาหง่าวง่วง ก่อนพลิก ท่านอน กระหวัดเรียกสติของชายหนุ่มกลับxxxxxปัจจุบัน ตอนทลมหอบใหญ่ พัดฝนเม็ดแรกกระทบกระจกพอดี
"xxxxxxกาแฟขมไปหรือเปล่าคะ"
เสียงxxxxxxxตรงหน้าเรียกให้ชายหนุ่มรีบปิดสมุดวาดภาพอย่าง รวดเร็ว มาลารินยืนเยื้องxxxxxxxxเท่าไหร่ เธอเพิ่งเก็บโต๊ะของลูกค้า กลุ่มสุดท้ายเสร็จจึงหันมาxxxxxxเมื่อเหลือแค่เขาในร้าน
"ไม่เลยครับ" xxxxxหน้าแดง "อร่อยเหมือนเดิมเลย"
หญิงสาวยกยมบางให้กับคา� ชมนน บอกxxxxxxว่ากา� ลังxxxxหรือแค่รับ
ตามxxxxxx เธอxxxสายตาออกไปยังxxxxxxxxxxxxซึ่งเริ่มตกหนักขึ้น พร้อมเสียงฟ้าผ่าจังหวะสนๆ จากที่ไหนสักแห่ง ขณะเอ่ยxxxxxxxxxxxxคล้าย กระซิบกับตัวเอง
"จ�าได้ว่าวันแรกที่คุณติมาที่ร้านฝนก็ตก"
คนฟังเริ่มวูบไหวในหัวใจ ระรัวเร็วจนxxxxxxเก็บซ่อนความxxxxxxxx xxxกับหัวข้อสนทนาอันปุบปับ
"ใช่ครับ น่าจะเป็นช่วงนี้ของปีที่แล้วพอดี"
"พจี า� ได้...วันนนคุณติเป็นลูกค้าคนเดียวของร้านค่ะ" มาลารินเด็ดใบแห้ง จากกระถางฟอร์เกตมีนอตบนโต๊ะออก ก่อนหันxxxxxxหาเขาอีกครั้ง "xxx xxxติไม่เข้ามา วันนนทงxxxxxไม่มีลูกค้าเลย สงสัยวันนเราxxต้องติดฝนกัน เหมือนวันนั้นแล้วล่ะค่ะ...น�้าเปล่ามั้ยคะ"
xxxxxxxxได้ตอบรับเพราะมัวแต่ตนตันปนxxxxxxxใจกับคา� พูดของเธออยู่ ความรู้สึกที่ว่าเขามีตัวตนอยู่ในสักเสี้ยวความทรงจ�าของมาลารินท�าให้ เด็กหนุ่มxxxxxxxx ราวละอองไอบางเบาxxxxxxxxx xxxxxน้�าหนักขึ้นทีละน้อย xxxxxคมติดตามร่างเพรียวระหงเทน�้าxxxxxxxอย่างเป็นสุขอยู่ในสงบเงียบ ระหว่างทั้งสอง
"ความจริงxxxxxxผมxxxxxxชายให้มาxxxดื่มกาแฟที่ร้านนี้ดูครับ รายนนั เค้าเป็นคอกาแฟ ตั้งแต่กลับไทยก็ยังไม่มีที่ไหนถูกใจสักร้าน" ว่าพลาง จิบลาเต้ของตนบ้าง รสละมุนของนมสดxxxxเมล็ดกาแฟคั่วขมอบอุ่นถูก มัดรวมกันผ่านล�าคอ "แต่ฝนตกหนักขนาดนี้ xxxxมาไม่..."
xxxxxxxxxxค�าพูดเมื่อเห็นเงาร่างสูงในชุดสูทสีด�าก�าลังกางร่มผ่าน ม่านxxxxxเข้าxxxxxสวนหน้าร้าน ทึมทึบท่ามกลางเงาไม้เปียกปอน สลัวมัวราวภาพวาด และทันทีที่เขาผลักประตูเปิด เสียงกรุ๋งกริ๋งของกระดิ่ง ต้อนรับก็สะท้อนแว่วพร้อมฟ้าซึ่งกระห่ึมxxxx xxxวาววาบเกรี้ยวกราดขึ้น อีกครั้งพอดี
"อ้าว xxxxxx xxxว่าจะไม่มาแล้วซะอีกฮะ..." เพล้ง!!
ฉับพลัน โดยไม่มีใครตั้งตัวด้วยซ�้า แก้วxxxxxxxxจะบรรจุน�้าจนเต็มก็ ร่วงหล่น แตกxxxxxxทันที
xxxxxหันกลับไปหามาลารินด้วยความเป็นห่วงก่อนจะถูกความพิศวง xxxxxxประเด เมื่อหญิงสาวผู้มักจะมีxxxxxxxxxxกลับมีสีxxxxxxxxxxxx xxxxxที่สาดสะท้อนเพียงความโศกxxxxxxxxxจะค่อยๆ แตกร้าวไม่ต่างกับ แก้วของเธอ ขาเรียวใต้กระโปรงสีทึบก้าวถอยหลัง และราวกับหญิงสาวจะ ลืมหายใจไปชั่วขณะ จังหวะต่อมาเธอจึงสะท้านขึ้นมาเฮือกใหญ่...ก่อนจะ นิ่งค้างอยู่xxxxนั้นราวถูกสาป
ผู้มาใหม่จับจ้องเจ้าของร้านกับทุกท่าทางของเธอตั้งแต่ก้าวเท้า
เข้ามา xxxxxสีเทาxxxxxxxxxหากแปลบปลาบด้วยxxxxxxxxxxเร้นบางอย่าง ภายใน ก่อนจะกราดเกรยว...เกลียดชังทมแทง ดุจจะประกาศกร้าวต่อดินฟ้า ว่าหญิงสาวตรงหน้าคือสิ่งเลวร้ายที่สุดบนโลกxxxxx
ริมฝีปากหยักลึกเหยียดยิ้ม พร้อมเอ่ยค�าxxxxxxซึ่งดังอยู่ในการ ร่วงหล่นของxxxxฝน
"xxxxxxเจอกันนานนะ...มาลาริน!!"
12 ณ ภวังค์สุดฝ่ ังฟา้
1
บทที
10 ปีที่แล้ว
เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เพล้ง!
xxxxxxxxxซึ่งบังเอิญถูกปัดร่วงก้องไปทวร้านอาหารตามด้วยการสะอื้น ฮึกฮักของเด็กหญิงตัวน้อย เรียกให้บริกรสาวรีบเข้าไปกวาดเสยวเศษแหลมใส xxxxxxxxxxxxxxxด้วยกลัวจะเป็นอันตราย ก่อนหันไปยิ้มรับค�าขอบคุณของ แม่เด็กก่อนเปลี่ยนแก้วให้อย่างxxxxxxxxxx เธอxxxxxxแล้วกับการรับมือ เหตุการณ์xxxxนี้ ไม่ใช่เรื่องยากล�าบากอะไรสักนิด
เสียงฟ้ากระหึ่มแทรกผ่านมาเป็นระยะท่ามกลางเงาอึมครึม ตอนท่ี มาลารินเดินกลับไปเช็กออxxxxxสุดท้ายในครัวพอดี
หญิงสาวผินหน้าไปมองถนนบรรยากาศสีxxxxxxxxxxx xxxxxxx หนักๆ ทา� ให้พลบคา�่ ยงดูสลักสลัวกว่าxxxx และไฟจากป้ายหน้าร้านก็คล้ายจะ กะพริบไปแวบหนึ่ง...อาจxxxxx หรือวงจรขัดข้อง หรือเพราะฝนใกล้ตก ดูเป็นไปได้ทั้งสิ้น
"ลูกค้าท�าแก้วแตกอีกแล้วเหรอxx"
เสียงเบื่อหน่ายหลังเคาน์เตอร์บาร์ติดจะบ่นมากกว่าถามจริงๆ เรียกความสนใจของหญิงสาวกลับxxxxxพปิ่น ผู้เป็นทงเจ้าของร้านอาหารไทย และเจ้านายของเธอ ก่อนจะเห็นว่าอีกฝ่ายก�าลังยื่นใบหน้าแหลมเหมือน
แมวxxxxxxxมาศเหม็นโลกออกไปส่องเหตุการณ์ภายในร้านแวบหนง แล้วค่อย หันxxxxxxออกค�าสั่งอย่างxxxxxx
"นี่ xxxxxxแก้วลงในบิลด้วยนะ ช่วงนี้ยิ่งขายxxxxxxxxxอยู่ นี่ ลี ได้ยิน xxxxxxพูดไหม"
"xxวางบิลไว้ให้ตรงเคาน์เตอร์แล้วค่ะ"
มาลารินกล่าวตัดxxxxxxxxxxxยกอาหารออกไป แค่การเป็น เด็กเสิร์ฟคนเดียวในร้านก็ท�าให้เธอหัวหมุนมากพอแล้ว และพี่ปิ่นเองก็ ว่างเกินกว่าจะมาผลักงานง่ายๆ อย่างการเฝ้าเคาน์เตอร์แคชเชียร์ของตน ให้คนอื่นท�าอีก หญิงสาวลอบมองxxxxxxxxxก�าลังเริ่มร่วงหล่นลงเป็นสาย xxxxxxxอีกครั้ง หยดxxxxไหลxxxผ่านใบไม้ซึ่งเริ่มเปลี่ยนสีตามฤดูกาลใหม่ จนเปียกปอน...ฤดูxxxxใกล้จะสิ้นสุดแล้ว
แกร๊ง
เสียงผลักประตูก่อนที่ชายหญิงวัยรุ่นคู่หนึ่งจะเดินเข้ามาในร้าน พร้อมกับมาลารินซึ่งรีบหันไปเอ่ยต้อนรับทันทีแล้วได้ให้ชะงักงันชั่วขณะ เธอกะพริบตาปริบๆ อีกสองครั้งจึงค่อยปรับxxxxxxxxxxxxยิ้มแย้มอย่าง xxxxx กลับเป็นฝ่ายเด็กสาวอีกคนxxxxxxxxxxแสดงอาการประหลาดใจจน ออกจะลุกลนชัดเจน
มาลารินทบทวนความทรงจ�าในหัวอย่างเงียบงัน เธอไม่มีทางลืม เจ้าของบุคลิกxxxxxxอย่างลูกเศรษฐีทุกกระเบียดกับใบหน้าไร้ที่ติดูนุ่มนิ่ม เหมือนขนมสายไหมนี่ได้...ใช่ นิสัยชวนระอานั่นก็ด้วย
"xxxxxxเจอกันนานนะคะ"
มาลารินxxxxxxxxxxวางเมนูลงบนโต๊ะ แจกยมเป็นxxxxอย่างxxxxxxxx
xxxxxxx กลับเป็นอีกxxxxxxxส่งสายตาไม่ชอบใจก่อนxxxxxxxxxxxxx xxxxx xxxเอ่ยอะไรซา�้ ยังยกเรียวแขนขาวผ่องขนxxxxxด้วยท่าทีแสดงอาการต่อต้าน
"รู้จักเหรอxxx" เด็กหนุ่มที่มาด้วยกันเอ่ยถามด้วยท่าทางอย่างคนxxxxxxx xxxxx
สเี ทาประหลาดxxxมาทางมาลารนเพยงแวบสนๆ แล้วxxxxxxสนใจอก และก
เป็นตอนนนเองทเธอเพงสังเกตว่าเขาไม่ใช่ชาวต่างชาติอย่างทเข้าใจตอนแรก อย่างน้อยส�าเนียงภาษาไทยนั่นก็xxxxxxxx แม้จะxxxxxเป็นxxxxไปสักหน่อย "ไม่รู้สิคะ จ�าหน้าxxxxxx" xxxหรือเกวราไหวไหล่อย่างไร้xxxx หล่อน xxxxxxxxxคู่โตขึ้นมามองบริกรสาวอีกครั้งเพียงเพื่อจะท�าให้ง�้างอกว่าเดิม
"xxxxxxอยากกินแล้วค่ะวิน" "xxxบอกเองไม่ใช่เหรอว่าอยากกินอาหารไทย" "งั้นเปลี่ยนร้าน..."
"ผมไม่อยากวนรถซ�้าซาก" เด็กหนุ่มตัดบทสนทนาแค่นั้นก่อนก้มมองเมนูอาหารแล้วสั่งอย่าง
รวดเร็ว บ่งบอกชัดเจนว่าไม่คิดจะตามใจ มาลารินจดออxxxxxมือเป็นระวิง เธอxxxxxxสนใจจะxxxxxxเกวราอีก
ในเมื่ออีกฝ่ายบอกเองว่าจ�าหน้าเธอxxxxxx...ก็ดีแล้ว หญิงสาวร�าพึงในใจ
ไม่อย่างนั้นxxได้ให้xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxสองฝ่าย...
"คนรู้จักเหรอxx" พี่ปิ่นโผล่หน้าแมวแหลมออกจากเคาน์เตอร์อีกครั้งทันทีที่มาลาริน
กลับเข้ามาในครัว หล่อนสอดส่ายสายตาไปมาด้วยความใส่ใจเกินจ�าเป็น xxxxxxเคยปิดมิด ขณะเดียวกัน มาลารินกลับท�าได้เพียงลอบถอนหายใจอย่าง
เหนอยหน่าย...ราวกับว่าทุกสงทุกอย่างทจา� กัดความ 'เจ้านายยอดแย่' ได้ถูก
มัดรวมอยู่ในตัวเจ้านายของเธอหมดแล้ว ตระหนี่ ขี้บ่น เอารัดเอาเปรียบ
แล้วตอนนี้ก็ยังเร่าร้อนไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นจนแทบจะลุกxxxxxxอีก "xxxxxxxจะจ�าผิดค่ะ" หญิงสาวเอ่ยปัดส่งๆ
"xxx xxxก็ว่า ทางนั้นแบรนด์เนมกันตั้งแต่หัวจรดเท้าxxxxxxx จะมารู้จัก คนหาเงินตัวเป็นเกลียวแบบxxxxxยังไง"
'คนหาเงินตัวเป็นเกลียว' ก้มมองรองเท้าผ้าใบxxxxxxxxxxของตน เก็บปอยผมทัดหูลวกๆ แล้วยกน�้าออกไปเสิร์ฟโดยxxxxxxเอ่ยอะไรกลับ
...จริงอย่างxxxxxxปิ่นว่า ความจริงแล้วคนสวยโดดเด่นอย่างเกวราไม่มี ความจ�าเป็นจะต้องมารู้จักนักศึกษาหาเงินจ่ายค่าเทอมอย่างเธอสักนิด แต่ก็xxxxxxxx ในเมื่อความบังเอิญในโลกนี้xxxxxเป็นกระบุงโกย
บอกไปใครจะเชื่อว่าเมื่อสามเดือนที่แล้วหญิงสาวต้องเจอหน้าเกวรา ทุกxxx xxxละนานๆ หลายชั่วโมงเสียด้วย
...มาลารินท�างานเป็นบาริสต้าให้คาเฟ่ใกล้มหาวิทยาลัยช่วงกลางวัน และจ�าต้องxxxxxxxในร้านท่ามกลางละอองxxxxxxxฉ�่าระหว่างเกวราและ xxxxxxxxเจ้าของคาเฟ่ผู้มีอายุห่างกันหลายปี แต่แล้วxxxx xxxหนึ่งหล่อนก็ เงียบหายไป ไม่ปรากฏตัว เหลือxxxxxxxแต่ยิ้มหม่นเศร้าของชายหนุ่ม ซึ่งถูก ขังค้างไว้ในบรรยากาศเดิมๆ ที่มีแต่ความทรงจ�าของxxxxxxxหลงเหลือ และก็ เหมือนกับเหตุบังเอิญอีกxxxxxxxxxxคนเราต้องxx xxxxรินไม่คาดคิดด้วยซ�้า ว่าจะได้มาเจอหล่อนอีกครั้งที่นี่ คืนนี้ xxxxxxxเปี่ยมมนตร์สะกดดังเดิม ข้างxxxผู้ชายคนใหม่
กระนั้นก็เถอะ เกวราจะมีความรักสักกี่ครั้งมันก็ไม่ใช่เรื่องของเธอ มาลารินสลัดภาพเงาเหงาๆ ที่ทอดผ่านม่านแดดของxxxxxxxxออกจากหัว ระบายยิ้มเป็นxxxxอย่างเด็กเสิร์ฟมืออาชีพก่อนยกผัดไทยออกไปบริการ ทั้งสอง
"ทานให้อร่อยนะคะ"
ไม่มีค�าตอบกลับและหญิงสาวก็ไม่คิดจะรอฟัง มาลารินผละจากxxxxxxx
อย่างรวดเร็วพอๆ กับท่าทีของเกวราxxxxxxxxxxจะรีบกินรีบออกจาก ร้านอาหารแห่งนี้ชัดเจน
แต่เหมือนว่าอะไรๆ จะxxxxxxง่ายดังที่เธอตั้งใจไว้...ให้ถูกคือเป็น เค้าลางความวุ่นวายระลอกใหญ่ทีเดียว
แกร๊ง!
เสียงช้อนตกพื้นเรียกให้มาลารินหันกลับทันที ในเสี้ยวขณะที่เกวรา คู้ตัวลงพลางหอบหายใจ หล่อนก็xxxxxxxxxรนฉา�่ ไปยังคู่เดตอย่างพรึงเพริด
"วิน...xxxแพ้xxxx" "อะไรนะ!"
เด็กหนุ่มรีบเข้าไปxxxxxxร่างบางอย่างรวดเร็วพร้อมกับพปิ่นทลุกลน
ออกมาดูเหตุการณ์ด้วยใบxxxxxxxเผือด ขณะที่มาลารินรวบรวมสติ ก่อนเข้าไปช่วยxxxxxxเกวราทันที
"ออกไป!" เจ้าของxxxxxสีเทาปัดมือหญิงสาวออกพลางเหลือบมองอย่างเย็นชา
บริกรสาวแทบอ้าปากหวอ เธอเคยเจอแขกไร้xxxxxxมามากมายแต่ไม่เคย มีใครแสดงกิริยาxxxxxxxxx�x xxxxxถึงเพียงนี้ ขณะทเจ้าของร้านเองก็xxxxxx xxxแพ้กัน
"ให้...ให้โทรเรียกรถพยาบาลมั้ยคะ" "ไม่ต้อง!" เกวราแผดเสียงบ้าง
พี่ปิ่นเริ่มxxxxxxxxxxxxแสดงอาการxxxxxxxxxxxxx...การฟ้องร้องใน ออสเตรเลียถือเป็นเรื่องร้ายแรงส�าหรับร้านอาหาร เพราะนอกจากจะต้อง เสียเงินมหาศาลแล้วในทางเลวร้ายที่สุดคือถูกสั่งปิดร้านไปเลย ด้วยความ xxxxใจอันไร้ทางระบายนี้ xxxxxxxxหันมาปล่อยโทสะใส่ลูกน้องของxxxxx
"xxxxxได้บอกในครัวเหรอว่าลูกค้าแพ้xxxx" "ลูกค้าxxxxxxบอกอะไรxxxxxคะ"
มาลารินทบทวนความทรงจ�าว่าไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องนี้กับเธอแน่ๆ ยืนยันได้อย่างหนักแน่นเสียด้วยซ�้า ทว่าก่อนจะได้อธิบายเพิ่มเติม เกวราก็ กล่าวแทรกขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือ
"ฉันสั่งผัดไทยธรรมดา ใครจะไปรู้ว่าร้านคุณใส่กุ้งแห้งลงไปด้วย" เพียงเท่านั้น มาลารินก็อ้าปากหวอ เกือบxxxxxด้วยซ�้า เป็นห่วง
อีกฝ่ายอย่างจริงใจส่วนหนึ่ง แต่ก็ไม่คาดคิดด้วยxxxxกัน แม่เจ้าประคุณ ไม่รู้จริงๆ หรือว่าใครๆ ก็ใส่กุ้งแห้งในผัดไทยกันทั้งนั้น หน�าซ�้าxxxxxxxว่าก็ โรยอยู่ข้างบนอย่างเห็นได้ชัดเจน เธอลอบมองเจ้านายผู้xxxxxxxอยู่ใน บ่วงแร้วของการตื่นตูมอย่างเสียเปล่าก่อนxxxไปxxxxxxสายตากับ เด็กหนุ่มร่างสูงโดยบังเอิญ เสี้ยววินาทีแรกหญิงสาวคิดว่าเขาอาจพอช่วย เป็นพยานให้เธอได้ xxxxxxxxxสีเทาคู่นั้นกลับไร้xxxxxxxxxxxxใดๆ และ มีแต่จะเหยียดยิ้มxxxxอย่างxxxxxxxx
"ร้านแบบนี้ถูกสั่งปิดไปซะก็ดี"
"ว้าย! ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ xxxxx xxxกันก่อน ทางเราxxxxxรับผิดชอบ ทุกอย่างค่ะ อย่าให้เป็นเร่ืองใหญ่เลยนะคะพี่ขอ" พ่ีปิ่นเหงื่อแตกxxxxx xxxxxxxxxxxราวxxxxxxxxxxยิ่งกว่าเดิม
รอยเหยียดxxxxฉายวาบเสี้ยวสนๆ คล้ายว่าเขาก�าลังดูละครฉากหนึ่ง ซึ่งไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับตนสักนิด
"งั้นคุณจะลงโทษกับความxxxxxxxของพนักงานยังไง..."
คนไมผดจะให้รบโทษอย่างไร หญงสาวxxxxxยอมรบความอยตธรรมนไี้ ด้
"xxxxxxxxxxนะคะ ฉันxxxxxxxตรงไหน..." "xx! เงียบไปเลยนะ"
มาลารินแทบอ้าปากค้างกับการถูกxxxxxขัดทันที เธอสลับมองทั้ง
ลูกค้าและเจ้านายทหันมาxxxxงานตนพร้อมระลอกโทสะxxxxxxx กระทบขนึ
ในใจ
"แต่xxxxมีสิทธิ์xxxxxxตัวเองนี่คะ xxxxxxxxxตรงไหนในเมื่อลูกค้าxxxxxx บอกxxxxxxxxxxxxxไว้เลย xxxxxได้มีพลังวิเศษนะคะ จะได้ไปอ่านใจใครต่อใคร หรือบอกได้ว่าคนไหนแพ้อะไรบ้าง..."
"โอ๊ย! เงียบไปเลย อย่าไปเถียงลูกค้านะ" เจ้าของร้านชงใจชวครู่ก่อน
ผุดยมมุมปากออกมาแวบสนๆ "งนเอาอย่างน้ พจะลงโทษด้วยการหักเงินล
เหลือวันละสี่สิบดอลล์เป็นเวลาสองเดือนแล้วกัน"
มาลารินชะงัก ผุดฟองเดือดพล่านในห้วงxxxxxxโทสะอย่างxxxxxxอาจ
ข่มลงได้อีก...พปิ่นรู้ดีว่าเธอxxxxxxถามหาความยุตธรรมกับใครได้ มาลาริน
ท�างานร้านอาหารเกินเวลาที่วีซ่านักเรียนก�าหนดจึงรับเพียงเงินสดและไม่มี การใส่ชอลงระบบเป็นลายลักษณ์xxxxx...ใช่ สงทเธอกา� ลังทา� ถือเป็นแรงงาน ผิดกฎหมาย ไม่xxxxxxเรียกร้องใดๆ นอกจากก้มหน้ารับการตัดสินใจนี้ หากยังอยากxxxxxxวีซ่าของตนจนเรียนจบ!
แต่จะให้เธอท�างานในร้านอาหารที่มีเด็กเสิร์ฟเพียงคนเดียวแลกกับ เงินวันละสี่สิบดอลลาร์ได้อย่างไร ที่ส�าคัญคือในสถานการณ์xxxxxxปิ่นxxxxxx xxxพิจารณาและxxxxxxลูกน้อง หล่อนกลับแสดงความเห็นแก่ตัวอันน่ารังเกียจ ด้วยการฉวยโอกาสลดค่าแรงถึงสองเดือนโดยไม่ถามความคิดเห็นของใคร ทั้งสิ้น!
มันไม่ใช่ความโกรธประเดี๋ยวประด๋าว หากแต่xxxxxxxxxxxแล้วจาก พฤติกรรมหลายอย่างของอีกxxxxxxละเล็กละน้อย กระทงถึงฟางเส้นสุดท้าย ในxxxxxxนี่เอง
"พปนไมตองหกเงนลหรอกค่ะ" มาลารนกลนระลอกโทสะอย่างสะกดกลน
"เพราะxxจะxxxxออกเอง" กล่าวจบหญิงสาวก็ถอดผ้ากันเปื้อนพลางก้าวเข้าไปคว้ากระเป๋าหลังร้าน
เดินออกxxxxxบังเอิญเหลือบไปเห็นxxxxxสีเทาประหลาดxxxxxxxxxxxxนั่น ช�าเลืองตนอย่างเย็นชา ได้ยินแต่เสียงเรียกxxxxxxxxปะติดปะต่อของพี่ปิ่น
ตามหลังและ ซ่า...xxxxxร่วงหล่นไร้xxxxxทันทีที่ก้าวออกมาด้านนอก... มาลารินกอดกระเป๋าแน่นโดยไม่คิดหันหลังกลับ หญิงสาวมองผ่าน ม่านฝนมัวซัวเบื้องหน้า หลอดไฟสีส้มสาดสะท้อนถนนใกล้เขตซีบีดี* ที่ พร่างนองด้วยน�้าเปียกปอน ขณะย�่าเท้าตามทางเดินไปยังป้ายรอรถรางซึ่ง
มีชายไร้บ้านใบหน้าxxxxxxxxxxxxxเที่ยวกางร่มเดินขอเงินผู้สัญจรผ่าน "...ขอสองดอลลาร์ มีสองดอลลาร์มั้ย"
ค�าพูดราวบทท่องซ�้าซากรั้งเธอไว้พร้อมมือซึ่งยื่นออกมาxxxxx ตรงหน้า ชัดเจนว่าต้องการเศษเหรียญดังกล่าวจากหญิงสาว
"ฉันxxxxxxxxคนมีเงินเหรอคะ" คนเพิ่งออกจากงานถามเสียงเรียบ xxxxxxคิดxxxxxxx ทว่าสงสัยจากใจจริง "xxxxxxxxฉันเพิ่งทะเลาะกับเจ้าของร้าน แถมยังโดนลูกค้าเหวี่ยงใส่ ไม่มีใครxxxxxxฉัน และฉันก็xxxxxxxxxออกมา แหละค่ะ"
ชายชราชะงัก มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าพลางถอนหายใจด้วยสายตา xxxxx ซ�้ามิวายxxxxxxxxก่อนเดินจากไป
"ชีวิตก็เป็นแบบนี้แหละนังหนู..."
'...ชีวิตก็เป็นแบบนี้แหละ' ถ้อยxxxxxxเรียบง่าย หากหนักอึ้งอย่าง น่าประหลาด
หญิงสาวก้มมองสภาพมอมแมมของตน ท่ามกลางม่านxxxxxxชนแฉะ xxxxxxxxกลับไปยังเห็นแต่หลังไวๆ ของชายไร้บ้านเดินขึ้นรถรางอย่าง xxxxxxxxxxxx xxxxให้เธอได้แต่พึมพ�ากับตัวเองเสียงแผ่ว จนใจหากก็ยอมรับ ในโชคชะตา
"แต่ฉันxxxxxxอยากให้มันเป็นแบบนี้ซะหน่อย..."
หากจะกล่าวถึงลักษณะหนึ่งในตัว ก็เรียกได้ว่ามาลารินเป็นคนไร้ซึ่ง
* ซีบีดี (CBD) ย่อมาจาก Central Business District หมายถึงxxxxธุรกิจใจกลางเมือง
สัญชาตญาณอย่างสิ้นเชิง เธอไม่เคยxxxxxกับอะไรต่อมิอะไรที่มีแนวโน้มถึงโชคลางลี้ลับหรือ
ความรู้สึกเหมือนเข็มแหลมซึ่งจะคอยxxxxจึกจักอยู่ในอกก่อนเหตุการณ์ บางอย่างเกิดขึ้น ทงยังxxxxxxxจะxxxxxxxxxxxxxxxxxของตัวเองมากนักและ
ออกจะทมทอดอด้านเสียด้วยซา หญิงสาวโทษว่าการทุ่มเทหาเงินเปลยนตน
ให้กลายเป็นทาสรับใช้ทุนนิยมจนสึกกร่อนทางรายละเอียด แต่เปล่าเลย ความจริงคือมาลารินละเอียดอ่อนต่อทุกอย่างยกเว้นตนเองต่างหาก ถึงกระนนั กว่าเธอจะxxxxxxxxxxเวลาก็ล่วงเลยหลังจากนี้ไปนานมากแล้ว...
เหตุการณ์xxxxxxxxด้วย...ตั้งรับไม่ทันเลยสักนิด เสียงเย้าแหย่คิกคักดังแว่วออกมาจากห้องนอนตอนxxxxxxถึงที่พัก
และนนเองที่ท�าให้ลางสังหรณ์กะปลกกะเปลี้ยของหญิงสาวได้ตื่นจากจ�าศีล บ้าง มาลารินชะงักในทันที ค้างอยู่กับการxxxxxxครู่สั้นๆ พอจะเดาออกว่า เสียงข้างในเป็นของใครบ้าง นึกจะถอยออกมาแต่ก็ต้องรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า เปียกโชกจากฝนxxxxxxx อีกอย่างหากจะว่าไปห้องนอนนี้ก็เป็นของเธออยู่ ครึ่งหนึ่ง สุดท้ายจึงxxxxxxxxxxxxขึ้นเคาะประตูก๊อกๆ ก่อนเปิดผาง
"ว้าย!" หญิงสาวด้านในxxxxxเสียงหลงพร้อมกับคู่รักของxxxxxxxxรีบผุดลุก
จากการกกกอดเมื่อครู่ด้วยความตกใจ และแม้พอจะคาดxxxxxxตั้งแต่แรก ทว่ามาลารินก็อดเผยอยิ้มxxxxxxxxxxxxxส่งให้รูมเมตสาวก่อนxxxxxxxxxx xxxxxx
"สวัสดีพลอย สวัสดีxxxx"
เธอว่าพลางตงท่าจะหันไปเปิดตู้เสอผ้า แต่แล้วก็ได้ให้ชะงักเมอเหลือบ ไปเห็นxxxxxยับxxxxxxราวกร�าศึกหนักของตน xxxxxxจนxxxxxxxxxxxxxxxxxxx หรือพานคิดไปเอง ก่อนจะเบือนหน้ามาสลับมองหนุ่มสาวท้งสองแล้ว อดเอ่ยถามเป็นภาษาอังกฤษขึ้นxxxxxx
"เมื่อเช้าเราว่าเราเก็บที่นอนดีแล้วนะ ท�าไมถึงยับได้ล่ะ" xxxxxxxxxxxxสายตาไปยังแฟนสาว เห็นได้ชัดxxxxxxมาลารินไม่พูด
ภาษาไทยเพราะต้องการให้เขารับรู้ด้วย ขณะทคนถูกถามเพียงxxxxxxxxxxxx ให้เรียบร้อยพร้อมxxxxxxxxxรู้สึกรู้สาอันxxxxx
"ไม่รู้สิ xxลืมเก็บรึเปล่า" หล่อนเอ่ยขณะกวักมือเรียกคนรักกลับขนxxxxx ดังเดิม "อ้อ คืนนี้xxxxจะมานอนที่นี่นะ"
"ในห้องนี้เหรอ" มาลารินกะพริบตาปริบทันทีด้วยไม่รู้จะโกรธหรือตกใจก่อนเป็นอันดับแรก
เพราะแม้จะได้ชื่อว่าเป็นรูมเมตกันทว่าเธอกลับxxxxxxมีความxxxxxxxกับ
อกฝา่ ยเทา่ ใดนก ปฏสมพนธ์ระหว่างมาลารนและพลอยถอว่าxxxxxxอย่างยง
ด้วยxxxxxxxมีสงใดให้เห็นxxxxต้องกัน การพูดคุยก็มีแค่คา� xxxxxxสนๆ ยามเช้า กับxxxxxxxxxxxxก่อนนอน กล่าวได้ว่าแรงจูงใจในการแชร์ห้องหาใช่มิตรภาพ หากแต่เป็นราคาจ่ายที่xxxxxxตกลงกันได้ต่างหาก
กระทั่งเรื่องนี้ก็xxxxกัน...การพาคนรักมาหลับนอนในห้องซึ่งยังต้อง แบ่งใช้กับรูมxxxxxจะมากเกินไปสักหน่อยxxxxxxในความคิดของมาลาริน
"อื้อ แต่จะไม่ไปรบกวนอะไรฝั่งxxxxxของxxxxxx เราเห็นฝนตกหนัก เลยไม่อยากให้xxxxxxxฝนกลับ"
...แต่ที่xxxxxเธอยับขนาดนี้ก็เพราะเพิ่งสังเวยให้กับกิจกรรมของ ท้งสองคนไม่ใช่เรอะ! ความรู้สึกถูกเอาเปรียบซ�้าแล้วซ�้าเล่าของวันท�าให้ หญิงสาวค่อยๆ ระบายลมหายใจอย่างสะกดกลั้น
"พลอย ถึงอย่างนนเราก็เป็นผู้หญิงนะ อีกอย่างเราจ่ายค่าxxxxxxเพื่อ แชร์ส�าหรับสองคน..."
"ท�าxxxxเห็นแก่ตัวแบบนี้อะ"
มือที่ก�าลังจะวางกระเป๋าชะงักค้าง ถ้อยค�าของคนที่ยังนอนไม่รู้สึก รู้สาบนxxxxxเรียกให้มาลารินหันกลับไปเอ่ยถามทันที "พลอยว่าไงนะ"
"ความจริงห้องนเราก็เป็นคนไซน์ เราจะทา� อะไรกได้ไม่ใช่เหรอ ลีนนxxxx xxxมาแบ่งเช่าเอง"
หญิงสาวผู้ 'ไซน์ห้อง' อธิบายอย่างไม่ยหระ ไม่สนใจด้วยว่าบรรยากาศ อึมครึมบางอย่างจะเลือนรอยยิ้มฝืนเฝื่อนของมาลารินให้xxxxx xxxลง xxxxxxxxxx xxxxxxxxที่การไซน์ห้องหรือการเซ็นสัญญาเช่าเท่ากับว่าห้องนี้เป็น ของผู้ลงนามนั้น มาลารินเป็นเพียงคนเข้ามาแชร์จ่าย แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อ กล่าวถึงด้านปฏิบัติก็เท่ากับทั้งสองหารเงินกัน ใช่ว่าขออยู่ฟรีเสียที่ไหน
การถูกเอารัดเอาเปรียบหลายต่อหลายเรองกลายเป็นตะกอนทถูกตีขุ่น
ผสมปนเปตามมูลเหตุxxxxx xxxxxxxxxอยู่ในค�าถามที่ว่าท�าไมนะท�าไม เหตุใดเรื่องเหล่านี้จะต้องเกิดขึ้นกับเธอ แล้วเหตุใดจะต้องจ�ายอม...เพราะ ไม่มีเงินหรือเพราะตนไม่เคยxxxxxxxอะไรกันแน่
มาลารินหันไปเปิดตู้ คว้าเสื้อผ้าใส่กระเป๋า แล้วเหลือบมองชายหนุ่ม อีกคนก่อนตอบเสียงเรียบ
"งั้นก็แล้วแต่พลอยเถอะ คืนนี้เราไปนอนที่อื่นเอง" ร่างระหงเดินออกจากห้องพร้อมความรู้สึกไม่ยินยอมxxxxxxxxxxจะ
ขนของข้างใน กระนนฝนxxxxxxxกยงใจดกบเธอพอทxx xเหลอเพยงละอองนา
โรยผ่านกับฟ้าร้องกระหึ่มอยู่ไกลๆ ยามก้าวพ้นอพาร์ตเมนต์...สู่เขตเมือง ที่ผู้xxxxxxxตามหามุมเงาเงียบงันเพื่อให้เสียงหัวใจของตนสะท้อนก้องดัง มาลารินกางร่ม เงยหน้ามองตึกสูงรายรอบกับวิบวับจากดาวกระจ้อยร่อย xxxxxxxxxxxxให้เห็นผ่านแสงไฟของเมืองเบื้องล่างแต่เพียงดวงเดียว
ระยิบระยับเลือนราง แล้วค่อยๆ เคลื่อนคว้างเดียวดาย...
xxxxxxxxxx 23
2
บทที
"ดิโอส มิโอ*! ฉันน่าจะอยู่กับเธอตอนนั้น แม่จะด่ากลับจนยายป่อย อะไรนั่นหน้าหงายไปเลย!"
เสียงทุ้มต่�าติดส�าเนียงละตินรัวผ่านโทรศัพท์เรียกรอยยิ้มขบขันให้ มาลารินจนเผลอหัวเราะคิก ความขุ่นข้องเมื่อครู่ถูกพัดหายไปตามถ้อยค�า เป็นxxxxxxxไม่มีxxxxxxใดอ่อนหวานนั่น หญิงสาวค่อยๆ พิงผนังชื้นแฉะ ของซอกตึกxxxxxxxxxอย่างผ่อนคลาย เอียงคอฟังจังหวะxxxxxxxxก�าลัง เหวี่ยงหมุนโลกอีกฝั่งด้านในอาคารอย่างบ้าคลั่งพลางอธิบายตอบ
"เค้าชื่อพลอยย่ะ ไม่ใช่ป่อย"
"โอ๊ย เรียกยาก ไม่สนใจ" ปลายสายพ่นคา� บ่นรัวเร็วดังเดิม "แล้วตอนนี้ เธออยู่ไหน มานอนห้องฉันก่อนสิ"
เพียงเท่านนคนฟังก็ยิ้มกว้างอย่างxxxxxxxxxราวxxxxxxxxxxxxxxx
ทันที
"xxxxxนะxxx ทจริงก็ตงใจไว้อย่างนนแหละ ตอนนเลยรอตรงซอกตึก
ข้างคลับ"
* ดิโอส มิโอ (¡Dios mío!) ค�าxxxxxภาษาสเปน ความหมายคล้าย Oh my god! ในภาษาอังกฤษ
"แสนรู้ เข้ามารอห้องสตาฟฟ์สิ อีกสักxxxxxxxกว่าฉันจะเลิกงาน" "ไม่เป็นไร เสื้อผ้าฉันxxxxxxxเหมาะกับร้านเท่าไหร่ เดี๋ยวเดินเตร่
รอข้างนอกนี่แหละ" มาลารินอธิบายง่ายๆ ก่อนวางสาย อย่างxxxxxxxนี้เธอ ก็มีที่ไปแล้ว ซ�้ายังเป็นxxxxxxชวนสบายใจอย่างยิ่ง
xxxเป็นโคลอมเบียนxxxxxxxxหัวใจนางพญาผู้ท�างานร่ายมนตร์ผสม น�า้ เมาด้วยลีลาราวเริงระบ�าประจ�าคลับหรูชื่อสไปรซ์ มาร์เก็ต ขณะเดียวกัน เวลากลางวันก็ยังเป็นเพอนร่วมชนระดับหัวกะทิของมาลารินในมหาวิทยาลัย ด้วย เธอxxxxxxxกับอีกฝ่ายตั้งแต่แรกพบ คุยถูกคอในส่ิงสนใจเดียวกัน xxxxxxxโดยไร้เรื่องบาดหมางเรื่อยมา กล่าวได้ว่าคนสองคนเดินทางจาก อีกฟากฝั่งของโลกมาพานพบ เพื่อคอยช่วยเหลือกันและกันท่ามกลาง ดินxxxแปลกหน้าเป็นเวลาเกือบจะสองปีแล้ว
หญิงสาวขจัดความรู้สึกมืดครึ้มอันคอยก่อกวนxxxxxxมาตลอดคืน เงียบๆ ขณะนงลงหลบสายลมxxxxxxฝนอยู่หลังถังขยะขนาดใหญ่ ซงใหญ่พอ ที่จะบังได้จนหมดจด เธอเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าxxxxxxxxxxไปพลาง ว่าจะไปรอเพื่อนสนิทตรงเก้าอี้สาธารณะหรือในร้านราเม็งยี่สิบสี่ชั่วโมงxx
xxxxได้ให้สะดุ้งเมื่อเสียงทุ้มต�่าของใครคนหนึ่งจะบังเอิญดังขึ้นจาก บริเวณใกล้กัน
"คุณอาไม่ต้องแก้ตัวแทนหรอกครับ ผมรู้ว่าพ่อแค่อยากควบคุมชีวิตผม" เพราะxxxxxxทเอ่ยเป็นภาษาไทย มาลารินจึงลอบโผล่หน้าออกไปมอง ด้วยความอยากรู้อันxxxxxxห้าม ก่อนจะต้องรีบxxxxxตัวเองxxxxxxซ่อน ในมุมเงาของถังขยะมากกว่าเดิม ทันทีxxxxxxxxxxxถึงตัวตนของอีกฝ่าย xxxxxสีด�าสนิทเบิกกว้าง ความรู้สึกในอกเพ่ือมพยอกจากxxxxxxxxxxxxx
xxxxxxxxจะดับมอดไปเมื่อไม่นานมานี้ ไอ้เด็กจองหองเมื่อตอนเย็น!
หน็อย...ขณะที่เธอเพิ่งจะถูกกดดันจนต้องลาออกจากงานหยกๆ
ตาน่ดันมาเข้าคลับสบายใจเฉิบงั้นเหรอ หญิงสาวได้แต่ท�าหน้าxxxxxxxxxx xxxxxxxxxอย่างxxxxxxxxxxxลับหลัง ซ�้ายังต้องร่นตัวหลบอีกครั้งเมื่ออีกฝ่าย คล้ายจะเดินเข้าxxxxxxขึ้นเรื่อยๆ ตามน�้าเสียงต่อต้านกึ่งโมโหนั่น
"ในเมื่อเค้าเก่งเรื่องใช้เงินแก้ปัญหาอยู่แล้ว งั้นก็แค่เอาเงินมาฟาด ตัวปัญหาอย่างผมเหมือนที่ผ่านๆ มาซะก็xxxxxxxxxx!"
...แหม เอามาฟาดฉันด้วยสิ คนแอบฟังลอบเบะปากกับตัวเอง นินทา อยู่ในใจอย่างแสบxxxx
"ผมดูแลตัวเองได้! ฝากบอกเค้าxxxxxxxxxxต้องมาแกล้งเป็นห่วง เป็นใยกันตอนนี้ ผมxxxxxx!!"
อา...แล้วเงินนั่นล่ะ ถ้าไม่อยากได้จะเอาให้ฉันก็ได้นะ...มาลารินยัง ลอบxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxอยู่ในใจไม่หยุด xxxxxxxxxxxกับเงินของคนอื่น
อยา่ งแสนเสยดาย และxxxxโศกเศร้าxxxจรงอย่เู ชนนนหากxxxxxใหสะดงุ โหยง
เมื่อร่างสูงอีกxxxxxxxxเตะถังขยะที่เธอใช้ก�าบังอย่างแรงพร้อมถ้อยสบถ อันดัง
"แม่งเอ๊ย!!" แกสิ ไอ้เด็กบ้า! คนในเงาค้อนขวบ
ปะหลบ
ปะเหลือก และเพียงช่ว
ขณะที่ความเงียบใบ้
โรยตัวลงมาจนหญิงสาวคิดว่าเขาจากไปแล้ว กลิ่นควันจากบุหรี่ราคาแพง
ก็ขดม้วนผ่านอากาศแล้วสยายม่านxxxxxxxเข้ามากระทบจมูก...อันที่จริง ก็ไม่ยังไงนักหรอก xxxxแล้วการสูบบุหรี่ในเมลxxxxxxxxxว่าจะชายหรือหญิง ล้วนไม่ใช่เรื่องแปลกและมาลารินก็ไม่เคยคิดวิพากษ์สิทธิ์ของใคร แต่เมื่อ ดูจากวุฒิภาวะทางxxxxxxอันxxxxxxxของเด็กหนุ่มตัวปัญหา เธอก็ชัก ไม่แน่ใจว่าอายุของเขาผ่านเกณฑ์กฎหมายก�าหนดหรือยัง...ความจริง ไอ้เรื่องที่มาxxxxxxxxxแถวคลับนี่ก็ด้วย นี่มันพฤติกรรมของตัวปัญหา ขนานแท้เลยxxxxx
ขณะก�าลังสับสนระหว่างxxxxxเดินหน้านิ่งออกไปฉะกันสักตั้งหรือ นั่งหลบดมกลิ่นคxxxxxxxน้ัน เสียงxxxxxxxxxxxxxก็ดังข้ึนอีกครั้ง คราวนี้ จับคา� ได้ว่าเปนกลุ่มวัยรุ่นชาวออสซสามสคนพร้อมกลนแอลกอฮอล์เหม็นฉงึ ดันให้หญิงสาวต้องตัดสินใจซ่อนอยู่หลังถังขยะเพื่อxxxxxxxxxxxต่อไป แต่โดยดี
"เฮ้ย นึกว่ากลับไปแล้ว มาหลบอยู่ตรงนี้นี่เองว่ะ" "ฉันไม่รู้จักพวกแก" เด็กจองหองเอ่ยกลับเสียงเย็น
"พวกฉันก็ไม่รู้จักแกเหมือนกันแหละน่า!" หนึ่งในน้นว่าxxxx xxxxxxxxxxเข้าใกล้ร่างสูง "แต่หน้าแกในคลับxxxxxxxxแม่งโคตรกวนตีนเลย"
"เหรอ แต่ฉันไม่เห็นจะจ�าพวกแกได้สักคน แม่งxxxxxxอยู่ในสายตา เลยว่ะ"
"ไอ้เวรนี่..." พลั่ก!
บทสนทนาถูกตัดลงเพียงเท่านน เมื่อถังขยะของมาลารินถูกกระแทก
อย่างแรงจนหญิงสาวสะดุ้งโหยง ลอบโผล่หน้าออกไปก็เห็นเพียงร่างเมาๆ แปลกหน้าที่ถูกชกจนล้ม ขณะที่เด็กหนุ่มxxxxxxxสีประหลาดยืนแค่นยิ้ม ครู่สนๆ ก่อนหันกลับไปรับหมัดจากคนทเหลือต่อทันที เหมือนใช้สัญชาตญาณ น�าทางโดยxxxxxxxxสักนิด
ทว่าสถานการณ์xxxxคล้ายบทพระเอกหนังนักสู้กลับต้องxxxxxxxxxxx
เมอชายคนแรกทถูกชกxxxxถลาxxxxxxxxxxตัวร่างสูงไว้ ต่อด้วยการรุมเตะxxxx
จากคนที่เหลือเท่าที่สมองมึนเมาจะสงการxxx xxxxเป็นภาพxxxxxxxxxxxx ทันที
มาลารินxxxxตนตะลึงกับการอยู่ในสถานการณ์วิวาทแบบ 'แค่มองหน้า ก็กะฆ่าให้ตาย' ตรงหน้า หากก็xxxxxxxxxxxเอาตัวรอดในมุมเงาลับxxxxxxxxนี้ xxx xxxเป็นจิตใต้ส�าxxxxxxความถูกต้อง...อาจเป็นxxxxนั้นxxxxxx xxxผลักดัน
ให้หญิงสาวxxxxxตัวเร้นเข้าไปข้างหลัง หลับตาปี๋ สูดลมเข้าปอดจนอัดแน่น ก่อนจะตะเบ็งเสียงทั้งหมดที่มีกรีดร้องจนก้องตรอก xxxxxxเสียจนตัวเอง ยังขนลุกพรึบ
"กรี๊ด!!!"
...เสียงกรี๊ดอย่างกับอยู่ในหนังฆาตกรรม แบบที่ต่อให้รอบxxxxxxxxxx แค่ไหนก็ต้องชะงัก
"เฮ้ย เกิดอะไรขึ้นตรงนั้นน่ะ!"
เสียงxxxxxจากที่ไกลๆ ท�าให้กลุ่มคนซึ่งทะเลาะกันเมื่อครู่แตกฮือ อย่างรวดเร็ว เด็กวัยรุ่นชาวxxxxxxxxxxxxกันออกคนละทิศละทาง ขณะที่ คนโดนชกถูกผลักลงกับพื้นตรงหน้ามาลารินพอดีราวการจับวางของ โชคชะตา และก็เป็นตอนนั้นเองxxxxxxxxสีเทาสาดสะท้อนแสงไฟบังเอิญ สบมองก่อนฉายxxxxxxประหลาดใจชั่วขณะ
เป็นการxxxxxxxxxxxxxxแม้เกิดเพียงเสี้ยววินาที แล้วเขาก็อาจจะยังจ้องค้างอยู่xxxxนนด้วยxxxxxxxxหากการ์ดxxxxxxxx
จากสไปรซ์ มาร์เก็ตไม่วิ่งเข้ามาเสียก่อน เด็กหนุ่มรีบพยุงตัว xxxxxxxxxxx
เธออีกxxxเพียงแวบสนๆ คล้ายยังสงสัย คล้ายเรมจดจา กับคล้าย...บางอย่าง
ซงอ่านไม่ทันเมอร่างสูงตัดสินใจวงทะลุออกตรอกอีกฝั่งอย่างรวดเร็วก่อนจะ ถูกจับxxx xxxxมาลารินไว้ตรงนั้น ให้จ้องมองเบื้องหน้าซึ่งเหลือเพียงสลัวราง ของความว่างเปล่า ก่อนรีบซุกตัวในมุมเงาอีกxxxกระทงทุกอย่างกลับคืนสู่ ความเงียบดังเดิม
...ทุกอย่าง ยกเว้นxxxxxxตาสีประหลาดที่เหมือนถูกรอยเลือน อ้างว้างของคนหลงทางแผ่คลุม xxxxxxxxxราวสัตว์บาดเจ็บนั่น...xxxxxxxxx ซึมลงในความทรงจ�าของเธอโดยไม่รู้ตัว
...ความทรงจ�าที่มีแต่เปียกชื้น หน่วงหนัก กับxxxxxxจะxxxxxxxซ�้าๆ อีกเนิ่นนานหลังจากนั้น...
"สรุปว่าเมื่อคืนxxเลยไปนอนบ้านเพื่อนเหรอ"
ค�าถามคล้ายชวนคุยเรียกให้มาลารินผินหน้าจากเครื่องท�ากาแฟ ครู่สั้นๆ มองหาก็เห็นเจ้าของร่างสูงยืนย้ิมอยู่เยื้องกัน ใต้xxxxxเร่ือเรือง ยามสาย ท่ามกลางขดลายซ้อนซับของไม้เลื้อยที่เงาบังมาจากริมหน้าต่าง แล้วหญิงสาวก็xxxxxxxxหายลงไปในความคิดชั่วขณะหนึ่งตอนนั้นเองว่า xxxxxxxxคนดีของเธอช่างเป็นผู้ชายที่เหมาะสมกับฤดูใบไม้ร่วงอย่างยิ่ง อะไรบางอย่างxxxxxxxxxxxx xxxxxx ชวนให้ไว้วางใจ กลายเป็นบรรยากาศ รายรอบเขาโดยไร้ทมา ไหนจะการเป็นเจ้าของคาเฟ่ตงแต่อายุทพ้นเบญจเพส มาxxxxxxปี ซ�้ายังด�าเนินกิจการมาอย่างxxxxxอีก...
"เรื่องรูมเมตว่าแย่แล้ว เรื่องร้านเย็นของมันแย่กว่าอีกพี่" เสียงร่วมบ่นจากชายร่างยักษ์อีกคนซึ่งยืนxxxxxxxxกาแฟอยู่ด้านหลัง
เรียกให้มาลารินหันไปย่นจมูกใส่ทันที ช่วงสายxxxxนี้ถือเป็นเวลาที่พนักงาน ในร้านพอจะผ่อนคลายได้บ้าง การพูดคุยหยอกหัวxxxxxxxxเป็นไปอย่าง สะดวก หลังต้องวงวุ่นกับกองทัพผู้เสพติดกาเฟอีนในชวโมงเร่งด่วนยามเช้า
หญิงสาวคนเดียวในวงสนทนาบ่นกระปอดกระแปดทันที "อย่าซ�้าเติมกันxxxxxxภพ คนยิ่งเครียดๆ อยู่" "แบบxxxxxxxxขาดรายได้แย่เหรอ" เจ้าของคาเฟ่หนุ่มฉีดน้�าใส่กระถาง
ต้นไม้ก่อนหันมาสบตาหญิงสาวอย่างเห็นใจ "พี่อยากxxxxxxxxให้นะ ถ้ามัน ไม่ชนตารางเรียนของxx"
พxxxxxแตกต่างจากเจ้าของร้านอาหารตอนเย็นของเธออย่างสนเชิง เขาไม่เคยตระหนี่ ขี้บ่น หรือเอารัดเอาเปรียบลูกน้องสักxxxxxxxxxx ในทาง ตรงกันข้ามกลับคอยหยิบยนความช่วยเหลือแทบทุกxxxอีกต่างหาก และแม้ คาเฟ่ของเขาจะมีลูกค้าเข้าไม่ขาด ทว่าชายหนุ่มกลับไม่เคยมีxxxxxxxxxxxxx ต่อรายรับหรือxxxxxxxxxxxxxต่อรายจ่ายเลยสักxxxx ราวกับว่าร้านแห่งนี้ เป็นเพียงรวงรังแห่งความสุขท่ีถูกสร้างขึ้นเพื่อโอบล้อมแต่ความต้องการ
ของเขาเท่านั้น ถือเป็นเจ้านายในฝันโดยแท้... "xxxxอยากท�าแค่xxxxxxxxxเดียวค่ะxxxxต แต่ตารางเรียนไม่อ�านวยจริงๆ"
เธอหันไปxxxxxxx "เนี่ย เลยต้องมาเริ่มหางานใหม่อีกครั้งแล้ว" xxxxxระบายยิ้มจนใจกับค�ากล่าวน้นก่อนหันไปรดน�้าต้นไม้ที่เหลือ
อย่างxxxxxxxxxxอีกครั้ง ปล่อยให้มาลารินเหลือบมองแผ่นหลังกว้างของ
ชายหนม่ เปนระยะขณะตดค้างอย่กบบทววิ าทในหว เธอxxxxxxเล่าเพมลงไปว่า
หนงในลูกค้าเจ้าปัญหาททา� ให้ตนต้องออกจากงานคือเกวรา...เด็กสาวผู้เข้ามา
เป็นเงาxxxxxxในคาเฟ่ก่อนจะหายไปกับสายลมต้นฤดูxxxx แล้วปล่อยให้ รสชาติกาแฟxxxxxxxxท�าxxxxxxxxแปร่งไปอีกสองเดือนกว่าจะxxxxxxเป็น ดังเดิม...
ขณะเลื่อนลอยในความคิดนั้น จู่ๆ ร่างสูงก็xxxxหันxxxxxxหาจนเธอ เผลอสะดุ้งโหยง และท�าได้เพียงคลี่ยิ้มxxxxxxxxxxเมื่อเขาเดินเข้าxxxxxx
"ที่จริงถ้าพูดถึงงาน...ตอนนี้ที่บ้านพี่ก�าลังหาพี่เลี้ยงเด็กพอดี" มาลารินกะพริบตาปริบ ทวนค�าคู่สนทนาอย่างxxx "พี่เลี้ยง...เด็กเหรอคะ"
"อื้อ หลานพี่เอง เป็นญาติห่างๆ น่ะ พ่อเค้าส่งxxxxxxxxxxxxxคนเดียว
กลัวจะไปทา� ตัวxxxxxxxเลยอยากxxxxคนไปช่วยดูแล เงินดีนะ แถมทxxxฟร
ด้วย"
คนทถูกอา� นาจเงินกัดกินมาแต่ไหนแต่ไรเรมตาวาว กระนนก็ยังxxxxxxxx
เอ่ยอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว "แต่xxไม่มีใบรับรองการดูแลเด็กนะคะ"
"ไม่ใช่เด็กแบบนั้นหรอก" ชายหนุ่มหัวเราะxxxxxxxสายตาออกไป มองเงาxxxxxxยจากนอกหน้าต่าง คล้ายxxxxxภาพผู้ถูกกล่าวถึงจากความทรงจา� "xxxxxxxxโตแล้วล่ะ ก�าลังจะเข้ามหา'ลัย"
"xxxxผมxxxxxxx"
พี่ภพพาร่างก�าย�าของตนxxxxxxxxxxxxxเข้ามาในบทสนทนาพร้อม รอยยิ้มกว้าง ก่อนจะถูกมาลารินผลักออกไปด้วยความรวดเร็ว หญิงสาว xxxxxxxxxxอย่างหมายมาดแบบที่รู้กันดีว่าxxxxxxxxxx
"อย่ามากันซีนกันxxxxxxภพ"
เจ้าของร้านมองบทวิวาทเล็กๆ ของพนักงานทั้งสองอย่างขบขันและ ไม่คิดxxxxxxxx ด้วยxxxxxxxxว่าการxxxxxxxxxxxxxxเหมือนพี่น้องเป็นเรื่อง
xxxxระหว่างมาลารินกับภพอยู่แล้ว "พก็อยากชวนภพนะ แต่พ่อเค้าอยากได้
คนที่เรียนมหา'ลัยเดียวกัน แล้วก็เป็นคนที่ละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกคนอื่น มากๆ ด้วย จะได้ช่วยแนะน�าน้องแต่ในทางxxxxx"
เพียงเท่านั้น หญิงสาวคนเดียวก็หัวเราะคิกพลางลอบยักคิ้วxxxxxxx ใส่พนักงานรุ่นพ่ีเป็นxxxxxx 'ทางxxxxxน่ะ เข้าใจไหม แนะน�าแต่ในทางxxxxx' ก่อนจะโดนxxxxxxโป๊กใหญ่เป็นค�าตอบกลับให้ได้หน้ามุ่ยไปหนึ่งรอบ
xxxxxส่ายหน้าระอาให้ลูกจ้างทงสองอย่างไม่เห็นจริงจัง เขาอธิบาย ค่าxxxxคร่าวๆ รวมไปถึงข้อเสนออื่นๆ ที่หญิงสาวจะได้รับแล้วจึงค่อย ทวนถามขึ้นอีกครั้ง
"ว่าไง สนใจมั้ย" มาลารินเริ่มจมลงไปในการค�านวณรายได้กับxxxxxxxxxxมากมาย
ทันที บ้านพักใกล้มหาวิทยาลัยที่มีห้องนอนเดี่ยวและไม่ต้องเสียค่าเช่าสัก ดอลลาร์ เงินค่าxxxxxxเพียงพอให้ถมหลุมหล่มจากค่าเทอมได้อย่างพอเหมาะ พอเจาะ และอาจมากพอ...หากเป็นไปxxx xxxมากพอให้เธอเก็บเป็นก้อน ส่งให้ครอบครัวที่ประเทศไทยด้วยซ�้า...
ครั้นเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นระบายรอยยิ้มจากxxxxxxxxผู้รอฟังค�าตอบ อย่างxxxxxxxxxxอยู่ พร้อมxxxxxxxxxxxxของกาแฟอวลผ่านริ้วแดดบางใส ซึ่งท�าให้หญิงสาวเผลอนึกย้อนถึงช่วงเวลาxxxxxxเข้ามาท�างานในคาเฟ่แห่งนี้ ครั้งแรก ตอนนั้นมาลารินผู้ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการท�ากาแฟก็ได้รับ
รอยยิ้มดุจเดียวกันxxxxนี้จากชายคนเดิม และอีกหลายต่อหลายxxxx หลังจากนั้น ยามหัดเป่าฟองนม ยามฝึกเทลาย หรือกระทั่งยามจ�าแนก รสชาติเมล็ด พxxxxxมีรอยยมให้เธออยู่เสมอ แล้วหญิงสาวก็xxxxxxxxxxxได้ ประเดี๋ยวนนเองว่าต่อให้ไม่มีอะไรมาล่อลวงเธอก็จะยังตอบตกลงด้วยความ สมัครใจอยู่ดี...หากเป็นค�าขอของเขา
หญิงสาวเผลอยกยิ้มตามxxxxxหน้า xxxxxxxxxxx พลางเอ่ยถาม "...xxย้ายเข้าไปxxxxxxไหนคะ"
"ย้ายไปไหนxx"
น�้าเสียงxxxxxxxติดจะกังวลทอดผ่านสายโทรศัพท์ บ่งบอกชัดเจนว่า
ผพู้ ดเรมผูกภวังค์เอาไว้กบถ้อยคา� เมอครทมาลารินเพง่ จะxxxxxxxx กระนนั
มันก็xxยังไม่กระจ่างมากพอ ประสมกับสัญชาตญาณความเป็นห่วงของ ผู้เป็นมารดาด้วยหากจะว่าไป
xxxxxสีเข้มxxxxxxxไปสบกับริ้วแสงของเส้นขอบฟ้า วาดวงเป็น รอยระเรื่อxxxxxxxxxxxxx ดูxxxxxxxxxxxxx พร้อมๆ กับความคิดที่ว่านาน เท่าใดแล้วที่เธอและคู่สนทนาต้องเชื่อมโยงกันผ่านเครื่องมือสื่อสารทางไกล ซึ่งไกลขนาดข้ามน้�าทะเลมาคนละxxxx xxxxที่ตอนเล็กๆ หญิงสาวเคยเป็น เด็กติดแม่ถึงเพียงนั้นแท้ๆ
"เป็นบ้านใกล้มหา'ลัยค่ะแม่ ไม่ต้องห่วงนะ" มาลารินตอบพร้อมรอยยิ้มกว้างแม้จะรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่มีทางมองเห็น
ซ�้ายังหัวเราะด้วยน�้าเสียงสบายๆ ท้งที่ไม่มีเรื่องอะไรให้ข�า มันเป็นการ
หัวเราะเพอสร้างความxxxxxxxxxอย่างททา� อยู่เสมอยามต้องการเปลยนเรอง
ชวนคุย หญิงสาวได้รับมรดกนี้มาจากบิดา ซึมซับพร้อมเสียงxxxxxxx xxxxxxxxxx ท่าทีเป็นxxxxเข้าถึงง่าย และความxxxxxxxxxต่อxxxxxxxงามของ ทั้งตนเองและผู้อื่น
"แล้วนี่พ่อไปไหนคะ แม่อยู่บ้านคนเดียวเหรอ"
"ออกไปข้างนอกจ้ะ เห็นว่าเย็นๆ นู่นแน่ะถึงจะกลับ ช่วงนี้xxxxxxxxxๆ เรื่องงาน"
คุณxxxxxxผู้เป็นมารดาเอ่ยตอบด้วยน้�าเสียงเรียบง่ายขณะที่คนฟังก็ ไม่คิดจะซักถามสิ่งใดต่อ ครอบครัวของเธอมีสมาชิกเพียงสามxx xxxxxxx และxxxxxxxxxxด้วยความรักแทบล้�าล้น ฐานะของที่บ้านxxxxxxร�่ารวยระดับ เหลือกินเหลือใช้อย่างเศรษฐี กระนนผู้เป็นบิดาก็สนับสนุนเต็มทยามบุตรสาว คนเดียวตัดสินใจเลือกศึกษาต่อไกลถึงต่างประเทศ พ่อบอกว่ามันเป็นการจ่าย
xxxxxโอกาสในxxxxx และด้วยเหตุนเองททา� ให้มาลารินต้องทา� งานหาเงิน
เพื่อลดภาระอันเกินเหตุของครอบครัว หญิงสาวรู้ดีว่าบิดาจะไม่ปล่อยให้ตน ร่วงหล่นระหว่างทางเพราะความอัตคัด แต่เธอก็ยังต้องก้าวเดินด้วยตัวเอง บนถนนทอดยาวจนกว่าจะถึงปลายฝั่งxxxxxxxxxไว้
"บอกพ่อxxxบ้างสิคะ ไม่ต้องxxxxxxxxxx xxเอาตัวรอดได้" "แม่รู้ว่าxxเก่ง" อีกฝ่ายกระซิบตอบ "แต่พ่อเราxxxxxxxx" "ช่าย xxนะ ได้พ่อมาเต็มๆ เลยค่ะแม่"
ระอุไอของความฮึดสู้กรุ่นก�าจายอย่างเงียบงัน ริมฝีปากอิ่มยกยิ้ม
อีกครงั้ และไม่ร้ตวดวยซา้ �้ วามแววมง่ี่ มนั มากเพยงxxx ในxxxxx มนฉายเพยงี
แวบสั้นๆ ในตอนที่มาลารินพูดxxxxxxxxxสัพเพเหระต่ออีกชั่วครู่ ก่อนที่ หญิงสาวจะกล่าวค�าลาซึ่งยืนยันหนักแน่นอีกครั้ง อย่างที่หาสาเหตุไม่xxx xxxxกันว่าเอาความมั่นใจมากมายเพียงใดมาพูด
"แม่ไม่ต้องห่วงนะ เรื่องบ้านนั่น...xxดูแลตัวเองได้ค่ะ"
ตงแต่xxxแรกจวบจนหลังจากนนอีกเนนนานในความทรงจา� ของมาลาริน ไม่มีส่วนไหนเลยที่จะปล่อยให้ภาพของบ้านหลังนั้นซีดxxxลงได้
มันเป็นบ้านที่ให้ความรู้สึกของการถูกทอดทงอย่างน่าประหลาดตงแต่
มองจากระยะไกลทงๆ ทเพงจะทาสีxxxxxxxเอยมทงหลังด้วยซา ขนาดไม่ใหญ่
แต่ก็ไม่เล็ก ตั้งอย่างเป็นเอกเทศด้วยรั้วล้อมรอบ xxxxxxxxxxxแห้งตาย กลางสวนหน้าบ้านแคบๆ นั่น และยังมีซากของต้นอะไรต่อมิอะไรxxxxxxxx ไร้คนสนใจจนแทบกล่าวได้ว่าเหมือนบ้านไม่มีxxxxxxอย่างไรอย่างนั้น เธอ ยังจ�าxxxxxxxxxxต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนเพื่อผ่านฤดูหนาวอย่างอดทน กว่าที่สีเขียวของยอดหญ้าอ่อนจะยอมแทงระแหงดินออกมาแต้มชีวิตชีวา ให้xxxxxxxxอย่างที่ควร...
"บ้านหลังไม่ใหญ่มากหรอกเพราะอยู่กันแค่สองคน ห้องนอนของxx
อยู่ด้านล่าง ตรงข้ามกับบันไดขนชนสอง ส่วนข้างบนนนมีห้องxxxxxxxxห้องเดียว
เป็นของxxxxxxxx"
พxxxxxอธิบายตอนทชวยเธอยกกระเป๋าเข้าไปด้านใน ขณะทมาลาริน
พยักหน้ารับรู้xxxxxxxxxxมองเครื่องเรือนเปลือยเปล่าxxxxxxxจะไม่มี ของประดับจนxxxxxxxxบ้านโล่งๆ ที่เอาไว้โชว์ในหมู่บ้านจัดสรร ซ�้ายัง คิดไปเองว่าเจ้าของบ้านxxยังไม่มีเวลาได้ดูแลเท่าใดนักเพราะเพิ่งจะย้าย เข้ามา
...เธอไม่รู้ว่าอันทจริงมันถูกปล่อยให้เป็นxxxxนนมานานแล้ว ทงตัวเรือน
และผู้อยู่อาศัย...ทับถมไปด้วยความว่างเปล่า ไร้การเหลียวแล กับปล่อยทงิ ท่ามกลางความเดียวดาย
"งานของxxไม่มีอะไรมากหรอก แค่ช่วยดูแลความเป็นอยู่ แนะน�า แนวทางที่ถูกที่ควร กลายๆ ว่าเป็นเฮ้าส์เมตxxxxxคนนึง...เป็นไง พอไหวมั้ย" มาลารินผินหน้าไปก็เห็นคนถามยืนยิ้มรอค�าตอบอยู่ ละอองแดด เหงาๆ ส่องผ่านทงคู่ท่ามกลางความเงียบงัน ก่อนที่หญิงสาวจะยิ้มรับพลาง
ก�าชับหนักแน่น
"xxxxตพูดอย่างกับไม่รู้จักxxไปได้ แค่นี้สบายมากค่ะ" ร่างสูงส่ายหน้าระอาปนขบขันพร้อมยกมือขึ้นขยี้เรือนผมหนาอย่าง
มันเขยว กับเพียงเท่านนั แค่เสยวขณะยามมือของเขาสัมผัสลงมา ปลายเท้า ของเธอก็คล้ายจะไม่ติดพน ยอยุดอยู่กับจังหวะหัวใจแกว่งไหวโดยxxxxxxห้าม...
"พี่รู้ว่าxxเก่งอยู่แล้ว แต่..." "ท�าอะไรกันน่ะ"
ยังไม่ทันจบค�า เสียงทุ้มติดจะกระด้างก็ดึงความสนใจของทั้งสอง ไปยังผู้มาใหม่ทันที
...น่าประหลาดที่เราจะจดจ�าคนคนหนึ่งได้เนิ่นนานจากการเจอxxx xxxxxครั้งเดียว และมาลารินก็ไม่รู้เลยว่าเด็กหนุ่มxxxxxxxxxเธอนึกว่าได้ลบ ออกจากความทรงจ�าหลังวิ่งหายไปในสลัวเงาเปียกชื้นของตรอกแคบๆ
คืนก่อนจะxxxxxxยืนเด่นชัดต่อหน้าเธออีกxxxยามนี้ เย่อหยง อวดดี พร้อม
เสื้อผ้าราคาแพงระยับกับกุญแจรถสปอร์ตในมือ และxxxxxนั่น...xxxxx สีเทาxxxxxxxxxxxxราวโลกxxxxxxเป็นศัตรูกับเขา กึ่งๆ ว่าเกือบจะว่างเปล่าจน น่าใจหาย
ท่ามกลางภาพรางรื้นของคืนฝนตกในความทรงจ�า ผู้มาใหม่ก็ส�ารวจ มาลารินตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนแค่นเสียงเยาะทันที
"คุณอาเอาขอทานเข้ามาในบ้านของผมท�าไม" "ไอ้...!"
เพราะคา� พูดไมไ่ ว้หน้า โทสะจึงxxxxเดือดพงจนหญิงสาวเกือบยอนกลับ
ด้วยถ้อยค�ารุนแรงหากไม่ติดว่าxxxxxxxxอยู่ด้วย เธออ้าปากไว้แล้วด้วยซ�้า แต่ได้ให้ชะงักค้างกับความคิดบางอย่างซงจู่โจมเข้ามาในห้วงความคิด ก่อนที่ มาลารินจะเหลือบมองเจ้านายตนสลับกับอีกฝ่ายทันที
"บ้าน?...หรือว่า"
คู่กรณีxxxxxxชี้แจงแต่อย่างใด หากแต่เป็นxxxxxxxxผู้xxxxxxxxท่าทีใจดี ของเขาเอาไว้ได้แม้ยามเอ่ยติง
"อย่าเสียxxxxxxนะxxx xxxxxxxx ต่อไปนี้เค้าจะมาอยู่ที่นี่เพื่อช่วยดูแล
เรา"
"หา!/หา!" เสียงxxxxxโดยxxxxxxนัดหมายเรียกให้xxxxxสองคู่xxxxxxxxxxไปสบกัน
พอดี มาลารินxxxxxxxxxxxxxเพื่อให้ความคิดสะโหลสะxxxxxxพอxxxxxxx xxxxxxxดังเดิม พร้อมๆ กับคืบคลานบางอย่าง เหมือนจะเป็นสัญชาตญาณ... เธอไม่แน่ใจนัก xxxxxxxxxหูดครวญให้หญิงสาวรีบถอยห่างจากสถานการณ์
ตรงหน้าก่อนจะสายเกินไป...เด็กนี่คือปญหาอยางxxxxxเปนอนไปได้่ื็่่ เปน็
บาดแผลในxxxxxทจะกินพนทเกินxxxของแผ่นภาพความทรงจา ทมาของ
รอยยมและหยาดนา�้ ตานับพันซงรอคอยอยู่ข้างหน้า หากก็นนปะไร ยามนนั เธอทึ่มทื่อเกินกว่าจะฉุกคิดอะไรได้ แม้ในยามที่อีกฝ่ายxxxxxxxxxxxxxxxx
"ผมบอกแล้วไงว่าไม่เอา! ไม่ต้องมายุ่ง!" xxxxxสีเทาxxxxxxxxx ดุจจะ เป็นอริต่อโลกทงใบ "หรือพ่อผมเอาเงินxxxxคุณอาอีกคน ถึงได้เป็นไปกับเค้า ด้วย"
"xxxx ตันติxxxxx!"
นxxxรงั แรกทพxxxxxแสดงความไมxxxxตอหน้ามาลารน เขาเอ่ยปราม
อย่างสะกดกลั้นด้วยช่ือเต็มของอีกฝ่าย ขณะที่เด็กหนุ่มเจ้าของบ้านกลับ xxxxxxxxxไม่สนใจพร้อมกับxxxxxxxxอย่างxxxxxหย่อนกัน xxxxxxxxxxxxxx เข้าxxxxxxเธอ ท่าทางคุกคามxxxxxxxหน้าอย่างถือดี
"อ๋อ หรือแค้นทต้องออกจากงานก็เลยคิดจะมาเอาคืนฉัน นอย่าบอกนะ ว่าตามตงแต่สไปรซ์ มาร์เก็ตจนมาถึงที่นี่ ท�าไม หา คิดจะท�าตัวเป็นกาฝาก บ้านคนอื่นเพราะข้างถังขยะมันหนาวเกินไปแล้วรึไง"
การถูกxxxxxxด้วยถ้อยค�าxxxxxxxท�าให้มาลารินอ้าปากหวออีกครั้ง xxxxxxxxx เชิดหน้าเถียงด้วยทิฐิและโทสะทั้งหมดที่มีทันที
"ก็ถ้าฉันxxxxxxxxxxอยู่ตรงนั้น ใครบางคนxxโดนซ้อมจนตายอยู่ ข้างถังขยะไปแล้วย่ะ!"
"เดี๋ยวนะ ทั้งสองคนเคยเจอกันแล้วเหรอ" ผู้อาวุโสที่สุดในเหตุการณ์ เอ่ยขัดด้วยสีหน้าประหลาดใจชัดเจน
"ตาคนนี้นี่แหละค่ะxxxxตxxxxxxxxxxxกับxxในร้านเพราะยาย..." หญิงสาวชะงักค้าง รีบกลืนน้�าลายลงคอทันทีพร้อมความxxxxxxxxx
ผุดพล่าน...ตายล่ะหวา ตายล่ะหวา ถ้าความxxxxxxxxxxxxxxxแบบนก็แสดงว่า
xxxxxxxของฝ่ายอาคือผู้หญิงคนเดียวกับที่ฝ่ายหลานกºาลังคั่วอยู่น่ะสิ
มาลารินเหลือบมองเจ้าของร้านกาแฟหนุ่ม แล้วภาพเก่าๆ เมื่อxxxxxx เดือนก่อนก็xxxxx xxxxทับในทรงจ�า รอยยิ้มอวลxxxxxxขมขื่นกับท่าที
หลดลอยลงในความเศร้าจนxxxxxทา� อะไรหรอจบตองสง่ ใดไดดดงั เดม และ
ฤดูxxxxxxxถูกท�าให้กลายเป็นบทเพลงเลือนรางสีหม่น...ความxxxxxxxบ้าๆ พวกxxxxxxxxxxxxxxxคนดีของเธอไม่ควรได้สัมผัสสักนิด
กับเพียงเท่านเอง ทุกอย่างเรมมาจากความxxxxxxxxxทอยากxxxxxx ความรู้สึกของxxxxx มาลารินในวัยยี่สิบปีคิดแค่ว่าถ้าเธอคอยจับตาxxxx เอาไว้ก็อาจจะxxxxxxxxxให้เรื่องของเกวราบานปลายจนท�าร้ายผู้มีพระคุณ ของเธอ และหากเป็นไปได้...ถ้าได้ช่วยให้ไอ้เด็กxxxxxxxxxปรับเปลี่ยน พฤติกรรมบ้างก็xxเป็นxxxxxxxxสมค่าxxxxxxxน้อย ใช่ เพื่อxxxxxxxx และ เพื่อเงินด้วย
...ความคิดของเธอตื้นเขินเพียงเท่านั้นเอง
หญิงสาวเชิดหน้าขึ้น สบตาเด็กหนุ่มแวบสั้นๆ สูดลมหายใจเข้าปอด ราวจะประกาศกร้าวว่าเขาxxxxxxสร้างความหวั่นเกรงใดๆ แก่เธอได้ ก่อน หันไปยิ้มให้ผู้เป็นเจ้านายจากร้านกาแฟอย่างมั่นคง
"xxxxxxxxxxxต้องห่วงนะคะ xxจะท�าหน้าที่ให้ดีที่สุดเลยค่ะ" และไม่...มาลารินไม่รู้หรอกว่าค�าพูดของตนมีน้�าหนักมากเพียงใด
และไม่รู้ด้วยว่าผลของการxxxxxxต่อจากนั้น คนที่เปลี่ยนแปลงไปxxxxxx มีแค่xxxx หากรวมถึงเธออีกคน...อย่างสิ้นเชิงทีเดียว
xxxxxxxxxx 37
3
บทที
ปัจจุบัน ประเทศไทย เพล้ง!!
xxxxxxxxxแตกก้องดังท่ามกลางค�าxxxxxxxxxxxxxท�าให้บรรยากาศ ครึ้มๆ xxxxxxxxxxxxยิ่งกว่าเดิม และตอนที่มาลารินเผลอก้าวถอยหลัง ก็ไม่มีใครหรือแม้แต่ตัวหญิงสาวเองได้ทันสังเกตเห็นเลยว่ารองเท้าไร้ส้น คู่น้นจะบางจนxxxxxxต้านปลายxxxxxxxxชิ้นใหญ่ ซึ่งกระเด็นไปรอสร้าง บาดแผลในต�าแหน่งราวจับวาง ก่อนเสียบลึกถึงผิวเนื้อทันทีที่เท้าเหยียบลง ห้วงขณะนั้น xxxxxซึ่งแบกรับร่องรอยของความโศกเศร้าจับจ้องผู้มาใหม่
นิ่งงัน และคั่งค้างดุจเป็นรูปปน ขณะxxxxxxxxกลับท�าได้เพียงสลับมองทั้งสอง ด้วยประหลาดใจ
ค�าว่า 'xxxxxxเจอกันนานนะ' xxxxxxชายเพิ่งเอ่ยติดอยู่ในหัวเด็กหนุ่ม พร้อมๆ กับความสงสัยผุดวาบซงแม้แต่เขาก็ยังไม่รู้ตัว แล้วไหนจะยังสายตา xxxxxxxxxxใช้xxxxxxxxนั่นอีก...xxxxxxxxเคยเห็นใครมีสายตาเกลียดชังสาดซัด ปานว่าจะฆ่าให้ตายได้มากมายถึงเพียงนี้ ราวกับไม่ใช่ความรู้สึกxxxxxx
หากแต่บ่มเพาะข้ามผ่านเวลามาเนนนาน ทว่าจะนานเท่าใด...เขากลับxxxxxx บอกได้เลย
"xxxxxรู้จักกับพี่วินด้วยเหรอครับ"
xxxxxxxxอาจปล่อยความสงสยทงิ ไว้ กระนนคนถูกถามก็xxxxละสายตา้่
กลับxxxxxเขา วิธีที่หญิงสาวมองxxxxxxxเหมือนการจับจ้องเพื่อxxxxxxxxและ ไม่แม้แต่จะมีxxxxxxใดๆ ให้ตีความ คล้ายกับว่ามาลารินมองทะลุร่างสูง ไปยังสุดปลายความทรงจ�ากับเพียงติดค้างอยู่xxxxนั้น เหมือนหนังสือที่ ถูกกางxxxxxxxขณะที่คนอ่านกลบฝังตัวเองไว้ใต้ซากระเกะระกะของความคิด แมวอ้วนบนเบาะเงยหน้าขึ้นxxxxxxหาวหวอด มันหันไปหาเจ้าของ ร้านกาแฟสาวก่อนร้องเหมียวค�าเดียวสั้นๆ xxxxxxxต่อบรรยากาศหนักอึ้ง ขณะวางเหนียงลงพาดเบาะแล้วใช้xxxxxปรือมองสถานการณ์ตรงหน้า พอดีกับทมาลารินหลุดคืนสู่สติ เธอเงียบชวครู่ ก่อนเอ่ยด้วยนา�้ เสียงเรียบเฉย
"ไม่รู้สิคะ...จ�าxxxxxx"
ราวกับไม่แปลกใจในค�าตอบxxxxxxรับ xxxxเหยียดยิ้มxxxx แค่นหัวเราะ ในล�าคอ แล้วหันมาส�ารวจมองภายในร้านแทน
"นี่เหรอร้านกาแฟท่ีแกบอกว่าดีนกดีหนา" เขาเอ่ยถามน้องชายพลาง เหลือบไปยังร่างระหงเพียงเสี้ยวขณะ "งั้นๆ ไม่เห็นจะดูวิเศษวิโสตรงไหน" มาลารินxxxxxxตอบโต้ ความจริงคือไม่มีใครรู้ว่าหล่อนคิดอะไรอยู่ด้วยซา�้
ตอนที่เบือนหน้าออกไปมองหยดฝนไหลxxxนอกหน้าต่าง
...และไม่มีใครรู้xxxxxxxxxxxxสีเทาประหลาดคู่หนงจะลอบมองเท้าซงึ ถูกเศษแก้วฝังรอยไว้อยู่นานเพียงใด หรือสังเกตว่าเขาเห็นมันตั้งแต่เลือด ยังไม่ผุดซึม จวบจนตอนนี้ที่เริ่มแต้มสีxxxxxxออกมาจากเท้าของอีกฝ่าย
จับจ้องอยู่xxxxนน เงียบงันไร้วาจา กระทงxxxxxxxมมองตามแล้วเพงจะสังเกตเห็น นั่นเอง
"xxxxxครับ แผล..."
เด็กหนมรบกลกุจอลุกขนด้วยความตกใจ ตงท่าจะเข้าไปช่วยเก็บเศษแก้ว
บนพื้นด้วยความเป็นห่วงโดยไม่รู้สักนิดว่าก�าลังถูกผู้เป็นพี่ชายจับจ้อง ทุกการกระท�า ขณะที่มาลารินซึ่งเพิ่งจะรู้สึกตัวกลับก้มมองหยดเลือด ของตนก่อนเงยหน้าขึ้นยิ้มxxxๆ
"ไม่เป็นไรค่ะ คุณติอย่าเข้ามาเลย เดี๋ยวจะเหยียบเศษแก้วไปด้วย..." "แผลแค่นั้นไม่ตายหรอก"
เสียงxxxxxxxxxxxxทา� ให้หญิงสาวชะงัก xxxxxxxxไปยังxxxxxxxxxxxxxxx ใต้แพขนตาพร้อมกระซิบเสียงเบา เหยียดxxxx ชัดเจนทุกถ้อยค�า
"คนแบบนี้ไม่มีความรู้สึกให้xxxxxxxด้วยซ�้า" เหมือนเสียงเม็ดฝนจะหนักองยงกว่าเดิม เมอหญิงสาวเลือกทจะสบตา
อีกฝ่ายก่อนเอ่ยช้า ชัด ราวกับไม่ใส่ใจ ราวกับว่าไม่มีความจ�าเป็นต้อง เกี่ยวพันกันแม้ในฐานะลูกค้ากับเจ้าของร้าน
"ฉันxxxxxxxxเลือกคนที่จะใช้ความรู้สึกด้วยน่ะค่ะ"
โดยไม่รอฟังคา� ตอบโต้ มาลารินก็ผลุบหายเข้าไปเอาอุปกรณ์เก็บกวาด หลังร้านครู่สั้นๆ เดินออกมาอีกครั้งก็จัดการเศษแก้วโดยxxxxxxเงยหน้าขึ้น สบตาใครอีก และกลับเป็นxxxxเสียเองท่ีเริ่มลุกโชนด้วยโทสะ ทว่าก่อนซาก ป่นละเอียดข้างในจะถูกขยี้เหยียบซ�้าแล้วซ�้าเล่าอีกครั้ง เสียงกรุ๋งกริ๋งจาก กระดิ่งประตูพร้อมผู้มาใหม่ก็เรียกความสนใจของทุกคนเสียก่อน
เสียงเกรี้ยวกราดของท้องฟ้าค่อยๆ เคลื่อนห่างไปแล้ว หากxxxxx xxยังพรูพร่างไม่ขาดสาย ยามทเด็กชายในวัยราวสิบขวบกับชุดนักเรียนเปียกปอน ของเขาก้าวเข้ามาพลางกวาดมองบรรยากาศในร้านด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะว่ิงเข้าไปหามาลารินอย่างต่ืนตระหนกเมื่อเห็นรอยเลือดและเศษแก้ว
"แม่...เจ็บตรงไหนมั้ยฮะ"
ทสดแล้วก็เป็นตอนนนแหละ xxx xxยมอ่อนหวานของหญิงสาวหนงเดียว
xxxxระบายxxxxxxx
"ท�าไมเปียกขนาดนี้ล่ะรัน"
มาลารินถามกลับพลางลูบเรือนผมชื้นๆ นั่น และไม่มีทีท่าจะอธิบาย เรื่องราวที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย ความเป็นแม่อันเปี่ยมล้นตรึงความสนใจ ของเธอxxxxxxxxxxหน้าแทบทั้งหมด
"รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็ว อย่าxxxxxxxxล่ะ คุณยายงีบอยู่" แม้จะมีxxxxxxxxxxxxxxxด้วยทั้งเป็นห่วงและอยากช่วยเก็บกวาด ทว่า
สุดท้ายเด็กชายก็พยักหน้าอย่างว่าง่ายก่อนวงหายเข้าหลังร้านไป โดยไม่รู้เลย ว่าตลอดเวลานั้นจะมีชายร่างสูงคนหนึ่งจับจ้องตนอยู่อย่างxxxxxxx...
ตะกอนxxxxxxxxxxก่อนถูกกระตุ้นจนขุ่นคลก กับเพียงผลักดันให้xxxx
xxxxxxxเข้าไปหาหญิงสาวทันทีโดยxxxxxแม้เศษแก้วบนพื้น เขากระชาก แขนของเธออย่างแรงจนxxxxxทลอบจับจ้องการกระทา� นนอยู่รีบลุกเข้าไปห้าม ก่อนจะถูกเจ้าของร่างสูงสะบัดแทบล้ม กวินไม่ได้หันไปมองน้องชายด้วยซ�า้ ดวงตาสีเทาคมกริบ บาดลึก ถลึงจ้องคนตรงหน้าด้วยทั้งโกรธแค้นและ สับสน
"เด็กนั่นใคร!!"
มาลารนมองเรยวแขนซง่ ถกแรงบบจนแดงเถอกของตนเพยงแวบสนๆ
ก่อนเบนสายตาที่ไม่มีใครอ่านออกกลับมาสบอีกฝ่าย แล้วจึงตอบโดยไม่คิด ปิดบัง
"ลูกชายของฉัน" "กับใคร!!"
ชายหนุ่มตะคอกแข่งเสียงฝนด้านนอก เหมือนรอยซึ่งแหลกละเอียด มาเนนนานกลับถูกขยใ้ ห้เป็นผงในทันทีทันใดโดยไร้สัญญาณเตือน ป่นสลายกับ เหลือไว้แต่เพลิงไหม้ไร้ทางดับ...กวินมองเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวตรงหน้า
ดวงตาทดูชนชุ่มด้วยหยดนา�้ บางๆ เคลือบอยู่ตลอดเวลานน ดวงตาทลึกเร้น
ด้วยสีด�าสนิทราวไร้สิ้นสุดอย่างท่ีเคยท�าให้เขาดิ่งร่วงลงไปและติดค้างใน
มืดบอดตลอดกาล...ใช่ ดวงตาคู่นี้...ดวงตาแบบที่เด็กชายคนเมื่อครู่ได้ ครอบครองไม่มีผิดเพี้ยน ดวงตาที่ต้องมีสายเลือดเดียวกันเท่านั้นจึงจะ เหมือนได้!
แล้วพลันรู้สึกเหมือนบางอย่างฉีกขาด เหมือนจะเป็นรอยแผลที่ไม่เคย หายดีข้างใน...สักแห่งหรือจะเป็นทั่วทุกแห่งจนไม่มีที่ว่างเหลือพอเมื่อ ตระหนักว่าไร้ซึ่งส่วนเสี้ยวของเขาในตัวเด็กชายคนนั้น ไม่ว่าจะเป็นจมูก ริมฝีปาก กระทงสีตาหรือเส้นผม ไม่เลย ไม่มีเลยแม้แต่น้อย เด็กนนกับเขา ไม่มีสิ่งใดให้เกี่ยวข้อง...ต่างเป็นคนแปลกหน้าของกันและกันอย่างสิ้นเชิง พันธนาการแน่นหนาระหว่างความเคียดแค้นกับความเจ็บปวดจนไม่รู้ว่า
ชีวิตหนงของคนเราจะเจ็บไปได้มากกว่านอีกหรือไม่กระหวัดพันหัวใจ ผลักดัน
ให้กวินเผลอบีบแขนของเธอจนแทบจะหักคามือ เป็นเหตุให้มาลารินต้อง ค่อยๆ มุ่นคิ้วด้วยปวดปลาบ
"พี่วิน! ท�าอะไรน่ะ"
กีรติทเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างรีบพุ่งเข้าไปห้ามอีกครง เขาผลักเจ้าของ
ร่างสูงออก พาตัวเองยืนกั้นกลางเพื่อสลับมองทั้งสองด้วยความสงสัย อัดแน่นและไม่อาจทนให้ผู้เป็นพี่ชายแสดงอาการเกรี้ยวกราดใส่ผู้หญิงที่ตน หลงรักอีกต่อไป...นี่มันไม่ถูกต้อง ไม่เลยสักนิด
"แกรู้อยู่แล้วเหรอว่าผู้หญิงคนนี้มีลูก" ร่างสูงไม่ได้ดันทุรังก้าวเข้าไปทา� ท่าคุกคามใดๆ อีก เขาเบนความสนใจ
มาตะคอกใส่น้องชายราวจะระบายโทสะใส่ไปด้วยอีกคน แววตาคู่คมปรากฏ รอยเย้ยหยันกึ่งจะคาดคั้น
"ทั้งๆ ที่แกรู้อยู่แล้วเนี่ยนะ!" "อย่ามาท�าตัวก้าวร้าวในร้านของฉัน"
มาลารินเอ่ยอย่างสะกดกลั้น หญิงสาวสะบัดทิ้งท่าทางสงบเงียบแล้ว จ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยประกายตาแข็งกร้าว ปราศจากความกริ่งเกรง...และ
เพราะสายตาเช่นนี้เองที่ท�าให้กวินต้องชะงักค้าง พร้อมๆ กับความรู้สึกราว ถูกกระชากลงสู่ก้นเหวความทรงจ�าอีกครั้ง เขาจ�าได้ เรียกว่าไม่เคยลืมเลย
จะถูกกว่า มันเป็นสายตาของคนสู้ตายทเคยเอาแต่จดจ้องเขาอยู่ทุกเมอเชอวัน
ในโมงยามครั้งเรื่องราวบ้าๆ นี่เพิ่งจะเริ่มต้น ใช่ เธอเคยมองเขาแบบนี้... ในอดีตเนิ่นนานมาแล้ว
"เธอท�าได้ยังไง"
ชายหนุ่มกระซิบแผ่วโดยไม่รู้ตัว ในชั่วแวบหนึ่งคล้ายจะกลับไปเป็น เด็กวัยรุ่นในบ้านที่มีต้นแม็กโนเลียบานสะพรั่งหลังนั้น...
"...เธอท�ากับฉันแบบนี้ได้ยังไง..." มาลารินนิ่งงันก่อนจะกะพริบประกายบางอย่างแวบสนๆ เป็นครงแรก
แล้วก็ต้องสะดุ้งเมอร่างสูงของกวินพลันเซถอยด้วยแรงผลักแบบทุ่มสุดตัวจาก เด็กชายศรันย์ที่อยู่ในชุดเปลี่ยนใหม่ เพื่อให้ได้กางแขนปกป้องเธอไว้ด้วย ใบหน้าขมึงทึง
"อยา่ ทา� แมนะ! อยา่ ทา อย่าทา� แมลของผม!" เมอเหนว่าคา� ตอบที่ได้รบ
กลับมามีเพียงความเงียบ เด็กน้อยก็ทั้งผลักท้งตีจนร่างสูงต้องถอยร่นจน ติดประตู ท่าทางสู้ตายราวได้มรดกมาจากมารดาในอดีตไม่ผิดเพยน "ออกไป เลยนะ ผู้ใหญ่ใจร้าย ออกไปเลย!"
ฝนยังคงสาดลงมาไม่ขาดสายตอนที่กวินถูกดันออกจากร้านกาแฟ และทั้งหมดที่เขาท�าคือยืนอยู่เช่นน้น นิ่ง เนิ่นนาน เพื่อใช้ดวงตาสีเทา จับจ้องเจ้าของร่างระหงด้านในอย่างเงียบงัน ท่ามกลางเงาม่านสลัวสีหม่น กับตะกอนร้อยพันสับสน ดงคงแค้นทรี ังแต่จะเพมขนทุกการบีบอัดของหัวใจ
ไม่เป็นไร
ชายหนุ่มกระซิบบอกตัวเอง หยาดฝนพรูพรมจนทั้งร่างเริ่มเปียกชื้น แต่กลับไม่ได้อยู่ในความสนใจสักนิด เวลานเขาคิดอยู่เพียงเรองเดียวเท่านนั
...ไม่เป็นไร เขาเจอเธอแล้ว ต่อไปนี้ผู้หญิงคนนั้นจะหนีเขาไปไหน
ไม่ได้อีกแล้ว!
10 ปีที่แล้ว
เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย "ออกไป!"
เสียงทุ้มประกาศกร้าว ออกคา� สงอย่างเป็นนิสัยทันทีทประณตฝากแต่เพียง รอยยิ้มให้ก�าลังใจก่อนทิ้งทั้งมาลารินและเขาไว้ในบ้านเพียงสองคน... อย่างกับว่าจะมีอะไรเปลยนแปลงได้อย่างนนแหละ กวินหยามหยันอยู่ในใจ
เจ้าของดวงตาสีเทาประหลาดชา� เลองหญงสาวอีกครง้ พร้อมชมอไปยังประตบ้าน ด้วยท่าทางยโสถือดี
หากเธอไม่รู้ว่าเขามันเป็นไอ้ตัวแสบมากแค่ไหน กวินก็จะทา� ให้เห็นเอง "ขนข้าวของออกจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้"
"ฉันแค่ท�าตามหน้าที่ และคนที่ให้หน้าที่นี้กับฉันก็คือพ่อของนาย" ร่างระหงยักไหล่ ซ�้ายังตอบโต้ด้วยค�าพูดแสบร้อนไม่ยิ่งหย่อนกัน "ไม่ใช่ คนจ่ายเงิน ไม่ต้องมาสั่ง"
"อ๋อ พวกหิวเงินนี่เอง"
เด็กหนุ่มแค่นยม ย่นย่อระยะห่างด้วยการสาวเท้าเข้าไปใกล้เพอพิจารณา
คนตรงหน้าตงแต่หัวจรดเท้าอีกครง...กับอีแค่ผู้หญิงธรรมดาๆ ท่ีไม่มีอะไร น่าดึงดูดสักอย่างจะไปเอาความกล้าจากไหนมากมายมาทา� ตัวขวางหูขวางตา เขาได้นอกจากกระหายเงิน แต่จะว่าไปไอ้โลกสับปะรังเคใบนี้มันก็หมุนไป ด้วยการแลกเปลี่ยนที่ตีค่าเป็นวัตถุมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่นา เหมือนฝูงปลา ที่เอาแต่ว่ายพล่านกับอ้าปากโง่ๆ รอคนโปรยอาหารนั่นไง คนมันก็เฮงซวย และเต็มไปด้วยความโลภไม่จบสิ้นเหมือนๆ กันหมดนั่นแหละ...
ด้วยเดียดฉันท์จากตะกอนขุ่นลึกข้างใน โดยไร้สัญญาณเตือน กวินก็
พลนคว้ากระเป๋าของเธออย่างรวดเรวเพอก้าวออกจากบ้านแล้วเขวยงมนทง
อย่างเหยียดๆ ให้ตกแบ็บอยู่ข้างซากกุหลาบแห้งกรังกลางสวน ก่อนจะเปิด กระเป๋าสตางค์แล้วก�าธนบัตรทงหมดข้างในโปรยตามออกไป มองกระดาษ สูงค่าเหล่านนปลิวว่อนกระจัดกระจายทวบริเวณ เพอจะได้หันกลับไปแสยะยมิ ใส่เจ้าของร่างระหงซึ่งก�าลังตกตะลึงกับการกระท�าของเขาอยู่ไม่ไกลกัน สะใจท่วมท้นข้างในจนสั่นกระเพื่อม
"ถ้าหิวเงินนักก็ตามไปเก็บแล้วจะไปไหนก็ไป"
มาลารินตะลึงค้าง ดวงตาของเธอเบิกกว้าง และท�าตามค�าส่งอย่าง รวดเร็ว
แม้จะไม่ต่างไปจากคาดไว้เท่าใดนัก ทว่าทันทีทหญิงสาวปรไี ปก้มเก็บเงิน ซงระเกะระกะทวบริเวณอย่างไร้ศักดศรี ความโกรธก็พลันแล่นระลอกอีกครงั ข้างใน...ไม่ผิดจากที่เขาคิดไว้สักนิด ยายนี่ก็แค่หนึ่งในคนประเภททาสเงิน ที่เดินพล่านแทบชนกันตามท้องถนนทั่วไปนั่นแหละ
กวินเหยียดหยันและตัดสินใจว่าคงไม่ทิ้งเวลาไปกับการมองภาพ
น่าสมเพชเช่นนอีก ดวงตาสีเทาฉายประกายดูแคลนก่อนพาตนกลับเข้าบ้าน
เสียให้พ้นๆ ทั้งยังไม่ลืมล็อกประตูบ้านอย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันไม่ให้ คนน่ารังเกียจเช่นนั้นเข้ามาวุ่นวายอีก ก่อนทิ้งตัวลงบนโซฟาแล้วหลับตา
กลืนม่านหม่นภายใน...เพียงเพื่อจะด่าทอโลกใบนี้อีกครงั ซา�้ แล้วซ�า้ เล่ากับ ความเกลียดชังและไม่ยินยอม อย่างที่เขาท�ามาตลอด...
ทุเรศสิ้นดี กับอีแค่เงินไม่เท่าไหร่ก็ซื้อความตั้งใจที่ว่าหนักแน่น เป็นนักหนานั่นได้แล้ว...พวกคนหิวเงินน่าร�าคาญ...
ผัวะ!! "เฮ้ย!"
ร่างสูงสะดุ้งโหยง ความรู้สึกถึงบางสิ่งฟาดลงมาบนใบหน้าเรียกสติ ของเด็กหนุ่มกลับคืนทันที กวินรีบลืมตาด้วยไม่ทันตั้งรับจริงแท้ แล้วพลัน สบเข้ากับลูกแก้วสีด�าสนิทคู่หนึ่งซึ่งก�าลังจ้องเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย
พร้อมความรู้สึกประหลาดใจผุดวาบเมื่อเห็นว่ามาลารินยืนอยู่ตรงหน้าเขา ได้อย่างไรหรือตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบชัด ลุกโชนด้วยท่าทางแข็งกร้าว ไม่ยอมแพ้ทชวนให้อะไรบางอย่างข้างในถูกสะกิด เพอสุดท้ายนนเขาจะพลัน หงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามเห็นว่าสิ่งที่อีกฝ่ายโยนใส่ตน ก็คือเหล่าธนบัตรซึ่งเพิ่งจะปลิวกระจายราวใบไม้แห้งพวกนั้น
ยายนี่กล้าดียังไง...
"ถ้าไม่ได้ท�างานหาเงินเองก็อย่ามาหว่านเล่นแบบนี้"
หญิงสาวเอ่ยอย่างสะกดกลน แวบหนงคล้ายว่ายังเหลือถ้อยคา� เผ็ดร้อน
อีกมากมายให้ระบายออกมา แต่ก็กักเก็บเอาไว้เท่านั้นพร้อมการกอดอก
และเชิดหน้าขนราวจะประกาศว่าไม่ยินยอม ขณะทกวินเองก็โกรธไม่ยงหย่อน
กัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังมีเรื่องประหลาดใจมากกว่า "เข้ามาได้ไงวะ"
"อ๋อ"
อีกฝ่ายว่าพลางระบายยมกว้างอย่างเปิดเผยพร้อมชูพวงกุญแจขนึ ส่งเสียงกรุ๋งกริ๋งคล้ายยียวน
"ไม่รู้เหรอว่าพี่ประณตเอากุญแจส�ารองให้ฉันหมดทุกดอกแล้ว"
หรา
เรียวมือรีบเก็บก�าอย่างว่องไวเมื่อกวินตั้งท่าจะคว้าคืน ไม่สนใจ ประกายโทสะวาวโรจน์แม้แต่น้อยในตอนที่เธอกระชับถือกระเป๋าเดินทาง ของตนแน่น ก่อนเดินเข้าห้องว่างตรงข้ามบันไดอย่างม่นคงซ�้ายังมิวาย หันกลับมาคลี่ยิ้มให้อีกฝ่ายจนตาหยี
"แย่หน่อยนะที่เงินซื้อฉันไม่ได้ถ้าไม่มากพอ ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัว ด้วยนะคะ...กวิน ตันติณรงค์!"
"โอ๊ย! ข�าอะ ท�าไมตลกแบบนี้"
เสียงหวเราะก้องดังทวโถงทางเรียกสายตาโดยรอบใหจับจ้องหญิงสาว
และชายร่างสูงทมาด้วยกันทันที มาลารินยมขอโทษขอโพยพลางกระทุ้งศอก ใส่อีกฝ่ายจนคนข�าสะบัดหน้าไปคิกคักให้ต้นคามีเลียใกล้กันแทน ขณะท่ี รนรางของสายลมพัดมาจางๆ เมอทงสองก้าวออกจากเขตอาคารศิลปะแล้ว เดินเลี้ยวเลียบทางเท้าริมถนนนอกเขตมหาวิทยาลัย ผ่านต้นไม้สูงเรียงราย กับกลิ่นอายชื้นๆ ของท้องฟ้าสีตะกั่วยามคล้อยบ่าย
"ตลกอะไรกัน ซวยล่ะสิไม่ว่า" หญิงสาวเบ้ปาก กลอกตานึกย้อน
ภาพเหตุการณ์เมอวานก่อนบ่นอุบ "เธอต้องเห็นสายตาเด็กนนซะก่อน อย่างกับ
เป็นศัตรูกับคนทั้งโลก" "แสดงว่าจักรวาลหมุนเธอไปเจอเพอช่วยเค้าเลยนะเนย
คราวก่อนแล้ว" ฮวนยังคงหัวเราะคิกคัก
ตงแต่เรองทคลับ
"อ๋อเหรอ งั้นก็แสดงว่าจักรวาลเองก็หมุนตานั่นมาท�าให้ชีวิตฉันมีแต่
เรื่องซวยๆ น่ะสิ"
มาลารินไหวไหล่แสดงท่าทีไม่อินังขังขอบ...ในเมื่อเธอคิดอย่างที่พูด
จริงๆ
กวินคือความสลับซับซ้อนก่งๆึ จะอหังการท่ยากจะเข้าใจในสายตาี
ของหญิงสาว ภาพหว่านเงินทิ้งราวเห็นเป็นของไร้ค่ากับสีหน้าดูแคลนเมื่อ เห็นเธอวิ่งลงไปเก็บธนบัตรยังฝังค้างอยู่ในหัว กระนั้นแผ่นหลังของเขา ยามพาตัวเองเดินกลับเข้าบ้านก็ยังมีอะไรบางอย่างที่อ่านไม่ออกอยู่ และ กับอาการเช่นนนก็กลายมาเป็นค�าถามซึ่งค้างคาในใจว่าท�าไมหนอ...ท�าไม
เด็กวัยเพียงสบแปดจึงได้แตกร้าวและเอาแต่ห่อพนตัวเองไว้กบความเกลียดชง ถึงขนาดนี้
"แล้วนี่ได้ท�าหน้าที่พี่เลี้ยงเด็กบ้างรึยัง" ฮวนเอ่ยถามขณะที่ไฟอนุญาตข้ามถนนจากอีกฟากปรากฏพร้อม
เสียงสัญญาณเร่งเร้า เรียกให้มาลารินต้องรีบรุดขนาบตามเพอนสนิทไปทงๆ ที่ ปากยังเล่าไม่หยุด
"เมอวานตานนหนีออกไปเกือบทงคืน วันนเห็นมีเรียนช่วงบ่ายฉันเลย
ท�าข้าวเช้าทิ้งไว้ให้ก่อนมาเข้าคลาส" "เหมือนซ้อมมีลูกเลยเนอะ" "เป็นการเลี้ยงลูกที่เงินดีมาก บอกเลย"
หญิงสาวพยักหน้าหงึกหงักพลางปลงใจกับตัวเอง เธอไม่ได้มีความตงใจ จะไปจุ้นจ้านตามหาผลึกความลับอันคลุมเครือของเด็กหนุ่มเลยสักนิด... อย่างน้อยในห้วงเวลานั้นก็ยังไม่คิด หมายมาดของมาลารินยึดเพียงการ
ปิดบังเรองของเกวรากับเก็บเงินจ่ายค่าเทอมเท่านน ทว่าจนแล้วจนรอดยามท
เธอมองยอนกลบไปกยงไมอาจใหคา� ตอบตวั เองได้วา่ ความตง้ ใจเดมเหล่านน
เปลี่ยนไปต้งแต่เมื่อไหร่ และรูปรอยของเรื่องราวผิดเพี้ยนไปขนาดนั้น ได้อย่างไร...
อาจจะเป็นตอนนั้นกระมัง...ตอนที่เธอผินหน้าหลบการปลิดร่วงของ ใบไม้แห้งกรอบแล้วบังเอิญเห็นรถสปอร์ตคุ้นตาเยื้องกัน กับเจ้าของร่างสูง
ทมนใจนกหนาว่าคงกา� ลงนงั เรยนอย่ที่ไหนสกแห่งแต่กลบมาปรากฏตรงหน้า
เขามองไม่เห็นเธอด้วยซ�า้ ตอนที่มาลารินรีบผละจากเพื่อนรักแล้วพุ่งเข้าไป เกาะกระจกรถฝั่งที่นั่งข้างคนขับราวตุ๊กแก
"ท�าไมไม่ไปเรียน!" "เฮ้ย!"
เด็กหนุ่มอุทานด้วยความตกใจทันทีที่สบเข้ากับการปะทะของดวงตา วาวโรจน์ เขาลืมกดล็อกรถด้วยซ�้า และนั่นก็ท�าให้มาลารินรีบถือโอกาส เปิดประตูผางก่อนจะพบถุงช็อปปิ้งแบรนด์เนมส�าหรับผู้หญิงระเกะระกะ มากมายบนเบาะว่าง หญิงสาวหรี่ตาครุ่นคิด กวาดมองออกไปก็เห็น ร่างแน่งน้อยของเกวราที่ก�าลังเดินอ้อนแอ้นเข้าร้านท�าเล็บใกล้กัน แล้วพลัน ได้ให้แค่นหัวเราะออกมาเบาๆ โดยไม่รู้ตัว ข�านิดหน่อย แต่ฉุนมากกว่า
"นี่โดดเรียนมาจีบสาวเหรอ"
"อย่ามายุ่ง จะไปไหนก็ไป" อีกฝ่ายมีสีหน้าต่อต้านชัดเจน อาจเพราะเตรียมใจต้ังรับค�าพูดท�านองนี้อยู่แล้ว มาลารินจึงตอบรับ
ค�าไสส่งนั้นด้วยการพาตัวเองเข้าไปน่งบนเบาะข้างคนขับ ซ�้ายังหันไป เอ่ยกับอีกฝ่ายหน้าตาเฉย
"จะไปตึกธุรกิจ ไปส่งหน่อย" ว่าพลางก้มมองนาฬิกาข้อมือ "เร็วๆ สิ เดี๋ยวคลาสก็เริ่มก่อนหรอก"
"บ้าอะไรวะเนี่ย!"
กวินตงท่าโวยวาย ดวงตาสีเทาจับจ้องคนตรงหน้าราวกับอยากบีบคอเธอ ให้จบเรองไปเสีย ก่อนจะได้ให้ชะงักเมออีกฝ่ายมองกลับมาอย่างไม่สะทกสะท้าน ด้วยแววตาไร้เล่ห์กลแตกต่างจากเมื่อครู่ มาลารินเลิกแสดงทีท่ายียวนแล้ว เปลี่ยนมากล่าวกับอีกฝ่ายอย่างจริงจังแทน
"ฉันถูกส่งมาให้ดูแลนาย จะให้ท�าเป็นทองไม่รู้ร้อนทั้งๆ ที่เห็นนาย โดดเรียนต่อหน้าได้ไง"
เป็นเสียวสนไหวกระจ้อยร่อย แวบข้นแล้วพึ ลันจางหายกลับเข้าไปใน
ดวงตาสีควันบุหรี่ ตอนที่เขานิ่งค้างไปครู่ขณะ ก่อนแค่นยิ้มหยามเหยียด ดังเดิม
"ก็แค่ถูกจ้างมา อย่าท�าเป็นพูดดีหน่อยเลย"
"เออ! เพราะถูกจ้างไงถึงต้องทา� งานให้คุ้มค่าจ้าง" มาลารินสะบัดหน้าพรืด หันไปกดกระจกป้องปากบอกเพอนชาวโคลอมเบียนเสียงดัง "ไปก่อนนะฮวน มีงานด่วน"
ฮวนหรี่ตาเข้ามาพิจารณาเด็กหนุ่มครู่สั้นๆ ก่อนยิ้มกว้าง ท�าปาก
ขมบขมบแบบทอา่ นได้วา 'ยะ ยายแมลกออน' ก่อนจะโบกมอลากง่ ๆ ไล่พลวน
แต่กลับเป็นเจ้าของร่างสูงเองทกา� ลังหงุดหงิดแทบระเบิด กวินเดินลงจากรถ
ปิดประตูดังปังใหญ่ราวจะบอกเป็นนัยว่าเขาไม่มีอารมณ์มาเล่นสนุกกับใคร ทั้งสิ้น ก่อนเดินอ้อมมาอีกด้านหมายจะดึงกึ่งบังคับให้หญิงสาวซึ่งจู้จี้
น่ารา� คาญเป็นนักหนาออกไปให้พ้นๆ ทว่ากลับต้องคงค้างกว่าเดิมเมอมาลาริน รีบพาตัวเองปีนไปนั่งฝั่งคนขับอย่างรวดเร็วพร้อมยิ้มที่กว้างกว่าเดิม
"ฉันยึดรถนายได้แล้ว" "เฮ้ย! ออกมานะ"
เห็นชัดว่าการกระท�าของเธอไม่ได้อยู่ในความคาดคิดของอีกฝ่าย
คราวนกวินตกใจจริงๆ แบบที่ไม่ทันได้ตงรับสักนิด โดยเฉพาะคา� พูดประโยค
ต่อมาของเธอ
"ขึ้นรถเร็ว พี่สาวคนนี้จะพาไปส่งถึงหน้าห้องเรียนเอง" คนยึด พวงมาลัยว่าพลางยักคิ้ว ซ�้ายังยื่นข้อต่อรองที่ง่ายดายอย่างยิ่ง หากกลับ น่าร�าคาญใจอยู่มากโข "ถ้าอยากได้กุญแจรถคืนก็ต้องรอจนจบคลาส"
"น่าร�าคาญว่ะ" "เออ รู้ตัว"
หญิงสาวพยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นพ้องและท�าให้ความบาดหมาง
ชะงักไปอย่างง่ายดายเช่นนน เมอสุดท้ายเด็กหนุ่มทตกอยู่ในฐานะไร้ข้อต่อรอง
ก็ยอมขึ้นรถด้วยท่าทีอันปราศจากความยินยอมอย่างสุดแสน ดวงตาสีเทา เบนมาทางมาลารินแวบสั้นๆ สาดประกายแข็งกร้าวพร้อมถ้อยค�าสบถ มากมายไหลวน สุดท้ายก็มีบทสรุปท่ามกลางความคิดขบถนับร้อยพันนั้น ว่าจนแล้วจนรอดหญิงสาวก็ยังสามารถขับรถมาส่งเขา ประกบเดินขึ้นตึก ยืนรอกระทั่งก้าวเข้าห้องเรียน หรือแม้แต่ยามที่ลอบผินหน้าออกไปมอง ผ่านช่องกระจกเล็กๆ ตรงประตู ก็ยังเห็นยายบ้าน่าร�าคาญนั่นนั่งยิ้มแฉ่ง รออยู่ข้างนอกอย่างไม่มีทีท่าจะลุกไปไหน
...และมันท�าให้เขานึกถึงสตรีผู้หนึ่งในอดีตซึ่งเคยจูงมือเดินไปส่ง โรงเรียนอนุบาลเมอนานมาแล้ว เป็นภาพผาดผ่าน กะปลกกะเปลยเลือนราง เข้ามาในความทรงจ�า แบบนี้เลย ยืนยิ้มมองเขาเดินเข้าโรงเรียนจนลับตา
ตงแต่ครงทกวินยังเป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆ จิตใจดี และหวาดกลัวต่อโลกบ้าๆ น
...ใช่ บ้า บ้ากันให้หมด ทั้งยายนั่น โลกใบนี้ และตัวเขาเอง
โพล้เพล้สุดท้ายเริ่มทอไอแดดอ่อนตอนที่คาบเรียนเสร็จสิ้น เด็กหนุ่ม เพิ่งเดินออกจากห้องก่อนต้องชะงักทั้งท่ีไม่ได้คาดหวังเมื่อเห็นว่ามาลาริน ยังคงน่งอยู่ที่เดิมตรงนั้น ก้มหัวสับเงาโงนเงนอยู่ในนิทราจนผมประบ่า ลุ่ยลงแทบไม่เหลือทรง หลับโดยไม่รับรู้ถึงสายตาของเพื่อนร่วมคลาส คนอื่นๆ ซึ่งทยอยเดินออกมาจนหมด บางคนหลุดข�า บางคนสลับมอง ระหว่างเขาและเธอราวสนใจใคร่รู้ก่อนจะรีบจากไปเมอเห็นดวงตาคู่คมจ้องกลับ
สุดท้ายนนก็เป็นเด็กหนุ่มเองนนแหละทหันกลับมาพินิจคนตรงหน้า นงชวขณะ ปราศจากเหตุผล
แล้วก็เป็นอีกครั้ง โดยไม่ทันได้ตั้งตัว ภาพผุดของทิวสนฤดูใบไม้ผลิ กับเนินหญ้ากว้างไกลในความทรงจา� กระเว้ากระแหว่งวัยเยาว์ก็ปรากฏอย่าง
ไร้สาเหตุ รนๆ ขนกับกลนกา� เนิดใหม่ของดินชนหอมนน เป็นอายไอสงบเย็น
พร้อมลมระลอกหนึ่งวูบผ่าน แล้วกวินก็พลันนึกถึงผู้หญิงคนหนึ่งอีกคร้ง กับคลื่นผมสีทองราวรวงข้าว และวงหน้าเลือนรางซึ่งเหลือไว้เพียงรอยยิ้ม อ่อนหวาน เอื้อนเอ่ยเสียงแผ่วจาง
'...วินซ์...วินเซนต์...เด็กดีของแม่...' ไอหมอกสลักสลัวเคลื่อนเข้าโอบล้อม พร้อมแว่วเสียงหัวเราะตกค้าง
ค่อยๆ ห่างไกลออกไป...ออกไปสุดสายตา
กวินชะงัก มองเห็นครึ้มเมฆขยับบังแสงอัสดงจนกลายเป็นท้องฟ้า สีหม่นเศร้าด้านนอก และตระหนักขนตอนนนเองว่าเขาเพงจะถูกความทรงจา� กัดกินอย่างทเคยเป็นมาซา้� แล้วซา�้ เล่า...ความทรงจา� แสนสุขวัยเยาว์ ก่อนจะ ถูกคนพวกนั้นกระชากทิ้งไม่เหลือดี
เด็กหนุ่มหันกลับมาพิจารณาคนตรงหน้าอีกครง ภาพทุ่งหญ้าปลิดคว้าง
จางหาย เหลือแต่ตะกอนขุ่นข้องอวลอล ก่อนที่รอยยิ้มจะเหยียดแสยะ
รู้จักกวิน ตันติณรงค์น้อยไปแล้ว...
และท่ามกลางความเงียบจนได้ยินแต่อากาศผิวแผ่วด้านนอก ร่างสูง ก็ค่อยๆ ยื่นมือไปค้นกระเป๋าผ้ายู่ยี่ราคาถูกของคนหลับอย่างระมัดระวัง หยิบเอาท้งกุญแจรถของตนกับกุญแจบ้านที่เธอภูมิใจนักหนาว่ามีทุกดอก ออกมา เหลือบตากลับไปก็เห็นว่ามาลารินยังไม่รู้สึกตัวจนได้ให้กระตุกยิ้ม ขึ้นอีกครั้งก่อนกระซิบแผ่ว
"ช่วยไม่ได้ เธอเริ่มก่อนเองนะ" กวินมองออกไปยังเงาเมฆครึ้มด้านนอก สายลมตื่นๆ หอบหนึ่งสะบัด
แมกไม้ของฤดูกาลให้ระริกไหว พัดพาไอฝนหนักๆ ในอากาศราวร้องเตือน
เมอเด็กหนุ่มมองกุญแจในมือตนอีกครง ชงใจครู่สนๆ โดยไม่รู้ว่าความลังเลนนั
มาจากไหน ก่อนสุดท้ายจะก�าแน่นพร้อมเดินจากไป
...ทิ้งร่างระหงให้หลับใหลไม่รู้เรื่องรู้ราวไว้เพียงล�าพัง
ซ่า...
ฝนสายแรกสาดลงพอดีตอนที่กวินมาถึงบ้าน
เด็กหนุ่มล็อกประตูแน่นหนาทันที เงามืดยามเย็นโรยตัวปกคลุม ทั่วบริเวณและเขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจจะเปิดไฟสักดวงตอนทิ้งตัวลงบนโซฟา ขณะมองผ่านกระจกไปยังแม็กโนเลียต้นใหญ่ในสวนหลังบ้านไหววูบ กลางห่าฝนจนดูคล้ายชายชราเงอะงะ แล้วฉับพลันนนเอง ไอ้อาการเฮงซวย บ้าๆ นั่นก็คืบคลานเข้ามาทั้งที่ฟ้ายังไม่มืดดีด้วยซ�้า
...อาการที่มักจะเกิดทุกครั้งยามมีฝนตกตอนกลางคืน อาจเพราะ เมฆหนักๆ ทะมึนหม่นพวกนั้นกระมัง ใช่ ใช่แน่ๆ
เฮงซวยฉิบ
กวินหลับตา กลืนข่มมายาภาพในหัว มันเริ่มต้นด้วยหมอกจางๆ ที่ ขดม้วนตัวอย่างอ้อยอิ่ง ปกคลุมไปท่วก่อนคลายตัวลงระเรี่ยบนพื้น และ
ท�าให้เม็ดเหงื่อผุดซึมยามรู้สึกคล้ายตนกลับไปเป็นเด็กชายตัวน้อยอีกครั้ง วิ่งสะเปะสะปะหลงทางท่ามกลางม่านเงาของสถานที่แปลกหน้า ความมืด ปกคลุมรอบกายแต่กลับคล้ายมีสายตาจับจ้องจากทุกทิศทาง กวินจา� ความกลัว นั้นได้ เขาตะโกนหาแม่ แต่ไม่...ไม่มีเสียงตอบกลับมา แม่ไม่อยู่ ไม่มีใคร
อยู่ทนน นอกจากเขาทล่มร้างลงในอาการหวาดผวาอย่างเดียวดายกับพายุฝน
ไร้ปรานีข้างนอก ที่เอาแต่ร้องก้องราวโลกจะพัง เด็กชายสั่นสะท้าน อาจ ร้องไห้ด้วยซ้�าถ้าจ�าไม่ผิด เขาไม่อยากถูกทิ้งเอาไว้ตรงนั้น กวินต้องการ ความช่วยเหลือ ใครสักคน...ใครก็ได้
พลันหนงร่างเรืองรองก็ปรากฏผ่านหางตาจากปลายโถงทาง เรือนผม สีทองเป็นคลื่นพลิ้วในเงาสลักสลัวเรียกให้เด็กหลงทางได้มองจ้อง
...แม่
เหมือนแม่ของเขามิผิดเพี้ยน กวินค่อยๆ ลุกขึ้นยืน สองขาขยับเดิน สะดุดเท้าเล็กน้อย ตุปัดตุเป๋กว่าจะบังคับตัวเองให้มนคงได้ จากกระซิบอย่าง เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกลับกลายเป็นตะโกนร้องเรียก
แม่!
แต่แม่ไม่ได้หันมา เด็กชายเรมออกวงไปยังร่างตรงหน้าพร้อมเสียงฟ้า ค�ารามไล่หลัง เขาไม่แม้แต่จะกะพริบตาด้วยซ�้าเพราะกลัวว่าภาพของแม่ จะสลายไปในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง ขณะที่บ้านหลังใหญ่กลับคล้ายค่อยๆ บิดเบี้ยวรูปร่างกับเอาแต่จะส่งเสียงหัวเราะเยาะเขาจากทุกทิศทุกทาง
...แม่!
กวินร้องเรียกอีกคร้งก่อนได้ให้ชะงักค้าง เมื่อร่างน้ันพลันผลุบหาย เข้าไปในประตูดา� ทะมึน พร้อมเสียงกรีดร้องแหลมหู ก้องดัง โหยหวนลากยาว กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขาวิ่งตามเข้าไป...เข้าไปในความมืดอนธการนั่น...
พึ่บ!!
แสงไฟสว่างโร่ดึงสติของเด็กหนุ่มกลับคืนทันที มันบาดจ้าเข้ามาใน
ดวงตาอย่างไม่ทนได้ตง้ รบจนทาใหเขาตองขมวดควิ้้� พลางยกมือป้อง เสยงี
ลมฝนกลับมากระหน่�าชัดเจนรอบกาย และรู้สึกได้ถึงเหงื่อซึมชื้นกับ ลมหายใจหอบกระชั้นจนท�าให้กวินต้องเป่าลมทางปาก ปลายนิ้วคล้ายจะ เย็นและชาจากอาการเกร็งตึงไปทั้งตัว
"นั่งท�าอะไรมืดๆ เนี่ย ท�าไมไม่เปิดไฟ" เสียงที่ไม่อยากยอมรับว่าคุ้นหูเรียกร่างสูงให้หันไปมองทันที มาลาริน
ยืนอยู่ตรงนน เยองประตูหน้าบ้านข้างสวิตช์ไฟพลางใช้มือสางเรือนผมเปียกปอน
ของตนอย่างลวกๆ หญิงสาวคลายปมคิ้วตอนที่สบตากับเขาก่อนยิ้มกว้าง อย่างเปิดเผย...ราวทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือเรื่องสามัญอย่างที่สุด กระทั่งการที่ เขาขโมยกุญแจและทิ้งเธอให้ตากฝนกลับบ้านคนเดียวนี่ด้วย
"เข้ามาได้ไงวะ"
เด็กหนุ่มพึมพ�า ครั้งนี้เขาประหลาดใจจริงๆ กับการปรากฏตัวของ คนตรงหน้า กวินจ�าได้ชัดเจนว่าเขาหยิบทุกอย่างออกมาแล้วแน่ๆ
"อ๋อ"
ราวกับอ่านใจออก คนถูกถามพลันชูกุญแจขึ้นหรา ซ้�ายังมีรอยยิ้ม ประกอบค�าอธิบายโดยไม่ขาดตกบกพร่อง
"นายไม่รู้หรอกว่าฉันปั๊มกุญแจสา� รองไว้กดอก แล้วซ่อนไว้ตรงไหนบ้าง" เพียงเท่านั้นเจ้าของบ้านก็สบถพรืดใหญ่ขณะที่อีกฝ่ายกลับไม่คิด เอาความเรื่องถูกทิ้งตอนเผลอหลับ เธอมองข้ามอาการหงุดหงิดนั้นแล้ว
สาวเท้าเข้ามาใกล้พลางพินิจใบหน้าของเขาอย่างละเอียด "เป็นอะไรรึเปล่า หน้าซีดๆ" มันเป็นค�าถามเรียบง่ายธรรมดาสามัญอย่างที่สุด แต่กลับท�าให้คนฟัง
ชะงักไปชั่วขณะ พร้อมสะเก็ดอารมณ์ขุ่นมัวประสมกระดากด้วยอับจนท่าที นานมากแล้วที่ไม่มีใครถามเขาเช่นนจนกระทงเด็กหนุ่มไม่รู้วิธีตอบ เกินครงึ ของสิ่งที่กวินได้รับตลอดชีวิตคือค�าสั่ง ไม่ใช่ค�าถาม หน�าซ�้ามันก็ไม่ใช่ธุระ
กงการอะไรของเธอด้วยซ�้าหากจะว่าไป ไหนจะเรื่องเมื่อตอนบ่ายนั่นอีก วุ่นวายน่าร�าคาญเสียทุกอย่าง ยายผู้หญิงจุ้นจ้าน
"อย่ามายุ่ง" น�้าเสียงยามตอบของเด็กหนุ่มค่อนข้างกระด้าง "หิวข้าวมั้ย กินอะไรรึยัง"
มาลารินเพิกเฉยต่อท่าทีต่อต้านนน เธอผละจากการก้มหน้าจ้องอีกฝ่าย
มาเท้าสะเอวเพื่อครุ่นคิดครู่ส้นๆ ก่อนจะเดินเข้าไปมะงุมมะงาหราหาของ ในครัวพลางส่งเสียงบอกทั้งที่มือยังค้นไม่หยุด
"ไม่มีของสดเลย กินมาม่าไปก่อนแล้วกันนะ" "บอกว่าอย่ามายุ่ง! ร�าคาญ!"
กวินตะเบ็งเสียงตอบกลับอย่างหมดความอดทน เขาไม่ได้หันไปมอง อีกฝ่ายด้วยซ�้า ดวงตาสีเทาราวควันบุหรี่เบนไปจับจ้องเงาแม็กโนเลียที่ โอนเอนตามลมฝนด้านนอก ก่อนจะตกลงไปในช่องว่างของการครุ่นคิดเมื่อ ตระหนักได้ว่าพายุเบองหน้ายังคงกระหนา่� ซัดท่ามกลางความมืดเหมือนเมอครู่ ทว่าตอนนี้กลับมีบางอย่างแตกต่างออกไป...บ้านของเขาสว่างด้วยแสงไฟ ไร้ซงความเงียบงันดังก่อนหน้า และหยดเหงอก็ค่อยๆ ระเหยหายไปบ้างแล้ว หากจะมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดหลงเหลือก็คงจะเป็นตะกอนขุ่นคลั่กของความทรงจ�า เก่าๆ นั่นกระมัง แต่ความจริงมันก็ลอบหมุนอุตลุดในหัวอย่างไม่หยุดพัก เช่นนี้มาเนิ่นนาน...นานเสียจนเขาหาจุดเริ่มต้นไม่เจอเสียแล้ว
แล้วในจังหวะเดินทางของความคิด พลันกลิ่นต้มย�ากุ้งหอมฉุยก็ อวลอบไปทั่วบ้าน ดึงสติของเด็กหนุ่มกลับคืนเมื่อเจ้าของร่างระหงยก ชามบะหมี่ก่ึงส�าเร็จรูปออกมาพร้อมรอยยิ้มกว้าง มาลารินวางมันอย่าง ระมัดระวังบนโต๊ะเตยหน้าโซฟาพลางแจกแจงโดยไม่สนใจสีหน้าขมึงทึงของ อีกฝ่ายแม้แต่น้อย
"ร้อนนะ อย่าลืมเป่าด้วย" "ก็บอกว่าไม่กิน"
ราวกบคาดเดาคาตอบเอาไวแล้วล่วงหน้า้� หญงสาวจงเพยงพีึิ ยกหน้า
หงึกหงักด้วยท่าทีเปิดรับ ก่อนเสนอเงื่อนไขแสนง่ายดายอย่างที่คงจะคิดมา ตั้งแต่แรก
"ถ้านายยอมกิน ฉันก็จะกลับเข้าไปอยู่เงียบๆ ในห้องและไม่มาจา�้ จจี า�้ ไช อะไรอีกคืนน้ี แต่ถ้ายงดื้อแพ่งก็คงต้องทนลูกตื๊อน่าร�าคาญอีกนานเพราะฉัน จะเกาะนายไม่ปล่อยเลย"
กวินเบนสายตาไปยังร่างที่ยังเปียกปอนของเธอครู่ส้นๆ ถึงอย่างนั้น เขาก็คงไม่คิดว่าลูกแก้วสีด�าสนิททงสองข้างจะก�าลังจับจ้องตนอย่างตรงไป ตรงมาและน�าพาภาพเมื่อครั้งที่เธอช่วยเขาจากการถูกรุมท�าร้ายให้ผุดข้ึน ในความทรงจ�า แล้วสะเก็ดความรู้สึกบางอย่างที่แม้แต่เขาเองยังไม่เข้าใจ ก็ท�าให้เด็กหนุ่มไม่หันมองคู่สนทนาอีก ร่างสูงเพียงปรายสายตาออกไปยัง สายฝนด้านนอกพลางเอ่ยราบเรียบ
"จะไปไหนก็ไป"
มาลารินกะพริบตาปริบ เธอเข้าใจความหมายโดยทันทีแต่ก็ยังมิวาย ก�าชับว่า "อย่าลืมกินนะ" แล้วจึงค่อยทิ้งอีกฝ่ายไว้ตามล�าพัง
...กระท่งหญิงสาวเข้าห้องแล้วนั่นแหละที่เสียงตะเกียบกระทบชาม ค่อยดังก๊อกแก๊กขึ้น เจ้าของร่างระหงชะงัก เอียงคอฟังพร้อมส่ายหน้าระอา ก่อนที่ดวงตาซึ่งถูกมองว่าธรรมดานักหนาจะพลันทอประกายครุ่นคิด จางราง...เมื่อนึกย้อนไปถึงท่าทางสั่นเทาราวสัตว์บาดเจ็บ เสียงสะอื้น แผ่วเบาท่ามกลางสายฝนและความมืด กับถ้อยกระซิบค�าเดิมซ�้าๆ ที่เธอ ได้ยินเขาเอ่ยโดยไม่รู้ตัว
...แม่...แม่
56 ณ ภวังค์สุดฝ่ ังฟา้
4
บทที
แม้จะลอบเตรียมต้งรับอยู่บ้าง แต่มาลารินก็ไม่เคยคิดเลยว่าเจตนา ปกปิดโยงใยระหว่างกวิน เกวรา และพี่ประณตของตนจะจบลงรวดเร็ว ปานนั้น
นอกจากอาการแปลกๆ ในคืนวันฝนตกครั้งก่อน ระยะหลังมานี้กวิน ก็ถือว่าปกติดี และแม้จะยังมีท่าทางเบื่อหน่ายหญิงสาวเสียเต็มประดา ทว่า อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ขับไล่ไสส่งเธออีก ความพยายามจะขโมยกุญแจนั่น ก็ด้วย มาลารินไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มล้มเลิกความต้งใจจริงๆ หรือเพราะขี้เกียจ หาว่าเธอซ่อนเอาไว้ตรงไหนบ้างกันแน่
อย่างไรก็ตาม งานในคาเฟ่ก็ยังเป็นสงท่ีไม่อาจปล่อยมือแม้จะมีรายรับ มนคงทุกเดือนแล้ว การทา� กาแฟยังเป็นสงทหญิงสาวโปรดปราน เธอเสพติด ความรู้สึกคล้ายถูกโอบล้อมด้วยกรุ่นกลิ่นแบบเฉพาะกับฟองอวลลวดลาย ต่างๆ และไหนจะรอยยิ้มละมุนละไมของประณตที่ท�าให้มาลารินรู้สึกสงบใจ
ซา�้ ยังมักจะคอยปลอบขวัญวันอ่อนล้าหลังรบรากับเด็กร้ายกาจคนนน โดยท ชายหนุ่มเองไม่รู้ตัวสักนิดด้วย
ท�าใจให้เชื่อยากเหลือเกินว่าเป็นญาติกัน ให้บอกว่าเทวดากับซาตาน
ยังเป็นไปได้มากกว่า... "ว่าไงลี โอเครึเปล่า"
เสียงทักดึงสติหญิงสาวกลับมายังเครื่องท�ากาแฟตรงหน้า มาลาริน หยุดเช็ดหัวเป่าลมก่อนหันไปสบตากับประณตซ่ึงยืนเยื้องกันพลางย้ิมแหย เธอมัวแต่คิดเรื่อยเปื่อยจนจับใจความอะไรไม่ได้เลย
"พี่ณตว่าไงนะคะ"
"โหยพี่ มันไม่ได้ฟังที่เราคุยกันเลยอะ" พี่ภพผละจากการเก็บแก้ว มายุแยงทงเล่นทงหยอก แล้วได้ให้หัวเราะเอกอ๊ากประเดยวนนเมอคนถูกแหย่ หันไปมองตาเขียว "ดู๊ดูมองเข้า หน้าดุอย่างกับหมา"
"กัดเก่งเหมือนหมาด้วย ลองมั้ยพี่" "พี่ณตดูมันดิ"
บทสนทนาไร้สาระกลายเป็นเรื่องคุ้นชินกันภายในร้านยามว่างจาก ลูกค้าอยู่แล้ว ประณตจึงเพียงขบขันโดยไม่มีทีท่าจะเข้าไปห้ามจริงจัง ร่างสูง หันไปขยับกระถางใบเดหลีที่ใกล้จ�าศีลให้รับแสงแดดอ่อนจากหน้าต่าง พลางเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
"เย็นนี้ภพชวนไปฉลองวันเกิด ลีสะดวกรึเปล่า" "วันเกิดพี่ภพอีกตั้งสองอาทิตย์ไม่ใช่เหรอคะ"
คนถูกชวนมุ่นคว แล้วจึงค่อยกระจ่างในคา� อธิบายต่อมาจากเจ้าของงาน
"เพื่อนคนอื่นเค้าสะดวกกันวันนี้พอดีนาซี่ อีกอย่างพี่ประณตก็บอกว่า ถ้าเป็นตอนเย็นก็สะดวกตลอด ตอนนี้แกเองก็ไม่ได้ไปท�างานเด็กเสิร์ฟ นั่นแล้วด้วยนี่"
มาลารินโคลงหัวตามค�าพูดของอีกฝ่าย เธอไม่ได้คิดเรื่องตัวเอง ด้วยซ�้าขณะที่ภพเอ่ย แต่กลับไล่เรียงไปถึงตารางเรียนของกวินแทน ลอบ พยักหน้าหงึกหงักกับตัวเองเมื่อทบทวนได้ว่าพรุ่งนี้เขาจะว่างทั้งวันจึง ไม่จ�าเป็นต้องตามจ�้าจี้จ้�าไชอะไรตอนกลางคืน ปล่อยทางนั้นเที่ยวบ้างก็
ไม่เป็นไรหรอก หักดิบไปเลยคงไม่ดี
แทจรงแล้วเธอไมอยากเขมงวดกบเดกหน่มเท่าใดนก หากความประพฤต
ของเขาไม่ได้คึกคะนองสุดโต่งเธอก็ยินดีจะมองข้าม หญิงสาวค้นพบว่ากวิน มีความอหังการแบบที่เก็บกดความไม่พอใจเพื่อย้อนท�าร้ายอีกฝ่ายให้เจ็บ
กว่าเดิม อย่างเมื่อครงเธอบังคับให้เขาไปนงเรียนครานน เด็กหนุ่มก็เอาคืน
ด้วยการขโมยกุญแจเพอขังเธอให้ทุลักทุเลท่ามกลางสายฝน ใช่...ถ้าไม่ติดว่า แอบซ่อนกุญแจส�ารองไว้ มาลารินก็ไม่รู้ว่าเรื่องต่อจากนั้นจะเป็นอย่างไร
ดังนนถ้าวันนเธอไม่เข้าไปวุ่นวายอะไรกับเขา อีกฝ่ายคงจะผ่อนคลายขนึ กระมัง...
ริมฝีปากอิ่มยิ้มพราย ยักคิ้วให้เพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ทันที "พี่ภพเลี้ยงปะ"
"แกเคยเห็นฉันขี้งกกับน้องกับนุ่งรึไง" อีกฝ่ายเท้าเอวด้วยท่าทางฉุนเฉียวทว่าไม่จริงจัง เรียกเสียงหัวเราะ
ปลอดโปร่งจากคนฟังจนเจ้าของร้านต้องลอบหันมายิ้มตามเงียบๆ ขณะที่ เธอพยักหน้าหงึกหงักรับค�าคู่สนทนาโดยไม่ทันสังเกตเห็นแม้แต่น้อย
"งั้นไม่เมาไม่กลับเลยนะพี่"
บาร์ที่ภพเลือกอยู่ไม่ไกลจากเขตซีบีดีเท่าใดนัก เป็นตึกสีด�าสามชั้น ในย่านซงคึกคักยามคา�่ คืน แยกโซนดมกินกับคลับเต้นชัดเจนทงยังมีบริเวณ ดาดฟ้าให้สังสรรค์ อย่างที่แม้มาลารินจะไม่เคยมาที่นี่มาก่อนแต่ก็ไม่ได้รู้สึก เคอะเขินอะไร หญิงสาวค้นพบว่าการมองผู้คนท่ามกลางม่านเงาสลัวราง สร้างความรู้สึกเพลิดเพลินประการหนึ่ง
เสียงหัวเราะผสมดนตรีพลุกพล่าน รอยน�้าตาของหัวใจเมามาย บางดวงวาววับผ่านหน้าเธอไป และท�าให้หญิงสาวพลันว่างโหวงอยู่ลึกๆ เมื่อตระหนักว่าร่างกายซึ่งเคลื่อนไหวตามจังหวะเพลงบรรเจิดของราตรีลวง
เหล่าน้นดูดุจจะลบเลือนเรื่องราวแล้วไขว่คว้าเพียงมายาฝัน แม้รู้ดีว่า ท้ายที่สุดทุกอย่างจะกลับสู่ความจริงเมื่อย�่ารุ่ง
อาจเพราะเหตุนี้กระมังจึงมีค�าว่าดื่มเพื่อเมามาย บางทีเราก็ไม่ได้ ต้องการอะไรนอกจากเมา เมาให้ลืม เมาให้เลือน...
สัมผัสเย็นจากขวดแก้วแตะแก้มเรียกดวงตาด�าขลับของเธอกลับมา
พร้อมสายลมเย็นทพัดผ่านบาร์ดมบนดาดฟ้า บริเวณซงคนไม่พลุกพล่านน
ท�าให้หญิงสาวมองเห็นรอยยิ้มของพี่ประณตสะท้อนแสงไฟสีส้มนวลชัดเจน อีกฝ่ายหัวเราะขบขันขึ้นเบาๆ ขณะยื่นเครื่องดื่มมาให้ แม้มาลารินจะ ยิ้มแหยพลางอ้อมแอ้มตอบ
"ลีคออ่อนน่ะค่ะ กินเหล้ากินเบียร์ไม่เก่ง"
"พี่รู้ เลยเอาแอปเปิ้ลไซเดอร์* มาให้" ชายหนุ่มบอกพร้อมหันด้าน ฉลากขวดเป็นการยืนยัน
คนคออ่อนรับขวดไซเดอร์มาจิบ กลืนฟองซ่ารสหวานปะแล่มปน เปรี้ยวเฝื่อนๆ น่ันลงคอ ซ�้ายังเผลอท�าปากจุ๊บจั๊บ ก่อนพึมพ�าขอบคุณ พประณตซงนงลงข้างกันตอนทลมประสมไออุ่นจากฮีตเตอร์เชยผ่าน เธอชอบ อากาศเย็นแต่ไม่เป็นมิตรกับความเหน็บหนาว การนงใกล้เครองทา� ความร้อน จึงชวนให้วางใจกว่าออกไปเกาะขอบระเบียงรับลม
หญิงสาวเบนสายตาออกไปมองทิวทัศน์ดาดฟ้าตึกอีกครั้ง ระยับแสง จากดวงไฟของเขตเมืองทอดยาวไกลลิบจรดรอยมืดดา� ซงค่อยๆ กลืนหายไป บริเวณระหว่างเงาภูเขาตะคุ่มสักแห่งที่เธอไม่รู้จักชื่อกับท้องฟ้าเบื้องบน
"พออากาศเริ่มหนาว วิวข้างบนนี้ดูแปลกตายังไงก็ไม่รู้" เสียงทุ้มข้างกันเรียกความสนใจจากมาลารินอีกคร้ง เธอไม่แน่ใจว่า
ชายหนุ่มชวนคุยหรือแค่ร�าพึง หากก็อดเอ่ยถามไม่ได้ "พี่ณตเคยมาร้านนี้ด้วยเหรอคะ"
* ไซเดอร์ คือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ผ่านกระบวนการหมักจากผลไม้
"อ๋อ...อื้อ เกลเคยพามาน่ะ"
ประณตตอบเรียบง่าย ขณะที่คนฟังกลับรู้สึกเหมือนเพิ่งเหยียบ กับระเบิดในดินแดนต้องห้ามจนแทบอยากกัดลิ้นเสียให้ตายประเดี๋ยวนั้น เธอลอบมองดวงตาซึ่งทอดเงาสีหม่นนนโดยไม่ได้ตงใจ ลังเลกับการสรรหา คา� ปลอบอย่างไรให้ดูแนบเนียน โดยไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายกลับสังเกตเห็นอาการ ทั้งหมดเช่นกัน
ประณตระบายยิ้มจางพลางเอ่ยต่อ
"ความจริงยังไงพกับเกลกไปกันไม่รอดหรอก เราไม่มีอะไรเหมือนกันเลย
ทงอายุ รสนิยม ความคิดความอ่าน" เขาหัวเราะอายๆ "ก็ต้องขอบใจเค้าแหละ ที่ท�าให้ชีวิตพี่พอจะมีสีสันขึ้นมาบ้าง ถึงสุดท้ายจะรู้ก็เถอะว่าสีพวกนั้นมัน ไม่เหมาะกับพี่เอาซะเลย"
ริ้วลมหนาวพัดเรือนผมสีปีกกาของเขาอย่างเหงาๆ แล้วท่ามกลาง ความเงียบซึ่งร่วงหล่นโดยไร้สัญญาณเตือนนั้นเอง มาลารินก็รู้สึกเหมือน อยากร้องไห้โดยไม่ทราบสาเหตุ สักแห่งข้างใน...ล้นรื้นขึ้นมาราวกับจะ มองเห็นว่าโชคชะตาของเธอกับเขาถูกลิขิตมาในรูปรอยเดียวกัน...เพียงแต่ หญิงสาวไม่รู้ว่าเรื่องราวของตนจะเกิดขึ้นหลังจากนั้น และจะฝากรอยลึก ยาวนานยิ่งกว่า
"พี่ณต..."
เธอรู้สึกว่าควรเอ่ยอะไรสักอย่าง อาจเป็นถ้อยค�าชวนฮึกเหิมปลุกเร้า ก�าลังใจ หรือปลอบโยนอย่างอ่อนหวาน แต่ก็อับจนถ้อยค�าแต่เพียงเท่านั้น สุดท้ายจึงปล่อยให้ความเงียบเป็นฝ่ายเอื้อนเอ่ยแทนตน
"เอ ภพหายไปไหนเนี่ย สงสัยลงไปเต้นกับเพื่อนที่คลับข้างล่าง" ราวกับล่วงรู้ความคิด ชายหนุ่มจึงเปลยนเรองอย่างลนไหลแทน "เบอรึเปล่าลี อยากเต้นบ้างมั้ย"
"ลีถนัดนั่งเฉยๆ มากกว่าค่ะ เต้นไม่เก่ง" คนถูกชวนยิ้มแหย
"เหมือนพี่เลย"
ทงสองมองหน้ากันก่อนหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วหญิงสาวก็ตระหนัก
ขนมาได้ตอนนนเองวา่ เธอไม่เคยแบงปนช่วงเวลาเชนนกบประณตสองตอสอง
มาก่อน ในอวลไออบอุ่นของเขามักมีบรรยากาศร้านกาแฟอันเรียบง่าย เป็นฉากหลังอยู่ตลอดเวลา ทว่าพี่ประณตในคืนนี้กลับแตกต่างออกไป ชายหนุ่มมีรอยยกยมท่ามกลางเสียงอึกทึกและระยับไฟเบองล่างซงทอดยาว สุดลูกตา กระนนภายใต้ความสับสนวุ่นวายรอบกายก็กลับยิ่งท�าให้พี่ประณต ของเธอดูมั่นคงกว่าที่เคย
ความรู้สึกยุบยิบกลางอกท�าให้มาลารินยกขวดไซเดอร์ขึ้นดื่มอีก อึกใหญ่ เกาแก้มเก้กังหาเรื่องท�าไปเรื่อย
"เราไปดูพี่ภพกันหน่อยมั้ยคะ ไม่ใช่ว่าไปเมาแอ๋อยู่ไหนต่อไหนแล้ว" "เอาสิ พี่ก็หวั่นๆ อยู่ กลัวว่าภพจะสนุกจนเลยเถิด" เรียบง่ายเพียงเท่านั้น และเธอก็อาจจะแค่เดินสะดุดบันได หรือชน
คนเมา หรือมึนหัวเสียเองจากการซัดไซเดอร์ไม่ยั้งเมื่อครู่ ทว่าท่ามกลาง ความน่าจะเป็นมากมายทั้งหลาย หญิงสาวกลับไม่คิดเลยว่าเมื่อทั้งสอง เดินลงไปยังบริเวณคลับช้นล่างซึ่งนอกจากจะเจอพี่ภพเต้นแร้งเต้นกากับ กลุ่มเพื่อนตามที่คาดไว้ กลับยังมีชายหญิงอีกคู่ท่ามกลางสลัวแสงวูบไหว แนบชิดกันในม่านควันราวติดค้างอยู่กับภาพฝันยวนเย้า และท�าให้ร่างสูง ข้างเธอพลันชะงักค้าง ก่อนเผลอพึมพ�าชื่อซึ่งท�าให้มาลารินชาดิกไปทวร่าง
"กวิน...เกวรา?" ดวงตาเรียวยาวหันไปเขม้นมองตามประณตทันที
...แล้วเธอก็มองเห็น แสงสลัวกับเส้นไฟสีแดงหม่นปาดป่ายในฟลอร์เต้น นา� พาผู้คนให้เคลอนไหวไปกับจังหวะเพลงละตินอันเร่าร้อน กวินยืนอยู่ตรงนนั โดดเด่นท่ามกลางความไม่แน่นอนของค�่าคืน ราวเป็นคนของดินแดน ปริศนาจากโลกคู่ขนานอีกฟากฝั่ง...เหมือนปีศาจซึ่งแฝงกลืนอยู่ในหมู่ผู้คน
และยังมีร่างอิ่มของเกวราเกี่ยวก่ายเคลียเคล้าอยู่ไม่ห่าง ดวงหน้างาม
หลับตาพรม ชัดเจนว่ากา� ลังบรรเจิดเพลิดเพลินอยู่กับแสงไฟและคนข้างกาย
มาลารินขยีตา จบจ้องเข้าไปในภาพความเคล่ือนไหวตรงหน้าจนรู้สึก
คล้ายจะวิงเวียนขึ้นมาตงิดๆ ครั้นลอบเหลือบไปมองประณตก็เห็นเขา ยังชะงักค้างอยู่เช่นนั้น ซ�้ายังไม่อาจอ่านสีหน้าได้เลยว่าก�าลังคิดอะไรอยู่
"พี่...ณตคะ"
หญิงสาวแสร้งสะกิดอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว หากก็โมโหตัวเองนิดหน่อย ที่น�้าเสียงแหลมสูงเกินพอดี
"นู่นแน่ะพี่ภพ ดิ้นอย่างกับโดนน�้าร้อนลวก" ใช้เวลาสักพักประณตจึงผละสายตาจากทั้งสองและมองตามค�ากล่าว
ของเธอ ชัดเจนว่าคงตั้งใจจะท�าเป็นมองไม่เห็นเช่นกัน "ภพเมาแล้วรึเปล่าน่ะ"
"เดี๋ยวลีไปดูให้ค่ะ พี่ณตรอตรงนี้แหละ" มาลารินต้งใจจะเป็นหน้าด่านปกป้องคนเป็นเจ้านายอย่างไม่ขาดตก
บกพร่อง หญิงสาวพาตัวเองแทรกผ่านหลากหลายร่างซึ่งก�าลังยักย้าย
ตามเสยงดนตรอย่างลนไหล หลบท่าเตนสะเปะสะปะจนไปถงร่างบกบนของ
เพอนร่วมงานรุ่นพและผองเพอนของเขา ก่อนสะกิดแขนยิกแล้วป้องปากเรียก แข่งกับเพลงอึกทึก
"พี่ภพ! เมารึยาง!" "ฮะ?"
"เมายาง! โอเคป่าว!"
หญิงสาวว่าพลางท�ามือโอเคเป็นเชิงถาม ขณะที่เจ้าของวันเกิดเพิ่งจะ เข้าใจความหมายพร้อมท�าท่าทางแบบเดียวกันตอบกลับ ท้งที่ยังไม่หยุด ออกสเต็ปสักจังหวะเดียว
มาลารินไม่อยากกวนเวลาคนก�าลังสนุก เธอพยักหน้ารับหากก็มิวาย
เอ่ยย�้า
"ลีกับพี่ณตอยู่ชั้นดาดฟ้านะ ถ้าเมาก็ขึ้นไปหา อย่ากลับเอง" "คร้าบโผม!"
ภพหัวเราะเอิ๊กอ๊ากพร้อมยกนิ้วรับทราบเรียบร้อย ขณะที่คนเป็นน้อง ไม่อาจเลือกทางใดได้อีกนอกจากพยักหน้าหงึกหงักวางใจ หญิงสาวหันหลัง กลับไปเบียดขอทางออกอีกครั้งและเกือบจะไปถึงประณตอยู่แล้วตอนที่ มือหนาของใครบางคนพลันคว้าแขนเธอไว้แน่น กระชากร้งจนต้องหัน กลับไปมองก่อนได้ให้สะดุ้งโหยง
...โดยไม่ได้ตั้งใจ เธอก็ร่วงหล่นลงไปในม่านสีเทาราวควันบุหรี่ซึ่ง จับจ้องโดยไร้สุ้มเสียง ท่ามกลางวูบไหวของแสงไฟราวภาพลวง แล้วมาลาริน ก็เพิ่งจะสังเกตตอนนั้นเองว่าภายในดวงตาของกวินช่างเวิ้งว้าง ราวกับ มรสุมหลงฤดูซึ่งสะบัดคว้างอย่างเดียวดายในจักรวาล มันดิ่ง ลึก ไม่อาจ สะท้อนอะไรได้เลยกระทั่งตัวเขาเอง...
"ตามมาท�าไม"
เสียงห้าวของเด็กหนุ่มเรียกสติกลับคืนทันที เป็นเหตุให้หญิงสาว บิดแขนออกจากมือราวคีมเหล็กนั่นอย่างนึกฉุน
"ไม่ได้ตาม" "ไม่ได้ตามแล้วมาอยู่นี่ได้ไง" "...วิน"
เกวราเข้ามาเกาะแขนของอีกฝ่ายพลางใช้ดวงตากลมโตคู่นนจ้องมายัง เธอ พิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้าจนหญิงสาวเพิ่งจะสังเกตตามว่าการแต่งตัว ของเธอทั้งสองช่างแตกต่างกัน มาลารินในเสื้อคอเต่าทึมทึบกับกางเกงยีน ตัวหลวมโพรก กับเกวราในเดรสส้นราวตุ๊กตาบาร์บี้ไม่มีอะไรเหมือนกัน สักนิด เจ้าหล่อนดูจะพึงใจไม่น้อยกับข้อสังเกตนี้ หากก็ดูจะไม่ชอบใจนัก ที่คู่ควงของตนผละเข้ามาหาเธอ
"นี่มันเด็กเสิร์ฟที่มีปัญหาคนนั้นไม่ใช่เหรอคะ เค้ากวนอะไรวินอีก" เสียงหวานแหลมคมพุ่งใส่กันไม่ไว้หน้า
เห็นชัดว่ากวินยังไม่ได้เล่าเรื่องที่เธอกลายเป็นคนดูแลให้อีกฝ่ายฟัง มาลารินจึงไม่คิดเอ่ยถึง เธอรีบสะบัดแขนอย่างแรงจนเป็นอิสระก่อนยักไหล่ ชี้แจงด้วยสีหน้าเรียบเฉย
"เรื่องบังเอิญน่ะค่ะ...ฉันมากับพี่ประณต" ประโยคหลังตงใจเน้นย�า้ กึ่ง จะให้สัญญาณเตือน
เกวราพลันนิ่งค้างขณะที่เด็กหนุ่มมุ่นคิ้วคล้ายจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง "เธอมากับใครนะ"
"เอาเหอะ จะเต้นจะดื่มอะไรก็ตามสบาย ไม่ต้องมาสนใจฉัน...แต่ เอาให้พอดีๆ หน่อยแล้วกัน อย่าไปเมาจนมีเรื่องอีกล่ะ"
"พูดอะไรเนี่ย" สาวน้อยอีกคนเริ่มมีทีท่าไม่พอใจ "คิดว่าตัวเอง เป็นใครถึงกล้ามาเจ้ากี้เจ้าการ"
"เฮ้อ น่ารา� คาญใช่มย ถึงได้บอกไงว่าวันนไ้ ม่ต้องสนใจฉัน" คนโดนเหวยง
ระบายลมหายใจตอบอย่างใจเย็น เพราะไม่อยากเสียเวลาไปกับการต่อล้อต่อเถียงที่ดูไม่สิ้นสุด จบค�า
มาลารินก็หมุนตัวกลับไปหาประณตโดยไม่อินังขังขอบเด็กหนุ่มอย่างทปากว่า จริงๆ
ไม่...แม้กระทงหันกลับไปมองว่ามีประกายกรุ่นบางอย่างค่อยๆ พาดผ่าน แววตาคู่นั้น เป็นระลอกคลื่นที่แม้แต่เจ้าตัวก็ยังไม่อาจอธิบายได้
...กวินร�าคาญที่เธอเอาแต่วิ่งตามเขาราวไม่รู้เหน็ดรู้หน่ายก็จริง ทว่า การท�าทีราวกับปล่อยอิสระให้กันเช่นนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง...ที่แน่ๆ คือเขา ไม่ชอบ ทงสีหน้าปราศจากทุกข์ร้อน นา�้ เสียงเออยเฉอยไร้แยแส ท่าสะบัดหน้า หันหลังกลับ...ทุกอย่าง เขาไม่ชอบทุกๆ อย่างที่ยายผู้หญิงบ้านั่นเพิ่งจะ แสดงออกมา!
มาลารินลอบมองพี่ประณตเป็นระยะขณะเดินกลับขึ้นไปน่งรับลม บนชั้นดาดฟ้าตามเดิม เจ้านายของเธอยังคงมีรอยยิ้มอ่อนๆ ระบายอยู่บน ใบหน้าตลอดเวลา แต่หากจะมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเปลี่ยนไปก็คงเป็นเงาหม่นจางๆ ซึ่งลอบปรากฏอยู่ในดวงตาของเขา ทออ่อนระหว่างสับสนกับจนใจ และ ทา� ให้คนลอบมองต้องสะบัดร้อนสะบัดหนาวอยู่กับความกังวลอย่างไร้สุ้มเสียง และท�าได้เพียงปล่อยให้ความเงียบไหลผ่าน เธออยากเอ่ยค�าพูดเท่ๆ ปลอบโยนชายหนุ่ม อาจจะลอกมาจากหนังสักเรองหรือนิยายสักเล่ม เกือบจะ เค้นสมองออกมาได้แล้วด้วยซ�้า ก่อนจะต้องชะงักงันเมื่อจู่ๆ ร่างสูงของ เด็กหนุ่มก็เดินตามเข้ามา โดยมีเกวราซงแสดงออกชัดเจนว่าไม่เต็มใจอย่างยงิ ก�าลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามหลัง
"มาท�าอะไรเนี่ย" มาลารินอดถามด้วยความประหลาดใจกึ่งจะฉุนนิดๆ ไม่ได้ ทว่ากวิน
กลับไม่คิดตอบค�าถามเธอ ร่างสูงพาตัวเองนงลงตรงข้ามกัน ปรายตาเพียง ผาดๆ พร้อมแสยะยิ้มเยาะก่อนหันไปเอ่ยกับชายอีกคนแทน
"ไม่ยักรู้ว่าคุณอาก็มาเที่ยวที่แบบนี้ด้วย" "คุณอาเหรอ..."
คราวนี้กลับเป็นเกวราที่เผลอทวนค�าด้วยสีหน้าตื่นตะลึง ใบหน้าเนียน
ซีดลงอย่างรวดเร็ว หล่อนไม่ได้ถามหาค�าอธิบายจากกวินด้วยซ�า ดวงตา
กลมโตเหลือบมองประณตเพียงครู่สนๆ แววปริวิตกกะเทาะผ่านปราการข้างใน ก่อนรีบเบนไปทางอื่นทันที กลับกลายเป็นเด็กหนุ่มต่างหากที่กล่าวต่ออย่าง ไม่สนใจใคร
"ผมลืมแนะน�าเหรอ เกล นี่อาประณต คุณอาของผมเอง"
ไอ้เด็ก...
หญิงสาวสะเทือนเลื่อนล่นอยู่ในใจคนเดียวท่ามกลางความพยายาม กลบซ่อนท่าทีกระอักกระอ่วนของเกวรา รายนั้นหน้าซีดเผือดคล้ายจะล้ม
อยู่รอมร่อแล้ว
มาลารินยกขวดไซเดอร์ในมือขนซดอึกๆ จนเกลยง ปล่อยให้อวลฟอง ชุลมุนพลุ่งพล่านลงท้องด้วยหวังจะกลบเสียงหัวใจครึกโครม ครั้นช�าเลือง ไปเห็นว่าดวงตาสีเทาคู่น้นก�าลังจับจ้องตนอยู่ก็ได้ให้มุ่นคิ้วพร้อมจ้องกลับ หมายมาดตอบโต้แต่เพียงสงัดงัน สายตาแบบนั้นหมายความว่าอย่างไร จะขุ่นเคืองอะไรกันนักหนาในเมื่อคืนนี้เธอให้อิสระเขาเต็มที่แล้ว...
"วิน ดูวิวตรงนั้นสิคะ สวยมากเลย"
เกวราตัดสินใจทา� ลายบรรยากาศขมึงตึงด้วยการเปลยนหัวข้อสนทนา หล่อนลากแขนร่างสูงไปยังขอบระเบียงก่อนชชวนดูระยับไฟเบองล่าง กีดกัน เด็กหนุ่มออกจากความเป็นไปได้อันจะลุกลามถึงอดีตอย่างสุดความสามารถ และทิ้งให้มาลารินกับประณตถูกปกคลุมด้วยความเงียบใบ้ดังเดิม
สายลมยามราตรีพลิ้วผ่านทั้งสองไปวูบสั้นๆ น�าความเย็นเข้าช�าแรก บรรยากาศหนักอึ้ง ก่อนที่ประณตจะค่อยๆ หันหน้ามาหาหญิงสาว ระบาย ลมหายใจอย่างคนที่ตกตะกอนความคิดกับจัดระเบียบอะไรต่อมิอะไรข้างใน เสร็จสิ้นแล้ว
"ลีรู้อยู่แล้วเหรอว่าเกลก�าลังคบกับวิน"
มันเป็นคา� ถามทไี่ ม่ได้คาดคนหรือเจือกระแสรวดร้าวประเภทใดเป็นพิเศษ หากกลับสร้างความรู้สึกอันยากจะตอบกลับหรือโกหกได้ คนถูกถามยมแหย น�้าเสียงของพี่ประณตบอกว่าเขาไม่ได้ต้องการค�าตอบจากเธอ ฟองพราย
จากไซเดอร์ในท้องยังผุดพล่านจนโลกของหญิงสาวเรมวูบไหว กระนนมาลาริน
ก็ยังลอบผินหน้าไปพินิจท่าทีฉอเลาะของเด็กสาวกับสายตาร้ายกาจสีเทา
ควันบุหรทเอาแต่จะฉายแววหยามเหยียดกับเกลียดชังโลกทงใบนน ก่อนจะได้
ให้ข�าพรืดออกมาเบาๆ ห้ามตัวเองไม่ได้ซ�้ายังไร้สาเหตุ หันมาอีกครั้งก็ เห็นแต่รอยยิ้มอบอุ่นของเจ้านายแบบที่ท�าให้เผลอยิ้มตาม
"ถ้าลีเป็นเกวรา ลีจะเลือกพี่ณตแทนเด็กบ้านั่น"
เสียงเอ่ยออกจะอ้อแอ้เล็กน้อยเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ มาลาริน พยักหน้าหงึกหงักยืนยันค�าพูดราวจะย�้าว่าเป็นความจริงทุกประการ
"ยังไงก็ต้องพี่ณตอยู่แล้ว...แต่เสียดายที่ลีไม่ใช่น้องเกล ลีไม่มีสิทธิ์ เลือกแทนเค้า"
กล่าวจบก็เอนตวไปตามทศทางพระพายพดิ ผานราวจะไหลกลนไปื่ ใน
ระบายสายลม หญิงสาวหลับตา ปล่อยให้ปอยผมเคลียคลอปรางแก้ม ใต้เวิ้งฟ้ามืดสนิทกับแว่วเสียงบทเพลงของคนหลงทาง มาลารินไม่รู้ว่า ถ้อยค�าของตนจะกลายเป็นผลึกติดค้าง และไม่รู้ด้วยซ�้าว่าชั่วขณะนั้น ประณตจะพึมพ�าตอบกลับมา...ด้วยถ้อยค�าเบาหวิวซึ่งมีแต่เขาเท่านั้น ที่ได้ยิน
"แสดงว่าถ้าเลือกได้...ลีจะเลือกพี่เหรอ"
68 ณ ภวังค์สุดฝ่ ังฟา้
5
บทที
ปัจจุบัน ประเทศไทย
ทันทีที่ประตูร้วขนาดใหญ่เปิดอ้าจากระบบอัตโนมัติ รถยนต์คันหรูก็ ทะยานเข้าสู่เขตบ้านตันติณรงค์ราวกับหอบพาด้วยแรงโทสะ ผ่านพนชนแฉะ จากสายฝนไปจอดหน้าตัวตึก ก่อนที่ร่างสูงของกวิน ตันติณรงค์ ทายาท คนโตจะก้าวลงมาพร้อมประกายตาคมกริบแบบที่ไม่มีใครกล้าสบมองคู่นนั มือหนาดึงเนกไทให้คลาย ค้างไว้แต่เพียงหลวมๆ และสิ่งเดียวที่เขาท�า ต่อจากนนก็คือการยืนนิ่ง ข่มกลืนลมหายใจหน่วงหนักอย่างเชื่องช้ากระทงั ดูสงบลง กับจดจ่อรอคอย ราวเสือในเร้นพรางของพุ่มหญ้า เขารู้วิธีการ สิบปี ที่ผ่านมาไม่ได้ผ่านไปโดยเสียเปล่ากับการบ่มเพาะเด็กวู่วามคนหนึ่งให้ กลายมาเป็นชายหนุ่มอย่างทุกวันนี้...
แล้วก็เป็นอย่างที่คาดไว้...ใช้เวลาไม่นานเลยตอนที่รถสปอร์ตสีขาว
ของกีรติขับตามเข้ามาเพียงเพอจะเห็นว่าคนเป็นพกา� ลังยืนรอตนอยู่ เด็กหนุ่ม
ผ้มกจะมทาทสดี่ี ใสกบออกจะดซอบรสทธเิุิ่ืู ์ ปนประจา็ � จบจ้องกวนดวยสายตา้ิ
แห่งค�าถามโดยไม่ปิดบัง ในระลอกบางอย่างก็ยังกระเพื่อมไหวด้วยโทสะ
อันหาได้ยากยิ่งอีกด้วย "แกรู้จักกับผู้หญิงคนนั้นนานแค่ไหนแล้ว"
ผู้มีล�าดับศักดิ์อย่างคนเกิดก่อนเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเหยียดเมื่อน้องชาย เดินเข้ามาใกล้ ขณะที่กีรติกลับเปิดเผยความไร้เล่ห์เหลี่ยมออกมาอย่าง ง่ายดายด้วยการเริ่มขมวดคิ้วชัดเจน
"ผมสิต้องเป็นฝ่ายถามว่าพี่รู้จักคุณลีได้ยังไง" "ฉันไม่จ�าเป็นต้องตอบแก" คนถูกย้อนว่าพลางไหวไหล่อย่างไร้แยแส สร้างความขุ่นมัวให้ฝั่ง
น้องชายจนต้องตอบโต้แบบเดียวกันบ้าง "งั้นผมก็ไม่จ�าเป็นต้องตอบพี่เหมือนกันครับ" "...กับผู้หญิงที่แก่กว่าเป็นสิบปี แถมยังมีลูกติดเนี่ยนะ" ร่างสูงสาวเท้าเข้าใกล้คู่สนทนาช้าๆ ขณะพินิจมองเข้าไปในประกายตา
กระจ่างใสอย่างที่ไม่เคยถูกท�าร้ายให้แตกร้าวสักครั้งในชีวิตคู่น้น ก่อน แค่นเสียงหัวเราะทั้งที่ไม่มีเรื่องใดให้ข�าสักนิด
"แกไม่รู้อะไรเลยกีรติ...ไม่รู้อะไรแม้แต่อย่างเดียว" ใช่...กีรติไม่รู้อะไรเลย เด็กคนนี้เกิดมาอย่างสมบูรณ์พร้อม ท่ามกลาง
ความอบอุ่นซึ่งถูกจุนเจือไม่เคยขาดของทั้งพ่อ แม่ และย่า เขาคาดไม่ถึง หรอกว่าโลกใบนี้มันอุบาทว์บัดซบแค่ไหน และคงไม่คิดว่าใครต่อใครที่ เดินพล่านไปมาแทบจะชนกันบนท้องถนนนั่นก็ด้วย...ปลิ้นปล้อน ตลบตะแลง กับเอาแต่จะฉีกเฉือนกันและกันอย่างไร้ความปรานีเมอมีโอกาส กีรติไม่รู้อีกว่าฉากชีวิตงดงามที่เขาวางใจเหล่านนจะต้องพังครืนลงต่อหน้า ต่อตาในสักวัน เพราะไม่มีอะไรเลยในโลกนี้ที่จะเป็นนิรันดร์...ทั้งผู้คน ความรัก หรือค�าสัญญา...
"พี่วินหมายความว่าไง"
เด็กหนุ่มจ้องมองอีกฝ่ายพร้อมสีหน้ากังขา ขณะที่สายลมหอบหนึ่ง
พลันวูบผ่านสวนด้านหลังพัดเอาหยาดฝนคั่งค้างบนต้นไม้ใหญ่ให้พรูพร่าง ลงสู่พนเบองล่าง ทงเอาไว้แต่ยอดใบเปียกปอนกับเสียงซ่าๆ ต่อกันเป็นทอดๆ
"มีเรื่องอะไรที่ผมไม่รู้..." "ตาติ"
บทสนทนาชะงักลงเพียงเท่านั้น เมื่อบริเวณโถงในบ้านพลันปรากฏ ร่างอวบอิ่มของสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งก�าลังก้าวเดินอย่างแช่มช้อยเข้ามาหา ท้งสอง ชะงักในท่าทีเล็กน้อยคล้ายสัมผัสถึงบรรยากาศหนักอึ้งบางอย่าง
กระนนหล่อนกพ็ ินจกวนกับบุตรชายของตนต่ออีกชวั ขณะสนๆ ก่อนระบายยมิ ด้วยท่าทางใจดี
"มีอะไรกันรึเปล่าจ๊ะ" ดวงตาสีเทาของชายผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดทางสายเลือดกับอีกฝ่าย
พลันสลัดทิ้งห้วงอารมณ์ท้งหมด แล้วกลับมาปกคลุมตนเองด้วยม่านเงา
บางอย่างอีกครง คลุมเครือ ยากจะอ่านออก ก่อนกระตุกมุมปากในเสยววินาท
เมื่อเอ่ยตอบเสียงเรียบ "ลองถามลูกชายคุณน้าดูสิครับ"
เขากล่าวทั้งๆ ที่รู้ว่าค�าพูดของตนจะสร้างหลุมพรางแห่งความสงสัย ลงในใจคนฟังอย่างไม่อาจเป็นอื่นไปได้ ก่อนจะสลับมองสองแม่ลูกเพียง แวบสั้นๆ แล้วเดินเข้าบ้านโดยไม่หันกลับมาอีก
กระท่งเจ้าของร่างสูงเดินหายไปแล้วนั่นแหละ คุณนัยนาหรือที่กวิน เรียกอย่างห่างเหินว่า 'คุณน้า' จึงลอบมองประกายตาว้าวุ่นของบุตรชาย ก่อนแตะเบาๆ ที่แขนเพื่อกระซิบถามอย่างอ่อนโยน
"ทะเลาะอะไรกันรึเปล่าลูก" "...เปล่าฮะ"
กีรติไม่ได้สบตามารดาขณะตอบ และทั้งๆ ที่ไม่อยากยอมรับสักนิด ทว่าความจริงก็คือเขาก�าลังติดเข้าไปในกับดักแห่งความสงสัยซึ่งถูกวาง
กระจายอย่างยากจะหาทางเลี่ยงหลบ...ท้งจากกวิน คุณมาลาริน หรือ แม้กระทั่งตัวเขาเอง...
เด็กชายศรันย์เพิ่งจะท�าการบ้านข้อสุดท้ายเสร็จพอดี ตอนที่ 'แม่ลี' ของเขาเดินเข้ามาในห้อง
หญิงสาวก้าวเดินเงียบเชียบเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ประจ�า เดียวดาย คล้ายกับห่อคลุมตัวเองจากโลกทงใบ และนานๆ ครงหรอกถึงจะยอมหัวเราะ ออกมาบ้าง จนบางคร้งศรันย์ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าแม่ก�าลังข�าจริงๆ หรือ ท�าไปเพื่อไม่ให้ตัวเองลืมว่าวิธีหัวเราะต้องท�าอย่างไรกันแน่ ถึงกระนั้นแม่ลี ของเขาก็ยังเป็นคนที่ใจดีที่สุดเสมอมา...เป็นแม่ผู้คอยเลี้ยงดูเขาอย่าง ไม่รู้ล้ารู้หน่ายตั้งแต่ลืมตาเกิดจนถึงยามนี้...แต่เพียงผู้เดียว
ศรันย์เก็บสมุดการบ้านใส่กระเป๋านักเรียน ก่อนจะรีบกระโดดแผล็วขนไป บนเตียงโดยไม่ต้องให้บอกด้วยซ�้า เพื่อจะได้ใช้ดวงตากลมโตสีด�าคู่นั้น ช้อนขึ้นจับจ้องมารดาอย่างน่าชังพลางเอ่ยถาม
"คุณยายนอนแล้วเหรอฮะ"
มาลารินพยักหน้ารับ เธอหันไปมองโต๊ะที่ไม่มีสมุดการบ้านค้างคา ครู่สั้นๆ ขณะเอื้อมตัวไปปิดหน้าต่างบนหัวเตียง
"ท�าการบ้านเสร็จหมดแล้วเหรอรัน" "เสร็จหมดแล้วครับ"
เด็กชายพยักหน้ารับอย่างกระตือรือร้น ก่อนเอนตัวลงนอนเพื่อรอให้ แม่ห่มผ้าให้ นี่คือช่วงเวลาที่ศรันย์โปรดปรานที่สุด แม่ลีจะคลี่ผ้าห่มซึ่งถูก
พับเก็บอยา่ งเรยบร้อยจากปลายเตียงขนมาทาบทับลงบนอกเขาพอดิบพอด
ก่อนจะจัดนู่นจัดนี่ไปรอบๆ เพื่อให้ม่ันใจว่ามันจะคลุมตัวเขาไปตลอดคืน จนถึงเช้า และบางที...หากแกล้งหลับเร็วหน่อย ศรันย์จะรู้ด้วยว่าแม่แอบ จุมพิตแผ่วเบาลงบนหัวของเขาก่อนออกจากห้องไปอย่างเงียบงัน
ทว่าคืนนี้กลับแตกต่างออกไป เรื่องราววุ่นวายเมื่อตอนบ่ายแก่ยัง ติดค้างอยู่ในใจเด็กชาย ดังนนทันทีทผ้าห่มถูกวางทาบตัว ศรันย์ก็คว้าเรียวมือ ของผู้เป็นมารดามากุมแน่น ขณะที่ดวงตาคู่โตยังคงช้อนขึ้นสบมองอีกฝ่าย ด้วยความเป็นห่วงอย่างไม่ปิดบัง
"ยังเจ็บอยู่มั้ยฮะ"
เพียงเท่านั้น ใบหน้าอันคลุมเครือแววเฉยชาอยู่เสมอของมาลารินก็ ระบายเงารางของความเอ็นดูออกมา หญิงสาวเออมมือไปลูบเรือนผมเส้นเล็ก ดุจสายไหมแผ่วเบาราวจะกล่อมฝันคนตรงหน้า แล้วเหลือบมองแผลที่เท้า ของตนแวบสั้นๆ ก่อนตอบ
"ไม่เจ็บแล้ว" ริมฝีปากอมยกมุมหยักขนจาง "แผลแค่นเอง เดยวก็หาย"
อาจเพราะเป็นเด็ก คงจะอย่างนน ศรันย์จึงเชอคา� ของมารดาโดยทันท
ซ�้ายังแย้มยิ้มวางใจ เด็กชายไม่คิดถามอะไรหรือกระทั่งว่าใครคือชายที่ เข้ามาแสดงอาการเกรี้ยวกราดคนน้น เขาค่อยๆ หลับตาลงเชื่องช้าแล้ว ร่วงลงสู่ความง่วงงุนจากการถูกลูบเรือนผม ผลุบหายเข้าไปในลา� นา� ความฝัน สักเรื่องอย่างง่ายดาย ทงยังไม่เข้าใจตัวเองด้วยซ�า้ ว่าแท้จริงแล้ว 'ความเจ็บ' ที่ตนสื่อถึงไม่ใช่แผลเศษแก้วบาด...หากเป็นรวดร้าวบางอย่างข้างในซึ่ง มักจะลักลอบปรากฏผ่านแววตาในโมงยามที่แม่ของเขาไม่รู้ตัวต่างหาก
ศรันย์ไม่รู้ หรือต่อให้รู้...ความเจ็บปวดที่หญิงสาวก�าลังแบกรับก็ยัง มากเกินกว่าที่เด็กวัยสิบขวบจะจินตนาการถึงอยู่ดี
ใช้เวลาต่ออีกสักพักกว่าจะแน่ใจว่าคนตัวเล็กร่วงลงสู่นิทราฝันแล้ว จริงๆ มาลารินจ้องมองใบหน้าเกลยงเกลาชวนเอ็นดูของเด็กชายในความมืด
ต่ออีกช่วครก่ ่อนจะคอยผละออกจากหอง้่ กาวเดนผานเงาสล่ิ้ วและสงดเงยบี
ของค�่าคืนอย่างเดียวดายไปในบ้านซึ่งยังเหลือเพียงเธอที่ยังตื่น หญิงสาว
ทงิ ตวั ลงบนเก้าอโ้ ยกรมหน้าต่างอย่างคนไร้เรยวแรง มองผ่านความมืดออกไป
มีเพียงเงาจันทร์อ้างว้างซึ่งสาดกระทบร้อยพันดอกใบชื้นชุ่มในสวน สายฝน
เมื่อตอนบ่ายทิ้งเอาไว้แต่หยดน�า้ ใสกระจ่างปลายยอด ระริกไหวจนแวบหนึ่ง ก็ดูราวกับต้นไม้ก�าลังร�่าไห้ หรือบางที...พวกมันอาจหลั่งน�้าตากันอยู่จริงๆ ก็ได้
เมี้ยว... แมวอ้วนพาตัวเองเข้ามาถูไถกับเรียวขาของมาลารินอย่างเชื่องช้า
มันเหลือบดวงตาสุกสกาวราวกับนวดาราคู่นั้นขึ้นมามองเธอครู่ส้นๆ ก่อน ผละออกไปขดม้วนบนโซฟาเยื้องกันราวรู้ว่าก�าลังจะเกิดอะไรขึ้น
และมันก็เกิดขนจริงๆ ตอนนนเอง เฉกเช่นเคยเป็นตลอดสิบปีทผ่านมา โดยไร้สุ้มเสียง ท่ามกลางม่านเงาแสนเศร้าซึ่งไม่เคยมีใครรับรู้...มาลารินก็ ร้องไห้ สนสะอื้นอย่างเงียบเชียบ ล่มร้างภายใต้แสงจันทร์ส่องกับหยาดหยด ความทรงจ�าพรูพร่างประดังประเด
สิ่งที่เคยเกิดขึ้น สิ่งที่เคยรู้สึก ความผิดพลาดและรอยน�้าตาร่วงหล่น ลงมาไม่ขาดดุจสายฝน
ใช้เวลาสักระยะหนึ่งกว่าที่หญิงสาวจะสูดลมหายใจลึก เงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นว่าแมวอ้วนหลับตาลงไปแล้ว...แต่มันไม่ได้หลับหรอก เธอรู้ดี มันก็แค่ เบื่อจะมองมนุษย์หน้าโง่อย่างเธอร้องไห้ต่างหาก
ริมฝีปากอิ่มค่อยๆ ยิมหยนขณะหยบโทรศพิ ทมอถอออกมาืื์ แสงจาก
หน้าจอสเหลยมสาดสะท้อนให้หยดนา�้ ตาทยังไหลร่วงกลายเป็นสีอะความารีน
ตอนที่เธอกดโทรออก แล้วรอคอยกระทั่งปลายสายตอบรับ
"พณต..." รสขมๆ ข้างในตีรนจนต้องข่มกลนในครู่ขณะ "เค้าเจอลีแล้ว" มาลารินกระซิบแผ่วเจือก้อนสะอื้นจนสากเครือใต้ม่านเงาสลัวรางนนั
อย่างเดียวดาย...
ติดตามความสนุกเพิ่มเติมได้ที่