ร์ รหัสประจําตัว B5407750
อุปกรณ์เฝ้ าระวงสัญญาณรบกวนในxxxxสื่อสารการบิน
นางสาวอารปภา บุญเพช
โดย
ร์ รหัสประจําตัว B5407750
นางสาวอรทย
xxxxxxเพย
ร รหัสประจําตัว B5409433
xxxxxxxxxxxxxxxx โฮมจุมจ รหสปั ระจําตัว B5418497
รายงานนีเ้ ป็ นส่วนหนึ่งของการศึกษาวิชา 527499 โครงงานศึกษาวิศวกรรมโทรคมนาคม
หลกสูตรวิศวกรรมศาสตรบ ฑติ xxxxxชิ าวศวิ กรรมโทรคมนาคม หลกสูตรปรบปั รุง พ.ศ. 2554
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx xxxxxxxxxxเทคโนโลยีสรxxx xx
ประจําxxxxxxศึกษาที่ 3 ปี การศึกษา 2557
ก
กตติกรรมประกาศ
โครงงานxxxxxxสาเร็จลุล่วงไปดว
ยดี เน่ืองจากไดร้ ับความxxxxxจากท่านอาจารยท
ี่ปรึกษา
โครงงาน ผxx
xวยศาสตราจารย์ xx.xxxxxxxx xxxxx ท่านไดให้ความช่วยเหลือเก่ียวกบ
แนวคิดการ
แกป
ัญหาท่ีเกิดข้ึน และดูแลเอาใจใส่ติดตามผลงานอย่างใกลช
ิด ช้ีแนะขอ
บกพร่องตลอดจนช่วย
ฝึ กฝนและการสนบ
สนุนคณะผจู้ ด
ทาโครงงาน ใหม
ีความxxxxxxในการทาโครงงานจนสาเร็จ
ขอขอบพระคุณอาจารยและบุคลากรสาขาวิชาวิศวกรรมโทรคมนาคมทุกทา่ x xxxให้ความ
ช่วยเหลือแก่คณะผูจัดทาโครงงานมาโดยตลอด xxxxxxxx xxxxxxx นักศึกษารุ่นพี่วิศวกรรม
โทรคมนาคมxxxxxxแนะxxx และใหความรู้ท่ีเป็ นประโยชน์ คณะผxxx xxxx โครงงานใครขอขอบพ่ ระคณุ
ทุกๆท่านxxxxxก
ล่าวไปแลว
ไว้ ณ ท่ีน้ี สําหรับส่วนดีของโครงงานxxxxxxx ขออุทิศให้แด่อาจารยทุก
ท่านxxxxxป ผานไปดว้
ระสิทธ์ิxxxxxxวิชาความรู้มาให้แก่คณะผูจด ยxx
xxโครงงานทาให้การทาโครงงานชิ้นน้
ผจดทา
นางสาวอารปภา xxxxxxxx
xxxxxxxxxx xxxxxxxxxxx
xxxxxxx xxxx xxxxx xxxxxxxxx
โครงงาน อุปกรณ์เฝ้ าระวงั สญญาณรบกวนในxxx xสอสาื่ รการบิน
จดทาโดย นางสาวอารปภา xxxxxxxx
นางสาวอรทย อารมยxxxxx
xxxxxxxxxxxxxxx xxxxxxxx
อาจารยท
ี่ปรึกษา ผxx
xวยศาสตราจารย์ xx. xxxxxxxx xxxxx
สาขาวิชา วิศวกรรมโทรคมนาคม
xxxxxxศึกษาที่ 3/ 2557
บทคดย่อ (Abstract)
อุปกรณ์เฝ้ าระวงั สัญญาณรบกวนในxxxxสื่อสารการบิน คือ อุปกรณ์ตนแบบที่จะxxxxxx
ลดปัญหาการใชทรพั ยากรบุคคลในการลงพื้นที่สา˚ รวจพื้นที่ทางสานกงาน กสทช. โดยกระบวนการ
ทางานที่ทา˚ ใหส
ิ้นxxxxxxทรัพยากรบุคคลของสานกงาน กสทช. โดยจะจด
ต้งั หอ
งปฏิบต
ิการทดสอบ
เครื่องส่งจะทา˚ การตรวจสอบและคน
หาxxxxxxxxxxxxxมิไดร้ ับอนุญาตในเขตพ้ืxxxxน้น
แต่ปัญหาในการ
ตรวจสอบคือxxxxxxระบุคลื่นความถี่ที่รบกวนไดอ
ย่างชด
xxxแต่ไม่xxxxxxระบุพิกด
พ้ืxxxxของ
คลื่นความถี่น้นั จา˚ เป็ นตองทา˚ การออกส˚ารวจในพ้ืxxxxเขตรับผิดชอบและพ้ืxxxxxxxออกส˚ารวจจะใช
ทรัพยากรบุคคลเป็ นจา˚ นวนมากxxxxxxแจง้ เตือนว่ามีผลู ก
ลอบใชค
วามถี่โดยมิไดร้ ับอนุญาตทางคณะ
จดทา˚ โครงงานน้ีข้ึนมาทางโดยทางผูจด
ทา˚ ไดส
ร้างอุปกรณ์ที่xxxxxxช่วยลดปัญหาดง
กล่าวได
ลักษณะการทา˚ งานของอุปกรณ์xxxxxxxxxxxxxติดต้งั อุปกรณ์ไวต
ามพ้ืxxxxต่างๆและยง
xxxxxx
ตรวจสอบคน
หาสถานีที่กา˚ ลงั ออกอากาศอยใู่ น ณ ขณะน้น
ซ่ึงผตู
รวจสอบxxxxxxตรวจสอบเครื่อง
น้ีได้ผ่านทางระบบเครื อข่ายอินเตอร์เน็ตไม่จ˚าเป็ นต้องอยู่ในพ้ืxxxxน้ันท˚าให้xxxxxxxxxxx ประสิทธิภาพในการคนหาได้
สารบัญ
เรื่อง หน้า
กิตติกรรมประกาศ ก
บทคดยอ่ ข
สารบัญ ค
สารบญ สารบญ บทที่
รูปภาพ ฉ
ตาราง ญ
1 บทนํา 1
1.1 ความเป็ นมาและความสาคญของปญหั า 1
1.2 วตถุxxxxxxx 2
1.3 ขอบเขตการดาเนินการ 2
1.4 ข้นตอนการxxx เนินงาน 2
1.5 ประโยชนคาดวาจะ่ ไดร้ ับ 2
2 ทฤษฎีพนื
ฐานที่เกย
วข้อง 3
2.1 กล่าวนํา 3
2.2 มาตรฐานทางเทคนิคของเครื่องส่งวิทยก
2.3 ระบบสื่อสารวิทย ุ
ระจายเสียงสาหรับชุมชน 4
10
2.3.1 การผสมคลื่นทางความสูงหรือแบบ AM (Amplitude Modulation) 10
2.3.2 การผสมคลื่นทางความถี่หรือแบบ FM (Frequency Modulation) 11
2.3.3 การผสมคลื่นทางเฟสหรือแบบ PM (Phase Modulation) 12
2.3.4 การผสมสญญาณรหสพลส์ (PMC) 12
2.3.5 การแยกคลื่นสญ
2.3.6 การแยกคลื่นสญ
2.3.7 คลื่นเสียงวิทย ุ
ญาณแบบผสม AM 13
ญาณแบบผสม FM และ PM 14
14
2.3.8 คลื่นวิทยุ 1
สารบัญ (ต่อ)
เรื่อง หน้า
บทที่
2.4 โมดูลเครื่องรับวิทยุ FM สาํ หรับไมโครคอนโทรลเลอร์ 16
2.4.1 xxxxxบติที่สาํ คญั 17
2.4.2 การทางาน 18
2.4.3 รีจิสเตอร์ควบคุมการทางานของโมดูลวิทยxxxเอม็ 19
2.4.4 การติดต่อกบบอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ 25
2.4.5 การใชงานของxxxเอมโมดูล 26
2.5 การเชื่อมต่ออุปกรณ์แบบ I2C 2.5.1 การเชื่อมต่ออุปกรณ์แบบ I2C 27
2.5.1 การการเช่ือมต่ออุปกรณ์แบบ I2C 27
2.5.2 การเขียน-อ่านขอมูลแบบ I2C 28
2.5.3 การรับ-ขอมูลแบบI2C BUS MCU 28
2.5.4 การกาํ หนดสถานะเริ่มตนและสถานะส้ินสดแบบุ I2C BUS 28
2.5.5 รหสควบคมของุ I2C BUS 29
2.5.6 ช่วงเวลาxxxxxxบิตขอมูลของ I2C BUS 29
2.6 บอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ Arduino UNO R3 30
2.6.1 xxxxxบติของบอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ Arduino UNO R3 32
2.6.2 การใชง้ านของบอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ Arduino UNO R3 33
2.7 โปรแกรม Visual Basic 2010 34
2.8 โปรแกรม Team Viewer 35
3. การออกแบบอุปกรณ์เฝ้ าระวงสัญญาณในxxxxสื่อสารการบิน 36
3.1 กล่าวนํา 36
3.2 องคป
ระกอบและหลก
การทางานของอุปกรณ์เฝ้ าระวงสญ
xxxxxxxxสื่อสาการบิน 37
3.2.1 การควบคุมการxxx งานของโมดูลวิทยเุ อฟเอม็ 38
3.2.2 การออกแบบคาส่งสาหรับควบคุม 40
3.2.3 การเขียนโปรแกรมคาส่งควบคุม 45
3.2.4 การออกแบบโปรแกรมxxx สงั่ ควบคุม 50
สารบัญ (ต่อ)
เรื่อง หน้า
บทที่
4. การใช้งานและการทดสอบอุปกรณ์ต้นแบบ 58
4.1 กล่าวนํา 58
4.2 การติดต้งั และการใชงานอุปกรณ์รับสญญาณวิทยุ 58
4.3 การใชงาน 69
4.4 การใชงานเครื่องรับวิทย 73
4.5 การใชงานโปรแกรม Team Viewer 75
4.6 การทดสอบการรับสญญาณวิทยใุ นชองคว่ ามถต่ี่ างๆ 78
4.6.1 ทดสอบรับคลื่นสัญญาณวิทยข
องอุปกรณ์ตน
แบบเปรียบเทียบกบ
เครื่องรับวิทยทว่ ไป 79
4.6.2 การทดสอบการคน
หาสถานีแบบอตโนมต
ิของอุปกรณ์ตน
แบบ
เปรียบเทียบกบ
วิทยท
วไป 82
4.6.3 การทดสอบการคน
หาสถานีแบบอตโนมต
ิของอุปกรณ์ตน
แบบ 84
4.7 สรุป 86
5. ข้อสรุปของโครงงาน 87
5.1 กล่าวนํา 87
5.2 ปัญหาที่พบและแนวทางในการแกไขปัญหา 87
5.3 ขอเสนอแนะ 88
5.4 แนวทางการพฒนา 89
5.5 บทสรุปของโครงงาน 89 บรรณานุกรม 90 ภาคผนวก 91
ประวติผเู ขยนี 99
สารบัญตาราง
ตารางที่ หน้า
2.1 แสดงขอ
2.2 แสดงขอ
2.3 แสดงขอ
2.4 แสดงขอ
2.5 แสดงขอ
มูลของรีจิสเตอร์0x02 20
มูลของรีจิสเตอร์0x03 21
มูลของรีจิสเตอร์0x04 22
มูลของรีจิสเตอร์0x05 23
มูลของรีจิสเตอร์0x06 23
2.6 แสดงขอ
มูลของรีจิสเตอร์0x0A และ แสดงขอ
มูลของรีจิสเตอร์0x0B 24
4.1 แสดงการทดสอบรับคลื่นสญ
ญาวิทยข
องอุปกรณ์ตน
แบบเปรียบเทียบกบ
เครื่องรับวิทยทวไป 79
4.2 แสดงสรุปผลการทดสอบอุปกรณ์ตน
แบบเปรียบเทียบกบ
เครื่องรับวิทยท
วั ไป 82
4.3 แสดงการทดสอบการคน
หาสถานีแบบอตโนมต
ิของอุปกรณ์ตน
แบบ
เปรียบเทียบกบ
วิทยท
วไป 83
4.4 แสดงสรุปผลการทดสอบการคน
หาสถานีแบบอตโนมต
ิของวิทยท
วั ไป 84
4.5 แสดงการทดสอบการคน
หาสถานีแบบอตโนมต
ิของอุปกรณ์ตน
แบบ 84
4.6 แสดงสรุปการทดลองใชอ
ุxxxxxตน
แบบในการคน
หาสถานีวิทยแ
บบอตโนมต
ิ 85
สารบัญรูปภาพ
รูปที่ หนา
2.1 แสดงการแบ่งช่องความถี่สญ
xxxxxxxx
ะบบ FM 6
2.2 แสดงขีดจา˚ กดการแพรนอก่ แถบ 7
2.3 แสดงการ Intermediation Spectrum 9
2.4 แสดงหลก
การส่งขอ
มูลข่าวสารทางคลื่นวิทยุ 10
2.5 แสดงการผสมคลื่นทางความสูงหรือแบบ AM (Amplitude Modulation) 11
2.6 แสดงการผสมคลื่นทางความถี่หรือแบบ FM (Frequency Modulation) 11
2.7 แสดงลกษณะการผสมคลื่นทางเฟส PM (Phase Modulation) 12
2.8 แสดงลกษณะการผสมสัญญาณแบบรหสพลส์PCM 13
2.9 แสดงลกษณะการแยกคลื่นสัญญาณผสมแบบ AM (Amplitude Modulation) 13
2.10 แสดงลกษณะคลื่นเสียงที่หูเราxxxxxxxxยนได้ 14
2.11 แสดงลกษณะการส่งคลื่นวิทยเุ xxxม็ 15
2.12 แสดงลกษณะการส่งคลื่นแบบxxxเอม็ 16
2.13 FM Module เบอร์ RDA5707SS 16
2.14 แสดงหนา้ ตาและการจดขาและหxxx xxxขาใชง้ านท้งั หมดของ FM 17
2.15 แสดงไดอะแกรมการทางานภายในของxxxx RDA5707SS ที่ใชในโมดูล 19
2.16 แสดงตวอยา่ งวงจรเชื่อมต่อไมโครคอนโทรลเลอร์อยา่ งง่ายที่สดุ เพื่อใชง้ านโมดลวู ิทยุ FM 25
2.17 แสดงภาพส่วนประกอบของ FM Module เบอร์ RDA5707SS 26
2.18 แสดงลกษณะการเชื่อมต่ออปุ กรณ์แบบ I2C BUS 27
2.19 แสดงรูปแบบการเขียน/อ่านขอมูลแบบ I2C BUS 29
2.20 แสดง I2C BUS START และ STOP Condition 28
2.21 แสดง I2C BUS (Control Byte) 29
2.22 แสดงการxxxxxxบิตขอมูลของ I2C BUS 29
2.23 แสดงบอร์ด Arduino UNO R3 30
2.24 แสดงส่วนประกอบของบอร์ด Arduino UNO R3 31
2.25 แสดงการใชงานของบอร์ด Arduino UNO R3 33
2.26 แสดงโปรแกรม Visual Basic 2010 34
3.1 แสดงภาพรวมของระบบเฝ้ าระวงั สญญาณรบกวนในxxx xสอสาื่ รการบิน 36
3.2 แสดงxxxx
xxxxxxxxระบบเฝ้ าระวงั สญ
ญาณรบกวนในxxx xสื่อสารการบิน 37
3.3 แสดงการควบคุมการทา˚ งานของ FM Module RDA5807SS 39
3.4 แสดงแผนผงั การออกแบบคา˚ ส่งั ควบคุม 41
3.5 แสดงหนา้ ต่างการใชง้ านของโปรแกรมควบคุม 45
3.6 แสดงการต้งั ค่า Board 46
3.7 แสดงการต้งั ค่า Port 46
3.8 แสดงการเขียนโปรแกรมลงบนหนา้ ต่าง IDE 47
3.9 แสดงการคอมไพลโปรแกรม 47
3.10 แสดงขอ
ความการคอมไพลไ
ม่สา˚ เร็จ 48
3.11 แสดงขอความการ XXXXXX โปรแกรม 48
3.12 แสดงการ XXXXXX โปรแกรม 49
3.13 แสดงขอความการ XXXXXX โปรแกรมไม่สา˚ เร็จ 49
3.14 แสดงหนา้ ต่างการใชง้ านโปรแกรม 50
3.15 แสดงฟังกชนการใชxx xxxxxสรา้ งโปรแกรม 51
3.16 แสดงหนา้ ต่างการใชง้ านโปรแกรม 51
3.17 แสดงการสร้าง Object 52
3.18 แสดงรายละเอียดของฟอร์ม 52
3.19 แสดงหนา้ ต่างการเขียนโคดควบคมุ 53
3.20 แสดงหนา้ ต่างการกา˚ หนดหรือแกไ
ขโคด
คา˚ สงั่ ควบคุม 53
3.21 แสดงหนา้ ต่างการออกแบบโปรแกรมคา˚ สงั่ ควบคุม 54
3.21 แสดงหนา้ ต่างแสดงผลส่วนที่หน่ึง 54
3.22 แสดงหนา้ ต่างโปรแกรมคา˚ ส่งั ควบคุมส่วนที่สอง 55
3.23 แสดงหนา้ ต่างโปรแกรมคา˚ ส่งั ควบคุมส่วนที่สาม 55
3.24 แสดงหนา้ ต่างโปรแกรมคา˚ ส่งั ควบคุมส่วนที่สี่ 56
3.25 แสดงการรันโปรแกรมเพื่อทดสอบ 57
3.26 แสดงการรันโปรแกรมเพื่อทดสอบเมื่อxxxxxxx Error 57
3.27 แสดงหนา้ ต่างเมื่อรันโปรแกรมสา˚ เร็จเรียบร้อย 57
4.1 แสดงการยดสายอากาศ 59
4.2 (ก) การเชื่อมต่อสาย Audio Output ที่อุปกรณ์ 59
(ข) การต่อสาย Audio Output เขา้ กบชอง่ Line in ของคอมพิวเตอร์ 59
4.3 (ค) การเชื่อมต่อสาย USB ที่อุปกรณ์ตนแบบ 60
(ง) การเชื่อมต่อสาย USB เขา้ กบเครองื่ คอมพิวเตอร์ 60
4.4 แสดงการเลือกโหมด 60
4.5 แสดง Stereo Mix 60
4.6 แสดงการต้งั ค่าเสียงคอมพิวเตอร์ 61
4.7 แสดงการต้งั ค่าเสียงใหดงั 61
4.8 แสดงการต้งั ค่าเสียงในกรณีที่ชื่ออุปกรณ์ไม่ปรากฏ 62
4.9 แสดงการทดสอบ Line In 62
4.10 แสดงการเลือก Line In 63
4.11 แสดงการเลือก Line In xxxxx 63
4.12 แสดงวิธีการติดต้ง
4.13 แสดงวิธีการติดต้ง
Device (1) 64 Device (2) 65
4.14 แสดงทา˚ การลง Device 65
4.15 แสดงการเลือกตา˚ แหน่งไฟล์ 66
4.16 แสดงรูปการปรากฏตา˚ แหน่งไฟล์ 67
4.17 แสดงกดเลือกคา˚ ส่งั เพื่อดา˚ เนินการต่อ 67
4.18 แสดงการติดต้งั สา˚ เร็จ 68
4.19 แสดง Com Port 68
4.20 แสดงหนา้ ต่างการออกแบบโปรแกรมคา˚ สงั่ ควบคุม 69
4.21 แสดงการเลือก COM Port 70
4.22 แสดงการเลือก Baud Rate 70
4.23 แสดงการเลือก Connect 71
4.24 แสดง Status การเชื่อมต่อ 71
4.25 แสดงสถานะ Receiver Status 72
4.26 แสดงการเร่ิมระบบใหม่ 72
4.27 แสดงการเลื่อนแทบความถี่ 73
4.28 แสดงการป้ อนตวเลขความถี่ 73
4.29 แสดง SCAN UP 74
4.30 แสดง SCAN DOWN 74
4.31 แสดงหนา้ ต่างโปรแกรม Team Viewer (1) 75
4.32 แสดงหนา้ ต่างโปรแกรม Team Viewer (2) 76
4.33 แสดงหนา้ ต่างการใชง้ าน Control Remote Computer 76
4.34 แสดงหนา้ ต่าง Team Viewer Authentication 77
4.35 แสดงการเชื่อมต่อเสร็จหนา้ จอของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดต้งั อยู่กบเครื่องรับวิทยุสื่อสาร77
4.36 แสดงเมนู View 78
4.37 แสดงตา˚ แหน่งของการทดสอบในพ้ืxxxxบริเวณอาคารสุรนิทศน์ 78
บทที่ 1
บทนํา
1.1 ความเป็ นมาและความสําคญของปัญหา
ในปัจจุบนพบว่าได้มีการอนุญาตให้มีผูทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงหรือเดิม
เรียกว่า “วิทยุชุมชน” มีการจดต้งั สถานีวิทยุกระจายเสียงในxxxxความถี่ 87.50 - 107.50 MHz ซึ่ง
สถานีวิทยุมีท้งไดร้ ับรับอนุญาตxxxxxxxxรับอนุญาตจากสํานกงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) ซึ่งเป็ นสาเหตุสําคญxxxxxx ให้xxxxxxx
รบกวนxxxxxxxxxxxxxใชใ้ นกิจการควบคุมการจราจรทางอากาศ เน่ืองจากการxxxxxxxxเกิดข้ึนทําให
การสื่อสารระหว่างxx
xxxกบ
ศูนยค
วบคุมการจราจรทางอากาศภาคพ้ืนดินเกิดความไม่ชดxxx ส่งผล
กระทบต่อความปลอดภย
ทางการบิน อาจส่งผลใหเ้ กิดอุบต
ิเหตุร้ายแรงต่อชีวิตและทรัพยส
ินได
ถึงแมใ้ นปัจจุบน
สํานก
งาน กสทช. ไดม
ีการจด
ต้งั หองปฏิบต
ิการทดสอบเครื่องส่งวิทยุข้ึนเพื่อ
ลดปัญหาเครื่องส่งวิทยกระจายเสียงxxxxxxไดม
าตรฐานและนอกจากน้ีสานก
งาน กสทช. กาํ หนดใหผู
ท่ีมีความประสงคท
ี่จะทดลองประกอบกิจการวิทยกระจายเสียงจะต้องขอขึ้นทะเบียนกบสาํ นก
งาน
กสทช. เพื่อจด
ต้งั สถานีวิทยุ แต่ยงมีผป
ระxxxxxxลก
ลอบใชความถี่โดยมิไดร้ ับอนุญาตเป็ นจาํ นวน
มาก xxx ใหป ต่อเนื่อง
ัญหาการรบกวนและปัญหาการลก
ลอบใชความถี่โดยมิไดร้ ับอนุญาตยงxxxxxxข้ึนอยา่ ง
ในปัจจุบน
ของสานก
งาน กสทช. จะxxx การตรวจสอบและคน
หาคลื่นวิทยxxxxxxxร้ ับอนุญาตใน
เขตพื้นที่น้น
แต่ปัญหาในการตรวจสอบคือxxxxxxระบุคลื่นความถ่ีที่รบกวนไดอยางชด
xxxแต่ไม่
xxxxxxระบุพิกด
พื้นที่ของคลื่นความถ่ีน้น
จาเป็ นตองทาการออกสารวจในพ้ืxxxxเขตรับผิดชอบและ
พื้นที่ที่ออกสาํ รวจจะใชท
รัพยากรบุคคลเป็ นจาํ นวนมากxxxxxร้ ับการแจงเตือนว่าxxxxxxการลก
ลอบใช
งานคลื่นความถี่โดยมิไดร้ ับอนุญาต ซึ่งกระบวนการขา้ งตน และอาจมีการxxx เนินการxxxxxxxxx และไม่มีประสิทธิภาพ
น้ีxxx ให้เสียทรัพยากรบุคคลมากเกินไป
ดงน้ันทางคณะผูจด
ทาโครงงานตระหนักถึงปัญหา จึงxx
xxx โครงงานน้ีข้ึนมาทางโดยทาง
ผูจ
ดxxx xxส
ร้างอุปกรณ์ท่ีxxxxxxช่วยลดปัญหาดงกล่าวได้ ลก
ษณะการทางานของอุปกรณ์ชิ้นน้
xxxxxxติดต้งั อุปกรณ์ไวตามพื้นที่ต่างๆและยงxxxxxxตรวจสอบคนหาสถานีท่ีกาลงออกอากาศอย่
ใน ณ ขณะน้น
ซ่ึงผต
รวจสอบxxxxxxตรวจสอบเครื่องน้ีไดผ
านทางระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตไม่
จาํ เป็ นตอ
งอยใู นพ้ืxxxxน้น
ทาใหx
xxxxxxxxxxประสิทธิภาพในการคน
หาได
2
1.2 วตถประสงค์ุ
เพื่อศึกษาการออกแบบและสร้างอุปกรณ์เฝ้ าระวงสญ
1.3 ขอบเขตการดําเนินงาน
ญาณรบกวนในxxxสื่อสารการบิน
1.3.1 ศึกษาที่มาของปัญหา อุปกรณ์เฝ้ าระวงั สญญาณรบกวนในxxxสอสารกื่ ารบนิ
1.3.2 ออกแบบและสร้างอุปกรณ์เฝ้ าระวงสญญาณรบกวนในxxxสอสารกื่ ารบนิ
1.3.3 xxxxxxควบคุม และรับขอมูลข่าวสารผานระบบเครอข่ื ายอนิ เตอรเ์ น็ตได
1.3.4 ทดสอบชุดอุปกรณ์น้ีไดในสภาพแวดลอ
1.4 ขั้นตอนการดําเนินงาน
มจริง
1.4.1 ศึกษาคน
ควาขอ
มูลเบ้ืองตน
ที่เกี่ยวกบ
กิจการวิทยกระจายเสียงในประเทศไทย
1.4.2 ศึกษาคน
ควาขอ
มูลเกี่ยวกบ
อุปกรณ์ที่ใชใ้ นโครงงาน
1.4.3 ออกแบบและสร้างอุปกรณ์แลว
นาไปใชท
ดสอบจริง
1.4.4 สรุปผลการทดลองเขียนรายงาน และนาเสนอโครงงาน
1.5 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.5.1 สร้างอุปกรณ์เฝ้ าระวงสญ
ญาณรบกวนในxxxสื่อสารการบิน
1.5.2 อุปกรณ์เฝ้ าระวงสญ
ญาณรบกวนในxxxสื่อสารการxxx xxทาใหป
ระหยด
ทางดาน
งบประมาณ ประหยด
ทางดานบุคลากร ประหยด
เวลา
1.5.3 ไดร้ ับความรู้ทางดานการเขียนโปรแกรมลงบอร์ด Arduino UNO R3
1.5.4 xxxxxxบูรณาการเอาความรู้จากวิชาต่าง ๆ xxxxxร้ ับมาจดทาโครงงาน
1.5.5 xxxxxxนําอุปกรณ์ท่ีประกอบแลวมาทดสอบใช้งานจริงเพื่อให้ได้ตามวตถปุ ระสงค
ทฤษฎพ
บทที่ 2
นฐานทเี่ กยวข้อง
2.1 กล่าวนํา
ในบทน้ีจะกล่าวถึงทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการอออกแบบและสร้างอุปกรณ์ต้นแบบ ของอุปกรณ์เฝ้ าระวงสัญญาณรบกวนในxxxxสื่อสารการบิน โดยแนวคิดน้ีเร่ิมจากสํานักงาน
คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) ไดม
คลื่นวิทยุเขามาxxxxxxxxใชใ้ นกิจการควบคุมการจราจรทางอากาศทาให้การส่ือสารระหว่างxxxxx
กบศูนยค
วบคุมการจราจรทางอากาศภาคพื้นดินเกิดความไม่ชด
xxx ส่งผลกระทบต่อความปลอดภย
ทางการบิน อาจส่งผลใหเ้ กิดอุบต
ิเหตุร้ายแรงต่อชีวิตและทรัพยส
ินถึงแมส
าํ นก
งาน กสทช. ไดม
ีการ
จดต้งห้องปฏิบติการทดสอบเครื่องสงวิทยุ่ ขึ้น เพื่อลดปัญหาเครื่องส่งวิทยุกระจายเสียงxxxxxxได
มาตรฐาน และนอกจากน้ียังกําหนดให้ผู้ที่มีความxxxxxxxxxxจะทดลองประกอบกิจการ วิทยุกระจายเสียงจะต้องขอข้ึนทะเบียนกับสํานักงาน กสทช. เพื่อจัดต้ังสถานีวิทยุแต่ยงมี
ผูประกอบการลก
ลอบใชค
วามถี่โดยมิไดร
ับอนุญาตเป็ นจานวนมาก ทาให้ปัญหาการรบกวนและ
ปัญหาการลก
ลอบใช้ความถี่โดยมิได้รับอนุญาตยง
xxxxxxข้ึนอย่างต่อเนื่อง แต่ในการแก้ปัญหา
เบ้ืองตน
ของสานก
งาน กสทช.จะทาการตรวจสอบและคน
หาคลื่นวิทยx
xxxxxxร้ ับอนุญาตในเขตพ้ืxxxx
นัน แต่ปัญหาในการตรวจสอบคือ xxxxxxระบุคลื่นความถี่ที่รบกวนไดอ
ย่างชด
xxxแต่ไม่xxxxxx
ระบุพิกด
พ้ืxxxxของคลื่นความถ่ีน้น
จาเป็ นตอ
งxxx การออกสารวจในพ้ืxxxxเขตรับผิดชอบและพ้ืxxxxxxx
ออกสํารวจจะใชท
รัพยากรบุคคลเป็ นจาํ นวนมากxxxxxร
ับการแจงเตือนว่าxxxxxxการลก
ลอบใชงาน
คลื่นความถี่ โดยมิไดร้ ับอนุญาตซ่ึงกระบวนการขา้ งตนน้ี xxx ใหเสยี ทรัพยากรบุคคลมากเกินไปและ
อาจมีการดาเนินการxxxxxxxxและไม่มีประสิทธิภาพแนวคิดเริ่มแรกของการทาโครงงานคร้ังน้ี คือการ
สร้างอุปกรณ์ตน
แบบของอุปกรณ์เฝ้ าระวงสญ
ญาณรบกวนในxxx xสื่อสารการบิน โดยอาศยั ผา่ นทาง
ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตและอุปกรณ์xxxxxxxxxxxxxติดต้งอุปกรณ์ไวตามพ้ืxxxxต่างๆ และยัง
xxxxxxตรวจสอบxx xxxคนหาได้
หาสถานีที่กาลงั ออกอากาศอยู่ในพ้ืxxxxนน
ซ่ึงxxxxxxxxxxxประสิทธิภาพใน
2.2 มาตรฐานทางเทคนิคของเครื่องส่งวิทยุกระจายเสียงสําหรับชุมชน
ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกํากับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยโทรทศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2543 คณะกรรมการกิจการวิทยกระจายเสียงแห่งชาติ
(กสทช.) มีหนาท่ีพิจารณาอนุญาตและกากบดูแลการใชค และกิจการวิทยโทรทศน์และการกาหนดมาตรฐานและลกั
ลื่นความถี่เพ่ือกิจการวิทยุกระจายเสียง ษณะพึงประสงคทางเทคนิคของอุปกรณ์
ท่ีใชใ้ นการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทศน์เนื่องจากขณะน้ียงไม่มีการแต่งต้ง
กสทช.เพื่อxxx หน้าท่ีตามท่ีกฎหมายบญญติ xxx ให้ไมxx xxxxxพิจารณาจดสรรคลน่ื ความถ่ีออก
ใบอนุญาตประกอบกิจการ หรืออนุญาตใหประกอบกิจการเพิ่มเติมxxxxxx ตามบทบญญติมาตรา 80
ของ พ.ร.บ. ดงกล่าวเพื่อxxxxxxปัญหาการต้งสถานีวิทยx
xxxxxเสียงสาํ หรับชุมชนเป็ นการชว่
คราว
คณะรัฐมนตรีไดม
ีมติในการประชุมวน
ที่ 16 สิงหาคม 2548 กาํ หนดกรอบกติกาทางเทคนิคและ
หลก
เกณฑก
ารต้งสถานีวิทยช
ุมชน โดยกาํ หนดกาํ ลงั ส่งไม่เกิน 30 วตตค
วามสูงเสาอากาศไม่เกิน 30
เมตรจากระดบพ้ืนดิน และxxxxxการออกอากาศไม่เกิน 15 กิโลเมตรแมว่ายงั ไม่มีการอนุญาตจดต้ง
สถานีวิทยช
ุมถูกตอ
งตามกฎหมายอยางเป็ นทางการ แต่ปัจจุบน
มีการส่งวิทยx
xxxxxเสียงของสถานี
วิทยุชุมชน ท้งในพ้ืxxxxเขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และในเขตxxxxxxxทวประเทศ ประมาณ
3,000-4,000 สถานี xxx ใหxx xxxxxxแพร่xxxxxxคล่ืนxxxxxxxxxxxก่อให้xxxxxxxรบกวนต่อข่ายการ
สื่อสารอื่น โดยเฉพาะข่ายส่ือสารทางการxxxxxxใชส ผลกระทบต่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพยส์
ําหรับการควบคุมการจราจรทางอากาศ xxxxxx
xนโดยตรง ดังน้ันคณะกรรมการกิจการ
โทรคมนาคมแห่งชาติ ไดแ
ต่งต้ง
คณะอนุกรรมการเฉพาะกิจจด
ทามาตรฐานเทคนิคสาหรับเครื่อง
วิทยุคมนาคม เพื่อรับผิดชอบการศึกษามาตรฐานxxxx และยกร่างมาตรฐานทางเทคนิคสําหรับ เคร่ืองส่งวิทยุคมนาคมท่ีเหมาะสมของเครื่องส่งวิทยุกระจายเสียงสําหรับชุมชนxxxxความถี่วิทย
87.5 MHz ถึง 108 MHz เพื่อป้ องกนและลดการxxxxxxxxเกิดข้ึนกบข่ายส่ือสารในกิจการวิทย
คมนาคมอื่น โดยเฉพาะกิจการทางการบิน (aeronautical) ในxxxความถี่วิทยใุ กลเคียง108-137 MHz คณะอนุกรรมการเฉพาะกิจจัดทํามาตรฐานทางเทคนิคสําหรับเครื่องวิทยุคมนาคม
xxx
xx เนินการศึกษาเรื่องดงั กล่าวแลว
และไดท
า รายงานผลการศึกษาการxxxxx มาตรฐานทางเทคนิค
ของเคร่ืองส่งวิทยกระจายเสียงสาหรับชุมชน xxxความถว่ี ิทยุ 87.5 MHz ถึง 108 MHz (พฤศจิกายน
2550) และมาตรฐานและลกษณะพึงประสงคทางดา้ นเทคนิคเคร่ืองส่งวิทยุกระจายเสียงสําหรับ
ชุมชน xxxxความถี่วิทยุ 87.5 MHz ถึง 108.0 MHz เพื่อให้ กทช. xxx เสนอ กกช. (อธิบดีกรม
xxxxxสัมพน
ธ์ เป็ นเลขานุการคณะกรรมการกิจการวิทยx
xxxxxเสียงและวิทยุแห่งชาติ) หนงั สือ
ของ กกช. ลงวน
ที่ 27ธันวาคม 2550 ในการศึกษาคร้ังxxxxxกรอบและเกณฑก
ารต้งสถานีวิทยช
ุมxx
xxxกาํ หนดกาํ ลงั ส่งไม่เกิน30 วตต์ ความสูงเสาอากาศไม่เกิน 30 เมตร และxxxxxการออกอากาศไม่เกิน
15 กิโลเมตรตามทีกาํ หนดโดยมติคณะรัฐมนตรีเป็ นเกณฑ์ แนวทางปฏิบต
ิในการจด
ต้งสถานี
วิทยxxxxxxเสยี งสาหรบชมชนุั มหลกี ในการพิจารณา คือ
- การกาํ หนดพ้ืxxxxการใหบ
ริการ เพื่อไม่ใหม
ีการรบกวนกน
- จะตอ
งมีการกากบ
การใชค
วามถี่วิทยใุ หส
อดxxx
xกบ
แผนการใชค
วามถี่วิทย
จะเห็นไดว
่าการจด
ต้งสถานีวิทยช
ุมชนจะตอ
งพิจารณาเงื่อนไขทางเทคนิคคือการรบกวน
เป็ นหลกสําคญ
และการกาํ หนดแผนจด
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxตอ
งออกแบบไม่ให้มีการ
รบกวนกน คือ
จึงจะขอสรุปขอ
กาํ หนดการรบกวนของสถานีวิทยต
ามท่ีมีการศึกษาจากเอกสารดงั กล่าว
1. การแบ่งช่องความถี่สัญญาณวิทยุระบบ FM เพื่อใชใ้ นการพิจารณาจด ความถี่ 87.5-108 MHz แบ่งแต่ละช่อง 250 kHz แบ่งได้ 81 ช่องความถี่ ดงั รูปที่ 2.1
xxxxxxxxxxxxx
xxxxxxx | ความถี่ (MHz) | xxxxxxx | ความถี่ (MHz) | xxxxxxx | ความถี่ (MHz) |
1 | 87.75 | 28 | 94.50 | 55 | 101.25 |
2 | 88.00 | 29 | 94.75 | 56 | 101.5 |
3 | 88.25 | 30 | 95.00 | 57 | 101.75 |
4 | 88.50 | 31 | 95.25 | 58 | 102 |
5 | 88.75 | 32 | 95.50 | 59 | 102.25 |
6 | 89.00 | 33 | 95.75 | 60 | 102.5 |
7 | 89.25 | 34 | 96.00 | 61 | 102.75 |
8 | 89.50 | 35 | 96.25 | 62 | 103 |
9 | 89.75 | 36 | 96.50 | 63 | 103.25 |
10 | 90.00 | 37 | 96.75 | 64 | 103.5 |
11 | 90.25 | 38 | 97.00 | 65 | 103.75 |
12 | 90.50 | 39 | 97.25 | 66 | 104 |
13 | 90.75 | 40 | 97.50 | 67 | 104.25 |
14 | 91.00 | 41 | 97.75 | 68 | 104.5 |
15 | 91.25 | 42 | 98.00 | 69 | 104.75 |
16 | 91.5 | 43 | 98.25 | 70 | 105 |
17 | 91.75 | 44 | 98.50 | 71 | 105.25 |
18 | 92.00 | 45 | 98.75 | 72 | 105.5 |
19 | 92.25 | 46 | 99.00 | 73 | 105.75 |
20 | 92.5 | 47 | 99.25 | 74 | 106 |
21 | 92.75 | 48 | 99.50 | 75 | 106.25 |
22 | 93.00 | 49 | 99.75 | 76 | 106.5 |
23 | 93.25 | 50 | 100.00 | 77 | 106.75 |
24 | 93.50 | 51 | 100.25 | 78 | 107 |
25 | 93.75 | 52 | 100.50 | 79 | 107.25 |
26 | 94.00 | 53 | 100.75 | 80 | 107.5 |
27 | 94.25 | 54 | 101.00 | 81 | 107.75 |
รูปที่ 2.1 ตารางแสดงการแบ่งช่องความถี่สญ
xxxxxxxx
ะบบ FM
2. ขอกาหนดเคร่ืองส่ง (rated carrier power) กาลงส่งที่ออกอากาศที่สายอากาศ จะตองมีxxx
xxxเกิน 30 วัตต์ (xxxxxกาํ หนดว่าสายอากาศเป็ นชนิดใด มกี าลงขยายหรอไื ม)่
3. ลกษณะการรบกวน เครื่องส่งวิทยx
xxxxxเสียงที่มีลก
ษณะทางเทคนิคxxxxxxเหมาะสม จะ
ก่อใหxx xxxxxxรบกวนต่อการใชความถวี่ ิทยใุ นขาย่ สอสารอนื่ื่ เรยี กว่า การแพรแ่ ปลกปลอม
(conducted spurious emissions) คือ เครื่องส่งวิทยส ด้วย มี 2 ลกษณะ คือ
ร้างความถ่ีที่เกินกว่าที่กาหนดใหออกอากาศ มา
3.1 การแพร่ฮาร์โมนิก (harmonic emission) เป็ นการสร้างความถี่ที่มีค่าเป็ นทวีคูณของ ความถี่ที่กาํ หนด คือความถี่ที่สูง 2 เท่า 3 เท่า 4 เท่า 5 เท่า ของความxxxxxxกาํ หนดในการออกอากาศ ซึ่ง เคร่ืองส่งวิทยุxxxxxxไดมาตรฐานจะไปรบกวนความถ่ีข่ายสื่อสารอื่นๆหรือxxxxความถ่ีในการส่งวิทย
โทรทศ
น์xxxxxxxคณะกรรมการบริหารวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทศ
น์ ว่าดว
ยการกาหนด
ลกษณะพึงประสงคทางเทคนิคสาหรับสถานีวิทยกระจายเสียง พ.ศ. 2520 ซึ่งกาํ หนด การควบคุม
ความแรงของสญญาณ
3.2 คล่ืนความถ่ีแปลกปลอม (Spurious Emissions) เคร่ืองส่งวิทยุจะตองมีวงจรลดทอน
กาลงของคล่ืนฮาร์โมนิกที่สองและวิธีการจากดกาลงของคลน่ื ความถแ่ี ปลกปลอมอ่ืน ๆ ไมใ่ หมีค่า
เกินจากที่กาํ หนด คือจะตองมีความแรงของคลื่นความถ่ีแปลกปลอมส่วนที่แรงท่ีสุด วดท่ีจุดต่อเขา
สายส่งของระบบสายอากาศต่ากว่าความแรงของคลื่นความถี่มูล (Fundamental Frequency) ซึ่งวัด
xxx
xxจุดเดียวกนไม่นอ
ยกว่า 60 dBและค่าความแรงดงกล่าวจะตอ
งมีxxxxxxเกิน 1 มิลิวตต
สาหรับขอกาหนดของการส่งวิทยุชุมชน คือ คลื่นความถี่แปลกปลอมต่ากว่าความแรงของคลื่น
ความถี่มูล (Fundamental Frequency) ซ่ึงวด
xxx
xxจุดเดียวกน
ไม่นอ
ยกว่า 45 dB (xxx xxxส่ง 30 วัตต)
ดงรูปที่ 2.2
รูปที่ 2.2 แสดงขีดจาํ กดการแพร่นอกแถบ
4. ค่าผิดพลาดทางความถ (frequency error) หมายถึงค่าแตกต่างระหว่างความถคลน่ืี่ xxxx
ในขณะที่ไม่มีการมอดูเลตกบความถทระี่ี่ บุ (nominal frequency) ของภาคเครอง่ื สง่
ขีดจํากดั ค่าผด
พลาดทางความถี่จะตอ
งไม่เกิน ± 2 kHz ของคลื่นความถี่คล่ืนxxxxในขณะที่
ไม่มีการมอดูเลต (สาหรับคล่ืนความถ่ีหลก การควบคุมความถของเี่ ครองสงวิ่่ื ทยุ “ความถท่ี่ี ส่งออก
อากาศ ในxxx x 87-108 MHz จะคลาดเคลื่อนจากค่าความถ่ีจดสรรxxxxxเกิน 20 ส่วนในลา้ นส่วน
ของค่าความถี่จด
สรร xxxxxxว่า ความถี่จด
สรร 100 MHz ดงน้น
xxxxxxxxxxล่ือนของความถี่
เครื่องส่งวิทยุ = 20 ÷ 1,000,000 × 100 × 1,000,000 = 20,000 Hz = 20 kHz)
5. ค่าเบี่ยงxxxทางความถี่ (frequency deviation) หมายถึงค่าแตกต่างท่ีมากที่สุดระหว่าง ความถี่ขณะใดขณะหน่ึง (instantaneous frequency) เม่ือไม่มีการมอดูเลตกบความถี่คลื่นxxxxขณะที่ ไม่มีการมอดูเลต
ขีดจํากดั ค่าเบี่ยงxxxทางความถี่จะตองไม่เกิน ± 75 kHz ซึ่งการผสมสัญญาณวิทยใุ นระบบ
FM เรียกว่าการผสมสัญญาณ 100% (Mod 100%) และอยใู น Necessary Bandwidth ที่กาํ หนด ±
100 KHz
6. ซิงโครนสแอมพลิจูดมอดูเลต (Synchronous AM : AM due to FM) หมายถงึ การ
เปลี่ยนแปลงแรงดน
สูงสุด (peak voltage) ของส่วนประกอบกระแสสลบ
(a.c. component) ที
ปรากฏทางดา้ นออกของเครื่องส่ง เมื่อมีการมอดูxxxxxxส่งใหxx xxxxxxกระเพื่อมของคลื่นxxxx คล้าย
กบการมอดูเลตแอมพลิจูด
ขอ้ จาํ กดั
ซิงโครนส
แอมพลิจูดมอดูเลต จะนอ
ยกว่าร้อยละ 2 ที่ค่าเบี่ยงxxxความถี่เท่ากบ
± 40 kHz และความxxxxxxxกบ 500 Hz (สาเหตุสาํ คญท่ีเกิดซิงโครนสแอพลิจูดมอดูเลต มาจาก
อุปกรณ์จ่ายไฟฟ้ าไม่เรียบ ซ่ึงมาตรฐานจะตองมกี ารxxxxxxxxxxxxเกิน 2% )
7. ขอกาหนดดานความปลอดภย
- ความปลอดภยทางไฟฟ้ า (Electrical Safety Requirements)
- ความปลอดภย
เกี่ยวกบ
การการใชเครื่องวิทยค
xxxxxต่อสุภาพมนุษย
(Radiation Exposure Requirements)
8. วิธีการทดสอบ เป็ นไปตามมาตรฐานที่กาหนดขอ
กาํ หนดดา้ นความปลอดภย
และวิธีการ
ทดสอบดูรายละเอียดจากมาตรฐานและลักษณะพึงxxxxxxxทางด้านเทคxx xxxรื่ องส่ ง
วิทยx
xxxxxเสียงสาหรับชุมชนxxxความถี่วิทยุ 87.5MHz ถึง 107.5.0 MHz จะเห็นไดว
่าอุปกรณ์
เครื่องส่งวิทยุชุมชนจะตองมีการรับรองมาตรฐานเพื่อป้ องกนการรบกวนและความปลอดภยดงั น้น
อุปกรณ์เครื่องส่งวิทยุชุมชนจะตองเป็ นอุปกรณ์ท่ีผลิตจากต่างประเทศทมี่ี มาตรฐานรับรอง หรือ
ผลิตภายในประเทศ แต่จะตองมีหน่วยงานตรวจสอบคุณภาพรับรองคุณภาพ จึงจะxxx มาใชง้ านได้
ซ่ึงปัจจุบนไม่การควบคุมมาตรฐานทางเทคนิค xxx ใหก
ารส่งวิทยช
ุมชนมีการรบกวนสูง การxxxxx
xxxเกิดจากการผสมคล่ืนความถ่ีของเคร่ืองส่งวิทยุที่ออกอากาศมากกว่า 2 ความถ่ีข้ึนไป
(Intermodulation Product) การมอดูเลตระหว่างระหว่างกนเกิดขึ้นจากการxxxxxร่ืองส่งจานวนสอง
เคร่ือง (หรือมากกว่า) ส่งส
ญาณท่ีความถี่ที่มีความx xx
xxในลกษณะพิเศษแลว
xxx ใหเ้ กิดความถี่
อื่นข้ึนมาที่ตรงกบ
ความถี่ที่อยใู่ นพิสย
ของเครื่องรับที่จะรับสัญญาณน้น
ซ่ึงบางคร้ังอาจมีระดบ
ความ
แรงของส
ญาณมากกว่าระดบ
สัญญาณที่ตองการเสียด้วยซ้า
มกจะเกิดจาการxxxxxร่ืองส่งมีการแยก
สัญญาณ (isolation) xxxxxxเพียงพอ ดงั รูปที่ 2.3
รูปที่ 2.3 Intermodulation spectrum
2.3 ระบบสื่อสารวิทยุ
การส่ือสารโทรคมนาคมนอกเหนือจากสื่อสารทางสายแลว
การสื่อสารทางคลื่นวิทยก
็นบ
ว่า
เป็ นการสื่อสารท่ีสําคญ
ถูกนาไปใชอ
ย่างxxxxxxxxxxxxxxxx เพราะxxxxxxส่งข่าวสารขอ
มูลไป
ไดเ้ ป็ นระยะทางไกลๆ ไม่สิ้นxxxxxxxxxxxxxแกปัญหาการสื่อสารทางสายในบางพ้ืxxxxทาxxxxx
หรือไม่คุมค่าในแง่การลงทุน การดูแลรักษา และการซ่อมบารุง ข่าวสารขอมูลxxxxxxเดินทางไป
ไดใน ระยะทางไกล ๆ โดยxxxxxxxxxxสูญหายไประหว่างการเดินทาง และxxxxxxส่งข่าวสารขอมูล
ไปไดค
ร้ังละมาก ๆ xxx ใหxx xxxxxxประหยด
มีความรวดเร็ว และxxxxxxxxxxผดพลาด
หลก
การส่งข่าวสารขอ
มูลทางคลื่นวิทยุ แสดงดงรูปที่ 2.4
รูปที่ 2.4 แสดงหลก
การส่งข่าวสารขอ
มูลทางคลื่นวิทย
โดยการนําข่าวสารขอมูลต่างๆ xxxxเสียงภาพ ขอมูล และสัญญาณไฟฟ้ าต่างๆ ไปเขา
กระบวนการผสมคลื่น (Modulation) กบส
ญาณคล่ืนวิทยุ ส่งต่อไปใหเ้ คร่ืองส่งวิทยส
่งออกอากาศ
แพร่xxxxxxคล่ืนออกไปในอากาศในรูปของคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้ าทางดา้ นรับคลื่นไฟฟ้ าส่งผ่านเขา้ สายอากาศส่งต่อไปให้เครื่องรับวิทยุรับสัญญาณคล่ืนเหล่าน้ีเขามา ผ่านไปเขา้ ขบวนการแยกคลื่น
(Demodulation) แยกเอาเสียง ภาพ ขอ
มูล และสญ
ญาณไฟฟ้ าต่าง ๆ ส่งต่อไปปลายทางเพื่อใชงาน
2.3.1 การผสมคลนทางความสูงหรือแบบ AM (Amplitude Modulation)
คือการนําสัญญาณเสียงหรือสัญญาณข่าวสารไปผสมกับคลื่นxxxxความถี่สู โดยที
สัญญาณเสียงจะไปควบคุมให้ระดบความสูง (แอมพลิจูด) ของคลื่นพาหเกดิ์ การเปลี่ยนแปลง แต่
ความถี่ของคลื่นxxxxxxxxเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลงดงรูปที่ 2.5
รูปที่ 2.5 การผสมคลื่นทางความสูง
2.3.2 การผสมคลนื่ ทางความถี่หรือแบบ FM (Frequency Modulation)
สญั ญาณxxxxxxxxxxมอดูเลตแลว้ จะมีแอมปลิxxxxxท่ีแต่ความถี่ของสัญญาณจะเปลี่ยนแปลง ไปตามแอมปลิจูดของสัญญาณขอ้ มูลข่าวสาร ซ่ึงการมอดูเลตทางความถี่จะให้คุณภาพxxxxxกว่าการ มอดูเลตทางแอมปลิจูด (AM) แต่ระบบจะมีความซบั ซอ้ นกว่าดงรูปที่ 2.6
รูปที่ 2.6 การผสมคลื่นทางความถี่
2.3.4 การผสมคลนทางความถี่หรือแบบ PM (Phase Modulation)
คือการนําสัญญาณข่าวสารขอมูลไปผสมกบคลน่ื พาหะโดยเฟสของสัญญาณข่าวสาร
ขอมูลจะไปควบคุมกบคล่ืนพาหะมีความถ่ีพาหะเปล่ียนแปลงไปxxxxxข้ึนหรือลดลงตามช่วงการ
เปล่ียนแปลงของสัญญาณข่าวสารขอมูลจากช่วงบวกเป็ นช่วงลบหรือจากช่วงลบเป็ นช่วงบวก คือ
ช่วงเฟสของสัญญาณข่าวสารข้อมูลน่ันเอง โดยระดับความสูงของคล่ืนพาหะยังxxเดิมไม
เปล่ียนแปลงการผสมคล่ืนแบบ (PM) น้ีก็คือการผสมคลื่นแบบ FM นนเอง เพียงแต่ช่วงสญั ญาณ
ข่าวสารขอxxxxxxจะไปควบคุมให
วามถี่พาหะxxxxxxxเปลี่ยนแปลงมีช่วงแตกต่างกน
การผสมคลื่น
แบบ FM ความแรงของสัญญาณข่าวสารขอ ทางเฟส (PM) แสดงดงรูปที่ 2.7
มูลไปxxx ให้ความถี่พาหะเปล่ียนแปลง การผสมคลื่น
รูปที่ 2.7 ลกษณะการผสมคลนื่ ทางเฟส
2.3.5 การผสมสัญญาณแบบรหัสพลส์ (PCM)
เป็ นการผสมสญ
ญาณข่าวสารขอ
มูลกบสญ
xxxxx
ส์ดว
ยกรรมวิธีของการมล
ติเพลก
ซ์แบบ
แบ่งเวลา (TDM) เพ่ือส่งข่าวสารขอมูลแบบxxxxลอกในลกษณะการส่งแบบดิจิตอล เรียกกรรมวิธี
น้ีว่า TDM-PCM วิธีดังกล่าวน้ีถูกนําไปใช้งานอย่างxxxx xxxxxxxxxข้ึน xxxx โทรศพท
โทรศพทเคลื่อนที่ และ โทรทศน์ เป็ นตน
หลกการxxx งานของ PCM เป็ นวิธีการเปลี่ยนสัญญาณxxxxล็อกให้เป็ นสญั ญาณดิจิตอล
โดยเปล่ียนสัญญาณxxxxล็อกไปอยใู่ นรหสเลขฐานสอง (Binary Code) การเปลี่ยนสัญญาณแบบ
PCM น้ีมีความสาํ คญ
3 ส่วนคือการสุ่มตว
อย่าง (Sampling) การแบ่งระดบความแรงของสัญญาณ
ออกเป็ นระดบ ดงรูปที่ 2.8
ที่กาํ หนดไว้ (Quantizing) และการเขา้ รหส
(Encoding) การทางานของ PCM แสดง
รูปที่ 2.8 ลก
ษณะการผสมสญ
ญาณแบบรหส
พลส์ (PCM)
2.3.6 การแยกคลนสัญญาณผสมแบบ
การแยกคลื่นสัญญาณผสมแบบ AM (AM Demodulation) สัญญาณข่าวสารขอxxxxxxผสม
กบคลื่นพาหะแบบ AM เมื่อส่งผานมาถึงเครื่องรับวิทยุ ก่อนที่จะส่งข่าวสารขอมูลไปปลายทาง ตอง
ทาการแยกเอาข่าวสารขอ
มูลออกจาคล่ืนพาหะเสียก่อน โดยตองผ่านสัญญาณ AM เพื่อกาํ จด
คลื่น
พาหะทิ้งไป ใหเ้ หลือเฉพาข่าวสารขอ แสดงดงรูปที่ 2.9
มูลxxx ไปใชง้ าน ลกษณะการแยกคลื่นสัญญาณผสมแบบ AM
รูปที่ 2.9 ลกษณะการแยกคลื่นสญญาณผสมแบบ AM
2.3.7 การแยกคลนสัญญาณผสมแบบ FM และ PM
การแยกคลื่นสญญาณผสมแบบ FM และ PM (FM&PM Demodulation) สัญญาณ FM และ
สัญญาณ PM มีความเหมือนกน
ในลก
ษณะของคลื่นสัญญาณที่ผสมแลว
มีความถี่คลื่นพาหะ
เปลี่ยนแปลงไปตามสัญญาณขอxxxxxxผสมแตกต่างเพียงตาแหน่งการเปลย่ี นแปลงความถไ่ี ปของ
คลื่นพาหะระหว่างสัญญาณ FM และสัญญาณ PM แตกต่างกนxxxxxxx จุดผสมดงน้ันการแยก
คลื่นส
ญาณข่าวสารขอ
มูลออกจากคลื่นพาหะ ในแบบ FM และแบบ PM xxxxxxxxx งานร่วมกน
ได้ ในปัจจุบนการผสมคล่ืนและการแยกคล่ืนแบบ PM เขา้ มามีบทบาทในการxxx งานxxxxxข้ึน
xxxxxxกล่าวโดยรวมกน
ไดการแยกคลื่นสญ
ญาณผสมแบบFM และ PM xxx xxห
ลายชนิดxxxx เรโช
ดีเทกเตอร์ (Radio Detector) ควอดราxxxxxxxเทกเตอร์ (Quadrature Detector)และเฟสลอ Looked Loop ; PLL) เป็ นตน้
กลูป (Phase
2.3.8 คลน
เสียงคลน
วิทยุ
สัญญาณข้อมูลข่าวสารที่ใช้ในระบบส่ือสารโทรคมนาคมน้ันส่วนมากประกอบด้วย
xxxxxxxxxxx xxxxxxภาพ และสัญญาณขอมูลต่างๆสัญญาณเหล่าน้ีจะอยู่ในรูปของคล่ืนไฟฟ้ า
คล่ืนไฟฟ้ าที่ถูกนามาใชงานแบ่งออกไดเ้ ป็ น 2 ชนิด คือ คลื่นเสียง (Audio Wave) และคลื่นวิทยุ
(Radio Wave) คล่ืนท้งสองชนิดแตกต่างกนในช่วงความยาวของคลื่น โดยคลื่นเสียงท่ีมีความถี่ต่า
ส่วนคลื่นวิทยมีความถสงูี่ รายละเอยี ดของคลนื่ แต่ละชนิดมดี งน้
1. คล่ืนเสียงเป็ นคล่ืxxxxมีความถี่ต่าอยใู่ นxxxความถี่ประมาณ 20 ถึง 20,000 Hz คลื่นเสียง
น้ีเป็ นคลื่นท่ีมนุษยท
ุกคนรับฟังได้ ใชในการสื่อสารข่าวสารและขอ
มูลซ่ึงกน
และกน
คลื่นเสียงอาจ
กาเนิดข้ึนจากการxxxxxxxxxxของมนุษย์ สัตว ละสิ่งมีชีวิต หรืออาจกาเนิดขึ้นจากเคร่ืองกาเนิด
สญญาณเสียงต่างๆ คลื่นเสียงเนื่องจากมีความถี่ต่าจึงไม่xxxxxxเดินทางไปไดไกล xxxxxxxxxxหาย
ของคลื่นได้ง่ายคลื่นเสียงที่หูมนุษยxxxxxxได้ยินเกิดจากการส่ันสะเทือนของอากาศโดยรอบ
เคลื่อนที่ไปกระทบเยอ
แกว
หูผฟู
ังใหส
่นสะเทือนตามลกษณะดงรูปที่ 2.10
รูปที่ 2.10 ลกษณะคลนื่ เสยงทหูี่ี เราxxxxxxxxยนได
คล่ืนเสียงที่มนุษยได้ยินจะมีระดับความถี่ของเสียงแตกต่างก แยกออกเป็ นเสียงxxxxx
ความถี่ต่า (Low Frequnncy) มคxx xมถประี่ มาณ 20 ถงึ 500 Hz เสยี งกลางมคxx xมถปานี่ กลาง (Middle
Frequnncy) มีความถี่ประมาณ 500 ถึง 5,000Hz และเสียงแหลมมีความถี่สูง (High Frequnncy) มี
ความถี่ประมาณ 5,000 ถึง 20,000 Hz คลื่นเสียงเดินทางไปxxxxxไกลการเดินทางจะไดไกลแค่ไหน
นนั
ข้ึนอยก่
บความแรงของคลื่นเสียงคลื่นเสียงมีความแรงนอ
ยคลื่นเสียงเดินทางไปไดใ้ กลค
ลื่นเสียง
มีความแรงมากข้ึนคลื่นเสียงเดินทางไปไดไกลมากขึ้น
2.3.9 คลนวทxxx
เป็ นคลื่นที่มีความถี่สูงมากอยใู่ นxxx xความถี่ประมาณ 10 KHz (10,000Hz) ถึง 300 GHz
(300,000,000,000 Hz) ความถี่ในxxx xxxxหูมนุษยไม่xxxxxxรับฟังไดค
ลื่นวิทยx
xxxxxเดินทางไปได
ไกลมากดวยความเร็วเท่ากบคลนื่ แสงเดินทางมีความเร็วโดยประมาณ 3 X 108 เมตรต่อวินาที (m/s)
เพราะว่าคลื่นวิทยเุ ดินทางเคลื่อนที่ไปในรูปคล่ืนแม่เหลกไฟฟ้ า(Electromagnetic Wave) xxxxxx
เดินทางผา่ นไปไดในทุกหนทุกแห่งโดยไม่ตอ
งอาศยตว
กลางพาคลื่นวิทยไปในสุญญากาศคลื่นวิทย
ก็xxxxxxเดินทางไปได้ความถี่ของคลื่นวิทยุมีความสัมพนธ์กับความเร็วในการเคลอน่ื ท่ีของ
คลื่นวิทยุและความยาวคล่ืนคลื่นวิทยุมีความถี่ช่วง 104 - 109 Hz( เฮิรตซ์ ) ใชใ้ นการสื่อสาร
คลื่นวิทยม
ีการส่งสญ
ญาณ 2 ระบบคือ
1.ระบบเอเอม
(A.M. = amplitude modulation) ระบบเอxxx
xxxxxxความถี่ 530 - 1600 kHz
(กิโลเฮิรตซ์) ส่ือสารโดยใชคล่ืนเสียงผสมเขาไปกบคล่ืนวิทยุเรียกว่า "คลื่นพาหะ" โดยแอมพลิจูด
ของคลื่นพาหะจะเปลี่ยนแปลงตามสญั ญาณคลื่นเสียงในการส่งคลื่นระบบ A.M. xxxxxxส่งคลื่น
ได้ท้งคลื่นดินเป็ นคล่ืxxxxเคลื่อนที่ในแนวเส้นตรงขนานกับผิวโลกและคล่ืนฟ้ าโดยคล่ืนจะไป
สะxxxxxxช้น
บรรยากาศไอโอโนสเฟี ยร์แลว
สะทอนกลบลงมา จึงไม่ตองใชส
ายอากาศต้งสูงรับดง
แสดงในรูปที่ 2.11
รูปที่ 2.11 การส่งคลื่นวิทยเอเอม
2.ระบบxxxเอม
(F.M. = frequency modulation) ระบบxxxxxx
xxxxxxความถี่ 88 - 108 MHz
(เมกะเฮิรตซ์) ส่ือสารโดยใช้คล่ืนเสียงผสมเข้ากับคลื่นพาหะโดยความถี่ของคลื่นพาหะจะ เปล่ียนแปลงตามสัญญาณคลื่นเสียงในการส่งคล่ืนระบบ F.M. ส่งคล่ืนไดเ้ ฉพาะคลื่นดินอย่างเดียว
ถาตx
xxxxส่งใหค
ลุมพื้นที่ตอ
งมีสถานีถ่ายทอดและเครื่องรับตอ
งต้งเสาอากาศดงแสดงในรูปที่ 2.12
รูปที่ 2.12 การส่งคลื่นระบบxxxเอม
2.4 โมดูลเครื่องรับวิทยุ FM สําหรับไมโครคอนโทรลเลอร์
เป็ นอุปกรณ์ต่อพ่วงกบไมโครคอนโทรลเลอร์เพื่อช่วยให้xxxxxxสร้างเครื่องรับวิทยุ FM
เสตอริโอในยคใหม่ที่ควบคุมการxxx งานดว คลื่น วิทยุ FM เบอร์ RDA5707SS
ยไมโครคอนโทรลเลอร์หว
ใจหลก
ของโมดูลน้ีคือชิปรับ
จาก RDA Microelectronics คือ โมดูลมีสายอากาศในตวพรอมแ้ จ๊คหูฟังเพียงจ่ายไฟและส่งxxx ส่ ให
ถูกตอ
งก็จะไดร้ ับฟังรายการวิทยตามตx
xxxxดงรูปที่ 2.13
รูปที่ 2.13 FM Module เบอร์ RDA5707SS ดา้ นหนา้ -ดา้ นหลง
2.4.1 xxxxxบติที่สาํ คญมีดงั น้
- ติดต่อกบไมโครคอนโทรลเลอร์ผา่ นระบบบส
I2C ใชก
บไมโครคอนโทรลเลอร์ทุกxxxxx
- รองรับความถี่ 76 ถึง 108 MHz นน
คือเตม
xxxความถี่ของวิทยุ FM
- ไม่ตอ
งใชส
ายอากาศภายนอก
- ไฟเลี้ยงxxxกวาง +2.7 ถึง +5.5V ตองการกระแสไฟฟ้ า 25 mA
- ตว
โมดูลไดร
ับการจดการให้อยู่ในรูปตวถง
DIP 10 ขา ทาให้ง่ายต่อxxxxxไปใชงานจะเสียบ
บอร์ดเพ่ือต่อทดลองแบบชั่วคราวก็สะดวกหรือจะติดต้งลงบนแผ่นวงจรพิมพก็ทาไดง้ ่าย ใชกบ
แผน
วงจรพิมพเ์ อนกประสงคไดส
บายๆ
- ขนาด 0.70 x 0.65 x 0.34 xxxx (1.78 x 1.65 x 0.87 ซม.)
-อุณหภูมิใชง้ าน 0 ถึง 50 องศาเซลเซียส
รูปที่ 2.14 หนาตาและการจดขาและหนาทของขาใี่ ชงานทง้ หมดของโมดูลวิทยุ FM
2.4.2 การทํางาน
1. ส่วนรับวิทยุ FM สัญญาณคลื่นวิทยุจะถูกเหนี่ยวxxx เขา้ สู่วงจรดวยสายอากาศ
จากน้น
วงจรขยายส
ญาณรบกวนต่าํ จะxxx การขยายส
ญาณใหแรงข้ึนเพื่อป้ อนเขา้ สู่วงจรควอดรา
เจอร์มิกเซอร์โดยมีวงจรควบคุมความแรงของสญ
ญาณช่วยควบคุมไม่ใหส
ญญาณมีความแรงเกินไป
จนเกิดความเพ้ียนวงจรควอดราเจอร์มิกเซอร์xxx หxxx xxxในการแปลงสัญญาณคลื่นวิทยุปนสัญญาณ
ความถี่กลางหรือ IF (Intermediate Frequency) เพื่อส่งต่อไปยงวงจรขยายแบบโปรแกรมไดหรือ
PGA เพื่อกาํ หนดอต
ราความแรงของสัญญาณ IF ให้เหมาะสมจากน้น
จึงส่งต่อไปยงวงจรแปลง
สญญาณ xxxลอกเป็ นดิจิตอลเพื่อใหไมโครคอนโทรลเลอร์ภายนอกxxxxxxส่งขอมูลเขามาควบคุม
ไดโดยผ่านทางส่วนxxxxxxผลสัญญาณดิจิตอลที่ส่วนxxxxxxผลสัญญาณดิจิตอลจะxxx หน้าที่
เลือกช่องความถ่ีของวิทยุ FM ดีมอดูเลชน
ถอดรห
FM สเตอริโอมล
ติเพลก
ซ์จนไดเ้ ป็ นขอมูล
เสียงท้งั xxxxxxx ยและขวาก่อนส่งต่อไปยงวงจรแปลงส ญาณดิจิตอลเป็ นxxxลอก ทาการแปลงเป็ น
เสียงเพื่อขบออกหูฟังหรือต่อเขากบวงจรขยายกาลงต่อไปโดยผxxx xxx านxxxxxxปรับระดบสัญญาณ
ไดด
วยผานทางการเขียนโปรแกรมติดต่อกบ
รีจิสเตอร์ควบคุมการทางาน
2. xxxxxไซเซอร์ในส่วนน้ีxxx หxxx xxxในการสร้างสัญญาณนาฬิกาสาํ หรับกาํ หนดจง
วะการxxx งานของวงจรควอดราเจอร์มิกเซอร์โดยเลือกได7 ค่าคือ 32.768 KHz,12M, 24M, 13M,
26M, 19.2M, 38.4MHzเสถียรภาพของสัญญาณวิทยุ FM ที่ รับไดจ
ะข้ึนกบ
ส่วนน้ีเป็ นสาคญ
ดวย
การใชวงจรxxxxxไซเซอร์จะxxx ให้ความถ่ีท่ีใชในการผสมสัญญาณเพ่ือแปลงคลื่นวิทยุเป็ นคลื่นxx
วามถ่ีกลางหรือ IF มีความแน่นอนสูงทาใหความxxxxxxในการรับสัญญาณของโมดุลรับวิทยุ FM มีเสถียรภาพ
3. ภาคจ่ายไฟ ในตวxxxx RDA5807SS มี วงจรควบคมไุ ฟเลี้ยงxxxxxแบบแรงดนตก
คร่อมต่าจึงxxx ใหxx xxxxxใชงานกบไฟเล้ียงในxxxxกลางต้งแต่ +2.7 ถึง +5.5V จึงทาให้ใชง้ านกบ
ไมโครคอนโทรลเลอร์ไดท
ุกxxxxx
xxxใชไ
ฟเล้ียงท้ง
+3.3V และ +5V
4. ส่วนเชื่อมต่อวงจรควบคุมภายนอกxxx หน้าท่ีจดการสัญญาณต่างๆท่ีจาเป็ น
สาหรับติดต่อกบไมโครคอนโทรลเลอร์ภายนอกผานทางบส
I2C และ I2S โดยทวั
ไปมกใชบส
I2C
มากกว่าเพราะใช้ได้กับไมโครคอนโทรลเลอร์ได้ทุกตระกูลหากเป็ นบัส I2S มี
ไมโครคอนโทรลเลอร์สมย
ใหม่xxxxxxxxxเท่าน้x
xxxมี โมดูลการติดต่อผ่านบส
I2S xxxxxxxxx
ไมโครคอนโทรลเลอร์จะถูกส่งผ่านไปยงส่วนxxxxxxสัญญาณดิจิตอล, xxxxxไซเซอร์ละวงจร แปลงสัญญาณดิจิตอลเป็ นxxxลอกเพื่อติดต่อกบรีจิสเตอร์ที่ทาหนาที่ควบคุมการทางานของส่วน
ต่างๆน้นดงรปxxxx 2.15
รูปที่ 2.15 ไดอะแกรมการxxx งานภายในของxxxx RDA5807SS ที่ใชใ้ นโมดูลวิทยุ FM
2.4.3 รีจิสเตอร์ควบคุมการทํางานของโมดูลวิทยุxxxเอม็
เน่ืองจากโมดูลรับวิทยุ FM ตองxxx งานร่วมกบไมโครคอนโทรลเลอร์ดงน้ันจึงตองมี รีจิสเตอร์สาหรับควบคุมการทางานซ่ึงจะรับขอมูลxxx สั่งจากไมโครคอนโทรลเลอร์เพื่อส่งต่อไปยงั วงจรxxxxxxผลสัญญาณดิจิตอลทาการxxxxxxผลและxxx ไปควบคุมการทางานของวงจรต่างๆ
ภายในxxxx RDA5807SS เพื่อใหไดส
ญั ญาณเสียงจากการรับคลื่นวิทยุ FM ออกมาใหไดฟ
ังกนใน
ที่สุดรหัสแอดเดรสประจาํ ตวแบบ 7 บิต ตามขอกาํ หนดของการเป็ นอุปกรณ์ระบบบัส I2C ของ
โมดูลรับวิทยุ FM คือ 0010000 สาํ หรับบิตสุดทาย (บิต 0) จะเป็ นตว
กาํ หนดว่าตx
xxxxอ่านหรือ
เขียนขอมูลกบโมดูลน้ีหากตx
xxxxอ่านค่าแอดเดรสจะเป็ น 00100001 หรือ 0x21 หากตx
xxxxเขียน
ขอมูลหรือคาสั่งแอดเดรสของโมดูลจะเปล่ียนเป็ น 00100000 หรื อ 0x20 โดยคําสั่งที่ใชควบคุม
ประกอบดวยxxx ส่ังxxxxx-ลดระดบ
เสียง, คาส่ังคน
หาสถานี คาส่ังปรับเลื่อนค่าความถี่ เป็ นตน
รีจิสเตอร์ที่ใชก
าหนดการทางานของโมดูลรับวิทยุ FM และเขาถึงไดด
วยผใู้ ชงานมีขนาด 16 บิต
จํานวน 5 ตัว คือรีจิสเตอร์ 0x02, 0x03, 0x04, 0x05 และ 0x06 ดงมี ขอมูลโดยสรุปแสดงในตารางที่
1-6
ตารางที่ 1 แสดงขอมูลของรจิี สเตอร์ 0x02
ตารางที่ 2 ขอมูลของรีจิสเตอร์ 0x03
ตารางที่ 3 ขอมูลของรีจิสเตอร์ 0x04
ตารางที่ 4 ขอมูลของรีจิสเตอร์ 0x05
ตารางที่ 5 ขอมูลของรีจิสเตอร์ 0x06
ตารางที่ 6 ขอมูลของรีจิสเตอร์ 0x0A และ รีจิสเตอร์ 0x0B
ดงน้น
ในการเขียนโปรแกรมเพื่อติดต่อกบโมดูลรับวิทยุ FM น้ี จะตองเริ่มจากติดต่อกบตว
อุปกรณ์
ใหไดก
่อนดว
ยการใช�
รหส
แอดเดรสประจาํ ตว
ของโมดูลรับวิทยุ FM น้ีก่อน เมื่อมีการตอบxxxx
แล้วจึงทาการติดต่อกบ
xxxxxxxxxxxxx
5 ตว
เพื่อควบคุมการทางานต่อไป
2.4.4 การติดต่อกบบอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์
เน่ืองจากโมดูลวิทยุ FM ต� xxxxxการติดต่อผานระบบบส I2C ซึ่งใชสายสัญญาณ 2 เส้น
คือ SDA และ SCL ดงั น้นในการติดต่อกบไมโครคอนโทรลเลอร์�จึงใชขาพอร์�ตเพียง 2 เส้�
นโดยไม่ตองต่อตว
xxxxxxxxxอป
ที่ขาดสัญญาณ SDA และ SCL เนื่องจากมีการต่อตว
ตานทานน้
ไวภายในโมดูลแลววงจรใชงานเบ้ืองต�นจึงง�ายมากและมีอุปกร์�ต่อภายนอกนอยหากใช�
ไมโครคอนโทรลเลอร์ที่มีวงจรกาเนิดสัญญาณนาฬิกาอย่ภายในตวดงั รูปที่ 19 ด้วยความสะดวก
และใช�งานได�ไม�่ ยากxxx ให้ความคิดในการในสร้างโครงงานท่ีเกี่ยวกบเคร่ืองรับวิทยุ FM
เอาไวใช�งานเองทาได�ง่�ายขึ้นเพียงมีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรมไมโครคอนโทรลเลอร์
� และการต่�อวงจรไม่�ตองปรับแต่งขดลวดหรือสร้�างวงจร FM ดีมอดูเลเตอร์�วงจร
ถอดรหส
FM สเตอริโอมล
ติเพลกซ์�ให�
ย�งยากอีกต่อไป
รูปที่ 19 ตว
อย่างวงจรเช่ือมต่อกบไมโครคอนโทรลเลอร์อย่างง�ายที่สุดเพื่อใช�
งาน
โมดูลวิทยุ FM
2.4.5 การใช้งานของ FM Radio Module มีส่วนประกอบหลกๆดงั น
6
7
2
1
3
4
5
รูปภาพที่ 20 ภาพแสดงส่วนประกอบของ FM Radio Module
FM Radio Module หมายเลข 1 สายอากาศ หมายเลข 2 สาย GND
หมายเลข 3 จุดต่อ I2C Bus แบบ IDC หมายเลข 4 จุดต่อ I2C Bus แบบ IDC หมายเลข 5 ไฟเล้ียง 5 โวลต์
หมายเลข 6 สเตอริโอขนาด 3.5 mm หมายเลข 7 โมดูลวิทยุ FM
2.5 การเช่ือมต่ออุปกรณ์แบบ I2C
I2C Bus ยอมาจาก Inter Integrate Circuit Bus (IIC) xxxxเรียกส้ันๆว่า BUS (ไอ-แสคว-ซี- บัส) เป็ นการสื่อสารอนุกรมแบบซิงโครนัส (Synchronous) เพ่ือใช้ติดต่อสื่อสารระหว่าง ไมโครคอนโทรลเลอร์ (MCU) กับอุปกรณ์ภายนอกซ่ึงถูกพฒนาข้ึนโดยบริ ษัท Philips
Semiconductors โดยใชส
ายส
ญาณเพียง 2 เสนเท่าน้น
คือ serial data (SDA) และสาย serial clock
(SCL) ซ่ึงxxxxxx เช่ือมต่ออุปกรณ์ จาํ นวนหลายๆตว พอร์ตเท่าน้นั
2.5.1 การเช่ือมต่ออุปกรณ์แบบ I2C BUS
เขา้ ดว
ยกนxxx
xx ให้ MCU ใชพ
อร์ตเพียง 2
I2C BUS ใช้สายสัญญาณ 2 เส คือ SCL ,SDA สาหรับติดกบอปกุ รณ์แบบ 2 ทิศทาง โดย
ที่ขาสัญญาณท้ง
2 จะตอ
งต่อกบ
ตวตา้ นทานแบบ pull up 2-10K เน่ืองจากเอาตพ
ุตมีลกษณะเป็ น
แบบ Open Darin หรือเป็ นแบบ Open Collector เพื่อใหเอาตพ
ุตเชื่อมต่อกน
ไดห
ลายตว
รูปที่ 21 ลักษณะการการเชื่อมต่ออุปกรณ์แบบ I2C BUS
2.5.2 การเขียน-อ่านข้อมูลกบอุปกรณ์แบบ I2C BUS
รูปที่ 22 รูปแบบการเขียน/อ่านขอมูลแบบ I2C BUS
2.5.3 การรับ-ส่งข้อมูลแบบ I2C BUS MCU จะเร่ิมตน
การส่งขอ
มูลดว
ยการ
- ส่งสถานะเร่ิมตน (START Conditions) เพื่อแสดงการขอใชบส
- แลว
ตามดว
ย รหัสควบคุม (Control Byte) ซ่ึงประกอบ ดว
ยรหัส ประจาตว
อุปกรณ์
Device ID ,Device Address ,และ Mode ในการเขียนหรืออ่านขอมxx
- เม่ืออุปกรณ์ รับทราบว่า MCU ต้องการ จะติดต่อด้วยก็ต้องส่งสถานะรับรู้
(Acknowledge) หรือแจง้ ให้ MCU รับรู้ว่าขอ
มูลxxxxxส
่งมามีความถูกตอง
- และเมื่อสิ้นสุดการส่งขอ
มูล MCU จะตอ
งส่ง สถานะสิ้นสุด ( STOP Conditions) เพื่อ
บอกกบอปกุ รณ์ว่า สน้ิ สดุ การใชบส
2.5.4 การกําหนดสถานะเริ่มต้นและสถานะสิ้นสุดของ I2C BUS (START and STOP Conditions)
รูปที่ 22 I2C BUS START and STOP Conditions
สถานะบx
xxxxคือเมื่อบส
xxxxxถ
ูกใชงาน ท้ง
SCL และ SDA จะเป็ น 1 ท้งั คู
ลกษณะการกาํ หนดสถานะเร่ิมตนและสถานะสิ้นสุดของ BUS
- เมื่อตองการส่งขอมูล MCU จะตอ
งส่งสถานะเริ่มตน
(START Conditions) คือให
SDA เปลี่ยนจาก 1 มาเป็ น 0 ในขณะที่ SCL มีค่าเป็ น 1
- เมื่อสิ้นสุดการการใชบส
MCU จะตอ
งส่งสถานะสิ้นสุด ( STOP Conditions) คือให้
SDA เปลี่ยนจาก 0 มาเป็ น 1ในขณะที่ SCL มีค่าเป็ น 1
2.5.5 รหัสควบคุมของ I2C BUS (Control Byte)
รูปที่ 23 I2C BUS (Control Byte)
รหัสควบคุมของ I2C BUS ประกอบดว
ยรหัสประจาตว
ของอุปกรณ์ (Device ID)
ประกอบดวยบติ 1-7 และบติ 0 เป็ นบตควิ บคมกุ ารเขยี นอาน่
- รห
ประจาํ ตว
ของอุปกรณ์ ประกอบดว
ยรหัสประจาตว
จากผผู
ลิต Product ID 4 บิต
(บิต 4-7) xxxxxxxxxนแปลงแกไ
ขxxxxxแ
ละ Device Address 3 บิต (บิต 1-3) ซ่ึงผูใ้ ช
xxxxxx กาหนด เองได้ รวมแลว ค่าxxxx กนxxxxxx
เป็ นรหส
7 บิท ใชร
ะบุตว
อุปกรณ์ ที่ต่ออยบ
นบส
จะมี
- บิตควบคุมการเขียนอ่าน (Mode) บิต 0 เม่ือ MCU ตองการเขียนขอมูลไปยงอุปกรณ์ก
กาหนดใหบ
ิตน้ีเป็ น 0 และเมื่อตx
xxxx อ่านขอ
มูล จากอุปกรณ์ ก็กาํ หนดใหบ
ิตน้ีเป็ น 1
2.5.6 ช่วงเวลาxxxxxxบิตข้อมูลของ I2C BUS
รูปที่ 24 การxxxxxxบิตขอมูลของ I2C BUS
- สภาวะการรับ-ส่งขอมูล จะกระทาในขณะทxxxx SCL เป็ น 1
- สภาวะการเปลี่ยนแปลงขอมูล จะกระทาในขณะทxxxx SCL เป็ น 0
2.6 Arduino UNO R3
Arduino เป็ นบอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ที่ใช้ AVR ขนาดเลกเป็ นตวxxxxxxผล เหมาะ
สาหรับการศึกษาเรียนรู้ไมโครคอนโทรลเลอร์ และxxxxxไปประยกตใ์ ชงานในการควบคมอปกุุ รณ์
ท้งั อินพุทและเอา้ ทพุท ต่างๆได้ โปรแกรมภาษาของ Arduino จะใชร้ ูปแบบของภาษา C++
Arduino Uno R3 ตัวน้ีใช้ ATmega328 เป็ นแบบ PDIP xxxxxxถอดออก เสียก็xxxxxxxxxxxxxxxxx ได้ มีDigital Input / Output 14 พอร์ต xxxxxxทางานแบบ PWM(pulse width modulate) ท้งหมด 6 พอร์ต มีส่วนแปลงสัญญาณxxxลอกเป็ นดิจิตอล(Analog to Digital Converter) ท้งหมด 6 พอร์ต บนบอร์ดติดต้งสัญญาณนาฬิกาภายนอก ความถ่ี 16 MHz พร้อมดว้ ยพอร์ต USB และ หัวเสียบไฟเล้ียงบอร์ด บนบอร์ดยงxxxxxxดาวน์โหลดโปรแกรมโดยตรงxxxx xยผ่านหัวเสียบ ICSP และยงมีป่ ุม Reset ให้บนบอร์ดอีกดว้ ย บนบอร์ดติดต้งไมโครคอนโทรเลอร์ ATmega16U เพ่ือช่วยในการส่งขอ้ มูลแบบอนุกรมผา่ นทาง USB (Usb to Serial Converter) การส่งผา่ นขอมูล xxxxxxxxx ไดร้ วดเร็ว อีกท้งั ไม่จาํ เป็ นตอ้ งติดต้งั ไดร์ฟเวอร์สาํ หรับการใชง้ าน ซอฟแวร์ในการดาวน์ โหลดโปรแกรมรองรับระบบปฏิบตั ิการ Windows, Linux และ Mac
รูปที่ 25 บอร์ด Arduino UNO R3
รูปที่ 26 ส่วนประกอบของบอร์ด Aduino UNO R3
1.USB Port : ใชส้ าหรับต่อกบั Computer เพื่ออบั โหลดโปรแกรมเขา้ MCU และจ่ายไฟใหก้ บั บอร์ด
2.Reset Button : เป็ นป่ ุม Reset ใชกดเม่ือตxx xxxxให้ MCU เริ่มการทางานใหม่
3.ICSP Port : ของ Atmega16U2 เป็ นพอร์ตที่ใชโ้ ปรแกรม Visual Com port บน Atmega16U2
4. I/O Port : Digital I/O ต้งแต่ขา D0 ถึง D13 นอกจากน้ี บาง Pin จะxxx หxxx xxxอื่นๆ เพิ่มเติมดว้ ย
xxxx Pin0,1 เป็ นขา Tx, Rx Serial, Pin3,5,6,9,10 และ 11 เป็ นขา PWM
5.ICSP Port: Atmega328 เป็ นพอร์ตที่ใชโปรแกรม Bootloader
6. MCU: Atmega328 เป็น MCU ที่ใชบนบอรด์ Arduino
7. I/OPort: นอกจากจะเป็ น Digital I/O แลว
- A5
ยงเปลี่ยนเป็ นช่องรับสญั ญาณxxxลอกต้งแต่ ขา A0
8.Power Port: ไฟเล้ียงของบอร์ดเมื่อตองการจ่ายไฟให้กับวงจรภายนอก ประกอบด้วยขา ไฟเล้ียง +3.3 V, +5V, GND, Vin
9. Power Jack: รับไฟจาก Adapter โดยท่ีแรงดน
อยร
ะหว่าง 7-12 V
10.MCU ของ Atmega16U2 เป็น MCU xxxxxx หxxx xxxเป็ น USB to Serial โดย Atmega328 จะติดต่อ
กบ Computer ผานAtmega16U2
2.6.1 คุณสมบัติของบอร์ด
Microcontroller | ATmega328 |
Operating Voltage | 5V |
Input Voltage (recommended) | 7-12V |
Input Voltage (limits) | 6-20V |
Digital I/O Pins | 14 (of which 6 provide PWM output) |
Analog Input Pins | 6 |
DC Current per I/O Pin | 40 mA |
DC Current for 3.3V Pin | 50 mA |
Flash Memory | 32 KB (ATmega328) of which 0.5 KB used by bootloader |
SRAM | 2 KB (ATmega328) |
EEPROM | 1 KB (ATmega328) |
Clock Speed | 16 MHz |
Length | 68.6 mm |
Width | 53.4 mm |
Weight | 25 g |
2.6.2 การใช้งานของบอร์ด Arduino UNO R3 ที่ใชใ้ นการออกแบบโดยเราใช เพียงxxxxxxพอร์ตในการทางานดงรูปภาพที่ 27
2 1
3
4
5
6
7
รูปที่ 27 การใชง้ านของบอร์ด Arduino UNO R3
หมายเลข 1 ไวส
าหรับสาย USB เชื่อมกบ
คอมพิวเตอร์
หมายเลข 2 ต่อเขากบ Power
หมายเลข 3 ป่ ุมกด Reset หมายเลข 4 สาย SDA หมายเลข 5 สาย SCL
หมายเลข 6 ต่อกบ
หมายเลข 7 ต่อกบ
Volt
GND
2.7 โปรแกรม Visual Basic 2010
รูปที่ 28 แสดงโปรแกรม Visual Basic 2010
โปรแกรม Microsoft Visual Basic 2010 Express Edition หรือเรียกโดยยอว่า Visual Basic
Express หรือ VB Express เป็ นโปรแกรมที่ใชสาหรบสรางห้ั รอพื ฒนาโปรแกรมใชง้ านบนวินโดวส์
โดยใชภาษา Visual Basic กบระบบปฏิบติการ Windows ของบรษิ ทไมโครซอฟต์ Visual Basic
พฒนามาจากภาษา BASIC (ยอมาจาก Beginner’s All purpose Symbolic Instruction Code) ซ่ึงเป็น
ภาษาคอมพิวเตอร์ระดับสูงที่ใช้งานง่าย เหมาะสําหรับผูเร่ิมใช้คอมพิวเตอร์เพราะใช้xxx ใน
ภาษาองั กฤษที่เขา้ ใจง่ายและเม่ือเป็ น Visual Basic ซ่ึงใชลกษณะของการมองเห็นได(้ Visual) ที่เป็น
การติดต่อกบผใู้ ชด
วย กราฟิ กหรือรูปภาพ (Graphical User Interface – GUI) จึงทาใหก
ารพฒนา
โปรแกรมใชง้ านxxx xxส
ะดวกและรวดเร็วข้ึน ถึงแมจ
ะใชงานง่ายแต่ก็มีความxxxxxxสูง เหมาะ
สาหรับการพฒ
นาโปรแกรมใชงานไดห
ลายxxxx xxxx งานxxx นวณทวั
ไปงานดา้ นฐานขอ
มูล เกม
และอื่นๆ บริษทไมโครซอฟตไ
ดเ้ ปิ ดตว
โปรแกรม Visual Studio 2010 ซ่ึงเป็ นชุดเครื่องมือ พัฒนา
ซอฟตแวร์เพื่อช่วยเหลือนกพฒ
นา (ไม่ว่าจะเป็ นนกพฒ
นามือใหม่หรือนกพฒ
นามือ อาชีพ) ในการ
ปรับปรุงข้น
ตอนการพฒนาและช่วยxx
xรแกป
ัญหาที่ซบซอนทาไดง้ ่ายข้ึน และน่าxxxxมากข้ึน
กว่าเดิม ซ่ึงมีส่วนประกอบหน่ึงคือ Visual Basic xxxxxxxxล่าสุด ใช้ชื่อ ว่า Microsoft Visual Basic
2010 โดยปรับปรุงจาก Visual Basic 2008 xxxxxxxใชกนอยู่ xxxxxขดี ความxxxxxxหลายอยางเพื่อให
การพฒนาโปรแกรมใชง้ านxxx xxสะดวกรวดเร็วขึ้น และไดออก Visual Basic 2010 Express ซึ่งใช
งานง่าย เรียนรู้ง่ายและน่าสนุก ทาโปรแกรมใชงานไดเ้ ร็ว เหมาะสาํ หรับผxx
xxตx
xxxxศึกษาและ
พฒนาโปรแกรมใชงานxxxxxx จาเป็ นตอ
งใชค
วามxxxxxxทุกอยางของ Visual Basic 2010
2.8 โปรแกรม Team Viewer
รูปที่ 29 ลกษณะหนาตางของโปรแ่ กรม Team Viewer
โปรแกรมTeam Viewer เป็ นโปรแกรมการรีโมต (Remote) หรือ โปรแกรมควบคุม เครื่องระยะไกล เราxxxxxxใชโปรแกรมน้ีเขาไปใชงาน หรือควบคุมเครื่องอื่นที่เราตองการ โดยจะ
แบ่งการทางาน เป็ น 2 ฝ่ัง คือxxxxxxxxx
ทาง (เคร่ืองxxxxxx การควบคุม) กบ
เครื่องปลายทาง (เครื่องที่
ถูกควบคุม) โดยเคร่ื องต้นทาง จะเห็นหน้าจอของเครื่องปลายทาง และxxxxxxใช้แก้ไข
เปล่ียนแปลง โอนยายขอ เครื่องปลายทางน้นั
มูล หรือติดต้งโปรแกรม ลก
ษณะเหมือนกบ
เราไปน่ังอยู่ที่หน้าจอของ
ประเภทการใชงานโปรแกรม Team Viewer
- Remote Support เป็ นการรีโมตไปควบคุมหนาจอของเครื่องปลายทาง xxxxxxควบคุม
คอมพิวเตอร์จากระยะไกลท่ีใดก็ไดผา่ นโครงขา่ ยอนเทอรเนต็์ิ
- Remote presentation xxxxxxxxx เสนองานต่างๆ จากxxxxxxxxxทางไปยงั เครื่อง ปลายทางได้
- File transfer xxxxxxทาการxxxxxxไฟลร
ะหว่างเครื่องปลายทางกบ
xxxxxxxxx
ทาง
ถึงแมว
่าจะมี Firewall ก้น
อยก่
็ตาม โดยxxxxxxจาเป็ นตอ
งต้งค่า Firewall ใหม่
- VPNเป็ นการรีโมตเพื่อเชื่อมต่อแบบ VPN กบ
เครื่องปลายทาง เหมือนกบ
ว่าเราอยใู่ นวง
แลนเดียวกนกบxxxxxปลายื่ ทาง
การออกแบบอุปกรณ์เฝ้ าระวง
บทที่ 3
สัญญาณรบกวนในxxxxสื่อสารการบิน
3.1 กล่าวนํา
ในบทน้ีจะกล่าวถึงข้น
ตอนการออกแบบและการสร้างอุปกรณ์เฝ้ าระวงั สญญาณรบกวนใน
xxxสื่อสารการบินโดยลกษณะการทางานน้ีxxxxxxตดิ ต้งอปกุ รณ์ไวตามพื้นทต่ี่ างๆและยงxxxxxx
ตรวจสอบคน
หาสถานีที่กาํ ลงออกอากาศอยใู่ นพื้นน้น
ซ่ึงผต
รวจสอบไม่จาํ เป็ นตอ
งอยใู นพ้ืxxxxxxx
ติดต้งอุปกรณ์xxxxxxตรวจสอบผานทางระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตทาใหส ประสิทธิภาพในการตรวจสอบ ซึ่งระบบการทางานจะแสดงดงรูปต่อไปน้ี
ามารถxxxxx
สถานีภาคส่งวิทยุ xxxเอม็ xxx xความถี่
88 – 108 MHz
พื้นที่ 1
อุปกรณเฝาระวังสัญญาณ รบกวนในยานสื่อสารการ
พื้นที่ 2
Center
ระบบเครือขายxxxxxอรเน็ต
รูปที่ 3.1 ภาพรวมของระบบเฝ้ าระวงสญญาณรบกวนในxxxสอสารกื่ ารบนิ
ลกษณะการxxx งานรูปท่ี1หากตองการทราบว่าพ้ืนทน้่ี ันๆ มีช่องความถxxx xไรบา้ งท่ีกาลง
ออกอากาศจะxxx ตัวอุปกรณ์เฝ้ าระวงสญ
ญาณรบกวนในxxxสื่อสารการบินไปติดต้งั ในพ้ืxxxxนนั
โดย
เครื่องน้ีจะทาการคน
หาและตรวจสอบว่ามีคล่ืนความถ่ีอะไรบางท่ีกาลงออกอากาศซ่ึงตว
อุปกรณ์
xxxxxxระบุxxxxxxxxxxxxxออกอากาศในขณะน้ันไดห้ รือตองการตรวจสอบคลื่นวิทยุในพ้ืxxxxอ่ืน
xxxxxxทาการเช่ือมต่อผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตท้งน้ียงช่วยเพื่อลดทรัพยากรบุคคล ลด
ระยะเวลาในการทางานและxxxxxประสิทธิภาพในการคนหามากยงิ ขนึ้
ซึ่งอุปกรณ์เฝ้ าระวงั สัญญาณรบกวนในxxxxสื่อสารการบินที่ทาการพฒนาข้ึนจะถูกติดต้ง
และใชง้ านในพ้ืxxxx 1ซ่ึงมีองคประกอบและหลกการทางานxxxxxคญดงน้
3.2 องค์ประกอบและหลักการทํางานของอุปกรณ์เฝ้ าระวังสัญญาณรบกวนในxxxxสื่อสารการบิน
จากที่กล่าวมาข้างต้นอุปกรณ์เฝ้ าระวงสัญญาณรบกวนในxxxxสื่อสารการxxxxxงาน เปรี ยบเสมือนเครื่ องรับวิทยุจะถูกติดต้ังไว้ตามพ้ืxxxxต่างๆตามที่ต้องการซ่ึงจะมีโปรแกรม
คอมพิวเตอร์สาหรับควบคุมจะถูกพฒ
นาข้ึนเพื่อใหx
xxxxxควบคุมเคร่ืองคอมพิวเตอร์ภาครับ ซึ่งมี
องคประกอบหลกดังนี้
Antenna
FM Module
RDA5807SS
Audio Output
สื่อสารผานระบบI2C Bus
Computer & software
บอร์ด ไมโครคอนโทรลเลอร์ Arduino UNO R3
Serial Port
รูปที่ 3.2 แสดงส่วนxxxxxxxxxxxxอุปกรณ์เฝ้ าระวงสญญาณรบกวนในxxxสอสารกื่ ารบนิ
ลกษณะการทางานขององคประกอบและหลกการทางานของอุปกรณ์เฝ้ าระวงสญั ญาณ
รบกวนในxxx xสื่อสารการบินรูปที่2FM Module RDA5807SS ทําหxxx xxxในการรับคลื่นวิทยโดย FM
Module จะxxx งานควบคู่กบไมโครคอนโทรลเลอร์ผา่ นทางบส I2C Bus เพื่อควบคมกุ ารรับคลน่ื วิทย
บอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ที่ใชในxxx งานคือ Arduino UNO R3เพื่อทาการเขียนคาส่งควบคุมให
FM Module เพื่อให้ FM Module ทางานและรับคลื่นวิทยได้ นอกจากยงน้ีมโปรแี กรมคอมพิวเตอรxxxx
xxxรับการพัฒนาเพ่ือให้การใช้งานและตรวจสอบคลื่นวิทยุได้สะดวกย่ิงข้ึนโดยโปรแกรม คอมพิวเตอร์จะรับคาส่ังควบคุมและทาการxxxxxxผลและส่งโปรแกรมxxx สั่งกลบไปยงบอร์ด ไมโครคอนโทรลเลอร์อีกคร้ังผาน Serial Port เมื่อบอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ไดร้ ับคาส่ังกลบมา
จะทาการส่งคาส่งไปยง FM Module และxxx การแสดงผลxxx สั่งควบคุมและสัญญาณ FM Module xx
xxร้ ับจะถูกเชื่อมต่อมายงคอมพิวเตอร์เพื่อตรวจสอบสัญญาณเสียงxxxxxร้ ับน้น หรือไม่
xxx xxxxxxxxxxxxxxxx
3.2.1 การควบคุมการทํางานของ FM Module RDA5807SS
FM Module RDA5807SSทาหนาท่ีในการรับคลื่นวิทยุและรองรับความถี่คลื่นวิทยุ FM
ตลอดxxxxต้งแต่ 87.50ถึง 107.50MHz โดยxxxxxxตอ
งต่อสายอากาศภายนอกและยงั ไดร
ับการ
ออกแบบใหท
างานกบไมโครคอนโทรลเลอร์ผานทางบส
I2C เพ่ือควบคุมการรับสัญญาณวิทยุโดย
การ สื่ อสารจะต้องมีบอ ร์ ดไมโครคอนโทรลเลอร์ Arduinoใ นการควบ คุ มซ่ึ งบอร์ ด ไมโครคอนโทรลเลอร์ท่ีใชงาน คือ Arduino UNO R3โดยใชพอร์ตเพียง 2 เส้น คือ serial data (SDA) และสาย serial clock (SCL) ซ่ึงจะแสดงการเชื่อมต่อดงรูปที่ 3.3
สายอากาศ
GND
VCC +5 Volt
เส้นที่ 4
USB Cable
Audio Output
พอรต SCL
พอรต SDA
รูปที่ 3.3 แสดงการควบคุมการทางานของ FM Module RDA5807SS
จากรูปที่3.3 บอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ Arduino UNO R3จะมีสายนําสัญญาณ
ประกอบดว
ย 4 เส้น มีดง
น้ี สายxxx สัญญาณแรกพอร์ต SCL ของบอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์
Arduino UNO R3 จะxxx
xx Pin ADC5 ซ่ึงจะทาการเชื่อมต่อกบ
พอร์ต SCL ของ FM Module
RDA5807SSสายนาสญญาณทสองพอรxxxx SDA ของบอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ Arduino UNO R3
จะxxx
xx Pin ADC4 ซ่ึงจะทาการเช่ือมต่อกบ
พอร์ต SDA ของ FM Module RDA5807SSโดยสายนา
สัญญาณท่ีสามไฟเล้ียงบวกของวงจรบอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ Arduino UNO R3จะทาการ
เชื่อมต่อกบ ไฟเลี้ยงบวกของ FM Module RDA5807SSและสายxxx สัญญาณสุดทา้ ยกราวดของ
บอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ Arduino UNO R3จะxxx การเช่ือมต่อกบ
กราวดข
อง FM Module
RDA5807SSนอกจากน้ี USB Cableเป็ นช่องเสียบของบอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ Arduino UNO
R3ใชส
าหรับเชื่อมต่อเขา้ กบ
คอมพิวเตอร์เพื่อควบคุมและเขียนโปรแกรมและ Audio Output ของ
FM Module RDA5807SSสาหรับไวส
่งสญ
ญาณเสียงที่โมดูลรับได
3.2.2 การออกแบบคําส่ังสําหรับควบคุม
หลงจากที่เราxxx การเชื่อมต่อบอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์และ FM Module เบอร์
RDA5807SS เรียบร้อยแลว
จากน้ันจะxxx การเขียนxxx สั่งโดยท่ีระบบควบคุมท้ง
หมด ลกษณะการ
ออกแบบxxx ส่งสาหรับควบคุมและการติดต่อระหว่างบอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์และ FM Module เบอร์ RDA5807SS xxxxxxสรุปxxx xxxxผงการทางาน ดงรูปที่ 3.4
Select Frequency Channel Function
Start
Set Up microcontroller
Set Up FM Module
Get Character
From Serial Port
CH = “ > ”
YES
Scan Up
Function
NO
YES
CH = “ < ”
Scan Down
Function
NO
YES
CH = “ F ”
Receives Frequency Channel
NO
CH = “ R ”
NO YES
FM Reset
Send CH=”S”
CH = “ A ”
Channel Update
NO
Display Frequency Channel Get status
รูปที่ 3.4 แผนผังแสดงการออกแบบคําสั่งสําหรับควบคุม
คาส่ง
setup()
เม่ือโปรแกรมเริ่มทางานในฟังก์ชน
setup() โดยกาหนดให้ขาพอร์ตที่เช่ือมต่อสวิตช์
ควบคุมท้งั หมดเป็ นพอร์ตอินพุตดิจิตอลจากน้นติดต่อกบบส
I2C ดว
ยคําสั่ง Wire.begin()เพื่อxxx การ
รีเซตโมดูลวิทยุ FM จากน้น
อ่านค่าสถานีล่าสุดออกมาแลว
ทาการแสดงผลดว
ยฟังกชน
chan_print()
คาส่ง
loop()
เม่ือเขาสู่ฟังกชน
loop() อน
เป็ นส่วนของโปรแกรมหลก
จะมีการตรวจสอบการกดสวิตช์
ต่างๆที่ใชค
วบคุมการทางานแลว
ทาการแสดงสถานะการทางานเมื่อมีการเพ่ือเปล่ียนลดหรือxxxxx
ค่าความถี่จะมีการเรียกใชฟ
ังก น
chan_update() เพ่ือปรับค่าความถ่ีล่าสุดท่ีเกิดข้ึนแลว
เรียกใช
ฟังกชน
tune_enable() เพี่xxxx ใหx
xxxลวิทยุ FM เลือกรับสัญญาณจากสถานีท่ีมีความถี่ตรงกบท่ี
ตองการ (ส่วนจะรับชด
หรือไม่และรับไดหรือxxxxxxสนใจ) โดยจะเรียกใชx
xx ส่ัง TUNE xxxxxxโดยตว
แปร Configขอ
มูลสาํ หรับกาํ หนดการxxx งานท้งั หมดจะถูกเขียนไปยงั โมดูลวิทยุ FM ดว
ยฟังกชน
setConfig() โดยจะเขียนรีจิสเตอร์หลกท้ง
5 ตว
ในคราวเดียวกนจากน้นxxx การอ่านสถานะการคนหา
สถานีและค่าความถี่ปัจจุบน
จากโมดูลวิทยุ FM ดว
ยฟังกชน
getStatus() แลว
หยด
การคน
หาสถานีทา
การปรับปรุงค่าความถี่ปัจจุบน
แลว
ส่งxxx ส่ังไปยงโมดูลวิทยุFM อีกคร้ังเพื่อให้โมดูลวิทยุ FM
xxx งานอยก่ บ
สถานีวิทยล
่าสุดที่เลือกไวพ
ร้อมกน
น้น
กาํ หนดใหแสดงค่าสถานีท่ีเลือกไวด
วยฟังกชน
chan_print()ที่ถูกเรียกใหx
xx งานภายในฟังกชน
chan_update()
ส่วนของฟังกชน
ยอยที่ทางานในโปรแกรมหลก
มีท้งสิ้น 8 ฟังกชน
คือ
1. fm_reset() ทาหนาxxxxxเซตการทางานของโมดูลวิทยุ FM ใหกลบไปยงค่าต้งตน
2. chan_update() เป็ นฟังกชน
ปรับปรุงค่าความถ่ีปัจจุบน
สาหรับโมดูลวิทยุ FM ดว
ยxxxxx
ค่าของตว
แปร fm_seek มาบวกกบ
ค่าความถี่ต่าํ สุดที่กาํ หนดไวใ้ นตว
แปร MINB_FREQ
โดยจะเตรียมขอมูลของความถเ่ี พื่อเขียนลงในรีจิสเตอร์ 0x03 ของโมดxx วิทยุ FM ด้วย
ฟังกชน setConfig() ต่อไป
3.setConfig()เป็ นฟังกชน ลง
ที่มีความสาคญ
มากที่สุดตว
หน่ึงxxx หxxx xxxในการเขียนขอ
มูลxxx ส่ัง
ในรีจิสเตอร์หลก
ของโมดูลวิทยุ FM 5 ตว
คือรีจิสเตอร์ 0x02, 0x03, 0x04, 0x05 และ 0x06
ในฟังก์ชน
น้ีมีการเรียกใชค
าสั่งและฟังก์ชน
ของไลบรารี Wire ซ่ีงใชในการติดต่อกบ
อุปกรณ์ระบบบส I2C ของ Arduino
ในรีจิสเตอร์ 0x02 จะกาหนดค่าการทางานของบิตท้ง 16 บติ ของรจิี สเตอรด์ งน้
D001 => 0000 0000 0000 0001 (16 : 0)
- ที่บิต 0 บิตน้ีจะกาํ หนดเป็ น “1” ใหเ้ ป็ นเอนเอเบิลเพ่ือเปิ ดการxxx งานของโมดูล
- ที่บิต 1 กาํ หนดเป็ น “0” เนื่องจากไม่ตองการรเี ซต
- ที่บิต 2และ 3 กาํ หนดเป็ น “00” เพื่อสารองไว้
- ที่บิต 4ถึง 6กาํ หนดเป็ น “000” เพื่อเลือกความถี่สญ
- ที่บิต 7 กาํ หนดเป็ น “0” เพื่อสารองไว้
ญาณนาฬิกา เพื่อใชค
วามถี่ 32.768 kHz
- ที่บิต 8 กาํ หนด “0” เพื่อเปิ ดเอนเอเบิลของการคนหาสถานี
- ที่บิต 9 กาํ หนด “0” เพื่อเลือกโหมดคนหาสถานีความถทต่ี่ี่ าลง(SEEKDOWN)
- ที่บิต 10 กาํ หนด “0” เพื่อเปิ ดเอนเอเบิลวงจรสญ
- ที่บิต 11 กาํ หนดเป็ น “0” เพื่อสารองไว้
ญาณนาฬิกาของชิป
- ที่บิต 12 กาหนด “1” เพื่อxxxxxเสียงทุม(BASS)
- ที่บิต 13 กาํ หนด “0” เพื่อเลือกระบบเสียงเป็ นระบบสเตอริโอมลตเพลกิ ซ์
- ที่บิต 14 กาํ หนด “1” เพื่อใหก
ารควบคุมการตดสญ
ญาณเสียงทางานxxxx
- ที่บิต 15 กาํ หนด “1” เพื่อใหค
วบคุมสถานะขาเอาตพ
ุตสญ
ญาณเสียงใหท
างานxxxx
ในรีจิสเตอร์ 0x03 จะกาหนดค่าการทางานของบิตท้ง 16 บติ ของรจิี สเตอรด์ งน้
0002 => 0000 0000 0000 0010 (16 : 0)
- ที่บิต 1 และ 0 กาํ หนด “10” เพื่อเลือกช่วงความถี่ในการเปลี่ยนสถานีคร้ังละ 50 kHz
- ที่บิต 3 และ 2 กาํ หนด “00” เพ่ือเลือกระบบความถี่ของวิทยุ FM ที่ความถี่ 88.0 – 108.0 MHz
- ที่บิต 4 กาํ หนวด “0” เพื่อไม่ใหปรบควั ามถี่
- ที่บิต 5 กาํ หนดเป็ น “0” xxx xxxไว้
- ที่บิต 15 ถึง 6 กาํ หนด “0” เลือกความถี่ของสถานีวิทยถ
าบิต Band = “0”
ความถี่ = (ช่วงความถี่ในหน่วย kHz (กาํ หนดจากบิต SPACE)xCHAN) + 87 MHz
ในรีจิสเตอร์ 0x04 จะกาํ หนดค่าการทางานของบิตท้ง 16 บติ ของรจิี สเตอรด์ งน้
044 => 00000 0001 1011 1000 (16 : 0)
- ที่บิต 1 และ 0 กาํ หนด “0” เพื่อกาหนดการทางานของขา GPOI1 ใหx
xxxxxxxxxxxที่สูงข้ึน
- ที่บิต 2และ 3กาํ หนด “10” เพื่อกาหนดการทางานของขา GPOI2 ที่เอาตพุตลอจิก “0”
- ที่บิต 5 และ 4 กาํ หนด “11” เพื่อกาหนดการทางานของขา GPOI3 ที่เอาตพุตลอจิก “1”
- ที่บิต 6 กาํ หนด “0” เพ่ือปิ ดเอนเอเบิลการติดต่อผา่ นบส
- ที่บิต 8 และ 7 กาํ หนด “11” ไม่ตองxxx xxx
- ที่บิต 9 กาํ หนด “0” เพื่อสารองไว้
I2S
- ที่บิต 10 กาํ หนด “0” เพื่อดิสเอเบิลการควบคุมอตราขยายอตโนมติ(AGCD)
- ที่บิต 11 กาํ หนด“0” เพื่อเลือกค่าดีเอม
ฟาซิสที่เท่ากบ
75 µs
- ที่บิต 13 และ 12 กาํ หนดเป็ น “00” เพื่อสารองไว้
- ที่บิต 14 กาํ หนด “0” เพื่อดิสเอนเอเบิลการอินเตอร์รัปต์ เมื่อการคนหาสถานีเสร็จสิ้นโดย จะส่งพัลส์ “0” ออกไปทางขา GPOI2
- บิตที่ 15 กาํ หนดเป็ น “0” เพื่อสารองไว้
ในรีจิสเตอร์ 0x05 จะกาหนดค่าการทางานของบิตท้ง 16 บติ ของรจิี สเตอรด์ งน้
86D3 =>1000 0110 1101 0011 (16 : 0)
- ที่บิต 3 ถึง 0 กาํ หนด “0011” เพื่อปรับความดงของเสียง (สเกลลอกาลิธ่ึม) โดย
“0000” ตํ่าสุด “1111” สูงสุด
- ที่บิต 5 และ 4 กาํ หนด “00” เพื่อเลือกกระแสไฟฟ้ าอินพุตที่ 2.1 mAของวงจร LNA ที่บิต 7 และ 6 กาํ หนด “00” เพื่อเลือกท้งอินพุตบวกและอินพุตลบของวงจร LNA
- ที่บิต 14 ถึง 8 กาํ หนด “0000110” เพื่อกาหนดความแรงของสญั ญาณ XXXX xxxใชในการ
คนหาสถานี(ค่าต่าสุด = 0)
- ที่บิต 15 กาํ หนด “1” เพื่อกาหนดโหมดการทางานของอินเตอร์รัปตx xxจิสเตอร์ 0x0c
ห้อ่านค่าจาก
4. getStatus() เป็ นฟังกชน
อ่านค่าสถานะการคน
หาสถานีและค่าความถี่ของสถานีปัจจุบน
ของ
โมดูลวิทยุ FM โดยเก็บสถานะการคน แปร fm_seek
หาสถานีไวท
่ีตวแปร fm_stc และค่าของสถานีไวท
ี่ตว
5. tune_enable() เป็ นฟังกชน
เอนเอเบิลหรือควบคุมใหx
xxxลว
ยุ FM ทาการรับคลื่น
6. tune_disable()เป็ นฟังกชน
หยด
การรับคลื่นของโมดูลวิทยุ FM
7. seek_disable() เป็ นฟังกชนหยดการคนหาชอง่ ความถของสถานีี่
ข้น
3.2.3 การเขียนโปรแกรมคําสั่งควบคุม
การเขียนโปรแกรมคาสั่งควบคุมสาหรับ Arduinoจาํ เป็ นตอ ตอนพัฒนาโปรแกรมดงั น้ี
งมีการกาํ หนดค่าเริ่มตนต่างๆมี
1. xxx การติดต้งั โปรแกรม Arduino หลงั ติดต้งั เสร็จจะมีไอคอนปรากฏข้ึนดงรูปทาการคลิกไป ที่ไอคอนตามรูป
2. เมื่อเปิ ดโปรแกรมแลว
จะพบกบ
หนาต่างของ IDE ซ่ึงจะประกอบดว
ยส่วนต่างๆดังน้
ส่วนท่ีหน่ึงเป็ น Menu การใชงานของโปรแกรม Arduinoส่วนที่สองเป็ น Shortcut สาํ หรับ
ทาการ Compile, Uploadส่วนท่ีสามเป็ น Editor ไวสําหรบั เขยี นxxx ส่ังและส่วนที่สี่เป็ น
Error List สําหรับดูขอผดพลาดของโปรแกรม
รูปที่ 3.5 แสดงหนาต่างการใชงานของโปรแกรม Arduino
3. การใชงานร่วมกบ ดังนี้
Arduino UNOจาเป็ นตองมีการต้งั ค่าโปรแกรมเริ่มตน
ก่อนการใชงาน
- การต้งค่า Boardโดยใหเ้ ลือกที่ Tools => Board => Arduino UNO
รูปที่ 3.6 แสดงการต้งค่าBoard
จากน้นxxx การต้งั ค่า Port ใหไ้ ปที่ Tools => Serial Port และเลือกใหตรงกบบอร์ด Arduino UNO ท่ีใชงาน (สําหรับบอร์ด Arduino UNO R3 โปรแกรมจะเลือกให้อตั โนมตั ิ)
ดงรปxxxx 3.7
4.
รูปที่ 3.7 แสดงการต้งค่า Port
5. เม่ืxxxx การต้งั ค่า Board และ Port เสร็จเรียบร้อยแลว ลงบนหนาต่าง IDE ดงรูปที่ 3.8
หลงั จากน้น
xxx การเขียนxxx ส่ังควบคุม
รูปที่ 3.8 แสดงการเขียนโปรแกรมลงบนหนาต่าง IDE
6. จากน้นxxx การคอมไฟลโปรแกรมไปทSketchี่ =>Verify / Compile เมอคอมไ่ื ฟลเ์ รยี บรอย้
จะปรากฏขอความ “ Done Compiling ” ดังรปxxxx 3.9
รูปที่ 3.9 แสดงการคอมไฟลโปรแกรม
- แต่ในกรณีท่ีคอมไฟล์ไม่สําเร็จจะปรากฏข้อความ “expected Unqualified-id before ‘{’ token” ดงรูปที่ 3.10
รูปที่ 3.10 แสดงขอ้ ความการคอมไฟลไ์ ม่สาเร็จ
หลงจากทําการคอมไฟลโปรแกรมเรียบร้อยแลว้ จึงทาการ UPLOADโปรแกรมให้กบั บอร์ด Arduino UNO xxxxxxทาxxxx xยเลือกที่ File =>Upload (หรือกด Ctrl+U)
ดงรูปที่ 3.11
7.
รูปที่ 3.11 แสดงขอความการ UPLOAD โปรแกรมไมสา่ ํ เรจ็
- เมื่อ UPLOAD โปรแกรมใหก
บบอร์ด Arduino UNO สาํ เสร็จแลวจะปรากฏขอ
ความ
“Done uploading.” ดงั รูปที่ 3.12
รูปที่ 3.12 แสดงการ UPLOAD โปรแกรม
แต่ในกรณีxxxxxx การ UPLOAD โปรแกรมใหก้ บบอร์ด Arduino UNO ไม่สาํ เร็จจะ
ปรากฏขอความ“Problem uploading to board.” ดงั รูปที่ 3.13
รูปที่ 3.13 แสดงขอ้ ความการ UPLOAD โปรแกรมไม่สาํ เร็จ
-
3.2.4 การออกแบบโปรแกรมคําสั่งควบคุม
การออกแบบโปรแกรมคาส่ังควบคุมสําหรับ Microsoft Visual Studio ประกอบดวย
เคร่ืองมือท่ีช่วยให้พฒนาแอปพลิเคxxx xxxหลากหลายและสะดวกสบายต่อการใชงานซึ่งก่อนท่ี
จะไดเรียนรู้การเขียนโปรแกรม ควรศึกษาองคประกอบต่างๆที่มีในโปรแกรมเสียก่อนโดยมี
ข้นตอนการออกแบบโปรแกรมดงั น้
1. xxx การติดต้งั โปรแกรม Visual Basic ก็จะมีไอคอนอนหน่ึงปรากฏข้ึนมาท่ี Desktop คลิกไป ที่ไอคอนตามรูป
2. เปิ ดโปรแกรม Microsoft Visual Studio 2010จะปรากฏหนา Start Page ในการสร้าง
Project ใหม่ ให้ Click ที่ New Project หรือ Click ที่ เมนู File =>New Project
รูปที่ 3.14 แสดงหนา้ ต่างการใชง้ านโปรแกรม
3.จะปรากฏกรอบ New Project
- ใหเ้ ลือก Visual Basic =>Windows
- เลือก Windows Forms Application
รูปที่ 3.15 แสดงฟังกชนการสรางโปรแ้ กรม
- ต้งชื่อ Project ในช่อง Name
- กาํ หนดตาํ แหน่งในการจดเก็บ Project ในช่อง Location
- Click ป่ ุม Ok ดังรูปที่ 3.16
รูปที่ 3.16 แสดงหนา้ ต่างการใชง้ านของโปรแกรม
4. ข้นตอนการเขียนโปรแกรม
- สร้าง Object ต่างๆที่ตองการใชง้ าน ลงบนฟอร์ม xxxx Progressbar, Button และ Timer
เป็ นตน้
รูปที่ 3.17 การสร้าง Object
- กาํ หนดพร็อพเพอร์ต้ีของฟอร์มและออบเจก
ตต่างๆบนฟอร์มโดยใชx
xxxxxx Properties
- ปรับแต่งรายละเอียดของ GUI ย่อ-ขยาย-ยาย หรือปรับเปล่ียน ขนาด-สี-ตวอกษรตวเลข
และสญ
ลกษณ์ต่างๆตามสะดวก
รูปที่ 3.18 แสดงรายละเอียดของฟอร์ม
- เขียนโคด
ควบคุมการทางานของโปรแกรมโดยดบ
เบิ้ลที่ Button1 เพื่อเปิ ด Editor ดง
รูปที่ 3.19
รูปที่ 3.19 แสดงหนา้ ต่างการเขียนโคดควบคุม
- จะปรากฏหนา้ ต่างโคด ไปดังรูปที่ 3.20
Button1 ที่คลิกเมื่อสก
ครู่และทาการกาหนดคาสงั ที่ตx
xxxxลง
รูปที่ 3.20 แสดงหนา้ ต่างการกาํ หนดหรือแกไขโคดxxx สง่ั
ดงรูปที่ 3.21
4
1
2
3
- เมื่อทาการออกแบบโปรแกรมคาส่งควบคุมเสร็จเรียบร้อยแลว
จะไดห
นาต่างโปรแกรม
รปที่ 3.21 แสดงหนาต่างการออกแบบโปรแกรมคาส่งควบคม
การออกแบบหนาต่างโปรแกรมคาส่งควบคุมถูกแบ่งเป็ นxxxxxxxxxxxxคญ
1. หนาต่างแสดงผล Clock
ดงน้
รูปที่ 3.22 แสดงหนา้ ต่างแสดงผลส่วนท่ีหน่ึง
ลกษณะการทางาน Clock เป็ นการบอกเวลาและวนที่ของโปรแกรมคาส่งควบคุม
2. การควบคุมส่วน Control
รูปที่ 3.23 แสดงหนาต่างโปรแกรมคาส่งควบคุมส่วนที่สอง
ลกษณะการทางาน Control
เมื่อยงไม่มีการเช่ือมต่อผ่านระบบอินเตอร์เน็ตหรือการเช่ือมต่อลมเหลวจะขึ้นสถานะ OFF LINE
โดยพ้ืนหลงยงxxแสดงสีxxxxxxเม่ือใดมีการเช่ือมต่อผ่านระบบอินเตอร์เน็ตและมีการเชื่อมต่อ
สําเร็จจะข้ึนสถานะ ON LINE โดยพ้ืนหลงั จะข้ึนเป็ นสีเขียว เมื่อโปรแกรมการควบคุมเกิด
ขอผิดพลาดหรือไม่ไดย
ินคลื่นวิทยุ จะxxx การกด RESET MCU เพื่อ Reset โปรแกรมใหก
ลบมายง
ความถี่เริ่มตน
87.5 MHz หากตx
xxxxxxxxxเสียงหรือลดเสียง โปรแกรมซอฟแวร์จะxxx การส่ง U
(UP) และ D (DOWN) ไปยงโปรแกรมควบคุมเพื่อทาการxxxxxเสียงและลดเสียง
3. การควบคุมส่วน Communication Setting
รูปที่ 3.24 แสดงหนาต่างโปรแกรมคาส่งควบคุมส่วนที่สาม
ลกษณะการทางาน Communication Setting
xxx การเลือก Com Port ที่ใชอ
ยใู นขณะน้น
และเลือก Baud Rate ที่ 9600 เพื่อตองการส่งขอมูลดวย
ความเร็ว 9600 บิตต่อวินาที หลงจากน้ันxxx การกด Connect เพื่อเช่ือมต่อกบระบบเครือข่าย อินเตอร์เน็ตถา้ มีการเช่ือมต่อสาํ เร็จจะปรากฏขอความ “Status Connect! Com3, Baud Rate : 9600”
แต่ถามีการเชื่อมต่อไม่สาเร็จจะปรากฏขอความ “Status Disconnect”
4. การควบคุมส่วนที่สี่ Frequency Control
รูปที่ 3.25 แสดงหนาต่างโปรแกรมคาส่งควบคุมส่วนที่สี่
ลกษณะการทางาน Frequency Control
เม่ือตองการป้ อนความถ่ีให้ทาการกดตว
เลขลงไปซ่ึงการป้ อนความถี่จะตอ
งอยู่ในxxxxความถี่ต้งแต่
87.50 MHz – 107.5 MHz เมื่อป้ อนเสร็จตวเลขที่ถูกป้ อนจะโชวบ
นหนา้ จอ หลงั จากน้น
xxx การกด
ปุ่ม ENTER เพื่อยืนยนความถ่ีท่ีป้ อนเขา้ มา ในกรณีที่เกิดป้ อนความถ่ีผิดพลาดxxxxxxกดป่ ุม
CLEAR เพื่อกลบไปป้ อนความถ่ีใหม่อีกคร้ังไดและเพื่อความสะดวกในการหาคล่ืนxxxxxxกดป่ ุม
SCANUP เป็ นการคนหาสถานีวิทยุที่ออกอากาศอยู่ใน ณ ขณะนันแต่ในขณะคนหาสถานีจะมี
ความถี่xxxxxข้ึนจากสถานีเดิมข้ึนไปเรื่อยๆ ส่วน SCAN Down เป็ นการคนหาสถานีวิทยที่ออกอากาศ
อยใู่ น ณ ขณะน้น
แต่ต่างตรงที่ความถี่ที่กาลงคน
หาน้น
จะลดลงจากสถานีเดิมไปเรื่อยๆแต่เพื่อความ
สะดวกยง่ิ ข้ึนxxxxxxใชแถบเล่ือนหาคลื่นวิทยxxxx xxนกน
- ทาการรันโปรแกรมเพื่อทดสอบว่าโปรแกรมทางานไดต
ามที่ตx
xxxxหรือไม่
โดยการเลือกที่ Debug => Start Debugging ดงรูปที่ 3.26
รูปที่ 3.26 แสดงการรันโปรแกรมเพื่อทดสอบ
- ถาเขียนโปรแกรมคาสั่งไดถ
ูกตอ
งและไม่มี Error ก็จะปรากฏขอความ“Immediate
Window” แต่ถาเขียนโปรแกรมคาสั่งไม่ถูกตองและ Error ก็จะปรากฏขอความ “Error List” ดงั รูปที่ 3.27
รูปที่ 3.27การรันโปรแกรมเพื่อทดสอบเมื่อxxxxxxx Error
5. เมื่อทาการรันโปรแกรมเรียบร้อยแลว
จะไดห
นา้ ต่างดงั รูปที่ 28
รปที่ 3.28 แสดงหนา้ ต่างเม่ือรันโปรแกรมเสร็จเรียบร้อย
บทท4ี่ การใช้งานและการทดสอบอุปกรณ์ต้นแบบ
4.1 กล่าวน˚า
ในบทน้ีจะกล่าวxxxxxxใชง
านและผลการทดสอบของอุปกรณ์ตน
แบบที่สร้างข้ึน ซ่ึงอุปกรณ์
ตนแบบน้ีจะประกอบไปดวย FM Module ที่ทา˚ หxxx xxxรับสัญญาณวิทยุในxxx xความถี่ 87.50-107.50
MHz บอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ Arduino ทา˚ หxxx xxxในการควบคุมการทา˚ งานของ FM Module
โดยมีโปรแกรมคอมพิวเตอร์xxxxxร้ ับการพฒ
นาข้ึนทา˚ หxxx xxxในการส่งั งานใหอ
ุxxxxxตน
แบบทา˚ การ
รับความถี่วิทยุหากตx
xxxxควบคุมและส่ังงานอุปกรณ์ตน
แบบน้ีในระยะไกลxxxxxxทา˚ ไดโดยใช
โปรแกรม Team Viewer ในการเชื่อมต่อผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต การทดสอบอุปกรณ์
ตนแบบทางผูจ
ัดทา
จะทา˚ การทดสอบ โดยแบ่งการทดสอบออกเป็ น 3 กรณี คือ 1.ทดสอบรับ
คลื่นสญ
xxxxxxxx
องอุปกรณ์ตน
แบบเปรียบเทียบกบ
เครื่องรับวิทยท
วไป 2.การทดสอบการคนหา
สถานีแบบอต
โนมต
ิของอุปกรณ์ตน
แบบเปรียบเทียบกบ
วิทยุทว
ไป 3.การทดสอบการใชงาน
ควบคุมระยะไกลโดยควบคุมส่ังงานผ่านทางโปรแกรม Team Viewer โดยการติดต้งและการ
ทดสอบจะกล่าวถึงในหวขอต่อไปน้
4.2 การติดต้ังและการใช้งานอุปกรณ์รับxxxxxxxxxxx
ก่อนจะใชง้ านตอ
งมีการติดต้งั อุปกรณ์ต่างๆ โดยอุปกรณ์ตน
แบบน้ีxxxxxxรับคลื่นความถี่
วิทยุความถี่ต้งั แต่ 87.50-107.50 MHz และจะทดสอบว่าในบริเวณน้นๆxxxxxxรับความถี่อะไรได
บ้าง โดยอุปกรณ์ที่จะใช้งานรวมก
ท้ง
หมดมีดง
น้ี 1.เครื่องรับวิทยุสื่อสารตน
แบบ 2.เครื่อง
คอมพิวเตอร์ที่มีโปรแกรมxxxxxพฒนาขึ้นส˚าหรับส่ังงานเครื่องรับ 3.สาย USB ส˚าหรับเชื่อมต่อ
4.สาย Audio Output ส˚าหรับรับสัญญาณเสียงxxxxxจ งานอุปกรณ์ตนแบบมีดงั ต่อไปน้ี
ากเครื่องรับ ซ่ึงข้น
ตอนการติดต้งั และการใช
1.เลือกพ้ืxxxxxxxตอ หรืออาคาร
งการตรวจสอบซ่ึงพ้ืxxxxxxx ตอ
งเป็ นลก
ษณะพ้ืxxxxโล่งไม่อบ
สัญญาณ ไม่อยู่ในตึก
2.ยด
สายอากาศที่ติดอยก่ บ
กล่องอุปกรณ์ตน
แบบข้ึน เพื่อใหxxxxxxรับสัญญาณxxx
xข้ึน
รูปที่ 4.1 การยดสายอากาศ
3.เชื่อมต่อสาย Audio Output จากอุปกรณ์ตอนแบบเขา้ กบเครองื่ คอมพิวเตอร์ ดงั รปู ที่ 4.2
(ก)
(ข)
(ค)
(ง)
(จ)
(ข)
(ก) (ข)
รูปที่ 4.2 (ก) การเชื่อมต่อสาย Audio Output ที่อุปกรณ์ตนแบบ
(ข) การเชื่อต่อสาย Audio Output เขา้ กบช่อง line-in ของคอมพิวเตอร์
4.เชื่อมต่อสาย USB จากอุปกรณ์ตนแบบเขา้ กบเครองื่ คอมพิวเตอร์ ดงั รปู ที่ 4.3
(ค) (ง)
รูปที่ 4.3 (ค) การเชื่อมต่อสาย USB ที่อุปกรณ์ตน้
แบบ
(ง) การเชื่อมต่อสาย USB เขา้ กบเครองื่ คอมพิวเตอร์
5.ทา˚ การต่อสาย Audio Output จากอุปกรณ์ตน เครื่องคอมพิวเตอร์รับเสียงจาก FM Module ได้
แบบเขา้ กบ
ช่อง line-in ของคอมพิวเตอร์เพื่อให
การต้งั ค่าให้เครื่องคอมพิวเตอร์xxxxxxรับสัญญาณเสียงจาก FM Module xxxx xยต้งั ค่าดงั น้
- คลิก Start จากน้นคลกิ Control Panel แลวทาการคนหาโหมด Sound
รูปที่ 4.4 แสดงการเลือกโหมด
- เมื่อคลิกเขา้ มาจะปรากฏหนา้ ต่างโหมด Sound ให้เลือกแถบ Recording จะxxxxxxxxx
อุปกรณ์เสียง (ไอคอนอาจแตกต่างไปจากน้ีxxxx xxการต้งั คา่ ของเครองื่ คอมพิวเตอร)์
รูปที่ 4.5 แสดง Stereo Mix
- หลงั จากน้น
ทา˚ การคลิกขวาที่ชื่ออุปกรณ์จากน้น
เลือก Properties (xxxxxบต
ิ) เพื่อตx
xxxx
ต้งั ค่าใหมีเสยี งออกมาจากขา้ งใน Computer
รูปที่ 4.6 การต้งั ค่าเสียงของคอมพิวเตอร์
- เมื่อทา˚ การเลือก Properties (xxxxxบต
ิ) แลว
ให้เลือกแถบ Listen หลงั จากน้น
ใส่
เครื่องหมายถูกหนา้ ขอ ขางใน Computer
ความ Listen to this Device เพื่อเป็ นการบอกว่าตx
xxxxใหม
ีเสียงออกมาจาก
รูปที่ 4.7 การต้งั ค่าเสียงใหดง
ในกรณีที่ชื่ออุปกรณ์เสียงไม่ปรากฏ ให้ต้งั คา่ ดงั ต่อไปน้
- ใหท
า˚ การคลิกขวาแลว
เลือก Show Disable Devices และ Show Disconnected Devices ดง
รูปที่ 4.8
รูปที่ 4.8 ต้งั ค่าเสียงในกรณีที่ชื่ออุปกรณ์ไม่ปรากฏ
- เมื่อชื่ออุปกรณ์เสียงปรากฏใหท้ แหล่งที่มาของอุปกรณ์เสียง ใหด
าการทดสอบ line-in โดยส่งสัญญาณไปยงั ช่อง line-in จาก
ูที่แถมสีเทาขา้ งชื่ออุปกรณ์
รูปที่ 4.9 แสดงการทดสอบ line-in
- ถา้ แถบสีเทาขา้ งชื่ออุปกรณ์เปลี่ยนเป็ นสีเขียวน่ันหมายถึงว่าอุปกรณ์น้ีทา˚ งานแลว
และ
สญญาณเสียงถูกส่งไปยงั ช่อง line-in
รูปที่ 4.10 การเลือก line-in
- ถา้ แถบสีเทายงั xxเป็ นสีเทาไม่ทา˚ งานน่น
หมายถึงอุปกรณ์จบ
สัญญาณxxxxxค
ลิกขวาที่ชื่อ
อุปกรณ์เสียงจากน้ันเลือก Enable (เปิ ดใช้งาน) โดยชื่ออุปกรณ์เสียงจะปรากฏเป็ น เครื่องหมายถูกสีเขียว
6.ทา˚ การเชื่อมต่อสาย USB เขา้ กบ
รูปที่ 4.11 เลือก line-in xxxxx เครื่องคอมพิวเตอร์
ในการส่งั งานบอร์ด Arduino จา˚ เป็ นจะตอ การเชื่อมต่อ Serial Port จะแบ่งเป็ น 2 กรณี
งสื่อสารทาง Serial Port ผา่ นทางสาย USB ซ่ึง
กรณีที่ 1 เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มี Serial Port หลายช่อง ในข้น
ตอนที่ตอ
งเลือก Port สา˚ หรับ
เชื่อมต่อ Arduino Uno จะปรากฏ Com Port ข้ึนมาหลายอน ถา้ หากเป็ นกรณีน้ีให
ตรวจสอบว่า Arduino Uno ของเราต่ออยก่ บ Com Port ไหน
- ใหไปที่ Device Manager โดยพิมพค
า˚ ว่า“device manager” ลงในช่องคน
หาของ window-
7 หรือ xxxxxxเขาไดจาก Control Panel ก็ไดเ้ ช่นกน
รูปที่ 4.12 วิธีการติดต้ง Device (1)
- เมื่อเขามาที่ Device Manager ใหเลือกหา Ports (COM & LPT)
- เมื่อเลือกที่ Ports (COM & LPT) ใหม
องหา USB Serial Ports แลว
สังเกตว่า USB Serial
Ports เป็ น COM หมายเลขอะไร (ในรูปเป็ น COM3)
- เมื่อรู้ว่า Arduino Uno ของเราต่ออย่กบ xxxx Tools => Port => COM3 เป็ นตน้
Ports อะไรใหกลบ
ไปเลือก Ports ใหต
รงกน
รูปที่ 4.13 วิธีการติดต้ง Device (2)
กรณีที่ 2 Serial Port ไม่xxxxxxเชื่อมต่อกบคอมพิวเตอรไ์ ด
อาจจะเกิดจากหลายสาเหตุ ยกตว
อยา่ งxxxx ยงั xxxxxท
า˚ การลง Device ของ Serial Port ชนิด
น้น
ๆ หรือสาย USB อาจจะxxxxxxxหลวมหรือเชื่อมต่อไม่แน่น วิธีการจด
- ตรวจสอบว่าสาย USB แน่นหรือไม่
การข้นตน
คือ
- ตรวจสอบที่เครื่องอุปกรณ์ว่ามีไฟ LED แสดงสถานะ ว่าบอร์ด Arduino ทา˚ งาน หรือไม่
- ทาการลง Device โดยมีข้นตอนการลงดงั น้
1.เขามาที่ Device Manager ใหเลือกหา Ports (COM&LPT)
2.ทาการหา Ports (COM & LPT) => คล๊ิกขวาเลือก Update Driver Software
3.จากน้น
ใหค
ลิกขวาที่ Arduino จะพบกบ
"Update Driver Software"
4.แลวใหเลือก "Browse my computer for Driver software"
5.เลือกตา˚ แหน่ง Device แลว
รูปที่ 4.14 ทาการลง Device คล๊ิก Browse ตา˚ แหน่งของ File Device
รูปที่ 4.15 การเลือกตา˚ แหน่ง File
6.ตา˚ แหน่ง Device จะอยใู่ นโฟลเดอร์โปรแกรม Arduino ดงรูป แลวกด OK
7.เมื่อทาการเลือก File Device แลว
รูปที่ 4.16 ปรากฏตา˚ แหน่ง File ใหคลิกที่ Next
รูปที่ 4.17 กดเลือกคา˚ สงั่ ดา˚ เนินการต่อ
8.จากน้น
xxxxxรอสก
ครู่ เมื่อเสร็จสิ้นการติดต้งั แลว
จะปรากฏขอ
ความ ดงั น้
รูปที่ 4.18 แสดงการติดต้งั สา˚ เร็จ
9.เมื่อทา˚ การติดต้งั เสร็จxxxxxxxแลว xxxxxxไปดูใน Device Manager จะเห็นรายการ Arduino
UNO พร้อมหมายเลข Com Port ที่ใชใ้ นการเชื่อมต่อได้ ดงั รูป
รูปที่ 4.19 แสดง Com Port
4.3 การใช้xxx
xxxใชง
านในการส่ังงานควบคุมอุปกรณ์ตน
แบบจา˚ เป็ นจะตอ
งมีโปรแกรมคอมพิวเตอร์
เพื่อใชใ้ นการส่งั งาน โดยมีข้นตอนการใชง้ านดงั ต่อไปน้
1.เปิ ดโปรแกรมที่ Radio Rcceciver ไดพฒนาขนึ้ จากไอคอนน้
2.เมื่อทาการเปิ ดโปรแกรมจะเห็นหนา้ ต่างแสดงผลxxxxxสรา้ งขนึ้ ดงั รปู
4
1
2
3
รูปที่ 4.20 แสดงหนา้ ต่างการออกแบบโปรแกรมคา˚ สงั่ ควบคุม
โดยมีฟังกชนแสดงหนา้ ต่างการใชง้ านดงั น้
- หนา้ ต่างแสดงผลส่วนที่หน่ึง Clock
- การควบคุมส่วนที่สอง Control
- การควบคุมส่วนที่สาม Communication Setting
- การควบคุมส่วนที่สี่ Frequency Control
3.ทา˚ การเชื่อมต่อโปรแกรม Radio_Receciver กบ โปรแกรม Arduino
โดยกดเลือก COM Port => COM 3 (โดย COM Port ที่แสดงใน Serial Port ของคอมพิวเตอร์จาก
ขอ 4 )
รูปที่ 4.21 การเลือก COM Port
4.เลือก Baud Rate ที่ 9600 ดงรูป
รูปที่ 4.22 การเลือก Baud Rate
5.แลวทาการเลือก Connect
รูปที่ 4. 23 การเลือก Connect
6.ถา้ เชื่อมต่อสาเร็จจะปรากฏขอความ “Status Connect! Com3, Baud Rate : 9600” ดงรูป
รูปที่ 4.24 แสดง Status การเชื่อมต่อ
12.เมื่อทา˚ การเชื่อมต่อกบ
อุปกรณ์เครื่องรับวิทยไ
ดจะข้ึนสถานะ Receiver Status เป็ น “ON LINE”
แสดงว่าxxxxxxติดต่อสื่อสารกบเครองื่ รบั วิทยได
รูปที่ 4.25 แสดงสถานะ Receiver Status
กรณีที่ติดต่อสื่อสารกับเครื่องรับวิทยุไม่ส˚าเร็จจะข้ึนสถานะของ Receiver Status เป็ น “OFF LINE”
ในกรณีที่เครื่องรับทา˚ งานไม่ถูกตอ้ งและเมื่อตxx xxxxxxxจะเร่ิมระบบใหม่ ให้ทา˚ การกด RESET MCU หรือใหท้ า˚ การเชื่อมต่อ Serial Port ใหม่อีกคร้ัง
รูปที่ 4.26 การเร่ิมระบบใหม่
4.4 การใช้งานเครื่องรับวิทยุ
การใชง้ านเครื่องรับวิทยโ
ดยส่งั งานผา่ นโปรแกรมxxxxxพฒ
นาข้ึนโดยจะมีรูปแบบการเลือก
คลื่นความถี่หลายรูปแบบ ซ่ึงในตวโปรแกรมน้ีxxxxxxแบ่งการเลอกื เป็ น 3 แบบ คอื
1.xxxxxxเลื่อนแทบความถี่ที่ตx
xxxxรับสัญญาณxxx
xยเลือกจากแทบความถี่ xxxxxxxความถี่จะ
เปลี่ยนไปตามแทบความถี่ที่ตองการ
รูปที่ 4.27 แสดงการเลื่อนแทบความถี่ 2.xxxxxxระบุความถี่ที่ตองการรับสัญญาณไดโดยการป้ อนตวเลขความถี่
รูปที่ 4.28 แสดงการป้ อนตวเลขความถี่
3.xxxxxxเลือกคนหาสถานีวิทยแบบอตโนมต
โดยการเลือกแบบอต
โนมต
ิทา˚ ได้ 2 วิธีคือ การคน
หาช่องความถี่ถด
ไปจากความถี่ปัจจุบน
คือ SCAN UP หรือ การคน
หาสถานีก่อนที่จะถึงสถานีปัจจุบน
คือ SCAN DOWN
รูปที่ 4.29 แสดง SCAN UP
รูปที่ 4.30 แสดง SCAN DOWN
4.5 การใช้งานโปรแกรม Team Viewer
โปรแกรม Team Viewer เป็ นโปรแกรมสา˚ หรับการใชใ้ นการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์จาก
ระยะไกลที่มีความสา˚ คญ
อีกโปรแกรมเนื่องจากโปรแกรมxxxxxและมีระบบความปลอดภย
xxxxxxเชื่อถือ
และxxxxx˚ คญ
อีกอย่างคือxxxxxxใชง้ านผ่านทางอินเทอร์เน็ตโดยxxxxxxตอ
งทา˚ การคอนฟิ กโปรแกรม
อื่นๆใหย
งุ่ ยากและยงั xxxxxxใชโ
ปรแกรมตว
น้ีเขา้ ไปควบคุมเครื่องที่กา˚ ลงั ติดต่อกบ
กบเราxxx
xกซ่ึง
มีวิธีการใชง้ านดงั น้ี
1. ทา˚ การติดต้งั โปรแกรม team viewer หลงั ติดต้งั เสร็จจะมีไอคอนปรากฏไอคอนข้ึนดงั รูปทา˚ การ
คลิกไปที่ไอคอนตาม อินเตอร์เน็ต
รูปโดยที่เครื่องคอมพิวเตอร์น้ีตอ
งมีการเชื่อมต่อผ่าเครือข่าย
2. เมื่อเปิ ดโปรแกรมข้ึนมาจะมีหนา้ ต่างโปรแกรมตามรูปที่4.3.1
- ส่วนแรกผxxx xxx านคอมพิวเตอร์ที่ติดต้งั อยก่ บเครื่องรับวิทยุสื่อสารให้xxxxxxxxx Allow
Remote Control รอจนกว่าระบบจะทา˚ การันรหส รูปที่ 31
ประจา˚ เครื่อง และ รหส
ผา่ น มาใหดง
รูปที่ 4.31 หนา้ ต่างโปรแกรม Team Viewer (1)
- ส่วนที่ 2 เครื่องคอมพิวเตอร์สา˚ หรับที่จะไปควบคุมเครื่องรับวิทยส
ื่อสารน้น
จา˚ เป็ นตอง
ลงโปรแกรม Team Viewer และทา˚ การเปิ ดโปรแกรมxxxxเดียวกบส่วนที่หนึ่งโดยจะ
ปรากฏ รหสประจา˚ เครื่อง และ รหสผา่ x xxx Allow Remote Control เพื่อบ่งบอกว่าเป็ น
เครื่องคอมพิวเตอร์คนละเครื่องก สื่อสาร
เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดต้ง
อยู่กับเครื่องรับวิทย
รูปที่ 4.32 หนา้ ต่างโปรแกรม Team Viewer (2)
3.หากตx
xxxxควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดต้งั อยู่กบ
เครื่องรับวิทยุสื่อสารจา˚ เป็ นตอ
งป้ อนรหัส
ประจา˚ เครื่องของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดต้ง
อยู่กบ
เครื่องรับวิทยุสื่อสารให้ใส่ลงในช่อง Partner
จากน้นคลิกที่ Remote Support และทา˚ การคลิกป่ ุม Connect to partner รอให้โปรแกรมทา˚ การ
เชื่อมต่อดงั รูปที่ 4.33
รูปที่ 4.33 แสดงหนา้ ต่างการใชง้ าน Control Remote Computer
4. หากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดต้ง
อยู่กบ
เครื่องรับวิทยุสื่อสารมีระบบความปลอดภย
จะให้ใส่
รหส
ผา่ น โดยจะข้ึนหนา้ ต่าง Team Viewer Authentication จึงทา˚ การใส่รหส
ผา่ นหลงั จากน้น
คลิก
ป่ ุม Log On เพื่อเชื่อมต่อดงั รูปที่ 4.34
รูปที่ 4.34 แสดงหนา้ ต่าง Team Viewer Authentication
หลงั จากทา˚ การเชื่อมต่อเสร็จก็xxxxxxใชง้ านต่างๆเสมือนกบการนง่ั ทา˚ งานหนา้ เครื่องที่ติด
ต้งั อยก่ บ
เครื่องรับวิทยส
ื่อสารโดยจะมีลก
ษณะการใชง้ านและการควบคุมดงั น้
5.เมื่อทา˚ การเชื่อมต่อเสร็จหน้าจอของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดต้ง
อยู่กบ
เครื่องรับวิทยุสื่อสารจะ
xxxxxxxxว
่าพ้ืนหลง
(Background) จะเปลี่ยนเป็ นสีดา˚ น้น
แสดงว่าเครื่องที่กา˚ ลงั ควบคุมเชื่อมต่อ
ส˚าเร็จจะมีหน้าต่างดา้ นล่าง แสดงสถานะการเชื่อมต่อโดยเครื่องที่ควบคุมจะxxxxxxควบคุมการ
ทา˚ งานเสมือนเครื่องคอมพิวเตอร์น้ันและยงั xxxxxxไดย
ินเสียงออดิโอจากเครื่องที่ติดต้ง
อยู่ก
เครื่องรับวิทยสื่อสารรบxxx x รปxxxx 4.35
รูปที่ 4.35 แสดงการเชื่อมต่อเสร็จหนา้ จอของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดต้งั อยก่ บ
เครื่องรับวิทยส
ื่อสาร
6.ทางดา้ นบนจอคอมพิวเตอร์ที่ถูกควบคุมจะมีเมนู View xxxxxxปรับขนาดหนา้ จอของเครื่องที่
กา˚ ลงั ควบคุมอยไ่ ดห
ากตx
xxxxเลิกใชง้ านกดป่ ุม X เพื่อออกจากการควบคุมรูปที่ 4.36
รูปที่ 4.36 แสดงเมนู View
4.6 การทดสอบการรับสัญญาณวิทยุในช่องความถี่ต่างๆ
ในการทดสอบอุปกรณ์ตน
แบบน้ีทางผูจด
ทา˚ ไดเ้ ลือกใช้บริเวณอาคารสุรนิทศ
น์ เป็ นบริเวณ
ทดสอบเพื่อตรวจสอบความถี่วิทยุที่รับได้ จากเครื่องรับวิทยุตน
แบบเปรียบเทียบกบ
เครื่องรับวิทย
ทวไป(ยหอ GRUNDIG รนุ่ G6 AVIATOR)
- จุดการทดสอบคือ บริเวณอาคารสุรนิทศน์
รูปที่ 4.37 แสดงตา˚ แหน่งของการทดสอบในพ้ืxxxxบริเวณอาคารสุรนิทศน์
จากรูปที่ 4.37 จะบอกถึงตา˚ แหนงในการทดสอบการรับคลื่นความถี่วิทยุของอุปกรณ์
ตนแบบเปรียบเทียบกบ
เครื่องรับวิทยท
วไป
4.6.1 ทดสอบรับคลน
สัญญาณวิทยุของอุปกรณ์ต้นแบบเปรียบเทียบกบ
เครื่องรับวิทยุทวไป
ตารางการทดสอบรับคลื่นสัญญาณวิทยุของอุปกรณ์ต้นแบบเปรียบเทียบกับเครื่อง
รับวิทยทวไป
โดยจะแบ่งระดบ
การรับสญ
ญาณวิทยเุ ป็ น 3 ระดบคือ
ระดบที่ 0 คือ รับสญญาณxxxxx
ระดบที่ 1 คือ รับสญ
ญาณไดแ
ต่มีสญ
ญาณรบกวน
ระดบที่ 2 คือ รับสัญญาณไดชดxxx
ตารางที่ 4.1 ทดสอบรับคลื่นสญ
xxxxxxxx
องอุปกรณ์ตน
แบบเปรียบเทียบกบ
เครื่องรับวิทยท
วไป
ความถี่วิทยุ | ระดบสัญญาณที่รับได้ | |||||
อุปกรณ์ตน้ แบบ | เครื่องรับวิทยทุ วั่ ไป | |||||
0 | 1 | 2 | 0 | 1 | 2 | |
87.50 | √ | √ | ||||
87.75 | √ | √ | ||||
88.00 | √ | √ | ||||
88.25 | √ | √ | ||||
88.50 | √ | √ | ||||
88.75 | √ | √ | ||||
89.00 | √ | √ | ||||
89.25 | √ | √ | ||||
89.50 | √ | √ | ||||
89.75 | √ | √ | ||||
90.00 | √ | √ | ||||
90.25 | √ | √ | ||||
90.50 | √ | √ | ||||
90.75 | √ | √ | ||||
91.00 | √ | √ | ||||
91.25 | √ | √ |
ความถี่วิทยุ | ระดบสัญญาณที่รับได้ | |||||
อุปกรณ์ตน้ แบบ | เครื่องรับวิทยทุ วั่ ไป | |||||
0 | 1 | 2 | 0 | 1 | 2 | |
91.50 | √ | √ | ||||
91.75 | √ | √ | ||||
92.00 | √ | √ | ||||
92.25 | √ | √ | ||||
92.50 | √ | √ | ||||
92.75 | √ | √ | ||||
93.00 | √ | √ | ||||
93.25 | √ | √ | ||||
93.50 | √ | √ | ||||
93.75 | √ | √ | ||||
94.00 | √ | √ | ||||
94.25 | √ | √ | ||||
94.50 | √ | √ | ||||
94.75 | √ | √ | ||||
95.00 | √ | √ | ||||
95.25 | √ | √ | ||||
95.50 | √ | √ | ||||
95.75 | √ | √ | ||||
96.00 | √ | √ | ||||
96.25 | √ | √ | ||||
96.50 | √ | √ | ||||
96.75 | √ | √ | ||||
97.00 | √ | √ | ||||
97.25 | √ | √ | ||||
97.50 | √ | √ | ||||
97.75 | √ | √ |