Contract
สรุปกฎหมายลักษณะสัญญา
ความนำ
นิติกรรม คือ การกระทำ (การใด ๆ) อันทำลงโดยชอบด้วยกฎหมายและด้วยxxxxxxx มุ่งโดยตรง ต่อการผูกxxxxxxxxxxxxขึ้นระหว่างบุคคล เพื่อจะก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งxxxxx
นิติกรรมแบ่งได้เป็นนิติกรรมฝ่ายเดียว และนิติกรรมหลายฝ่าย สัญญาคือนิติกรรมหลายฝ่าย จึง ต้องนำหลักเกณฑ์เกี่ยวกับนิติกรรมมาใช้ในเรื่องสัญญาด้วย
1. ความหมายของนิติกรรม
จากตำราต่างๆ แล้ว “สัญญา หมายถึง นิติกรรมสองฝ่ายหรือหลายxxxxxxxเกิดจากการแสดง xxxxxเสนอ xxxxต้องตรงกันของบุคคลตั้งแต่สองฝ่ายขึ้นไปที่มุ่งจะก่อให้xxxxxxxเปลี่ยนแปลง หรือระงับxxxxxxxxxxxx” (ศนันท์กรณ์ xxxxxxxxxxx, 2563, หน้า 317)
2. องค์ประกอบของสัญญา
2.1 คู่สัญญา
(1) คุณสมบัติของคู่สัญญา เป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้
(2) มีความxxxxxxในการใช้xxxxxxxxxในเวลาที่เกิดสัญญาขึ้น กรณีเป็นบุคคลธรรมดา ต้องไม่เป็นผู้เยาว์ คนวิกลจริต คนไร้ความสามารถ สำหรับxx
xxxxxxxxxxxxxxxxxxx xxxxxxxxxทำxxxxxxxxxxxในบางกรณีเท่านั้น
กรณีเป็นนิติบุคคล พิจารณาความxxxxxxจากวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งนิติบุคคล
ข้อสังเกต หลักเรื่องการแสดงxxxxx
มาตรา 169 xxxxxxxว่า “การแสดงxxxxxxxxได้ส่งออกไปแล้วย่อมไม่เสื่อมเสียไป แม้ ภายหลังการแสดงxxxxxนั้นผู้แสดงxxxxxจะถึงแก่ความตาย หรือถูกศาลสั่งให้เป็นคนไร้ ความสามารถหรือxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx” แต่หากการแสดงxxxxxนั้นเป็นการแสดงxxxxxทำ คำเสนอ มาตรา 360 xxxxxxxว่า “บทบัญญัติแห่งมาตรา 169 วรรคสอง นั้น ท่านมิให้ใช้บังคับ xxx xxxxxxขัดกับxxxxxอันผู้เสนอได้แสดง หรือหากว่าก่อนจะxxxxรับนั้น คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้รู้อยู่ แล้วว่าผู้เสนอตายหรือตกเป็นผู้ไร้ความxxxxxx”
ดังนั้น โดยหลักแล้วต้องxxxxxx คู่สัญญาต้องมีความxxxxxxในการใช้xxxxxxxxxในเวลาท่ีเกิด สัญญาขึ้น เว้นแต่ ในเวลาxxxxรับคำเสนอนั้น คู่กรณีอีกฝ่ายทำเสนอไม่รู้ว่าผู้เสนอตายหรือตกเป็นผู้ไร้ ความxxxxxx
ลักษณะของxxxxxxxx xxxxxxxxxxxxxดังนี้ (ศนันท์กรณ์ xxxxxxxxxxx, 2563, หน้า 328)
1. คู่สัญญาในทางรูปแบบ และคู่สัญญาในทางเนื้อหา
คู่สัญญาในทางรูปแบบ คือ พิจารณาในแง่บุคคลที่ลงมือทำสัญญา ส่วนคู่สัญญาในทาง เนื้อหา พิจารณาในแง่ของบุคคลที่ต้องรับผิดในทางสัญญา xxxx แดงมอบอำนาจให้ดำเป็นตัวแทนของตนไป ทำสัญญาโอนขายที่ดินกับขาว xxxxนี้ xxxxxxxxxเป็นตัวการ ส่วนดำเป็นตัวแทน ในทางเนื้อแล้ว เมื่อดำทำ การแทนแดงซึ่งเป็นตัวการ สัญญาย่อมxxxxxxxxx xxxxxxเป็นคู่สัญญาในทางเนื้อหา
2. การเป็นคู่สัญญามาแต่แรก และการเป็นคู่สัญญาในภายหลัง xxxx แดงให้ขาวเช่าบ้าน ใน ระหว่างอายุสัญญาxxxx xxxตาย xxxxนี้ ดำบุตรของแดงต้องรับxxxxxหน้าที่และความรับผิดต่อจากแดง ดำจึง ต้องxxxxxxxxxxxxxxเช่าสืบต่อจากแดง เป็นการเข้ามาเป็นคู่สัญญาในภายหลัง
2.2 ต้องมีการแสดงxxxxxต้องตรงกัน กล่าวคือ มีการเสนอและมีการxxxxต้องตรงกัน
2.3 ต้องมีวัตถุประสงค์ในการทำสัญญา
xxxxxxxxสัญญาต้องมีวัตถุประสงค์xxxx xxxx สัญญาซื้อขาย มีวัตถุประสงค์ในเรื่องการโอน กรรมสิทธิ์และการชำระราคา เป็นต้น
วัตถุประสงค์ในการทำสัญญา คือ ประโยชน์สุดท้ายที่จะได้จากสัญญา มี 2 ลักษณะ คือ วัตถุประสงค์ในทางภาวะวิสัย และวัตถุประสงค์ในทางอัตวิสัย
วัตถุประสงค์ในทางภาวะวิสัย คือ ประโยชน์xxxxxxรับจากสัญญาxxxxxxx xxxx สัญญาซื้อขาย ก็มี วัตถุประสงค์ในการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน และการชำระราคา หากxxxxxxซื้อยาเบื่อหนูจากนายดำ วัตถุประสงค์ก็คือ แดงต้องชำระราคายาเบื่อหนูให้ดำ ส่วนดำก็ส่งมอบยาเบื่อหนูให้แก่แดง หรือเรียกว่า ซื้อ ขายยาเบื่อหนู
วัตถุประสงค์ในทางอัตวิสัย เป็นประโยชน์ที่มาจากตัวxxxxxxxx xxxx แดงซื้อยาเบื่อหนู เพื่อนำไป ผสมในอาหารเพ่ือให้หนูมากินแล้วตาย xxxxxก็รู้ข้อเท็จจริงนั้นด้วย ดังนั้น วัตถุประสงค์ในสัญญาซื้อขาย ในทางอัตวิสัยนี้ คือ การซื้อยาเบื่อหนูไปใช้ฆ่าหนู
สัญญาจึงมีวัตถุประสงค์ที่เป็นทั้งภาวะวิสัยและอัตวิสัย พิจารณาตัวอย่าง ดังนี้
ตัวอย่างที่ 1 แดงซื้อมีดจากดำผู้ขาย วัตถุประสงค์ของสัญญาในแง่ภาวะวิสัย คือ โอน กรรมสิทธิ์ในมีดและส่งมอบมีด และชำระราคาค่ามีด หรือเรียกว่า ซื้อขายมีด วัตถุประสงค์xxxxนี้ย่อมชอบ ด้วยกฎหมาย ไม่เป็นโมฆะ
ตัวอย่างที่ 2 แดงซื้อยาบ้าจากดำ วัตถุประสงค์ของสัญญาในแง่ภาวะวิสัย คือ โอน กรรมสิทธิ์ในยาบ้าและส่งมอบยาบ้า และชำระราคาค่ายาบ้า หรือเรียกว่า ซื้อขายยาบ้า วัตถุประสงค์ xxxxนี้ ต้องห้ามตามกฎหมายโดยชัดแจ้ง เพราะยาบ้า เป็นสิ่งที่ต้องห้ามซื้อขายกันตามกฎหมาย สัญญานี้ เป็นโมฆะ
ตัวอย่างท่ี 3 แดงซื้อมีดจากดำผู้ขาย เพื่อนำมีดไปฆ่าขาว โดยดำผู้ขายไม่รู้ วัตถุประสงค์ ของสัญญาในแง่ภาวะวิสัย คือ ก็คือ การซื้อขายมีด กรณีเป็นxxxxเดียวกับตัวอย่างท่ี 1 วัตถุประสงค์xxxxนี้ ย่อมชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นโมฆะ หากพิจารณาวัตถุประสงค์ของสัญญาในแง่อัตวิสัยแล้ว เมื่อดำผู้ขาย ไม่รู้เรื่องด้วย การซื้อมีดไปเพื่อฆ่าขาวจึงเป็นเพียงมูลเหตุชักจูงใจของแดงฝ่ายเดียว ไม่ใช่วัตถุประสงค์ ของสัญญา สัญญาไม่เป็นโมฆะ
ตัวอย่างท่ี 4 แดงซื้อมีดจากดำผู้ขาย เพื่อนำมีดไปฆ่าขาว โดยดำผู้ขายรู้มูลเหตุชักจูงใจ ของแดง วัตถุประสงค์ของสัญญาในแง่ภาวะวิสัย คือ ซื้อขายมีด วัตถุประสงค์xxxxนี้ย่อมชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นโมฆะ แต่เมื่อพิจารณาวัตถุประสงค์ในแง่อัตวิสัยแล้ว ทั้งxxxxxxxxต่างรู้กันว่า การซื้อขายมีดนี้ ก็ เพื่อนำไปใช้เป็นxxxxxในการฆ่าขาว จึงเป็นประโยชน์สุดท้ายของสัญญาซื้อขายครั้งนี้ จึงเป็นวัตถุประสงค์ ของสัญญา สัญญาเป็นโมฆะ
2.4 แบบ หากกฎหมายกำหนดวิธีการแสดงxxxxxเป็นแบบไว้ หากมิได้กระทำตามแบบ สัญญาก็ จะตกเป็นโมฆะ
3. องค์ประกอบเสริมของสัญญา
เป็นสิ่งที่มิใช่สาระสำคัญของการเกิดสัญญา แต่เป็นองค์ประกอบเพิ่มเติมขึ้นมา ได้แก
3.1 เงื่อนไข xxxxxxxxxx
เงื่อนไขคือเหตุการณที่เกี่ยวกับผลของสัญญา แยกเป็นxxxxxxxxxxxxxxxxxx และxxxxxxxxxxxxxxxxxx
xxxxxxxxxx แยกเป็นเงื่อนเวลาเริ่มต้น และxxxxxxxxxxxxxxxxxเกี่ยวกับผลของสัญญา
3.2 มัดจำและเบี้ยปรับ
มัดจำ คือ พยานหลักฐานว่าสัญญานั้นได้ทำกันขึ้นแล้ว และเป็นประกันการที่จะปฏิบัติxxx xxxxxนั้นด้วย
เบี้ยปรับ คือ การที่ลูกหนี้สัญญาแก่เจ้าหนี้ว่าจะใช้เงินจำนวนหนึ่งเป็นเบี้ยปรับเมื่อตนไม่ชำระหนี้ก ดี หรือไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องxxxxxxxxx
4. ประเภทของสัญญา
การแบ่งประเภทของสัญญา จะช่วยทำให้เกิดความเข้าใจแนวความคิดของสัญญา ที่จะนำกฎหมาย มาปรับใช้กับสัญญานั้น ๆ
4.1 สัญญาต่างตอบแทนและสัญญาไม่ต่างตอบแทน
สัญญาต่างตอบแทน คือ สัญญาที่คู่สัญญาต่างฝ่ายต่างเป็นเจ้าหนี้และลูกหนี้ซึ่งxxxxxxxxx xxxxสอง ฝ่ายจึงต้องปฏิบัติการชำระหนี้ต่อกัน xxxx
สัญญาซื้อขาย คือสัญญาซึ่งบุคคลฝ่ายหนึ่ง เรียกว่าผู้ขาย โอนกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินให้แก่ บุคคลอีกฝ่ายหนึ่ง เรียกว่าผู้ซื้อ และผู้ซื้อตกลงว่าจะใช้ราคาทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้ขาย
สัญญาแลกเปลี่ยน คือสัญญาซึ่งคู่กรณีต่างโอนกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินให้กันและกัน
สัญญาเช่าทรัพย์สิน คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่า ผู้ให้เช่า ตกลงให้บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้xxxx xxxใช้หรือได้รับประโยชน์ในทรัพย์สินอย่างใดอย่างหน่ึงชั่วระยะเวลาxxxxxจำกัด และผู้เช่าตก ลงจะให้ค่าเช่าเพื่อการนั้น
สัญญาต่างตอบแทนนั้น คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งจะไม่ยอมชำระหนี้จนกว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะชำระหนี้ หรือ ขอปฏิบัติการชำระหนี้ก็ได้ เพราะต่างฝ่ายต่างกันเป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้ซึ่งกันและกัน แต่ถ้าหนี้ของคู่สัญญาอีก ฝ่ายหนึ่งยังไม่ถึงกำหนด จะอ้างเงื่อนไขนี้xxxxxx
กรณีสัญญาต่างตอบแทนนั้น เป็นการโอนทรัพย์เฉพาะสิ่ง หากภายหลังเกิดสัญญาแล้ว ทรัพย์นั้น สูญหรือเสียหายไปด้วยเหตุอย่างใดอย่างหน่ึงอันจะโทษลูกหนี้มิได้ การสูญหรือเสียหายนั้นตกเป็นพับแก่ xxxxxxxx xxxx แดงซื้อxxxxxxxเซเว่นจากแม่ค้า และสั่งให้ใส่ถุง เดี๋ยวมาเอา เมื่อแดงออกมาก็พบว่า ส้มถูก รถสามล้อเสียหลักมาทับเสียหายหมดแล้ว ความเสียหายนี้xxxxxxโทษแม่ค้าซึ่งเป็นลูกหนี้ในการส่งมอบส้ม ได้ และเมื่อส้มนั้นตกเป็นกรรมสิทธิ์ของแดงตั้งแต่ทำสัญญาแล้ว xxxxนี้ แดงต้องเคราะห์นั้นโดยยังต้องมี หน้าที่ชำระราคาxxxxxxแก่แม่ค้าด้วย
4.2 สัญญามีค่าตอบแทนและสัญญาไม่มีค่าตอบแทน
สัญญาไม่ต่างตอบแทน คือสัญญาที่ก่อหนี้แต่เพียงฝ่ายเดียว อีกฝ่ายไม่มีหนี้ต้องชำระ xxxx สัญญาxxxxxxxxxxxนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าผู้ให้ยืม ให้บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้
ยืม ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งxxxxxxxx และผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้น เม่ือได้ใช้สอยเสร็จแล้ว ผู้ยืม เท่านั้นที่เป็นหนี้ต้องชำระ ผู้ยืมไม่มีหนี้ต่อผู้ยืม
สัญญามีค่าตอบแทน xxxx สัญญาซื้อขาย สัญญาเช่า สัญญาxxxxแรงงาน สัญญาxxxxทำของ สัญญาไม่มีค่าตอบแทน xxxx สัญญาxxxxxxxxxxx สัญญาxxxxxxxxxxxxxxxx สัญญาให้
4.3 สัญญาประธานและสัญญาอุปกรณ์
สัญญาประธาน คือ สัญญาที่มีผลบังคับในตัวสัญญานั้นเอง เป็นสัญญาที่ก่อหนี้ชั้นต้นขึ้น สัญญาอุปกรณ์ คือ สัญญาที่ทำขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาประธาน หากสัญญาประธานไม่
xxxxxxx สัญญาอุปกรณ์ก็ไม่xxxxxxxไปด้วย xxxx สัญญาค้ำประกัน สัญญาจำนอง สัญญาจำนำ เป็นต้น
4.5 สัญญาเพื่อประโยชน์ของบุคคลภายนอก คือสัญญาที่คู่สัญญาตกลงทำขึ้น แต่ให้ผลของ สัญญาหรือการชำระหนี้ที่คู่สัญญาต้องชำระตกแก่บุคคลภายนอก xxxx xxxxxxxxxxxxxxxx xxxผู้เอาประกัน และผู้รับประกัน ให้ประโยชน์ตกแต่xxxxxของผู้เอาประกัน
4.6 สัญญามีชื่อหรือเอกเทศสัญญา และสัญญาไม่มีชื่อ
สัญญามีชื่อหรือเอกเทศสัญญา คือ สัญญาxxxxxxกำหนดหลักเกณฑ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับสัญญานั้นไว้ แล้ว เนื่องจากเป็นสัญญาที่มีการใช้ในสังคมเป็นประจำ รัฐจึงกำหนดหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ไว้ล่วงหน้า
สัญญาไม่มีชื่อ คือ สัญญาที่กฎหมายมิได้กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับสัญญานั้นไว้โดยเฉพาะ จึง ต้องนำหลักทั่วไปเกี่ยวกับสัญญานั้นไปใช้
5. คำเสนอ
คำเสนอเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เกิดสัญญาขึ้น ที่ว่าสัญญาเกิดขึ้นเพราะxxxxเสนอ และxx xxxxถูกต้องตรงกัน จึงเห็นได้ว่า การเกิดสัญญาเริ่มต้นจากคำเสนอเป็นสำคัญ
5.1 ลักษณะของคำเสนอ
(1) คำเสนอเป็นการแสดงxxxxxขอทำสัญญา ต้องนำเรื่องของการแสดงxxxxxมาบังคับใช้
(2) ต้องเป็นการแสดงxxxxxxxxชัดแจ้ง มีความชัดเจนแน่นอนxxxxxxx xxxxxxxว่า ผู้ทำ xxxxxxเพียงแต่ตกลง ก็เกิดสัญญาแล้ว หากแสดงxxxxxxxxไม่xxxxxx xxxx แดงบอกขายรถแก่ดำ แต่มิได้ บอกว่าจะขายในราคากี่บาท เพียงเท่านี้จะเรียกว่าเป็นเสนอxxxxxx เพราะยังxxต้องมาเจรจากันในเรื่องราคา ต่อไปอีก
การแสดงxxxxxทำคำเสนอโดยชัดแจ้งนั้น อาจกระทำโดย วาจา ลายลักษณ์xxxxx หรือ กริยาxxxxxxxxxxx แต่การทำคำเสนอโดยxxxxxxxxxไม่น่าจะมีได้
คำเชื้อเชิญ หรือการxxxxxxx เป็นเพียงการขอให้อีกฝ่ายหนึ่งทำคำเสนอ จึงไม่เป็นคำ เสนอ xxxx ส่วนราชการประกาศประกวดราคาxxxxก่อสร้างอาคาร เป็นแต่เพียงการxxxxxxxให้บุคคลทั่วไป เสนอราคาแก่ส่วนราชการ ประกาศxxxxxxxดังกล่าวจึงไม่เป็นคำเสนอ
(3) คำเสนอนั้น อาจเสนอต่อบุคคลเฉพาะเจาะจงหรือxxxxxต่อสาธารณชนxxxxx xxxx รถประจำทางคิดราคาค่าโดยสารตลอดสาย 8 บาท โดยมีเส้นทางแน่นอน เท่ากับเป็ นการเสนอต่อ สาธารณะ หากบุคคลใดขึ้นรถประจำทางคันดังกล่าว ก็เท่ากับเป็นการxxxxรับเกิดสัญญารับขนส่งคน โดยสารขึ้นทันที หรือเครื่องขายเครื่องดื่มอัตโนมัติ ก็เป็นการแสดงxxxxxขายเครื่องดื่มต่อบุคคลทั่วไป
5.2 ผลของคำเสนอ
คำเสนอนั้น เมื่อมีผลแล้ว ย่อมผูกพันผู้ทำคำเสนอ xxxxxxถอนคำเสนอนั้นได้ โดยแยกพิจารณา
ดังนี้
1. กรณีกำหนดระยะเวลาในการทำxxxxxxไว้ จะบอกถอนคำเสนอก่อนถึงกำหนดเวลา
นั้นxxxxxx
2. กรณีxxxxxxกำหนดระยะเวลาในการทำxxxxxxไว้ จะบอกถอนคำเสนอภายใน ระยะเวลาอันควรคาดหมายว่าจะได้รับคำบอกล่าวxxxxนั้น xxxxxx แยกเป็น 2 กรณี คือ
(1) กรณีทำคำเสนอต่อบุคคลเฉพาะหน้า รวมทั้งการทำคำเสนอทางโทรศัพท์ ผู้เสนอจะถอนคำเสนอในเวลาใด ๆ xxxxxxxxxxxxxxxxx เพราะเมื่อผู้รับการแสดงxxxxxทำคำเสนอทราบ แล้ว ก็ย่อมคาดหมายได้ว่าจะทำxxxxxxได้ในเวลานั้น เมื่อมิได้ทำxxxxxxรับในเวลานั้น ผู้ทำคำเสนอก็ ถอนคำเสนอได้
(2) กรณีทำคำเสนอต่อบุคคลซึ่งอยู่ห่างกันโดยระยะทาง จะถอนคำเสนอใน เวลาอันคาดหมายว่าจะได้รับคำบอกล่าวxxxxนั้น ต้องพิจารณาเป็นกรณีไป xxxx มีจดหมายทำคำเสนอ ขายxxxxxริมน้ำราคา 50 บาทไปให้เพื่อนท่ีอยู่จังหวัดเชียงใหม่ เวลาในการส่งจดหมายไปกลับรวม 4 วัน เวลาตัดสินใจเก่ียวกับทรัพย์ราคาสูงอีก 3 วัน ดังนั้น เวลาอันคาดหมายว่าจะมีการxxxxกลับ คิดได้เป็น 7 วัน เป็นต้น
5.3 การสิ้นผลของคำเสนอ
1. เมื่อผู้รับคำเสนอบอกปัดไปยังผู้เสนอแล้ว
2. เมื่อผู้รับคำเสนอไม่xxxxรับภายในเวลาที่กำหนด
3. เมื่อผู้เสนอตายหรือตกเป็นผู้ได้ความxxxxxx หากว่าก่อนจะxxxxรับนั้น คู่กรณีอีกฝ่าย หนึ่งได้รู้อยู่แล้วว่าผู้เสนอตายหรือตกเป็นผู้ไร้ความxxxxxx
6. xxxxxx
xxxxxxคือการตอบรับคำเสนอ เพื่อเข้าทำสัญญา
6.1 ลักษณะของxxxxxx
1. เป็นนิติกรรมฝ่ายเดียวที่ต้องมีผู้รับการแสดงxxxxx
2. xxxxxxนั้นต้องมีความชัดเจนแน่นอน ไม่มีเงื่อนไข หรือแก้ไขใด ๆ
3. จะแสดงxxxxxxxxxรับโดยชัดแจ้ง หรือโดยปริยายก็ได้
4. เป็นการแสดงxxxxxต่อบุคคลโดยเฉพาะเจาะจง
6.2 ผลของการxxxx
1. เมื่อมีการxxxxรับคำเสนอแล้ว ย่อมเกิดสัญญาขึ้น และมีหนี้หรือความผูกพันต้องปฏิบัติ
xxxxxxxx
2. เมื่อxxxxxxมีผลแล้ว จะบอกถอนxxxxxxxxxxxxอีก หากไม่ต้องการผูกพันข้อตกลง ต้องxxxxxxการเลิกสัญญา
6.3 xxxxxxที่มาล่วงเวลา ให้ถือเป็นคำเสนอขึ้นใหม่ได้ แต่ถ้าคำxxxxxxxxxxxxมาถึง ล่วงเวลา แต่เป็นที่เห็นxxxxxxxxว่าคำxxxxxxxxนั้นได้ส่งโดยทางการ ซึ่งตามปรกติควรจะมาถึงภายใน กำหนดxxxx ผู้เสนอต้องxxxxxxxxแก่คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งโดยxxxxว่าxxxxxxxxxxxxถึงเนิ่นช้า เว้นแต่ จะได้ xxxxxxxxxxxxนั้นก่อนแล้ว xxxx แดงกำหนดเวลาในการทำxxxxxxให้แก่แดงเป็นเวลา 7 วัน ปรากฏว่า หาก แดงทำจดหมายxxxxรับ ก็ใช้เวลาแค่ 2 วัน แต่ตอนนี้ล่วงผ่านไป 7 วันแล้ว จดหมายจึงเพิ่งมาถึงเพราะ เหตุการณ์ล็อคดาวน์การแพร่ระบาดของเชื่อโควิด 19 xxxxนี้ แดงต้องแจ้งไปยังดำว่าจดหมายทำxxxxxxมา ล่วงเวลา หากไม่แจ้ง xxxxxxxxxมาล่วงเวลา หรือข้อเท็จจริงเป็นว่า พ้น 7 วันแล้ว จดหมายxxxxรับยังมาไม่ ถึง แดงต้องแจ้งxxxxxxxx xxxxxxรับจดหมายเพ่ือให้ดำทราบว่า xxxxxxของดำยังไม่มา ต่อมาเม่ือผ่านไป 10 วันแล้ว จดหมายทำxxxxxเพิ่งมาถึง xxxxนี้ แดงไม่ต้องแจ้งให้ดำทราบอีกว่า จดหมายมาล่วงเวลา เพราะได้ แจ้งไปก่อนนั้นแล้ว
6.4 xxxxxxที่มีการแก้ไข ให้ถือเป็นคำเสนอขึ้นใหม่ได้
7. เวลาที่เกิดสัญญา
ทันที
เมื่อคำเสนอxxxxxxถูกต้องตรงกัน สัญญาย่อมเกิดขึ้น
1. แดงโทรไปบอกขายแหวนวงท่ีดำเคยเห็นแล้วชอบในราคา 500 บาท ดำตอบตกลง สัญญาเกิด
2. แดงเขียนจดหมายไปบอกขายแหวนวงที่ดำเคยเห็นแล้วชอบในราคา 500 บาท ดำได้เขียน
จดหมายตอบตกลง เมื่อจดหมายมาถึงแดง สัญญาเกิด
3. ดำเขียนจดหมายไปขอซื้อแหวนของแดงวงที่ดำเคยบอกว่าชอบในราคา 500 บาท xxxxxxขาย ก็ให้ส่งแหวนมาเลย เมื่อแดงเอาแหวนใส่กล่องส่งไปรษณีย์มาให้ดำ สัญญาก็เกิดขึ้นในเวลาส่งแหวนนั้น
8. ผลของสัญญา
8.1 ผลต่อคู่สัญญา
คู่สัญญาต้องxxxxxxxxxxxxxx xxxxxxเลิกสัญญาได้เพียงฝ่ายเดียว เว้นแต่มีเหตุในการเลิกสัญญา หรือคู่สัญญาอีกฝ่ายยอมตกลงเลิกสัญญา
8.2 ผลต่อบุคคลภายนอก
xxxxxxxxxxxกำหนดให้มีผลต่อบุคคลภายนอกสัญญาได้ แต่เป็นข้อยกเว้น เพราะxxxxแล้วสัญญา ย่อมผูกพันเฉพาะxxxxxxxx xxxx เป็นสัญญาเพื่อประโยช์ของบุคคลภายนอก คือสัญญาที่คู่สัญญาตกลงทำ ขึ้น แต่ให้ผลของสัญญาหรือการชำระหนี้ที่คู่สัญญาต้องชำระตกแก่บุคคลภายนอก xxxx xxxxxxxxxxxxxxxx xxxผู้เอาประกันและผู้รับประกัน ให้ประโยชน์ตกแต่xxxxxของผู้เอาประกัน
9. การเลิกสัญญา
เมื่อเกิดสัญญาแล้ว คู่สัญญามีหนี้หรือหน้าที่ต่อกันในการปฏิบัติxxxxxxxx เมื่อได้ปฏิบัติxxx xxxxxต่อกันแล้ว หนี้xxxxxxxxก็ระงับลง แต่สัญญาอาจระงับลงด้วยการเลิกสัญญาก็ได้ แต่การเลิก สัญญานี้ มิอาจจะกระทำตามอำเภอใจของคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้
9.1 การเลิกสัญญาโดยคู่สัญญา เป็นกรณีที่คู่สัญญาเห็นxxxxกันหรือตกลงกันเลิกสัญญา
(1) คู่สัญญาตกลงกนเลิกสัญญาด้วยกัน
(2) คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งเสนอขอเลิกและอีกฝ่ายxxxxรับ
9.2 การเลิกสัญญาโดยคู่สัญญาฝ่ายเดียว โดยไม่จำที่คู่สัญญาอีกฝ่ายต้องเห็นxxxxด้วย กล่าวคือ xxxxxxxxxxxxxxxขอเลิกสัญญา “มีxxxxx” ในการเลิกสัญญา
9.2.1 xxxxxในการเลิกสัญญาโดยข้อสัญญา โดยxxxxxxxxxxxกำหนดเหตุในการเลิก สัญญาไว้ในสัญญา
9.2.2 xxxxxในการเลิกสัญญาโดยบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
9.2.2.1 บทกฎหมายบททั่วไป ได้แก่
(1) xxxxxในการบอกเลิกสัญญาเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งไม่ชำระหนี้
ถ้าคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งไม่ชำระหนี้ อีกฝ่ายหนึ่งจะกำหนดระยะเวลาพอxxxxx แล้ว xxxxxxxxให้ฝ่ายนั้นชำระหนี้ภายในระยะเวลานั้นก็ได้ ถ้าและฝ่ายนั้นไม่ชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่ กำหนดให้xxxx อีกฝ่ายหนึ่งจะเลิกสัญญาเสียก็ได้
กรณี กำหนดระยะเวลาในการชำระหนี้ มิใช่สาระสำคัญ จะต้องมีการบอกล่าวให้ ชำระหนี้เสียก่อน จึงจะมีxxxxxบอกเลิกสัญญาได้ แยกเป็น
ก. มีกำหนดระยะเวลาในการชำระหนี้ไว้แล้ว หากไม่ชำระหนี้ตาม กำหนดเวลาดังกล่าว คู่สัญญาต้องกำหนดระยะเวลาพอxxxxxเสียก่อน หากอีกฝ่ายไม่ชำระภายในเวลา นั้น จึงมีxxxxxบอกเลิกสัญญา xxxx แดงตกลงซื้อรถจักรยานมือสองจากดำ ตกลงส่งมอบรถในxxxxxx 8 ธันวาคม 2564 ปรากฏว่า เมื่อถึงกำหนด ดำไม่ส่งมอบให้xxxxxxxx xxxxxxกำหนดระยะเวลาให้ดำส่ง มอบรถจักรยานภายใน 5 วัน นับแต่วันครบกำหนดxxxxxxxx เมื่อครบ 5 วันแล้ว ดำไม่ส่งมอบ รถจักรยานให้xxx xxxบอกเลิกสัญญาได้
ข. xxxxxxกำหนดระยะเวลาในการชำระหนี้ไว้ กรณีนี้xxxxนี้ ต้องมีการ กำหนดระยะเวลาการชำระหนี้ขึ้นก่อน โดยคู่สัญญาจะต้องแจ้งxxxxxxxxระยะเวลาพอxxxxxในการชำระ หนี้ หากลูกหนี้ยังไม่ชำระหนี้อีก จะต้องxxxxxxxxให้ฝ่ายนั้นชำระหนี้ภายในระยะเวลาอันxxxxxอีกครั้ง หน่ึง หากครั้งหลังนี้ ลูกหนี้ยังไม่ชำระหนี้ภายในเวลาดังกล่าว คู่สัญญามีxxxxxบอกเลิกสัญญา xxxx แดงตก ลงซื้อรถจักรยานมือสองจากดำ แต่มิได้กำหนดระยะเวลาในการส่งมอบรถไว้ แดงต้องกำหนดระยะเวลาใน การส่งมอบรถ เพ่ือเป็นกำหนดเวลาในการชำระหนี้ xxxx กำหนดไว้เป็นเวลา 7 วันนับแต่xxxxxxxxxxxx งให้ดำ ส่งมอบรถจักรยาน หากปรากฏว่า เมื่อครบกำหนด 7 วันแล้ว ดำไม่ส่งมอบให้xxxxxxxx แดงจะต้อง กำหนดระยะเวลาอันxxxxxให้ดำส่งมอบรถจักรยานอีกครั้ง หากครั้งหลังนี้ ดำไม่ส่งมอบรถจักรยานให้ xxx xxxบอกเลิกสัญญาได้
(2) กรณีเวลาการชำระหนี้เป็นสาระสำคัญ
ถ้าวัตถุที่xxxxxxxแห่งสัญญานั้น ว่าโดยสภาพหรือโดยxxxxxxxxxxxxxxxxxxxแสดงไว้ จะเป็นผลสำเร็จxxxxxแต่ด้วยการชำระหนี้ ณ เวลามีกำหนดก็ดี หรือภายในระยะเวลาอันใดอันหนึ่งซึ่ง
กำหนดไว้ก็ดี และกำหนดเวลาหรือระยะเวลานั้นxxxxxxxxxxไปโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมิได้ชำระหนี้ xxxxนี้อีกฝ่าย หนึ่งจะเลิกสัญญานั้นเสียก็ได้ โดยมิต้องxxxxxxxxเลย xxxx xxxxxxxดำผู้รับเหมา ให้มาจัดบูธในงานลอย กระทงเพื่อให้แม่ค้าที่ตกลงxxxxxxxได้ขายสินค้าในงานวันลอยกระทง สภาพแห่งสัญญาย่อมเห็นได้ว่า กำหนดเวลาในการจัดบูธเป็นสาระสำคัญ หากพ้นกำหนดเวลาจัดงานแล้ว จะมาจัดxxx xxย่อมไม่มีประโยชน์ อะไรอีก
(3) ถ้าการชำระหนี้เป็นxxxxxxxx
xxxการชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนกลายเป็นxxxxxxxxเพราะเหตุอย่างใดอย่าง หนึ่งอันจะโทษลูกหนี้ได้xxxx เจ้าหนี้จะเลิกสัญญานั้นเสียก็ได้
1. การชำระxxxxxxxต้องเป็นxxxxxxxx คือ ชำระหนี้xxxxxx จะเป็นการxxxxxxxxตามความ เป็นจริงหรือตามกฎหมายก็ได้
2. จะxxxxxxxxทั้งหมดหรือแต่บางส่วนก็ได้
3. ต้องเป็นการxxxxxxxxเพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งอันจะโทษลูกหนี้ หากเป็น ความผิดของเจ้าหนี้หรือบุคคลภายนอก ไม่เข้าลักษณะนี้
9.2.2.1 บทกฎหมายบทเฉพาะ กล่าวคือ มีกฎหมายเฉพาะกำหนดเหตุแห่งการ
เลิกสัญญาในเรื่องนั้น ๆ
10. ผลของการเลิกสญญา
10.1 กรณีคู่สัญญาตกลงกันในผล ย่อมเป็นไปตามข้อตกลง
10.2 กรณีตามกฎหมาย
เมื่อคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งได้ใช้xxxxxเลิกสัญญาแล้ว คู่สัญญาแต่ละฝ่าย ต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืน สู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิม แต่ทั้งนี้จะให้เป็นที่เสื่อมเสียแก่xxxxxของบุคคลภายนอกหาxxxxxx ส่วนxxxxxxx จะต้องใช้คืน ให้บวกดอกเบี้ยเข้าด้วย คิดตั้งแต่เวลาxxxxxxรับไว้ ส่วนท่ีเป็นการงานอันได้กระทำให้และ เป็นการยอมให้ใช้ทรัพย์นั้น การที่จะชดใช้คืน ท่านให้ทำได้ด้วยใช้เงินxxxxxxค่าแห่งการนั้น ๆ หรือ
ถ้าในสัญญามีกำหนดว่าให้ใช้เงินตอบแทน ก็ให้ใช้ ตามนั้น ทั้งนี้ การใช้xxxxxเลิกสัญญานั้นหา กระทบกระทั่งถึงxxxxxเรียกร้องค่าเสียหาย