ระบบ Cloud Computing Phase I จำนวน 1 ระบบ แบบรวมอะไหล่ ปีที่ 2 และ ปีที่ 3
ร่างขอบเขตของงานxxxxบริการบำรุงรักษาและซ่อมแซมแก้ไข
ระบบ Cloud Computing Phase I จำนวน 1 ระบบ แบบรวมอะไหล่ ปีที่ 2 และ ปีที่ 3
ลำดับ | รายการ | จำนวน | ราคาต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) | รวมเงิน (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) | ||
บาท | สต. | บาท | สต. | |||
ระบบ Cloud Computing Phase I ประกอบด้วย | ||||||
1. | เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายสำหรับทำหน้าที่ Virtualized Server แบบรวมศูนย์ | |||||
1.1เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายสำหรับ ระบบงาน Customer service | 2 ชุด | |||||
ยี่ห้อ HPE รุ่น ProLiant DL380 Gen10 Server | ||||||
1.2 เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายสำหรับ ระบบงาน Backoffice | 2 ชุด | |||||
ยี่ห้อ HPE รุ่น ProLiant DL380 Gen10 Server | ||||||
2. | เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายสำหรับทำหน้าที่ Backup Server | 2 ชุด | ||||
ยี่ห้อ HPE รุ่น ProLiant DL380 Gen10 Server | ||||||
3. | ระบบจัดเก็บxxxxxข้อมูลคอมพิวเตอร์แม่ข่ายเสมือน | 1 ระบบ | ||||
ยี่ห้อ HPE รุ่น 3PAR StoreServ 8000 Storage | ||||||
4. | ซอฟต์แวร์จัดเก็บxxxxxข้อมูลคอมพิวเตอร์แม่ข่ายเสมือน สำหรับระบบงาน Customer Service และระบบงาน Back Office | 1 ระบบ | ||||
ยี่ห้อ Veeam รุ่น Availability Suite Enterprise Plus | ||||||
5. | อุปกรณ์ SAN Switch | 2 ชุด | ||||
ยี่ห้อ HPE รุ่น StoreFabric SN3600B Fibre Channel Switch | ||||||
6. | อุปกรณ์เครือข่ายสำหรับศูนย์คอมพิวเตอร์หลักและศูนย์ คอมพิวเตอร์xxxxx | 8 ชุด | ||||
ยี่ห้อ Aruba รุ่น 3810M | ||||||
7. | อุปกรณ์เครือข่ายสำหรับระบบ Management | 4 ชุด | ||||
ยี่ห้อ Aruba รุ่น 5406R zl2 | ||||||
8. | อุปกรณ์เครือข่ายสำหรับระบบ Backup | 2 ชุด | ||||
ยี่ห้อ Aruba รุ่น 3810M |
ลำดับ | รายการ | จำนวน | ราคาต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) | รวมเงิน (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) | ||
บาท | สต. | บาท | สต. | |||
9. | อุปกรณ์สำหรับตรวจสอบสัญญาณ การเชื่อมต่อเครือข่าย Stretched Cluster Network เพื่อให้ระบบxxxxxx รองรับค่า latency ยี่ห้อ Netscout รุ่น Optiview XG | 1 ชุด | ||||
10. | ระบบปฏิบัติการสำหรับคอมพิวเตอร์แม่ข่าย | |||||
10.1 ชุดโปรแกรมระบบปฏิบัติการสำหรับคอมพิวเตอร์แม่ข่าย สำหรับระบบงาน Customer Service และระบบงาน Back Office | 2 ชุด | |||||
ยี่ห้อ Microsoft รุ่น Windows Server 2019 Datacenter | ||||||
10.2 ชุดโปรแกรมระบบปฏิบัติการสำหรับคอมพิวเตอร์แม่ข่าย สำหรับระบบจัดเก็บxxxxxข้อมูลคอมพิวเตอร์แม่ข่ายเสมือน | 1 ชุด | |||||
ยี่ห้อ Microsoft รุ่น Windows Server 2019 Standard | ||||||
โดยมีรายละเอียดอื่น ๆ และเงื่อนไขเพิ่มเติม ตามที่แนบ ราคาต่อหน่วยทเสนอหากมีเศษสตางค์ จะต้องไม่เกิน 2 ตำแหน่ง | ||||||
รวมเป็นเงิน | ||||||
ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% | ||||||
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น |
โปรดกรอกรายละเอียดให้ครบถ้วนเพื่อการจ่ายเงินค่าสิ่งของหรือค่าxxxxโดยการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคาร
ชื่อบริษัท (ภาษาไทย)
............................................................................................................................. .........................................................
ชื่อบริษัท (ภาษาอังกฤษตัวxxxxxxxxx)
............................................................................................................................. .........................................................
...................................................................................................................... ................................................................
ที่อยู่ตามหนังสือรับรองกระทรวงพาณิชย์ (ภาษาอังกฤษตัวxxxxxxxxx)
……………………………………………………............…............................................................................................................
................................................................................................................... ...................................................................
............................................................................................................................. .........................................................
ชื่อธนาคาร ...................................................................... สาขา .................................................................................
ชื่อบัญชี ........................................................................... เลขที่บัญชี .........................................................................
อีเมล ….………………………………………..…………………...…… โทรศัพท์ (สำนักงาน)…………...……….......….....…....…………
โทรสาร (FAX) ………………………………………………...…...... โทรศัพท์มือถือ…………………………..........……...……..…….....
โดยผู้ขาย/ผู้รับจ้างตกลงเป็นผู้รับภาระค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการอื่นใดเกี่ยวกับการโอน รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นใด (ถ้ามี) ที่ธนาคารเรียกเก็บ และยินยอมให้การไฟฟ้านครหลวงหักเงินดังกล่าวจากจำนวนเงินโอนในงวดนั้น ๆ
ขอบเขตของงานxxxxบริการบำรุงรักษาและซ่อมแซมแก้ไข
ระบบ Cloud Computing Phase I จำนวน 1 ระบบ แบบรวมอะไหล่ ปีที่ 2 และ ปีที่ 3
1. การไฟฟ้านครหลวง มีความxxxxxxx xxxxบริการบำรุงรักษาและซ่อมแซมแก้ไขระบบ Cloud Computing Phase I
จำนวน 1 ระบบ แบบรวมอะไหล่ ปีที่ 2 และ ปีที่ 3 ซึ่งต่อไปนี้ในเงื่อนไขการบำรุงรักษานี้ เรียกว่า “ระบบคอมพิวเตอร์”
2. การบำรุงรักษาระบบคอมพิวเตอร์ หมายถึง กิจกรรมใด ๆ ก็ตามที่ทำขึ้นเพื่อทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ อยู่ในสภาพที่ทำงานxxxxxอยู่เสมอ รวมxxxxxxทดสอบ การวัด การเปลี่ยนแปลง การปรับปรุง การซ่อมแซม และการบำรุงรักษา เพื่อป้องกันความชำรุดเสียหายของระบบคอมพิวเตอร์ ตลอดระยะเวลาการxxxx โดยทำการซ่อมแซมแก้ไขและเปลี่ยนสิ่งที่จำเป็นทุกประการ เพื่อให้ระบบคอมพิวเตอร์อยู่ในสภาพที่ใช้งาน xxxxxตามxxxx โดยxxxxxxxxxใช้จ่ายใด ๆ เพิ่มเติมนอกเหนือจากค่าxxxxบำรุงรักษาxxxxxxxxxxxxxxxบำรุงรักษาฯ
3. ผู้รับจ้างต้องมีศูนย์บริการสำหรับซ่อมแซม และบำรุงรักษาระบบคอมพิวเตอร์ โดยแนบรายละเอียด ของศูนย์บริการ พร้อมเอกสารเสนอราคา
4. ผู้รับจ้างจะต้องรับผิดต่อผู้xxxxxxxในกรณีที่ผู้รับจ้าง ผู้แทน ช่างหรือลูกจ้างของผู้รับจ้างจงใจ หรือ ประมาทเลินเล่อหรือไม่มีความรู้ความชำนาญพอกระทำหรืองดเว้นการกระทำใด ๆ เป็นเหตุให้ ระบบคอมพิวเตอร์ของผู้xxxxxxxxxxxxxxหรือไม่อยู่ในสภาพที่ใช้การxxxxx โดยxxxxxxแก้ไขได้ ทั้งนี้ผู้รับจ้างจะต้อง จัดหาระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีคุณภาพและความxxxxxxในการใช้งานไม่ต่ำกว่าของเดิมมาชดใช้แทน หรือชดใช้ ราคาระบบคอมพิวเตอร์ในขณะที่เกิดความเสียหาย ในกรณีxxxxxxอาจจัดหาคอมพิวเตอร์ดังกล่าวมาชดใช้แทนได้ ให้แก่ผู้xxxxxxxภายในเวลาที่ผู้xxxxxxxกำหนด นับตั้งแต่เวลาที่ผู้xxxxxxxxxxxxxxxเป็นหนังสือให้ผู้รับจ้างจัดหา ระบบคอมพิวเตอร์มาชดใช้ให้แทนหรือชดใช้ราคาระบบคอมพิวเตอร์ตามวรรคหนึ่ง ผู้รับจ้างยินยอมให้ผู้xxxxxxx ปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละ 0.1 (ศูนย์จุดหนึ่ง) ของค่าxxxxxxxxxxxxนี้ รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ไม่ต่ำกว่า วันละ 100 (หนึ่งร้อย) บาท จนกว่าผู้xxxxxxxบอกเลิกสัญญา และหากผู้xxxxxxxต้องใช้ระบบคอมพิวเตอร์ที่อื่น xxxxxxผล ผู้รับจ้างยินยอมชดใช้ค่าใช้จ่ายเพื่อการดังกล่าวทั้งสิ้นแทนผู้xxxxxxxอีกด้วย
นอกจากนี้ ผู้รับจ้างจะต้องรับผิดชอบต่ออุบัติเหตุ ความเสียหาย หรือภยันตรายใด ๆ อันเกิดจาก การปฏิบัติงานของผู้รับจ้าง และต้องรับผิดต่อความเสียหายจากการกระทำหรืองดเว้นกระทำโดยผิดกฎหมาย หรือโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อของผู้แทน ช่าง หรือลูกจ้างของผู้รับจ้างอีกด้วย
ในกรณีที่ผู้รับจ้างไม่ปฏิบัติxxxxxxxxข้อใดข้อหนึ่งด้วยเหตุใด ๆ ก็ตาม จนเป็นเหตุให้เกิด ค่าปรับ ค่าเสียหาย หรือค่าใช้จ่ายแก่ผู้xxxxxxx ผู้รับจ้างต้องชดใช้ค่าปรับ ค่าเสียหาย หรือค่าใช้จ่ายดังกล่าว ให้แก่ผู้xxxxxxxโดยสิ้นเชิงภายในกำหนด 30 (สามสิบ) วัน นับถัดจากxxxxxxได้รับแจ้งเป็นหนังสือจากผู้xxxxxxx หากผู้รับจ้างไม่ชดใช้ให้ถูกต้องครบถ้วนภายในระยะเวลาดังกล่าวให้ผู้xxxxxxxมีสิทธิ์ที่จะหักเอาจากจำนวนเงิน ค่าxxxxxxxต้องชำระหรือบังคับจากหลักประกันการปฏิบัติxxxxxxxxได้ทันที
หากค่าปรับ ค่าเสียหาย หรือค่าใช้จ่ายที่บังคับจากจำนวนเงินค่าxxxxxxxต้องชำระ หรือจากหลักประกัน การปฏิบัติxxxxxxxxแล้วยังxxxxxxxxxx ผู้รับจ้างยินยอมชำระส่วนที่เหลือที่ยังขาดอยู่จนครบถ้วนตาม จำนวนค่าปรับ ค่าเสียหาย หรือค่าใช้จ่ายนั้น ภายในกำหนด 30 (สามสิบ) วัน นับถัดจากxxxxxxได้รับแจ้ง เป็นหนังสือจากผู้xxxxxxx
หากมีเงินค่าxxxxxxxxxxxxที่หักไว้จ่ายเป็นค่าปรับ ค่าเสียหาย หรือค่าใช้จ่ายแล้วxxxxxxxxอยู่อีกเท่าใด ผู้xxxxxxxจะคืนให้แก่ผู้รับจ้างทั้งหมด
5. การxxxxบริการบำรุงรักษาและซ่อมแซมแก้ไขระบบคอมพิวเตอร์xxxxxxxx ไม่รวมxxxxxxเปลี่ยนแปลง ลักษณะเฉพาะของระบบคอมพิวเตอร์หรือส่วนประกอบที่ติดตั้งเพิ่มเติมภายหลังที่สัญญามีผลบังคับ และ ความเสียหายของระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งเกิดจากเหตุสุดวิสัยหรือเกิดจากความผิดของผู้xxxxxxx
6. ผู้xxxxxxxxxxxxxxxxxที่จะบอกเลิกสัญญาxxxxเมื่อใดก็ได้ โดยxxxxxxให้ทราบล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์xxxxxก่อน อย่างน้อย 30 วัน
7. ผู้รับจ้างจะต้องบริการบำรุงรักษาและซ่อมแซมแก้ไข ณ สถานที่ติดตั้ง การไฟฟ้านครหลวง เขตราษฎร์บูรณะ อาคาร ICT ชั้น 2 การไฟฟ้านครหลวง เขตยานนาวา อาคาร 1 ชั้น 6 และ การไฟฟ้านครหลวง xxxxxxxx อาคารสำนักงานxxxxxxxx ชั้น 6
8. ผู้xxxxxxx xxxxxxxxxxในการขอเปลี่ยนผู้xxxxxxxxxxรักษาที่ไม่มีความรู้ ความxxxxxxพอเพียง และผู้รับจ้างจะต้อง หาผู้ที่มีความรู้ ความxxxxxxxxxxxxxxxxxxการโดยมิชักช้า หากผู้รับจ้าง ไม่ปฏิบัติตามผู้xxxxxxxจะบันทึกไว้ เป็นประวัติเพื่อเป็นหลักฐานสำหรับประกอบการพิจารณาในการxxxxxxxครั้งต่อไป
9. ผู้รับจ้าง ต้องจัดหาแรงงานและวัสดุ เครื่องมือเครื่องใช้ อุปกรณ์ เพื่อใช้ในงานxxxxxxxxxxxx
10. ผู้รับจ้างต้องส่งมอบเอกสารลิขสิทธิ์ หรือสิทธิ์การใช้งานซอฟต์แวร์ของระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมดที่ถูกต้อง ตามเจ้าของผลิตภัณฑ์กำหนด ในงวดที่ 1
11. ผู้รับจ้างจะต้องให้การสนับสนุนแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์
12. ผู้รับจ้างจะต้องส่งรายงานการเข้าปฏิบัติการ Preventive Maintenance ในรูปแบบ Hard copy และ Soft copy
ภายใน 7 วันทำการ นับจากวันครบรอบงวดบำรุงรักษาฯ
13. ผู้รับจ้างต้องตรวจสอบและxxxxxข้อมูล Configuration ของระบบคอมพิวเตอร์ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง และจัดเก็บเป็น Version ให้ครบถ้วนxxxxxxx พร้อมจัดทำรายงานการเปลี่ยนแปลง Configuration ของ ระบบคอมพิวเตอร์ โดยให้ส่งมอบในงวดงานที่ครบกำหนด
14. ผู้xxxxxxxและผู้รับจ้าง ตกลงว่าจะไม่เปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับของอีกฝ่ายหนึ่งแก่บุคคลที่สาม หรื อ บุคคลภายนอกทราบเป็นอันขาด ตามผนวก 5 ข้อปฏิบัติในการเก็บรักษาความลับ การไฟฟ้านครหลวง
15. ผู้รับจ้างต้องดูแลรักษาและตรวจสอบทุกครั้งที่เข้าทำการบำรุงรักษาฯ ตาม ผนวก 4 ข้อกำหนดในการบำรุงรักษา
เงื่อนไขเพิ่มเติมประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์เลขที่ DP7-1504-TGZ
หากข้อกำหนดของร่างขอบเขตของงาน (TOR) ที่จัดซื้อxxxxxxx มีรายละเอียดขัดหรือแย้งกับ ข้อกำหนดของเงื่อนไขเพิ่มเติมนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดของเงื่อนไขเพิ่มเติมนี้แทน
1. กิจการร่วมค้า
1.1 นิยามกิจการร่วมค้า
กรณีงานซื้อหรืองานxxxxทุกวงเงิน หมายความว่า “กิจการที่มีข้อตกลงระหว่าง ผู้เข้าร่วมค้าเป็นลายลักษณ์xxxxxว่าจะxxxxxxการร่วมกันเป็นทางการค้าหรือหากำไรระหว่างบริษัทกับบริษัท บริษัท กับห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลกับห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือระหว่างบริษัทและ/หรือห้างหุ้นส่วน นิติบุคคลกับบุคคลธรรมดา xxxxxxxxที่มิใช่นิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนสามัญ นิติบุคคลอื่น หรือนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตาม กฎหมายของต่างประเทศ โดยข้อตกลงนั้นอาจกำหนดให้มีผู้เข้าร่วมค้าหลักก็ได้”
1.2 กิจการร่วมค้าที่มีxxxxxในการเข้ายื่นข้อเสนอ
1.2.1 การกำหนดสัดส่วนในการเข้าร่วมค้าของคู่สัญญา
กรณีที่ข้อตกลงฯ กำหนดให้ผู้เข้าร่วมค้ารายใดรายหนึ่งเป็นผู้เข้าร่วมค้าหลัก ข้อตกลงฯ จะต้องมีการกำหนดสัดส่วนหน้าที่ และความรับผิดชอบในปริมาณงาน สิ่งของ หรือxxxxxxxxxxxxxxของ ผู้เข้าร่วมค้าหลักมากกว่าผู้เข้าร่วมค้ารายอื่นทุกราย
1.2.2 งานซื้อหรืองานxxxx
กรณีที่ข้อตกลงฯ กำหนดให้ผู้เข้าร่วมค้ารายใดรายหนึ่งเป็นผู้เข้าร่วมค้าหลัก กิจการร่วมค้านั้นต้องใช้ผลงานของผู้เข้าร่วมค้าหลักรายเดียวเป็นผลงานของกิจการร่วมค้าที่ยื่นข้อเสนอ
สำหรับข้อตกลงฯ xxxxxxได้กำหนดให้ผู้เข้าร่วมค้ารายใดเป็นผู้เข้าร่วมค้าหลัก ผู้เข้าร่วมค้าทุกรายจะต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในเอกสารประกวดราคา
1.2.3 การยื่นข้อเสนอของกิจการร่วมค้า
1.2.3.1 กรณีที่ข้อตกลงฯ กำหนดให้มีการมอบหมายผู้เข้าร่วมค้ารายใดรายหนึ่งเป็น ผู้ยื่นข้อเสนอในนามกิจการร่วมค้า การยื่นข้อเสนอดังกล่าวไม่ต้องมีหนังสือมอบอำนาจ
สำหรับข้อตกลงฯ xxxxxxได้กำหนดให้ผู้เข้าร่วมค้ารายใดเป็นผู้ยื่นข้อเสนอ ผู้เข้าร่วมค้าทุกราย จะต้องลงลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจให้ผู้เข้าร่วมค้ารายใดรายหนึ่งเป็นผู้ยื่นข้อเสนอในนามกิจการร่วมค้า
1.2.3.2 ให้ผู้เข้าร่วมค้าxxxxxxรับมอบหมายหรือมอบอำนาจตามข้อ 1.2.3.1 xxxxxxการ ซื้อและดาวน์โหลดเอกสารประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์กรณีที่มีการจำหน่ายเอกสารซื้อหรือxxxx หรือดาวน์โหลด เอกสารประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์กรณีที่ไม่มีการจำหน่ายเอกสารซื้อหรือxxxx xxxจะมีxxxxxในการเ ข้ายื่นข้อเสนอ ในนามกิจการร่วมค้าได้
1.3 ผู้เข้าร่วมค้าทุกรายจะต้องรับผิดชอบร่วมกันและแทนกัน ( Jointly and Severally)
ในการปฏิบัติตามข้อกำหนดของสัญญา
1.4 ผู้เข้าร่วมเสนอราคาที่เป็นกิจการร่วมค้าที่จะได้รับการสนับสนุนตามกฎกระทรวงกำหนดพัสดุ และวิธีการจัดซื้อxxxxxxxพัสดุที่รัฐต้องการxxxxxxxxหรือสนับสนุน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2563 นั้น ผู้เข้าร่วมค้าทุกราย จะต้องเป็นผู้ประกอบการ SMEs หรือผู้เข้าร่วมค้าทุกรายต้องเป็นผู้ประกอบการที่เป็นบุคคลธรรมดา ที่ถือสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย
2. นโยบายด้านสิทธิมนุษยชน
ผู้ยื่นข้อเสนอต้องให้ความสำคัญกับการดำเนินงานอย่างมีจริยธรรม ควบคุมดูแลด้านอาชีวอนามัย และความปลอดภัยในการทำงาน รักษาสิ่งแวดล้อม และปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานและเคารพ ในหลักสิทธิมนุษยชนโดยไม่สนับสนุนหรือดำเนินการใด ๆ ที่จะเป็นการเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน
3. คำนิยาม
เอกสารประกวดราคานี้จะใช้คำว่า “ระบบคอมพิวเตอร์” แทน “บริการบำรุงรักษาและ ซ่อมแซมแก้ไขระบบ Cloud Computing Phase I จำนวน 1 ระบบ แบบรวมอะไหล่ ปีที่ 2 และ ปีที่ 3”
4. การยื่นเอกสารข้อเสนอ
ผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องยื่นเอกสารที่การไฟฟ้านครหลวงกำหนดให้ครบถ้วนถูกต้อง โดยเอกสารที่ยื่น ให้การไฟฟ้านครหลวงจะต้องจัดทำเป็นภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษเท่านั้น หากจัดทำเป็นภาษาอื่น การไฟฟ้านครหลวง จะไม่รับพิจารณา
4.1 ผู้ยื่นข้อเสนอ ต้องได้รับรองจากผู้ผลิต ในการสนับสนุน การบริการด้านเทคนิค และ อะไหล่ในการบำรุงรักษาและซ่อมแซมแก้ไขระบบคอมพิวเตอร์ ที่การไฟฟ้านครหลวงใช้งานอยู่ และ เป็นตัวแทนที่ สามารถดูแลบำรุงรักษาผลิตภัณฑ์ ที่เสนอ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะต้องแนบหนังสือรับรองจากผู้ผลิตไป พร้อมเอกสารการเสนอราคา โดยผู้ยื่นข้อเสนอต้องดำเนินการแนบไฟล์เอกสารดังกล่าวตามบัญชีเอกสารส่วนที่ 2 มาในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์
4.2 ผู้ยื่นข้อเสนอต้องเคยเป็นคู่สัญญากับส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือบริษัท/ห้าง/ร้านของ เอกชนในงานจ้างบริการบำรุงรักษาและซ่อมแซมแก้ไขระบบ Cloud Computing โดยมีมูลค่าของโครงการที่ผ่าน การตรวจรับงานแล้วไม่น้อยกว่า 6.5 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ต่อสัญญา โดยผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องแนบไฟล์ เอกสารหนังสือรับรองผลงานที่ออกโดยส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือบริษัท/ห้าง/ร้านของเอกชน หรือสำเนาสัญญา มาในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ตามบัญชีเอกสารส่วนที่ 2 มิฉะนั้นจะไม่ได้รับการพิจารณา
4.3 ผู้ยื่นข้อเสนอ ต้องมีทีมบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ ทั้งในด้าน Hardware และ Software ที่นำเสนอ เพื่อคำปรึกษาและแก้ไขปัญหาของระบบตามระยะเวลาในสัญญา โดยแนบสำเนา บัตรประจำตัวประชาชน พร้อมประวัติการทำงาน เอกสารรับรองการเป็นพนักงาน เอกสารใบรับรอง Certificate ที่ยัง ไม่หมดอายุและยังไม่ถูกเพิกถอน ตามรายการดังต่อไปนี้
4.3.1 ต้องได้รับ Certificate สำหรับเครื่องแม่ข่ายคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่ Virtualized Server
จำนวนอย่างน้อย 1 คน
4.3.2 ต้องได้รับ Certificate ซอฟต์แวร์จัดเก็บสำรองข้อมูลคอมพิวเตอร์แม่ข่ายเสมือน จำนวนอย่างน้อย 1 คน
4.3.3 ต้องได้รับ Certificate สำหรับอุปกรณ์เครือข่าย จำนวนอย่างน้อย 1 คน โดยผู้ยื่นข้อเสนอต้องดำเนินการแนบไฟล์เอกสารดังกล่าว มาในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วย
อิเล็กทรอนิกส์ ตามบัญชีเอกสารส่วนที่ 2 มิฉะนั้นจะไม่ได้รับการพิจารณา
หากผู้ยื่นข้อเสนอราคา เป็นผู้ชนะการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ จะต้องส่งหลักฐานการศึกษา และประสบการณ์การทำงานของพนักงาน ผู้มีประสบการณ์ในการบริการหลังการขาย หรือผู้เชี่ยวชาญจาก เจ้าของผลิตภัณฑ์ที่เสนอ ทั้งในด้าน Hardware และ Software ให้การไฟฟ้านครหลวง
หากทีมบุคลากร ตามข้อ 4.3.1 – 4.3.3 มีการเปลี่ยนแปลง ผู้ชนะการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ จะต้องแจ้งรายชื่อบุคลากรที่มาแทนบุคคลเดิม ให้การไฟฟ้านครหลวงทราบภายใน 15 วัน
4.4 ผู้ยื่นข้อเสนอต้องมีศูนย์บริการสำหรับซ่อมแซม และบำรุงรักษาระบบคอมพิวเตอร์ โดยต้อง ดำเนินการแนบไฟล์เอกสารรายละเอียดของศูนย์บริการดังกล่าว มาในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ตามบัญชีเอกสารส่วนที่ 2 มิฉะนั้นจะไม่ได้รับการพิจารณา
4.5 หากผู้เสนอราคาซี่งเป็นผู้ประกอบการ SMEs เสนอราคาสูงกว่าราคาตํ่าสุดของผู้เสนอราคารายอื่น ที่ไม่เกินร้อยละ 10 กฟน. จะจัดซื้อจัดจ้างจากผู้ประกอบการ SMEs ดังกล่าว โดยจัดเรียงลำดับผู้เสนอราคาซึ่งเป็น ผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งเสนอราคาสูงกว่าราคาตํ่าสุดของผู้เสนอราคารายอื่นไม่เกินร้อยละ 10 ที่จะเรียกมาทำสัญญา หรือใบสั่งฯ ไม่เกิน 3 ราย
ผู้เสนอราคาที่เป็นกิจการร่วมค้าที่จะได้สิทธิตามวรรคหนึ่ง ผู้เข้าร่วมค้าทุกรายจะต้องเป็น ผู้ประกอบการ SMEs
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการ SMEs ที่จะได้แต้มต่อด้านราคาตามวรรคหนึ่ง จะต้องมีวงเงินสัญญาสะสมตาม ปีปฏิทินรวมกับราคาที่เสนอในครั้งนี้แล้ว มีมูลค่ารวมกันไม่เกินมูลค่าของรายได้ตามขนาดที่ขึ้นทะเบียนไว้กับ สสว.
4.6 ในกรณีการจัดซื้อ หากผู้เสนอราคาได้เสนอพัสดุที่ได้รับการรับรองและออกเครื่องหมายสินค้าที่ ผลิตภายในประเทศไทย (Made in Thailand) จากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เสนอราคาสูงกว่าราคาต่ำสุด ของผู้เสนอราคารายอื่นไม่เกินร้อยละ 5 ให้จัดซื้อจากผู้เสนอราคาที่เสนอพัสดุที่ได้รับการรับรองและออก เครื่องหมายสินค้าที่ผลิตภายในประเทศไทย (Made in Thailand) จากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
กรณีที่มีการเสนอราคาหลายรายการและกำหนดเงื่อนไขการพิจารณาราคารวม หากผู้เสนอราคาได้เสนอ พัสดุที่เป็นพัสดุที่ผลิตภายในประเทศ ที่ได้รับการรับรองและออกเครื่องหมายสินค้าที่ผลิตภายในประเทศไทย
(Made in Thailand) จากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มีสัดส่วนมูลค่าตั้งแต่ร้อยละ 60 ขึ้นไป ให้ได้แต้มต่อ ในการเสนอราคาตามวรรคหนึ่ง
อนึ่ง หากในการเสนอราคาครั้งนั้น ผู้เสนอราคารายใดมีคุณสมบัติทั้งข้อ 4.5 และข้อ 4.6 ให้ผู้เสนอ ราคารายนั้นได้แต้มต่อในการเสนอราคาสูงกว่าผู้ประกอบการรายอื่นไม่เกินร้อยละ 15
หากไม่ยื่นเอกสารดังกล่าวมาพร้อมกับการยื่นข้อเสนอจะไม่ได้รับสิทธิ์การได้แต้มต่อในการเสนอราคา
4.7 ผู้เสนอราคาจะได้รับแต้มต่อตามข้อ 4.5 ก็ต่อเมื่อยื่นสำเนาใบขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ( SMEs) ซึ่งสามารถตรวจสอบตัวอย่างหนังสือรับรองได้จาก www.thaismegp.com มาพร้อมกับการยื่นข้อเสนอ และผู้เสนอราคาจะได้รับแต้มต่อตามข้อ 4.6 ก็ต่อเมื่อยื่น สำเนาหนังสือรับรองการออกเครื่องหมายสินค้าที่ผลิตภายในประเทศไทย (Made in Thailand) จากสภา อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มาพร้อมกับการยื่นข้อเสนอ
4.8 หากผู้เสนอราคาซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการ SMEs แต่เป็นบุคคลธรรมดาที่ถือสัญชาติไทยหรือ นิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย เสนอราคาสูงกว่าราคาตํ่าสุดของผู้เสนอราคาซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาที่มิได้ ถือสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศไม่เกินร้อยละ 3 กฟน. จะจัดซื้อหรือจัดจ้าง จากผู้เสนอราคาซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาที่ถือสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยดังกล่าว
ผู้เสนอราคาที่เป็นกิจการร่วมค้าที่จะได้สิทธิตามวรรคหนึ่ง ผู้เข้าร่วมค้าทุกรายจะต้องเป็น ผู้ประกอบการที่เป็นบุคคลธรรมดาที่ถือสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย
4.9 ผู้เสนอราคาต้องมีมูลค่าสุทธิของกิจการ ดังนี้
4.9.1 กรณีผู้ยื่นข้อเสนอเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยซึ่งได้จดทะเบียน เกินกว่า 1 ปี ต้องมีมูลค่าสุทธิของกิจการจากผลต่างระหว่างสินทรัพย์สุทธิหักด้วยหนี้สินสุทธิที่ปรากฏ ในงบแสดงฐานะการเงินที่มีการตรวจรับรองแล้ว ซึ่งจะต้องแสดงค่าเป็นบวก 1 ปีสุดท้ายก่อนวันยื่นข้อเสนอ โดยยื่นมาพร้อมกับการยื่นข้อเสนอ
4.9.2 สำหรับการจัดซื้อจัดจ้างครั้งหนี่งที่มีวงเงินเกิน 500,000 บาทขึ้นไป กรณีผู้ยื่น ข้อเสนอเป็นบุคคลธรรมดา ให้พิจารณาจากหนังสือรับรองบัญชีเงินฝากไม่เกิน 90 วัน ก่อนวันยื่นข้อเสนอ โดย ต้องมีเงินฝากคงเหลือในบัญชีธนาคารเป็นมูลค่า 1 ใน 4 ของมูลค่างบประมาณของโครงการหรือรายการที่ยื่น ข้อเสนอในแต่ละครั้ง โดยยื่นมาพร้อมกับการยื่นข้อเสนอ และหากเป็นผู้ชนะการจัดซื้อจัดจ้างหรือเป็นผู้ใด้รับ การคัดเลือกจะต้องแสดงหนังสือรับรองบัญชีเงินฝากที่มีมูลค่าดังกล่าวอีกครั้งหนึ่งในวันลงนามในสัญญา
4.9.3 กรณีทผู้ยื่นข้อเสนอไม่มีมูลค่าสุทธิของกิจการหรือทุนจดทะเบียน หรือมีแต่ไม่เพียง พอที่จะเข้ายื่นข้อเสนอ ผู้ยื่นข้อเสนอสามารถขอวงเงินสินเชื่อ โดยต้องมีวงเงินสินเชื่อ 1 ใน 4 ของมูลค่า งบประมาณของโครงการหรือรายการที่ยื่นข้อเสนอในแต่ละครั้ง (สินเชื่อที่ธนาคารภายในประเทศ หรือบริษัท เงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการเงินทุนเพื่อการพาณิชย์ และประกอบธุรกิจ ค้าประกันตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย ตามรายชื่อบริษัทเงินทุนที่ธนาคารแห่งประเทศไทยแจ้ง เวียนให้ทราบโดยพิจารณาจากยอดเงินรวมของวงเงินสินเชื่อที่สำนักงานใหญ่รับรอง หรือที่สำนักงานสาขารับรอง
(กรณีได้รับมอบอำนาจจากสำนักงานใหญ่) ซึ่งออกให้แก่ผู้ยื่นข้อเสนอนับถึงวันยื่นข้อเสนอไม่เกิน 90 วัน) ทั้งนี้ หนังสือรับรองวงเงินสินเชื่อให้เป็นไปตามแบบสิ่งที่ส่งมาด้วย 3
กรณีตามข้อ 4.9.1 – 4.9.4 ยกเว้นสำหรับกรณีดังต่อไปนี้
(1) ผู้ยื่นข้อเสนอเป็นหน่วยงานของรัฐ
(2) นิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยที่อยู่ระหว่างการพื้นฟูกิจการ ตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2561
4.10 ถ้าผู้เสนอราคาจะต้องสั่งหรือนำเข้าคอมพิวเตอร์มาจากต่างประเทศและต้องนำเข้ามาโดยทาง เรือในเส้นทางเดินเรือที่มีเรือไทยเดินอยู่ และสามารถให้บริการรับขนได้ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประกาศกำหนด ผู้เสนอราคาต้องจัดการให้คอมพิวเตอร์บรรทุกโดยเรือไทยหรือเรือที่มีสิทธิเช่นเดียวกับเรือไทย จากต่างประเทศมายังประเทศไทย เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่าก่อนบรรทุกคอมพิวเตอร์ลงเรืออื่น ที่มิใช่เรือไทยหรือเป็นของที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมประกาศยกเว้นให้บรรทุกโดยเรืออื่นได้ ทั้งนี้ไม่ว่า
การสั่งหรือนำเข้าคอมพิวเตอร์จากต่างประเทศจะเป็นแบบใด
ในการส่งมอบคอมพิวเตอร์ให้แก่ผู้ซื้อ ถ้าเป็นกรณีตามวรรคหนึ่งผู้เสนอราคาจะต้องส่งมอบ ใบตราส่ง (Bill of Lading) หรือสำเนาใบตราส่งสำหรับคอมพิวเตอร์นั้น ซึ่งแสดงว่าได้บรรทุกมาโดยเรือไทย หรือเรือที่มีสิทธิเช่นเดียวกับเรือไทยให้แก่ผู้ซื้อพร้อมกับการส่งมอบคอมพิวเตอร์ด้วย
ในกรณีที่คอมพิวเตอร์ไม่ได้บรรทุกจากต่างประเทศมายังประเทศไทยโดยเรือไทยหรือ เรือที่มีสิทธิเช่นเดียวกับเรือไทย ผู้เสนอราคาต้องส่งมอบหลักฐานซึ่งแสดงว่าได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่าให้บรรทุก ของโดยเรืออื่นได้ หรือหลักฐานซึ่งแสดงว่าได้ชำระค่าธรรมเนียมพิเศษเนื่องจากการไม่บรรทุกของโดยเรือไทยตาม กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการพาณิชยนาวีแล้วอย่างใดอย่างหนึ่งแก่ผู้ซื้อด้วย
ในกรณีที่ผู้เสนอราคาไม่ส่งมอบหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวในวรรคสองและวรรค สามให้แก่ผู้ซื้อแต่จะขอส่งมอบคอมพิวเตอร์ให้ผู้ซื้อก่อนโดยยังไม่รับชำระเงินค่าคอมพิวเตอร์ ผู้ซื้อมีสิทธิรับคอมพิวเตอร์ ไว้ก่อนและชำระเงินค่าคอมพิวเตอร์เมื่อผู้เสนอราคาได้ปฏิบัติถูกต้องครบถ้วนดังกล่าวแล้วได้
4.11 ก่อนการยื่นเอกสารข้อเสนอการประกวดราคา ผู้ยื่นข้อเสนอควรตรวจดูรายละเอียดเอกสาร การประกวดราคาให้ถี่ถ้วน และเข้าใจทั้งหมดเสียก่อนที่จะตกลงยื่นเอกสารข้อเสนอการประกวดราคา ตามเงื่อนไข การประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ เช่น การระบุชื่อผลิตภัณฑ์ รุ่น และประเทศที่จดทะเบียน เครื่องหมายการค้า ขอให้ผู้ยื่นข้อเสนอตรวจสอบให้แน่ชัด และครบถ้วนถูกต้องก่อนการยื่นด้วย ถ้าระบุรายละเอียด ไม่ครบถ้วน การไฟฟ้านครหลวงอาจจะไม่พิจารณาเอกสารข้อเสนอการประกวดราคาครั้งนี้ ผู้ยื่นข้อเสนอจะอุทธรณ์ ฟ้องร้อง หรือจะเรียกค่าเสียหายใด ๆ จากการไฟฟ้านครหลวงมิได้ทั้งสิ้น การตัดสินของการไฟฟ้านครหลวงถือเป็น เด็ดขาด
5. หลักเกณฑ์การพิจารณา
ในการพิจารณาผลการยื่นข้อเสนอประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ครั้งนี้ การไฟฟ้านครหลวง จะพิจารณาตัดสินโดยใช้หลักเกณฑ์ราคา และจะพิจารณาราคาแยกซื้อแต่ละรายการ โดยราคาที่เสนอ จะต้องไม่เกินราคากลางที่ประกาศไว้ในระบบ e-GP
6. การส่งมอบ
ผู้เสนอราคาได้ จะต้องส่งมอบงาน โดยเอกสารผ่าน ฝ่ายวางแผนและบริหารทรัพย์สินดิจิทัล การไฟฟ้านครหลวง เขตราษฎร์บูรณะ จำนวน 6 งวด ดังนี้
งวดที่ 1 ส่งมอบงานเมื่อสิ้นสุดระยะเวลา 4 เดือน นับถัดจากวันเริ่มสัญญา
งวดที่ 2 ส่งมอบงานเมื่อสิ้นสุดระยะเวลา 8 เดือน นับถัดจากวันเริ่มสัญญา
งวดที่ 3 ส่งมอบงานเมื่อสิ้นสุดระยะเวลา 12 เดือน นับถัดจากวันเริ่มสัญญา
งวดที่ 4 ส่งมอบงานเมื่อสิ้นสุดระยะเวลา 16 เดือน นับถัดจากวันเริ่มสัญญา
งวดที่ 5 ส่งมอบงานเมื่อสิ้นสุดระยะเวลา 18 เดือน นับถัดจากวันเริ่มสัญญา
งวดที่ 6 ส่งมอบงานเมื่อสิ้นสุดระยะเวลา 24 เดือน นับถัดจากวันเริ่มสัญญา
7. การจ่ายเงิน
การไฟฟ้านครหลวง จะแบ่งการชำระเงินออกเป็น 6 งวด ดังนี้
งวดที่ 1 จ่ายเงินเมื่อผู้รับจ้างได้ส่งมอบงานงวดที่ 1 ครบถ้วนและถูกต้องตามสัญญาจ้างบริการบำรุงรักษาฯ และผ่านการตรวจรับจากคณะกรรมการฯ เรียบร้อยแล้ว
งวดที่ 2 จ่ายเงินเมื่อผู้รับจ้างได้ส่งมอบงานงวดที่ 2 ครบถ้วนและถูกต้องตามสัญญาจ้างบริการบำรุงรักษาฯ
และผ่านการตรวจรับจากคณะกรรมการฯ เรียบร้อยแล้ว
งวดที่ 3 จ่ายเงินเมื่อผู้รับจ้างได้ส่งมอบงานงวดที่ 3 ครบถ้วนและถูกต้องตามสัญญาจ้างบริการบำรุงรักษาฯ และผ่านการตรวจรับจากคณะกรรมการฯ เรียบร้อยแล้ว
งวดที่ 4 จ่ายเงินเมื่อผู้รับจ้างได้ส่งมอบงานงวดที่ 4 ครบถ้วนและถูกต้องตามสัญญาจ้างบริการบำรุงรักษาฯ
และผ่านการตรวจรับจากคณะกรรมการฯ เรียบร้อยแล้ว
งวดที่ 5 จ่ายเงินเมื่อผู้รับจ้างได้ส่งมอบงานงวดที่ 5 ครบถ้วนและถูกต้องตามสัญญาจ้างบริการบำรุงรักษาฯ และผ่านการตรวจรับจากคณะกรรมการฯ เรียบร้อยแล้ว
งวดที่ 6 จ่ายเงินเมื่อผู้รับจ้างได้ส่งมอบงานงวดที่ 6 ครบถ้วนและถูกต้องตามสัญญาจ้างบริการบำรุงรักษาฯ
และผ่านการตรวจรับจากคณะกรรมการฯ เรียบร้อยแล้ว
8. อัตราค่าปรับ
หากผู้ชนะการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนดไว
ในเงื่อนไขประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ และการไฟฟ้านครหลวงยังมิได้บอกเลิกสัญญา ผู้ชนะการประกวดราคา อิเล็กทรอนิกส์จะต้องชำระค่าปรับให้แก่การไฟฟ้านครหลวงเป็นรายวันในอัตราร้อยละ 0.10 ของมูลค่าสัญญา แต่จะต้องไม่ต่ำกว่า วันละ 100.00 บาท นับถัดจากวันที่ครบกำหนดเวลาแล้วเสร็จของงานตามสัญญา หรือวันที่ การไฟฟ้านครหลวงได้ขยายเวลาทำงานให้จนถึงวันที่งานแล้วเสร็จจริง นอกจากนี้ผู้ชนะการประกวดราคา อิเล็กทรอนิกส์ยอมให้การไฟฟ้านครหลวงเรียกค่าเสียหายอันเกิดขึ้นจากการที่ผู้ชนะการประกวดราคา อิเล็กทรอนิกส์ทำงานล่าช้าเฉพาะส่วนที่เกินกว่าจำนวนค่าปรับและค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้อีกด้วย หากจำนวนเงิน ค่าปรับจะเกินจำนวนร้อยละ 10 ของมูลค่าตามสัญญา การไฟฟ้านครหลวงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ เว้นแต่ ผู้ชนะการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์จะได้ยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรที่จะเสียค่าปรับให้แก่การไฟฟ้านครหลวง โดยไม่มีเงื่อนไขหรือข้อจำกัดใด ๆ ทั้งสิ้น และการไฟฟ้านครหลวงได้พิจารณาเห็นชอบแล้ว
9. การรับประกันความชำรุดบกพร่อง
ผู้ชนะการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์จะต้องรับประกันความชำรุดบกพร่องของสิ่งของ ภายในระยะเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี นับถัดจากวันที่การไฟฟ้านครหลวงได้รับมอบสิ่งของครบถ้วนถูกต้องตามสัญญา ในกรณีที่ผู้ยื่นข้อเสนอไม่แจ้งไว้ จะถือว่ารับประกันความชำรุดบกพร่องของสิ่งของเป็นระยะเวลา 2 ปี นับถัด จากวันที่การไฟฟ้านครหลวงได้รับมอบสิ่งของครบถ้วนถูกต้องตามสัญญา
ภายในกำหนดระยะเวลารับประกันความชำรุดบกพร่อง หากสิ่งของที่ส่งมอบเกิดชำรุด บกพร่อง หรือ ขัดข้องอันเนื่องมาจากการใช้งานตามปกติ หรือเมื่อนำไปใช้แล้วมีคุณสมบัติไม่ถูกต้อง ผู้ชนะการประกวดราคา อิเล็กทรอนิกส์จะต้องจัดการซ่อมแซม หรือแก้ไขให้อยู่ในสภาพที่ใช้การได้ดีดังเดิม โดยจะต้องเริ่มดำเนินการ ภายใน 2 ชั่วโมง นับตั้งแต่เวลาที่ได้รับแจ้งจากการไฟฟ้านครหลวง และซ่อมแซม แก้ไข หรือเปลี่ยนให้อยู่ใน สภาพที่ใช้การได้ดีภายใน 12 ชั่วโมง นับตั้งแต่เวลาที่ได้รับแจ้งจากการไฟฟ้านครหลวง หากเกินระยะเวลาที่กำหนด ผู้ชนะการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์จะต้องนำระบบคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ที่มีความสามารถไม่น้อยกว่า มาทดแทน โดยไม่คิดราคาและค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้าผู้ชนะการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ไม่ปฏิบัติตาม การไฟฟ้านครหลวงมีสิทธิดำเนินการแก้ไขเอง หรือ จ้างบุคคลภายนอกทำการซ่อมแซมแก้ไข โดยผู้ยื่นข้อเสนอ ต้องออกค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทั้งในกรณีที่ การไฟฟ้านครหลวงดำเนินการแก้ไขเอง หรือจ้างบุคคลภายนอก ทำการซ่อมแซมแก้ไขทั้งสิ้นแทนการไฟฟ้านครหลวง และการดำเนินการดังกล่าว ผู้ชนะการประกวดราคา อิเล็กทรอนิกส์ยังคงต้องรับผิดชอบการรับประกันต่างๆ ตามเงื่อนไขด้วย
ผู้ชนะการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์มีหน้าที่บำรุงรักษาและซ่อมแซมแก้ไขระบบคอมพิวเตอร์ให้ อยู่ในสภาพใช้งานได้ดีอยู่เสมอตลอดระยะเวลาดังกล่าวในวรรคหนึ่งด้วยค่าใช้จ่ายของผู้ชนะการประกวดราคา อิเล็กทรอนิกส์ทุก ๆ 4 เดือนต่อครั้ง (รายละเอียดตาม ผนวก 4 ข้อกำหนดในการบำรุงรักษา) โดยให้มีเวลา ระบบคอมพิวเตอร์ขัดข้องรวมตามเกณฑ์การคำนวณเวลาขัดข้องไม่เกินเดือนละ 36 ชั่วโมง หรือ ร้อยละ 5 ของเวลาใช้งานทั้งหมดของระบบคอมพิวเตอร์ของเดือนนั้น แล้วแต่ตัวเลขใดจะมากกว่ากัน มิฉะนั้นผู้ชนะการ ประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ต้องยอมให้การไฟฟ้านครหลวงคิดค่าปรับเป็นรายชั่วโมง ในอัตราร้อยละ
0.035 ของราคาระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมดตามสัญญานี้ ในช่วงเวลาที่ไม่สามารถใช้ระบบคอมพิวเตอร์ได้ในส่วนที่ เกินกว่ากำหนดเวลาขัดข้องข้างต้น
การยื่นเสนอราคา
1. ผู้เสนอราคาต้องลงทะเบียนผู้ค้ากับภาครัฐในระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมบัญชีกลาง ( e – Government Procurement : e - GP) ที่เว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (www.gprocurement.go.th)
2. ผู้เสนอราคาต้องไม่เป็นผู้มีผลประโยชน์ร่วมกับผู้เสนอราคารายอื่นที่ยื่นเสนอราคามาครั้งนี้ หรือไม่เป็น ผู้กระทำการอันเป็นการขัดขวางการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม
3. ผู้เสนอราคาต้องไม่เป็นผู้ได้รับเอกสิทธิ์หรือความคุ้มกัน ซึ่งอาจปฏิเสธไม่ยอมขึ้นศาลไทย เว้นแต่รัฐบาลของ ผู้เสนอราคาได้มีคำสั่งให้สละสิทธิ์และความคุ้มกันเช่นว่านั้น
4. ผู้เสนอราคาจะถอนการเสนอราคาที่เสนอแล้วไม่ได้ ผู้เสนอราคาจะต้องส่งใบเสนอราคาและเอกสาร การยื่นข้อเสนอในรูปแบบ PDF File (Portable Document Format) พร้อมจัดทำใบสรุปรายละเอียดเอกสาร การยื่นข้อเสนอตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 1 ตามวันและเวลาที่กำหนดเท่านั้น โดยส่งอีเมลมาให้เลขานุการของ คณะกรรมการตามรายละเอียดที่ระบุในหนังสือเชิญชวน
การไฟฟ้านครหลวงจะถือว่าเอกสารเสนอราคาและใบเสนอราคาที่ส่งทางอีเมลเป็นต้นฉบับ
5. กรณีผู้ยื่นข้อเสนอเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยซึ่งได้จดทะเบียนเกินกว่า 1 ปี ต้องมีมูลค่าสุทธิ ของกิจการจากผลต่างระหว่างสินทรัพย์สุทธิหักด้วยหนี้สินสุทธิที่ปรากฏในงบแสดงฐานะการเงินที่มีการตรวจ รับรองแล้ว ซึ่งจะต้องแสดงค่าเป็นบวก 1 ปีสุดท้ายก่อนวันยื่นข้อเสนอ โดยยื่นมาพร้อมกับการยื่นข้อเสนอ
6. กรณีผู้ยื่นข้อเสนอเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ซึ่งยังไม่มีการรายงานงบแสดงฐานะการเงิน กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ให้พิจารณาการกำหนดมูลค่าของทุนจดทะเบียน โดยยื่นมาพร้อมกับการยื่น ข้อเสนอ โดยผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องมีทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระมูลค่าหุ้นแล้ว ณ วันที่ยื่นข้อเสนอ ดังนี้
(1) มูลค่าการจัดซื้อจัดจ้างไม่เกิน 1 ล้านบาท ไม่ต้องกำหนดทุนจดทะเบียน
(2) มูลค่าการจัดซื้อจัดจ้างเกิน 1 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 5 ล้านบาท ต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ตํ่ากว่า
1 ล้านบาท
(3) มูลค่าการจัดขึ้อจัดจ้างเกิน 5 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 10 ล้านบาท ต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า
2 ล้านบาท
(4) มูลค่าการจัดขึ้อจัดจ้างเกิน 10 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 20 ล้านบาท ต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ตํ่ากว่า
3 ล้านบาท
(5) มูลค่าการจัดขึ้อจัดจ้างเกิน 20 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 60 ล้านบาท ต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ตํ่ากว่า
8 ล้านบาท
(6) มูลค่าการจัดซื้อจัดจ้างเกิน 60 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 150 ล้านบาท ต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ตํ่ากว่า
20 ล้านบาท
(7) มูลค่าการจัดซื้อจัดจ้างเกิน 150 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 300 ล้านบาท ต้องมีทุนจดทะเบียน ไม่ตํ่ากว่า 60 ล้านบาท
(8) มูลค่าการจัดซื้อจัดจ้างเกิน 300 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 500 ล้านบาท ต้องมีทุนจดทะเบียน ไม่ตํ่ากว่า 100 ล้านบาท
(9) มูลค่าการจัดซื้อจัดจ้างเกิน 500 ล้านบาทขึ้นไป ต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ตํ่ากว่า 200 ล้านบาท
7. ให้ผู้เสนอราคาแจ้งการเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือไม่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบีย น ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือเป็นผู้ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มไปในใบเสนอราคา
8. ราคาที่เสนอให้รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม หากมีการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม การไฟฟ้านครหลวง จะใช้อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มตามที่กรมสรรพากรกำหนด
9. ผู้เสนอราคาต้องระบุกำหนดส่งของให้ชัดเจน และการส่งของจะต้องไม่เกินระยะเวลาที่การไฟฟ้านครหลว ง กำหนดไว้ มิฉะนั้นจะไม่ได้รับการพิจารณา
10. หลักเกณฑ์การพิจารณาราคา การไฟฟ้านครหลวงจะพิจารณาราคาแต่ละรายการเป็นเกณฑ์ ยกเว้นในกรณีที่ พิจารณาแล้วเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการไฟฟ้านครหลวงจะพิจารณาจากราคารวม หรือจะระบุไว้ เป็นอย่างอื่นในเงื่อนไขเพิ่มเติม
11. ในการพิจารณา การไฟฟ้านครหลวงมีสิทธิ์จะพิจารณาจากราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม หากในกรณีผู้เสนอราคา เสนอราคาต่อหน่วย และราคารวมไม่ถูกต้องตรงกัน การไฟฟ้านครหลวงจะถือราคาต่อหน่วย ที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นราคาที่ถูกต้อง
12. การไฟฟ้านครหลวงจะพิจารณายกเลิกการเสนอราคารายการหนึ่งรายการใดหรือทั้งหมดได้ หากมี เหตุผลสมควร โดยผู้เสนอราคายอมตกลงไม่เรียกร้องค่าเสียหายใด ๆ ทั้งสิ้น
13. ผู้เสนอราคาได้จะต้องไปทำสัญญาตามแบบของคณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุ ภาครัฐ ภายในกำหนดเวลา 10 วัน นับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ระบุในหนังสือแจ้งตกลงสั่งซื้อ/จ้างของ การไฟฟ้านครหลวง หากไม่ไปทำสัญญาตามกำหนดการไฟฟ้านครหลวงจะถือว่าผู้เสนอราคาได้เป็นผู้ทิ้งงาน
หากการไฟฟ้านครหลวงเลือกไม่ใช้สิทธิดังกล่าวในวรรคแรก การไฟฟ้านครหลวงจะถือว่ากำหนด ส่งของให้เริ่มนับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ครบกำหนดตามที่ระบุในหนังสือแจ้งตกลงสั่งซื้อ/จ้างของ การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้านครหลวงจะกำหนดเวลาส่งของไว้โดยชัดเจนในสัญญาตามนั้นต่อไป
14. การทำสัญญาต้องใช้แบบสัญญาและแบบหนังสือค้ำประกันสัญญาตามแบบของคณะกรรมการนโยบาย การ จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ซึ่งมีมูลค่าร้อยละ 10 ของจำนวนเงินตามสัญญารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
หากมีการประกาศเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มหลังวันลงนามในสัญญา การไฟฟ้านครหลวง จะใช้อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มตามประกาศกรมสรรพากรโดยไม่ต้องแก้ไขสัญญา
15. คู่สัญญาต้องจัดทำแผนการทำงาน มาให้ กฟน. ภายใน 15 วัน นับถัดจากวันลงนามในสัญญา
16. การไฟฟ้านครหลวงจะจ่ายค่าสิ่งของหรือค่าจ้างซึ่งได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ขาย/ผู้รับจ้างผ่านระบ บ อิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) โดยการโอนเงิน ซึ่งมีขั้นตอนการจ่ายเงินดังนี้
- ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ธนาคาร” เป็นธนาคารผู้ให้บริการ
- ผู้ขาย/ผู้รับจ้าง ตกลงเป็นผู้รับภาระค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการอื่นใดเกี่ยวกับการโอน รวมทั้งค่าใช้จ่าย อื่นใด (ถ้ามี) ที่ธนาคารเรียกเก็บ และยินยอมให้มีการหักเงินดังกล่าว จากจำนวนเงินโอนในงวดนั้น ๆ ซึ่งค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการอื่นใดเกี่ยวกับการโอนสามารถ ตรวจสอบค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการอื่นใดได้ที่ www.mea.or.th » หน้าหลัก » จัดซื้อ จัดจ้างและจ่ายเงิน » การจ่ายเงิน » การจ่ายเงินเพื่อชำระค่าสินค้าหรือบริการ
- ผู้ขาย/ผู้รับจ้างต้องส่งข้อมูลบัญชีเงินฝากธนาคารให้กับ ฝ่ายวางแผนและบริหารทรัพย์สินดิจิทัล การไฟฟ้านครหลวง พร้อมหลักฐานยื่นมาพร้อมกับการยื่นข้อเสนอ
** บัญชีกระแสรายวัน : สำเนาหน้าเช็คที่ปรากฏ รหัสธนาคาร เลขที่สาขา เลขที่บัญชี เงินฝาก
** บัญชีออมทรัพย์ : สำเนาหน้าสมุดเงินฝากบัญชีออมทรัพย์
- กรณีการขายสินค้า ให้ผู้ขายส่งมอบใบแจ้งหนี้ หรือเอกสารประกอบอื่น ให้กับ แผนกบริหารทั่วไป ฝ่ายวางแผนและบริหารทรัพย์สินดิจิทัล การไฟฟ้านครหลวง เขตราษฎร์บูรณะ เว้นแต่ผู้ขายมีความประสงค์ จะส่งมอบใบเสร็จรับเงินพร้อมการส่งมอบใบแจ้งหนี้
- กรณีการจ้าง
** การไฟฟ้านครหลวงจะแจ้งรายละเอียดข้อมูลการจ่ายเงิน เช่น เลขที่ใบแจ้งหนี้ จำนวนเงินภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่าย เลขที่สัญญาจ้างหรือใบสั่งจ้าง/เช่า โดยทาง โทรสาร หรือ ทาง E-mail
** ผู้รับจ้างส่งมอบใบกำกับภาษีหรือเอกสารประกอบอื่นให้กับการไฟฟ้านครหลวง ฝ่ายการเงิน ชั้น 2 สำนักงานเพลินจิต ภายในเวลา 8.00 น. – 15.00 น. ยกเว้นวัน เสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เว้นแต่ ผู้รับจ้างมีความประสงค์จะส่งมอบ ใบเสร็จรับเงินพร้อมการส่งมอบใบกำกับภาษี
- เมื่อธนาคารโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้รับเงินแล้ว ธนาคารจะแจ้งรายละเอียด ข้อมูลการจ่ายเงิน เช่น เลขที่ Invoice จำนวนเงินที่จ่าย ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ฯลฯ ทาง E-mail และ โทรสาร แบบรับอัตโนมัติ หรือ SMS พร้อมทั้งจัดส่งหนังสือรับรองการ หักภาษี ณ ที่จ่าย ทางไปรษณีย์ลงทะเบียน ภายใน 3 วัน นับแต่วันที่โอนเงินเข้าบัญชีเงิน ฝากธนาคารตามที่อยู่ที่ผู้ขาย/ผู้รับจ้างแจ้งไว้ กับการไฟฟ้านครหลวง
- เมื่อผู้ขาย/ผู้รับจ้างได้รับเงินเรียบร้อยแล้ว ให้ส่งมอบใบเสร็จรับเงินให้กับการไฟฟ้านครหลวง ฝ่ายการเงิน ชั้น 2 สำนักงานเพลินจิต ภายในเวลา 8.00 น. – 15.00 น. ยกเว้นวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
- หากผู้ขาย/ผู้รับจ้างมีความประสงค์ที่จะเปลี่ยนแปลงข้อมูลบัญชีเงินฝากธนาคารให้ Download แบบฟอร์ม “หนังสือแจ้งขอเปลี่ยนแปลงข้อมูลของผู้ขาย/ผู้รับจ้าง” จาก www.mea.or.th โดยกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน พร้อมทั้ง แนบหลักฐานยื่นต่อ ฝ่ายวางแผนและบริหารทรัพย์สินดิจิทัล การไฟฟ้านครหลวง เขตราษฎร์บูรณะ
………………………………………………………………………………
ผนวก 1
รายการของระบบ Cloud Computing Phase I
ลำดับ | รายการ | จำนวน |
ระบบ Cloud Computing Phase I จำนวน 1 ระบบ ประกอบด้วย | ||
1. | เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายสำหรับทำหน้าที่ Virtualized Server แบบรวมศูนย์ | |
1.1เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายสำหรับ ระบบงาน Customer service | 2 ชุด | |
ยี่ห้อ HPE รุ่น ProLiant DL380 Gen10 Server | ||
1.2 เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายสำหรับ ระบบงาน Backoffice | 2 ชุด | |
ยี่ห้อ HPE รุ่น ProLiant DL380 Gen10 Server | ||
2. | เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายสำหรับทำหน้าที่ Backup Server | 2 ชุด |
ยี่ห้อ HPE รุ่น ProLiant DL380 Gen10 Server | ||
3. | ระบบจัดเก็บสำรองข้อมูลคอมพิวเตอร์แม่ข่ายเสมือน | 1 ระบบ |
ยี่ห้อ HPE รุ่น 3PAR StoreServ 8000 Storage | ||
4. | ซอฟต์แวร์จัดเก็บสำรองข้อมูลคอมพิวเตอร์แม่ข่ายเสมือน สำหรับระบบงาน Customer Service และระบบงาน Back Office | 1 ระบบ |
ยี่ห้อ Veeam รุ่น Availability Suite Enterprise Plus | ||
5. | อุปกรณ์ SAN Switch | 2 ชุด |
ยี่ห้อ HPE รุ่น HPE StoreFabric SN3600B Fibre Channel Switch | ||
6. | อุปกรณ์เครือข่ายสำหรับศูนย์คอมพิวเตอร์หลักและศูนย์คอมพิวเตอร์สำรอง | 4 ชุด |
ยี่ห้อ Aruba รุ่น 3810M | ||
7. | อุปกรณ์เครือข่ายสำหรับระบบ Management | 2 ชุด |
ยี่ห้อ Aruba รุ่น 5406R zl2 | ||
8. | อุปกรณ์เครือข่ายสำหรับระบบ Backup | 2 ชุด |
ยี่ห้อ Aruba รุ่น 3810M | ||
9. | อุปกรณ์สำหรับตรวจสอบสัญญาณ การเชื่อมต่อเครือข่าย Stretched Cluster Network เพื่อให้ | 1 ชุด |
ระบบสามารถรองรับค่า latency | ||
ยี่ห้อ Netscout รุ่น Optiview XG | ||
10. | ระบบปฏิบัติการสำหรับคอมพิวเตอร์แม่ข่าย | |
10.1 ชุดโปรแกรมระบบปฏิบัติการสำหรับคอมพิวเตอร์ แม่ข่าย สำหรับระบบงาน Customer | 2 ชุด | |
Service และระบบงาน Back Office | ||
ยี่ห้อ Microsoft รุ่น Windows Server 2019 Datacenter | ||
10.2 ชุดโปรแกรมระบบปฏิบัติการสำหรับคอมพิวเตอร์ แม่ข่าย สำหรับระบบจัดเก็บสำรอง | 1 ชุด | |
ข้อมูลคอมพิวเตอร์แม่ข่ายเสมือน | ||
ยี่ห้อ Microsoft รุ่น Windows Server 2019 Standard |
ผนวก 2
ค่าตัวถ่วงของระบบ Cloud Computing Phase I
ลำดับ | รายการ | ตัวถ่วงต่อชุด |
ระบบ Cloud Computing Phase I จำนวน 1 ระบบ ประกอบด้วย | ||
1. | เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายสำหรับทำหน้าที่ Virtualized Server แบบรวมศูนย์ | |
1.1เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายสำหรับ ระบบงาน Customer service | 1.0 | |
ยี่ห้อ HPE รุ่น ProLiant DL380 Gen10 Server | ||
1.2 เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายสำหรับ ระบบงาน Backoffice | 1.0 | |
ยี่ห้อ HPE รุ่น ProLiant DL380 Gen10 Server | ||
2. | เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายสำหรับทำหน้าที่ Backup Server | 1.0 |
ยี่ห้อ HPE รุ่น ProLiant DL380 Gen10 Server | ||
3. | ระบบจัดเก็บสำรองข้อมูลคอมพิวเตอร์แม่ข่ายเสมือน | 1.0 |
ยี่ห้อ HPE รุ่น 3PAR StoreServ 8000 Storage | ||
4. | ซอฟต์แวร์จัดเก็บสำรองข้อมูลคอมพิวเตอร์แม่ข่ายเสมือน สำหรับระบบงาน Customer Service และระบบงาน Back Office | 1.0 |
ยี่ห้อ Veeam รุ่น Availability Suite Enterprise Plus | ||
5. | อุปกรณ์ SAN Switch | 1.0 |
ยี่ห้อ HPE รุ่น HPE StoreFabric SN3600B Fibre Channel Switch | ||
6. | อุปกรณ์เครือข่ายสำหรับศูนย์คอมพิวเตอร์หลักและศูนย์คอมพิวเตอร์สำรอง | 1.0 |
ยี่ห้อ Aruba รุ่น 3810M | ||
7. | อุปกรณ์เครือข่ายสำหรับระบบ Management | 1.0 |
ยี่ห้อ Aruba รุ่น 5406R zl2 | ||
8. | อุปกรณ์เครือข่ายสำหรับระบบ Backup | 1.0 |
ยี่ห้อ Aruba รุ่น 3810M | ||
9. | อุปกรณ์สำหรับตรวจสอบสัญญาณ การเชื่อมต่อเครือข่าย Stretched Cluster Network เพื่อให้ | 1.0 |
ระบบสามารถรองรับค่า latency | ||
ยี่ห้อ Netscout รุ่น Optiview XG | ||
10. | ระบบปฏิบัติการสำหรับคอมพิวเตอร์แม่ข่าย | |
10.1 ชุดโปรแกรมระบบปฏิบัติการสำหรับคอมพิวเตอร์ แม่ข่าย สำหรับระบบงาน Customer | 1.0 | |
Service และระบบงาน Back Office | ||
ยี่ห้อ Microsoft รุ่น Windows Server 2019 Datacenter | ||
10.2 ชุดโปรแกรมระบบปฏิบัติการสำหรับคอมพิวเตอร์ แม่ข่าย สำหรับระบบจัดเก็บสำรอง | 1.0 | |
ข้อมูลคอมพิวเตอร์แม่ข่ายเสมือน | ||
ยี่ห้อ Microsoft รุ่น Windows Server 2019 Standard |
ผนวก 3 คาบเวลาที่ต้องการบำรุงรักษาฯ
ลำดับ | จำนวน | รายการ | คาบเวลาที่ต้องการบำรุงรักษา จันทร์ – ศุกร์ | |
เริ่มต้น | สิ้นสุด | |||
1. | 1 ระบบ | ระบบ Cloud Computing Phase I จำนวน 1 ระบบ แบบรวมอะไหล่ ปีที่ 2 และ ปีที่ 3 | 7:30 น. | 15:30 น. |
ผนวก 4
ข้อกำหนดในการบำรุงรักษา
1. ผู้รับจ้างมีหน้าที่บำรุงรักษา และซ่อมแซมแก้ไขระบบคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ดีอยู่เสมอ ทุก 4 เดือนต่อครั้ง ตลอดระยะเวลารับประกัน พร้อมจัดทำรายงานการบำรุงรักษาฯ เสนอต่อการไฟฟ้านครหลวง ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1.1. Configuration and Asset Management
- ระบุรายการอุปกรณ์ภายในโครงการ ได้แก่ Hardware Location , Serial Number
1.2. การดูแลรักษาสภาพของอุปกรณ์และสภาพแวดล้อมบริเวณที่ติดตั้งอุปกรณ์
- ทำความสะอาดอุปกรณ์
- ตรวจสอบสายไฟและสายสัญญาณต่างๆ ให้อยู่ในสภาพที่ดีอยู่เสมอ
1.3. ผู้รับจ้างจะต้องส่งรายงานการเข้าปฏิบัติการ Preventive Maintenance ในรูปแบบ Hard copy
และ Soft copy ภายใน 7 วันทำการ นับจากวันครบรอบงวดบำรุงรักษาฯ
2. ผู้รับจ้างจะต้องส่งรายงานการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ให้การไฟฟ้านครหลวงทุกเดือน ตลอดระยะเวลารับประกัน โดยจัดทำเอกสารรายงาน ดังนี้
- ระบุรายการอุปกรณ์ภายในโครงการ ได้แก่ Hardware Location, Serial Number
เป็นอย่างน้อย
- รายงานการใช้งานทรัพยากรของเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายสำหรับศูนย์คอมพิวเตอร์หลัก และศูนย์คอมพิวเตอร์สำรอง
- รายงานการใชง้ านทรัพยากรของเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายเสมือนสำหรับศูนย์คอมพิวเตอร์หลัก และศูนย์คอมพิวเตอร์สำรอง
- รายงานการใช้งานบนพื้นที่ของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลสำหรับศูนย์คอมพิวเตอร์หลัก และศูนย์คอมพิวเตอร์สำรอง
- ผลการตรวจสอบและแนวทางการแก้ไขปัญหา
- ผู้รับจ้างจะต้องส่งรายงานการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์เป็น Hard copy และ Soft copy
โดยจะต้องส่งให้การไฟฟ้านครหลวงภายในวันที่ 5 ของเดือนถัดไป
3. ผู้รับจ้างจะต้องดำเนินการทดสอบการย้ายระบบ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อทดสอบว่าสามารถ ทำการย้าย Recovery Virtual Server บนระบบ Cloud Computing Phase I ของการไฟฟ้านครหลวงได้
ผนวก 4 (ต่อ)
4. ผู้รับจ้างจะต้องเข้ามาสนับสนุนและดำเนินการ ปรับปรุง แก้ไข โยกย้าย ทดสอบ ระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งหมด ทั้งในส่วนของฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ โดยมีรายการดังต่อไปนี้
ลำดับ | รายการ | จำนวน |
ระบบ Cloud Computing Phase I จำนวน 1 ระบบ ประกอบด้วย | ||
1. | เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายสำหรับทำหน้าที่ Virtualized Server แบบรวมศูนย์ | |
1.1เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายสำหรับ ระบบงาน Customer service | 2 ชุด | |
ยี่ห้อ HPE รุ่น ProLiant DL380 Gen10 Server | ||
1.2 เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายสำหรับ ระบบงาน Backoffice | 2 ชุด | |
ยี่ห้อ HPE รุ่น ProLiant DL380 Gen10 Server | ||
2. | เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายสำหรับทำหน้าที่ Backup Server | 2 ชุด |
ยี่ห้อ HPE รุ่น ProLiant DL380 Gen10 Server | ||
3. | ระบบจัดเก็บสำรองข้อมูลคอมพิวเตอร์แม่ข่ายเสมือน | 1 ระบบ |
ยี่ห้อ HPE รุ่น 3PAR StoreServ 8000 Storage | ||
4. | ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์แม่ข่ายเสมือน สำหรับระบบงาน Customer Service และระบบงาน Back Office | 1 ระบบ |
ยี่ห้อ VMware รุ่น VMware Cloud Foundation Enterprise (vSphere Enterprise plus) | ||
5. | ซอฟต์แวร์ระบบจัดเก็บข้อมลเสมือน สำหรับระบบงาน Customer Service และระบบงาน Back Office | 1 ระบบ |
ยี่ห้อ VMware รุ่น VMware Cloud Foundation Enterprise (vSAN Enterprise) | ||
6. | ซอฟต์แวร์ระบบเน็ตเวิร์คเสมือน สำหรับระบบงาน Customer Service และระบบงาน Back Office | 1 ระบบ |
ยี่ห้อ VMware รุ่น VMware Cloud Foundation Enterprise (NSX Data Center Enterprise plus) | ||
7. | ซอฟต์แวร์บริหารจัดการคอมพิวเตอร์แม่ข่ายเสมือนส่วนกลาง | 1 ระบบ |
ยี่ห้อ VMware รุ่น vCenter Server Standard Edition | ||
8. | ซอฟต์แวร์ระบบการบริหารจัดการคลาวด์ (Cloud Management Software) สำหรับระบบงาน Customer Service, ระบบงาน Back Office และระบบคอมพิวเตอร์แม่ข่ายเสมือนภายนอก องค์กร (Public Cloud) | 1 ระบบ |
ยี่ห้อ VMware รุ่น VMware Cloud Foundation Enterprise (vRealize Suite Enterprise) | ||
9. | ซอฟต์แวร์จัดเก็บสำรองข้อมูลคอมพิวเตอร์แม่ข่ายเสมือน สำหรับระบบงาน Customer Service และระบบงาน Back Office | 1 ระบบ |
ยี่ห้อ Veeam รุ่น Availability Suite Enterprise Plus | ||
10. | อุปกรณ์ SAN Switch | 2 ชุด |
ยี่ห้อ HPE รุ่น HPE StoreFabric SN3600B Fibre Channel Switch |
ลำดับ | รายการ | จำนวน |
11. | อุปกรณ์เครือข่ายสำหรับศูนย์คอมพิวเตอร์หลักและศูนย์คอมพิวเตอร์สำรอง | 8 ชุด |
ยี่ห้อ Aruba รุ่น 3810M | ||
12. | อุปกรณ์เครือข่ายสำหรับระบบ Management | 4 ชุด |
ยี่ห้อ Aruba รุ่น 5406R zl2 | ||
13. | อุปกรณ์เครือข่ายสำหรับระบบ Backup | 2 ชุด |
ยี่ห้อ Aruba รุ่น 3810M | ||
14. | อุปกรณ์สำหรับตรวจสอบสัญญาณ การเชื่อมต่อเครือข่าย Stretched Cluster Network เพื่อให้ ระบบสามารถรองรับค่า latency | 1 ชุด |
ยี่ห้อ Netscout รุ่น Optiview XG | ||
15. | ระบบปฏิบัติการสำหรับคอมพิวเตอร์แม่ข่าย | |
15.1 ชุดโปรแกรมระบบปฏิบัติการสำหรับคอมพิวเตอร์ แม่ข่าย สำหรับระบบงาน Customer Service และระบบงาน Back Office | 2 ชุด | |
ยี่ห้อ Microsoft รุ่น Windows Server 2019 Datacenter | ||
15.2 ชุดโปรแกรมระบบปฏิบัติการสำหรับคอมพิวเตอร์ แม่ข่าย สำหรับระบบจัดเก็บสำรอง | 1 ชุด | |
ข้อมูลคอมพิวเตอร์แม่ข่ายเสมือน ยี่ห้อ Microsoft รุ่น Windows Server 2019 Standard |
ตลอดระยะเวลารับประกัน ตามที่การไฟฟ้านครหลวงกำหนด โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ เพิ่มเติม
5. ผู้รับจ้างต้องตรวจสอบและสำรองข้อมูล Configuration ของระบบคอมพิวเตอร์ทุกครั้ง ที่มีการเปลี่ยนแปลง และจัดเก็บเป็น Version ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ พร้อมจัดทำรายงานการเปลี่ยนแปลง Configuration ของระบบคอมพิวเตอร์ โดยให้ส่งมอบในงวดงานที่ครบกำหนด
6. ผู้รับจ้างต้องจัดทำสรุปรายงาน Software/Firmware ที่ออกใหม่ โดยต้องส่งรายงานภายหลังจากผู้ผลิต ประกาศให้ทราบ พร้อมกับรายงานผลการวิเคราะห์ ประโยชน์ที่ได้รับ การเพิ่มความสามารถ และผลกระทบอื่น ๆ หากการไฟฟ้านครหลวงมีความประสงค์ที่จะ Upgrade Software/Firmware ที่มีการออก Version ใหม่ ผู้รับจ้างต้องดำเนินการให้การไฟฟ้านครหลวง โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ การไฟฟ้านครหลวง ต้องสามารถ ใช้ระบบงานได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่น้อยกว่าเดิม โดยผู้รับจ้างต้องจัดทำแผนการดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายใน 30 วัน หลังจากได้รับแจ้งจากการไฟฟ้านครหลวง และส่งแผนการดำเนินการให้การไฟฟ้านครหลวง
เห็นชอบก่อนเริ่มดำเนินการ
6.1 จัดทำแผนดำเนินงานประกอบด้วย
• แผนภาพรวม (High Level Plan)
• แผนรายละเอียด (Detail Plan)
• แผนการทดสอบระบบคอมพิวเตอร์
6.2 ดำเนินการทดสอบ Upgrade Software/Firmware บนระบบคอมพิวเตอร์สำหรับทดสอบ และรายงานผลการทดสอบให้ทราบ
6.3 ดำเนินการ Upgrade Software/Firmware บนระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้อง
6.4 ในกรณีที่การไฟฟ้านครหลวงอนุมัติให้ดำเนินการ Upgrade Software/Firmware บน เครื่องคอมพิวเตอร์ที่การไฟฟ้านครหลวงใช้งานจริง (Production) ผู้รับจ้างต้องส่งมอบผลการดำเนินงานใน งวดงานที่ครบกำหนด แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินระยะเวลาสิ้นสุดของสัญญาจ้าง
หากจำเป็นต้องจัดหาระบบคอมพิวเตอร์สำหรับทดสอบ หรือปรับแต่งระบบคอมพิวเตอร์เพิ่มเติม เพื่อให้ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ ให้ถือเป็นค่าใช้จ่ายของผู้รับจ้าง
7. ผู้รับจ้างต้องดูแลรักษาและตรวจสอบทุกครั้งที่เข้าทำการบำรุงรักษาฯ ดังต่อไปนี้
- ทำความสะอาดภายนอก ทุกคาบ
- ตรวจสอบการทำงานของอุปกรณ์ ทุกคาบ
- ตรวจสอบระบบไฟฟ้า ทุกคาบ
- ตรวจสอบและปรับแต่งระบบงานคอมพิวเตอร์ ทุกคาบ
- จัดทำรายงานสถานะการใช้งานของระบบคอมพิวเตอร์ ทุกคาบ
- จัดทำรายงานปริมาณการใช้งาน CPU, Memory, Disk รายเดือน ทุกคาบ
- จัดทำรายงาน Incident ทุกคาบ
- ทดสอบแผนสำรองฉุกเฉินของการไฟฟ้านครหลวง ตามที่ กฟน. กำหนด หมายเหตุ 1 คาบเท่ากับ 4 เดือน โดยเริ่มนับถัดจากวันที่ได้รับมอบระบบคอมพิวเตอร์ครบถ้วนถูกต้อง
ผนวก 5 ข้อปฏิบัติในการเก็บรักษาความลับ การไฟฟ้านครหลวง
ผู้รับจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานของผู้รับจ้าง จะต้องปฏิบัติ ดังนี้
1. ผู้รับจ้าง จะเก็บรักษาไว้เป็นความลับและจะไม่เผยแพร่ข้อมูลทั้งหลายเกี่ยวกับการจ้างบำรุงรักษาและ ซ่อมแซมแก้ไขระบบ Cloud Computing Phase I จำนวน 1 ระบบ แบบรวมอะไหล่ ปีที่ 2 และ ปีที่ 3 (ซึ่งต่อไป จะเรียกว่า “โครงการ”) รวมถึงข้อมูล เกี่ยวกับกิจการ แผนการดำเนินธุรกิจ ทรัพย์สินพนักงาน ลูกค้า และ คู่ค้าต่าง ๆ ที่ได้มีการเปิดเผยเป็นหนังสือ ด้วยวาจาหรือวิธีอื่นใดตามวัตถุประสงค์ของสัญญา (ซึ่งต่อไปจะเรียกว่า “ข้อมูลที่เป็นความลับ”) แต่ข้อมูลที่เป็นความลับดังกล่าวไม่รวมถึงข้อมูลที่ทราบกันทั่วไป ซึ่งมิได้เป็นผลจากการที่ ผู้รับจ้างปฏิบัติผิดข้อปฏิบัติฯ หรือเป็นไปตามข้อ 3 ของข้อปฏิบัติฯ ฉบับนี้ ผู้รับจ้าง จะเก็บรักษาไว้ เป็นความลับ และจะไม่เผยแพร่ข้อมูลทั้งหลายที่เกี่ยวกับการไฟฟ้านครหลวง และกิจการของการไฟฟ้านครหลวง ซึ่งเป็นข้อมูลที่ ผู้รับจ้าง ได้รับตามสัญญา
2. ผู้รับจ้าง ตกลงที่จะไม่เปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับให้แก่บุคคลใด ๆ นอกจากพนักงานผู้เชี่ยวชาญแล ะ ผู้ที่เกี่ยวข้องของผู้รับจ้าง ซึ่งจำเป็นต้องได้รับข้อมูลที่เป็นความลับ เพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของสัญญา โดยให้อยู่ภายใต้เงื่อนไข ดังต่อไปนี้
(ก) บุคคลใดที่จะได้รับการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับตามข้อนี้ จะต้องทราบถึงข้อกำหนดของสัญญา ฉบับนี้ก่อนที่จะได้รับการเปิดเผยข้อมูล และผู้รับจ้าง ต้องใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อให้บุคคลเหล่านั้น ปฏิบัติตามข้อกำหนดเหล่านี้อย่างเคร่งครัด เสมือนเป็นผู้รับจ้างในข้อปฏิบัติฯ ฉบับนี้ด้วย
(ข) ผู้รับจ้าง จะต้องรับผิดชอบต่อการที่ผู้ที่ได้รับข้อมูลที่เป็นความลับจากผู้รับจ้าง นำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ หรือนำไปเปิดเผย หรือปฏิบัติผิดข้อกำหนดของข้อปฏิบัติฯ ฉบับนี้
3. ผู้รับจ้าง ตกลงที่จะไม่เปิดเผยต่อบุคคลใด ๆ ซึ่งข้อมูลที่เป็นความลับภายใต้เงื่อนไขของข้อปฏิบัติฯ ฉบับนี้ เว้นแต่กรณีที่ต้องเปิดเผยข้อมูลตามกฎหมาย, คำสั่งศาล, หรือระเบียบ คำสั่ง ของหน่วยงานราชการหรือรัฐบาล
4. ผู้รับจ้าง ตกลงที่จะใช้ข้อมูลที่เป็นความลับเฉพาะ และที่เกี่ยวกับโครงการเท่านั้น โดยจะไม่ใช้ เพื่อวัตถุประสงค์ประการอื่นใด
5. ในกรณีที่สัญญาสิ้นสุดลงหรือผู้รับจ้างไม่ประสงค์ที่จะดำเนินการตามโครงการ ผู้ได้รับการคัดเลือกตกลง ที่จะไม่เปิดเผยต่อบุคคลใด ๆ ซึ่งข้อมูลที่เป็นความลับภายใต้เงื่อนไขของข้อปฏิบัติฯ ฉบับนี้ โดยผู้รับจ้างจะต้อง ส่งมอบเอกสารทั้งปวงที่มีข้อมูลที่เป็นความลับคืนให้แก่การไฟฟ้านครหลวงภายใน 7 วัน
6. ข้อกำหนดในการเก็บรักษาความลับตามข้อปฏิบัติฯ ฉบับนี้ ให้มีผลผูกพันผู้รับจ้าง แม้ว่าการดำเนินการตาม โครงการตามสัญญาจะสิ้นสุดลง และครอบคลุมถึงการที่ผู้รับจ้างต้องปฏิบัติตามนโยบายและแนวปฏิบัติ ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของการไฟฟ้านครหลวง
7. ผู้รับจ้าง ตกลงที่จะชดใช้เงินค่าเสียหาย ข้อร้องเรียน ความรับผิด และค่าใช้จ่ายใด ๆ ที่เกิดจากการปฏิบัติ ผิดหน้าที่ ตามข้อปฏิบัติฯ ฉบับนี้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมให้แก่การไฟฟ้านครหลวง
ผนวก 5 (ต่อ)
8. การที่การไฟฟ้านครหลวงไม่ใช้สิทธิ์ หรืออำนาจตามข้อปฏิบัติฯ ฉบับนี้ หรือใช้สิทธิ์ หรืออำนาจดังกล่าว ล่าช้า จะไม่ถือว่าการไฟฟ้านครหลวงสละสิทธิ์ หรืออำนาจดังกล่าว ทั้งนี้ การที่การไฟฟ้านครหลวงใช้สิทธิ์หรือ อำนาจเพียงบางส่วนจะไม่ถือเป็นการตัดสิทธิ์ของการไฟฟ้านครหลวงที่จะใช้สิทธิ์หรืออำนาจต่อไป
9. การแก้ไขเพิ่มเติมใด ๆ ของข้อปฏิบัติฯ ฉบับนี้ จะไม่มีผลสมบูรณ์ เว้นแต่จะมีการตกลงเป็นหนังสือ
10. ข้อกำหนดในข้อปฏิบัติฉบับนี้อาจแยกส่วนออกจากกันได้ ในกรณีที่ศาลที่มีอำนาจได้ตัดสินให้ข้อกำหนด ส่วนหนึ่งส่วนใดเป็นโมฆะ หรือตกเป็นโมฆะ หรือไม่มีผลบังคับใช้ให้บทบัญญัติส่วนที่เหลือที่ผลใช้บังคับต่อไป ตราบเท่าที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย
11. ข้อปฏิบัติฯ ฉบับนี้ อยู่ภายใต้บังคับและการแปลความตามกฎหมายไทย
ผนวก 6 ข้อตกลงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Data Processing Agreement)
ข้อตกลงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ทำขึ้น ณ การไฟฟ้านครหลวง สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่..................................... ระหว่าง การไฟฟ้านครหลวง โดย ตำแหน่ง
..................................... ผู้รับมอบอำนาจ สำนักงานใหญ่ ตั้งอยู่ที่อาคารวัฒนวิภาส เลขที่ 1192 ถนนพระรามที่ 4 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร ซึ่งต่อไปในข้อตกลงฉบับนี้เรียกว่า “ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” ฝ่ายหนึ่ง กับ........................................ โดย ............................................. ผู้รับมอบอำนาจ ปรากฏตามหนังสือมอบ อำนาจ ฉบับลงวันที่.......................................และหนังสือรับรองของสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลาง กรม พัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เลขที่................................................. ออกให้ ณ วันที่ ที่
แนบท้ายข้อตกลงฉบับนี้ สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่............................................................................. ......................
(ซึ่งต่อไปในข้อตกลงฉบับนี้เรียกว่า “ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล”) อีกฝ่ายหนึ่ง
ในข้อตกลงฉบับนี้ คำว่า “คู่สัญญาฝ่ายหนึ่ง” หมายถึง ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือ ผู้ประมวลผล ข้อมูลส่วนบุคคล เพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หากเป็นกรณีที่กล่าวถึงคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจะใช้คำว่า “คู่สัญญา”
โดยคู่สัญญาได้ตกลงกันดังต่อไปนี้
(1) ข้อตกลงฉบับนี้จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งที่มีผลใช้บังคับอยู่ ณ วันที่ทำข้อตกลงฉบับนี้และที่จะมี การเพิ่มเติม หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงในภายหลัง
(2) ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลมีความประสงค์ให้ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้บริการตามสัญญา เลขที่ ซึ่งมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้
มีอำนาจกำหนดวัตถุประสงค์และตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่จะทำการ ประมวลผลตามข้อตกลงฉบับนี้
(3) ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้ให้บริการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งมีมาตรการคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสมและเพียงพอตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และเป็น ผู้ดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในนามหรือตามคำสั่งของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล โดย ที่ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลไม่มีสิทธิในการตัดสินใจเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว อย่างไรก็ ตามหากผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลจะถือว่า ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเอง
ด้วยเหตุนี้ คู่สัญญาจึงได้ทำข้อตกลงซึ่งกำหนดสิทธิและหน้าที่โดยมีข้อความดังต่อไปนี้
ผนวก 6 (ต่อ)
ข้อ 1 ขอบเขตการบังคับใช้
ข้อตกลงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ใช้บังคับกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล และผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ตามสัญญาเลขที่ ………………………..
(ซึ่งต่อไปในข้อตกลงฉบับนี้ เรียกว่า “สัญญาการให้บริการหลัก”) โดยให้ถือว่าข้อตกลงฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของ
สัญญาการให้บริการหลัก
หน้าที่และความรับผิดในการปฏิบัติตามข้อตกลงฉบับนี้ ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่คู่สัญญาได้ตกลง เข้าทำสัญญาการให้บริการหลัก และให้มีผลใช้บังคับตลอดไป แม้ว่าจะได้มีการเลิกสัญญาการให้บริการหลักหรือ สัญญาการให้บริการหลักได้สิ้นสุดลง ไม่ว่าเพราะเหตุใด
ในกรณีที่ข้อกำหนดหรือเงื่อนไขส่วนใดส่วนหนึ่งในข้อตกลงฉบับนี้ไม่สมบูรณ์หรือตกเป็นโมฆะ ให้ข้อกำหนดหรือเงื่อนไขส่วนที่เหลือในข้อตกลงฉบับนี้ยังคงมีผลใช้บังคับได้ต่อไป และให้แยกออก จากส่วนที่ไม่สมบูรณ์หรือตกเป็นโมฆะ
ข้อ 2 คำนิยาม
หากไม่ได้มีการกำหนดไว้เป็นอย่างอื่นในข้อตกลงฉบับนี้ ให้ถ้อยคำในข้อตกลงฉบับนี้มีความหมาย
ดังต่อไปนี้
2.1 การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง การปฏิบัติการหรือส่วนหนึ่งของการปฏิบัติการซึ่งได้กระทำต่อ ข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าโดยวิธีการอัตโนมัติหรือไม่ เช่น การเก็บรวบรวม การบันทึก การจัดระเบียบ การจัดโครงสร้าง การจัดเก็บ การดัดแปลง ปรับเปลี่ยน การกู้คืน การให้คำปรึกษา การใช้ การเปิดเผย โดยการส่ง การแพร่กระจาย หรือทำให้มีอยู่ การจัดวางให้ถูกตำแหน่ง หรือการรวม การจำกัด การลบและ การทำลาย เป็นต้น
2.2 ข้อตกลง หมายถึง ข้อตกลงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และเอกสารแนบท้าย
2.3 บริการ หมายถึง การให้บริการตามสัญญาการให้บริการหลัก ซึ่งรวมถึงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลด้วย
2.4 สัญญาการให้บริการหลัก หมายถึง สัญญาเลขที่ ……………………………..….. ลงวันที่ ……………………………..
2.5 ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลช่วง หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งหรือมอบหมาย ให้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในนามของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอันเกี่ยวเนื่องตามข้อตกลงนี้
2.6 ให้นิยามตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดความหมายไว้ สำหรับคำต่อไปนี้
“ข้อมูลส่วนบุคคล” “เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” “ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” “ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล”
ผนวก 6 (ต่อ)
ข้อ 3 ความสัมพันธ์ระหว่างคู่สัญญา
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้ตกลงทำสัญญาการให้บริการหลัก คู่สัญญามีหน้าที่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กฎ ระเบียบ ข้อบังคับหรือ ประกาศที่ออกภายใต้
พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดระยะเวลาตามสัญญาให้บริการหลักและตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
ข้อ 4 การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
4.1 ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กำหนดไว้ในสัญญาการให้บริการ หลักเท่าที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาการให้บริการหลักและตามข้อตกลงฉบับนี้ โดยผู้ประมวลผล ข้อมูลส่วนบุคคลจะทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อได้รับคำสั่งที่เป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ควบคุม ข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น โดยผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล จะต้องไม่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล นอกเหนือจากคำสั่งที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่ได้รับจากผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งคำสั่งให้ประมวลผล ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจะต้องเป็นคำสั่งที่ไม่เกินวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูล ส่วนบุคคลตามที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลได้แจ้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล มีหน้าที่ต้องพิจารณาว่าคำสั่งให้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ในกรณี ที่ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลพิจารณาแล้วเห็นว่า การออกคำสั่งดังกล่าวเป็นการออกคำสั่ง ที่ละเมิดต่อกฎหมาย ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องให้คำแนะนำ หรือ ทำการแจ้งผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล โดยพลัน
4.2 ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอาจสั่งให้ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติมได้ ภายใต้ขอบเขตที่กฎหมายกำหนด โดยผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจะทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ดังกล่าวโดยพลัน ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อการปฏิบัติการตามสัญญา ให้บริการหลัก หรือ เป็นการช่วยให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลสามารถปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด
4.3 ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลต้องกำหนดให้การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้ถูกจำกัด เฉพาะเจ้าหน้าที่ ลูกจ้าง พนักงาน ที่ปรึกษา ตัวแทนหรือบุคคลที่ได้รับมอบหมาย มีหน้าที่เกี่ยวข้องหรือ มีความจำเป็นในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้เท่านั้น และจะดำเนินการเพื่อให้พนักงาน และ/หรือลูกจ้าง ตัวแทนหรือบุคคลใด ๆ ที่ได้รับมอบหมายจากผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ทำการประมวลผลและรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลด้วยมาตรฐานเดียวกัน โดยแต่ละบุคคล ถูกกำหนดให้เข้าถึงหรือใช้เท่าที่มีความจำเป็นภายใต้วัตถุประสงค์ของสัญญาการให้บริการหลัก
ผนวก 6 (ต่อ)
4.4 ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจะควบคุมดูแลให้เจ้าหน้าที่ ลูกจ้าง พนักงาน ที่ปรึกษา ตัวแทนหรือบุคคลใด ๆ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด และดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์ของการดำเนินการตามข้อตกลงฉบับนี้เท่านั้น โดยจะไม่ทำซ้ำ คัดลอก ทำสำเนา บันทึกภาพข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วนเป็นอันขาด เว้นแต่เป็นไปตามเงื่อนไขของบันทึกความร่วมมือหรือสัญญา หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องจะระบุหรือบัญญัตไิ ว้ เป็นประการอื่น
4.5 ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจะจัดทำและเก็บรักษาบันทึกรายการของกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Record of Processing) ทั้งหมดที่ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้ประมวลผลในขอบเขตของข้อตกลง ฉบับนี้ และจะดำเนินการส่งมอบบันทึกรายการดังกล่าวให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลระบุทุกสัปดาห์ / หรือทุกเดือน / ทุกไตรมาส และ/หรือทันทีที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลร้องขอ
ข้อ 5 การเก็บและการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่เก็บรักษาและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติ ตามสัญญาการให้บริการหลักและตามข้อตกลงฉบับนี้ โดยผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจะเก็บรักษา ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลไว้ในสถานที่และด้วยวิธีการตามที่ สัญญาการให้บริการหลักกำหนด ทั้งนี้ ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัย ตามที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด อย่างไรก็ตาม ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้ สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย
ข้อ 6 การรักษาความปลอดภัย มาตรการคุ้มครองความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่จัดให้มีและธำรงรักษาไว้ซึ่งมาตรการรักษาความปลอดภัย สำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความเหมาะสมทั้งในเชิงองค์กรและเชิงเทคนิค เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ และเพื่อคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคลจากความเสี่ยงอันเกี่ยวเนื่องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ความเสี่ยงอันเกิดจาก อุบัติเหตุ การทำลาย การสูญหาย การเปลี่ยนแปลง การเปิดเผย การโอน หรือการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งมาตรการดังกล่าวจะต้องคำนึงถึงลักษณะ ขอบเขต บริบทและวัตถุประสงค์ของ การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กำหนดไว้ในสัญญาการให้บริการหลัก
ทั้งนี้ ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เมื่อมีความจำเป็นหรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ที่เหมาะสม และดำเนินการตามมาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยตามที่กฎหมายประกาศกำหนด
ผนวก 6 (ต่อ)
ข้อ 7 หน้าที่ของบริษัทในเครือและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลช่วง
7.1 การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้ เมื่อผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอนุญาตแล้ว ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจึงจะสามารถแต่งตั้งบริษัทในเครือหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลช่วงและ/ หรือเปิดเผยหรือนำส่งข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัทในเครือหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลช่วงได้
7.2 ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทในเครือ หรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลช่วง (ถ้ามี) มีหน้าที่ ทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามข้อตกลง
7.3 ภายใต้บังคับของสิทธิและหน้าที่ที่กำหนดในข้อตกลงฉบับนี้ ในกรณีที่ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแต่งตั้ง ให้บริษัทในเครือ หรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลช่วง ทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อช่วยเหลือ หรือสนับสนุนการให้บริการตามสัญญาการให้บริการหลัก บริษัทในเครือของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และ/หรือ ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลช่วง ต้องจัดทำข้อตกลงเพื่อกำหนดหน้าที่ในการคุ้มครองและรักษา ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลกับผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในระดับเดียวกับหน้าที่ของ ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามข้อตกลงฉบับนี้ โดยผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่รับผิดชอบให้ บริษัทในเครือหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลช่วงดังกล่าว ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในข้อตกลง ดังกล่าว ตลอดจนตามที่กฎหมายที่บังคับกับกรณีกำหนด
7.4 ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลต้องไม่เปิดเผย ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบุคคลอื่น โดยไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งห้ามมิให้มีผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลช่วง เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร เป็นการเฉพาะหรือทั่วไปจากผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้รับอนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องแจ้งข้อมูล ที่เกี่ยวข้องกับผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลช่วงให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลทราบ และทุกครั้งที่มี การเปลี่ยนแปลง เพิ่มหรือแทนที่ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลช่วง ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลต้องได้รับ อนุญาตจากผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลก่อน และผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลสามารถโต้แย้งการเปลี่ยนแปลง ดังกล่าวได้
7.5 ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลไม่หลุดพ้นจากความรับผิดที่เกิดขึ้นจากการไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ของบริษัท ในเครือของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลช่วง
7.6 กรณีที่มีการจ้างผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลช่วงต่อไปหลายทอด ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลต้องจัดให้ ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลช่วงทำสัญญาการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลกับตนไม่ว่าจะมีการประมวลผล ข้อมูลส่วนบุคคลช่วงไปกี่ทอดก็ตาม ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลช่วงต้องดำเนินการภายใต้สัญญาดังกล่าว และห้ามมิให้จัดให้มีผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลช่วงรายถัดไปด้วยตนเองโดยไม่ได้รับความเห็นชอบ จากผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่มีการจ้างผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลช่วงความรับผิดใด ๆ ที่เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลยังคงอยู่กับ ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลทอดแรกเสมอ
ผนวก 6 (ต่อ)
ข้อ 8 การแจ้งเตือนเมื่อเกิดปัญหาด้านความปลอดภัยหรือเกิดเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
8.1 ในกรณีที่ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (ซึ่งรวมถึงลูกจ้าง พนักงาน ที่ปรึกษา ตัวแทน หรือบุคคลที่ได้รับ มอบหมายของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และบริษัทในเครือของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (ถ้ามี)) ตระหนักได้ว่ามีการกระทำอันเป็นการละเมิดต่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นการเข้าถึง ทำลาย สูญหาย เปลี่ยนแปลง เปิดเผย โอน ได้ไปซึ่งความครอบครอง ข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหลหรือ การกระทำใด ๆ ที่มีลักษณะเป็นการเข้าถึงหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย (“การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล”) ให้ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ทำการประเมินและตอบสนองต่อ การกระทำดังกล่าว และแจ้งให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลทันที ภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง รวมถึงให้รายละเอียดที่เพียงพอต่อการตอบสนองตามที่กฎหมายกำหนด
8.2 ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลต้องให้ความร่วมมือกับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล และรับผิดชอบในการค้นหา สาเหตุของการละเมิดเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวมิให้เกิดซ้า และจะแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการละเมิด ข้อมูลส่วนบุคคลให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลทราบ ภายใต้ขอบเขตที่กฎหมายกำหนด ซึ่งรวมถึงรายละเอียด ของลักษณะและผลที่อาจเกิดขึ้นจากการละเมิด ระยะเวลาที่เกิดการละเมิดนับแต่ทราบเหตุละเมิด มาตรการ ที่ถูกใช้เพื่อลดผลกระทบของการละเมิด แนวทางการแก้ไข และเยียวยาเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลรายชื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกละเมิด และจำนวนข้อมูลส่วนบุคคลและ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้อง
ข้อ 9 การดำเนินการตามสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
9.1 ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล มีหน้าที่ดำเนินการเพื่อช่วยเหลือหรือสนับสนุนเพื่อตอบสนองต่อคำร้องของ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกยื่นต่อผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลใช้สิทธิตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคล
9.2 กรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลยื่นคำร้องต่อผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ให้ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล มีหน้าที่แจ้งและส่งคำร้องดังกล่าวให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล โดยผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล จะไม่เป็นผู้ตอบสนองต่อคำร้องดังกล่าวแต่อย่างใด เว้นแต่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลจะได้มอบหมายให้ ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดำเนินการเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคำร้องดังกล่าว
9.3 หากจำเป็นต้องตอบสนองต่อคำร้องของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเนื่องด้วยเหตุผลทางกฎหมาย ผู้ประมวลผล ข้อมูลส่วนบุคคลต้องแจ้งผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนตอบสนองคำร้องดังกล่าว
ผนวก 6 (ต่อ)
ข้อ 10 การลบหรือทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูล ส่วนบุคคลได้
10.1 การลบหรือทำลายข้อมูล เป็นการทำลายข้อมูลโดยไม่อาจกู้คืนได้ ไม่ว่าในเวลาใด ๆ
10.2 เมื่อหมดความจำเป็นที่จะต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการดำเนินงาน ให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือเมื่อการดำเนินงานให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลสิ้นสุดลง ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องหยุดการเก็บรวบรวม ใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลทุกกรณีและ ส่งมอบข้อมูลและเอกสารทุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลโดยทันที ไม่ว่าจะถูกจัดเก็บอยู่ในรูปแบบใดก็ตาม หากตามสภาพไม่สามารถส่งคืนได้ ให้ทำการลบหรือทำลายได้โดยทันที เว้นแต่กรณีมีความจำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามกฎหมายที่ใช้บังคับ
10.3 ในการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลต้องมีหนังสือถึงผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล แจ้งยืนยันการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หากจำเป็นต้องทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถ ระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้จะต้องแจ้งผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลพิจารณาอนุญาต ก่อนดำเนินการ
10.4 ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลยังมีหน้าที่จัดทำนโยบายเกี่ยวกับการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลและ แจ้งให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงนโยบายดังกล่าว ทั้งนี้ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลสามารถ ดำเนินการตรวจสอบการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้
ข้อ 11 การตรวจสอบ
ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ต้องจัดให้มีรายละเอียดข้อมูลและช่องทางให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล สามารถตรวจสอบให้แน่ใจว่า ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้ดำเนินการให้เป็นไปตามข้อตกลงนี้
ในการตรวจสอบที่เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประกาศและระเบียบที่บังคับใช้ ผู้ประมวลผล ข้อมูลส่วนบุคคลต้องให้ความร่วมมือและสนับสนุนการตรวจสอบ ทั้งโดยเจ้าหน้าที่ตรวจสอบของผู้ควบคุม ข้อมูลส่วนบุคคลเอง และเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายนอก เพื่อตรวจสอบการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผล ข้อมูลส่วนบุคคลตามข้อตกลงฉบับนี้
ข้อ 12 การส่งหรือโอนถ่ายข้อมูลส่วนบุคคล
ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตกลงว่าจะไม่ส่งหรือโอนถ่ายข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบุคคลอื่นหรือ สถานที่อื่น เว้นแต่ จะได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
ในกรณีที่ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้รับอนุญาตจากผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลให้ส่งหรือโอนถ่าย ข้อมูลไปยังบุคคลอื่นหรือสถานที่อื่น ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องทำการส่งหรือโอนข้อมูลดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และ กฎหมายหรือประกาศอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ผนวก 6 (ต่อ)
ข้อ 13 ความรับผิดของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
ในกรณีที่ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงลูกจ้าง พนักงาน ที่ปรึกษา ตัวแทนหรือบุคคล ที่ได้รับมอบหมายของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และบริษัทในเครือของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลรวมถึง ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลช่วง (ถ้ามี) ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงฉบับนี้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือไม่ปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศที่ออกภายใต้ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือในกรณีที่เกิดเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าโดยจงใจ หรือประมาทเลินเล่อ และไม่ว่าจะเกิดจาก การกระทำหรือละเว้นกระทำการของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทในเครือของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลช่วง (ถ้ามี) ซึ่งรวมถึงลูกจ้าง พนักงาน ที่ปรึกษา ตัวแทนหรือบุคคล ที่ได้รับมอบหมายของบริษัทในเครือของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลช่วง (ถ้ามี) อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือบุคคลใด ๆ ผู้ประมวลผล ข้อมูลส่วนบุคคลตกลงรับผิดชอบต่อการกระทำและการละเว้นกระทำการดังกล่าวและยินยอมชดใช้ความเสียหาย ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้กับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ข้อตกลงฉบับนี้ทำขึ้นเป็นสองฉบับ มีข้อความถูกต้องตรงกัน คู่สัญญาได้อ่านและเข้าใจข้อความ โดยละเอียดตลอดแล้ว จึงได้ลงลายมือชื่อพร้อมทั้งประทับตรา (ถ้ามี) ไว้เป็นสำคัญต่อหน้าพยาน และคู่สัญญา ต่างยึดถือไว้ฝ่ายละหนึ่งฉบับ
ลงชื่อ | ลงชื่อ |
(..............................................) | (................................................) |
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล | ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล |
ลงชื่อ | ลงชื่อ |
(..................................................) | (...............................................) |
พยาน | พยาน |