สัญญาเลขที่ RDG5850116
(ร่าง) รายงานฉบับxxxxxxx
โครงการย่อยที่ 1 “รูปแบบและการจัดการองค์การเพื่อจัดการอํานวยความสะดวก ทางการค้าและการขนส่งสินค้าข้ามxxxและผ่านxxx”
โดย
รศ. (พิเศษ) xx.xxxxxxxxx xxxxxxxxx และคณะ
31 xxxxxx 2559 (งานวิจัยยังไม่เสร็จxxxxxxx โปรดอย่านําไปใช้อ้างอิง)
สัญญาเลขที่ RDG5850116
โครงการย่อยที่ 1 “รูปแบบและการจัดการองค์การเพื่อจัดการอํานวยความสะดวก ทางการค้าและการขนส่งสินค้าข้ามxxxและผ่านxxx”
คณะผู้วิจัย สังกัด
1. รศ. (พิเศษ) xx.xxxxxxxxx xxxxxxxxx สถาบันการขนส่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
2. x.xxxxxxx xxxxxxxxศรี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3. xxxxxxxxxxxx xxxxxxxxxxxx สถาบันการขนส่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สนับสนุนโดยสํานักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และสํานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
(ความเห็นในรายงานนี้เป็นของผู้วิจัย วช.-สกว. ไม่จําเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป)
บทคัดย่อ
การศึกษารูปแบบและการจัดการองค์การเพื่อจัดการการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่ง สินค้าข้ามxxxและผ่านxxx ได้ศึกษากรณีศึกษาของต่างประเทศ โอกาสและอุปสรรคของไทย และจัดทําแผน แม่บทการจัดตั้งและการดําเนินงานขององค์การที่เหมาะสมเพื่อเป็นบูรณาการการอํานวยความสะดวกทาง การค้าและการขนส่งข้ามxxxและผ่านxxxให้เป็นไปอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพ
ผลการศึกษาเสนอให้รัฐบาลจัดตั้งคณะกรรมการด้านการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการ ขนส่งระหว่างประเทศ มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานและกรรมการประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้องที่ต้องทํางานเป็นหุ้นส่วนเชิงพันธมิตร กําหนดอํานาจหน้าที่และความรับผิดชอบของแต่ ละหน่วยงานxxxxxxxxx คณะกรรมการด้านการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งเป็นองค์การที่จัดตั้ง ขึ้นอย่างxxxxและมีบุคลากรประจําที่มีความรู้ความเข้าใจด้านกฎระเบียบการค้าและการขนส่ง xxxxxxxxxนํา การเปลี่ยนแปลงการกําหนดนโยบายและมาตรการที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนรับผิดชอบxxxxxxงานและสนับสนุน การขับเคลื่อนการดําเนินงานด้านการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งข้ามxxxและผ่านxxx
คําสําคัญ รูปแบบองค์การ การอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่ง
ABSTRACT
The study of organization forms for managing cross border and in transit trade and transport facilitation reviewed case studies of various countries, related opportunities and threats and created master plan of the organization to systematically and efficiency integrate cross border and in transit trade and transport facilitation.
The study proposed the government to consider establishing international trade and transport facilitation committee chaired by prime minister and composed of representatives from public and private sectors. The committee must work as strategic partnership, clearly clarified authorities and responsibilities of each involving party. The international trade and transport facilitation committee shall be permanent committee with support from permanent staffs who have knowledge and understandings in trade and transport regulations. The organization must recommend direction for changing relevant policies and measures, efficiently coordinate and support the movement towards more cross border and in transit trade and transport facilitations.
Key words: Organization forms, trade and transport facilitation
บทสรุปผู้บรหาร
การศึกษารูปแบบและการจัดการองค์การเพื่อจัดการการอํานวยความ สะดวกทางการค้าและการขนส่งสนคาข้ามxxxและผ่านxxx
โครงการศึกษารูปแบบและการจัดการองค์การเพื่อจัดการการอํานวยความสะดวกทางการค้าและ การขนส่งสินค้าข้ามxxxและผ่านxxx มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบต่างๆ ชองการจัดตั้งองค์การเพื่อการ อํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งของนานาประเทศ และโอกาสและอุปสรรคของไทยในการจัดตั้ง องค์การและรูปแบบองค์การที่เหมาะสมxxxxxxรับการยอมรับของภาคส่วนในไทยและต่างประเทศ และจัดทํา แผนการจัดตั้งและการดําเนินงานขององค์การที่เหมาะสมเพื่อเป็นหน่วยงานบูรณาการการอํานวยความสะดวก ทางการค้าและการขนส่งข้ามxxxและผ่านxxxให้เป็นไปอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพ
การอํานวยความสะดวกทางการคาและการขนส่งข้ามxxxและผ่านxxxเป็นประเด็นที่มีความท้าทาย สําหรับประเทศไทยอย่างมากในการพัฒนากิจกรรมการค้าและการขนส่งในพื้นที่ชายแดนที่เชื่อมต่อกับประเทศ เพื่อนบ้าน
ในส่วนการค้าระหว่างไทยกับเมียนมา พบว่า กว่าร้อยละ 90 เป็นการค้าชายแดนxxxxxxxxxxxxxxx สําคัญ ได้แก่ ด่านแม่สอด ด่านแม่สาย ด่านสังขละบรี ด่านระนอง โดยสินค้าส่งออกสําคัญของไทยส่วนใหญ่ เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค xxxx เครื่องดื่ม น้ํามันสําเร็จรูป น้ําตาลทราย ปูนซิเมนต์ และสินค้านําเข้า ได้แก่ ก๊าซ xxxxxxxx สัตว์ สินแร่ และผักผลไม้ โดยไทยเป็นฝ่ายขาดดุลการค้ากับเมียนมา ขณะที่การค้าระหว่างไทยกับ กัมพูชา พบว่า ร้อยละ 75 เป็นการค้าชายแดนxxxxxxxxxxxxxxxสําคัญ ได้แก่ ด่านบ้านxxxxลึก ด่า นบ้านหาด เล็ก สินค้าส่งออกสําคัญของไทยส่วนใหญ่เป็นxxxxxx น้ํามันสําเร็จรูป เครื่องดื่ม ปูนซิเมนต์ และน้ําตาลทราย และสินค้านําเข้า ได้แก่ xxxxxxxxxxxไฟฟ้า ผักผลไม้ ลวดและสายเคเบิล โดยไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ากับกัมพูชา
องค์การระหว่างประเทศ อาทิ องค์การการค้าโลก องค์การศุลกากรโลก องค์การทางทะเลระหว่าง ประเทศ องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ และองค์การสหประชาชาติ อาเซียน และการรวมกลุ่มใน ระดับอนุxxxxxxx xxxx อนุxxxxxxxลุ่มแม่น้ําโขง (GMS) ได้มีการจัดทําความตกลงระหว่างประเทศหรืออนุสัญญา ระหว่างประเทศจํานวนหลายฉบับ เพื่อเป็นแนวทางให้ประเทศที่สนใจเข้าร่วมนําไปศึกษา อ้างอิง และนําไป ปรับกฎxxxxxxxและระบบการทํางานที่เกี่ยวข้องของนานาประเทศเพื่อให้มีการอํานวยความสะดวกทางการค้า และการขนส่งxxxxxขึ้นให้สอดคล้องกับโลกาภิวัฒน์การค้า การลงทุน การขนส่ง และโลจิสติกส์ที่มีลักษณะที่ยืด โยงกันระหว่างประเทศxxxxxขึ้น
ประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกและให้สัตยาบันการปฏิบัติตามอนุสัญญาระหว่างประเทศหลาย ฉบับที่เกี่ยวกับการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งฯ ได้แก่ (1) ความตกลงพิธีการขอใบอนุญาต นําเข้า (2) ความตกลงการตรวจสอบสินค้าก่อนส่งออก (3) ความตกลงการประเมินราคาศุลกากร (4) ความตก
ลงการอํานวยความสะดวกทางการค้า (5) อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยพิธีการศุลกากรที่เรียบง่ายและ
สอดคล้องกัน (6) อนุสัญญาว่าด้วยการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (7) อนุสัญญาการอํานวยความสะดวก
ทางการขนส่งทางทะเล (8) กรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอํานวยความสะดวกการขนส่งผ่านxxx (9) กรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอํานวยความสะดวกการขนส่งข้ามxxx และ (10) ความตกลงว่าด้วยการ ขนส่งข้ามพรมแดนในอนุxxxxxxxลุ่มน้ําโขง ขณะเดียวกัน ประเทศไทยยังxxxxxxเข้าร่วมให้สัตยาบันการปฏิบัติ ตามอนุสัญญาฯ บางฉบับ xxxx (1) อนุสัญญาศุลกากรว่าด้วยการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (2) อนุสัญญา ระหว่างประเทศว่าด้วยการปรับการควบคุมสินค้าที่ด่านพรมแดนให้เป็นแบบเดียวกัน (3) อนุสัญญาศุลกากรว่า ด้วยตู้คอนเทนเนอร์
จากที่กล่าวมาข้างต้น ส่งผลให้การกําหนดกฎระเบียบการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการ ขนส่งของไทยจะต้องพัฒนาปรับปรุงจากเดิม โดยไทยไม่ควรให้ความสําคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพียงอย่างเดียว แต่ต้องให้ความสําคัญกับการปรับกฎxxxxxxxควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ การเป็นศูนย์กลางการค้าและโลจิสติกส์ของxxxxxxx และการเป็นชาติการค้า เนื่องจากปัจจุบัน ประเทศไทยยัง มีกฎxxxxxxxxxxไม่เอื้อต่อการค้าและการขนส่งสินค้าข้ามxxxและผ่านxxx ซึ่งแตกต่างจากประเทศในสหภาพ ยุโรป และสิงคโปร์ ที่เป็นสมาชิกความตกลงฉบับต่างๆ ส่งผลให้การเคลื่อนย้ายสินค้าข้ามxxxและผ่านxxx เป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว
หน่วยงานหลักของไทยที่มีบทบาทหลักในการxxxxxxอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่ง ส่วนใหญ่ ได้แก่ หน่วยงานภายใต้กระทรวงพาณิชย์ (กรมการค้าต่างประเทศ) หน่วยงานภายใต้ กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นไปตามกรอบความตกลงที่องค์การชํานัญระหว่างประเทศ เป็นผู้ริเริ่มขึ้น xxxx กรณีที่เป็นความตกลงที่อยู่ภายใต้องค์การการค้าโลกก็จะให้หน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์ เป็นเจ้าภาพในการxxxxxxงาน ขณะที่หากเป็นความตกลงที่อยู่ภายใต้องค์การศุลกากรโลกก็จะให้หน่วยงาน กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) เป็นเจ้าภาพxxxxxxงาน และหากเป็นความตกลงที่อยู่ภายใต้องค์การชํานัญ พิเศษด้านการขนส่ง ก็จะให้หน่วยงานกระทรวงคมนาคมเป็นเจ้าภาพxxxxxxงาน อย่างไรก็ตาม หาก เปรียบเทียบระหว่าง “การอํานวยความสะดวกทางการค้า” กับ “การอํานวยความสะดวกทางการขนส่ง” แล้ว พบว่า ความตกลงระหว่างประเทศส่วนใหญ่นํา “การอํานวยความสะดวกทางการขนส่ง” เป็นส่วนหนึ่งของ “การอํานวยความสะดวกทางการค้า” เนื่องจากหากไม่มีการค้าก็จะไม่มีการขนส่งเกิดขึ้น ประกอบกับเนื้อหา ด้านการอํานวยความสะดวกทางการค้ามีความxxxxxxxและมีxxxxxxมากกว่าการอํานวยความสะดวกทางการ ขนส่ง
นอกจากนี้ หากพิจารณาภายใต้กรอบความตกลงอนุxxxxxxxลุ่มน้ําโขง (GMS) พบว่า กระทรวง คมนาคมของทุกประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว เมียนมา กัมพูชา เวียดนาม และxxx มีบทบาทหลักในการ ขับเคลื่อนการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่ง เนื่องจากเป็นหน่วยงานเจ้าภาพxxxxxxxxxxxx จัดทําความตกลงการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุxxxxxxxลุ่มน้ําโขง (GMS CBTA) ที่มีสาระครอบคลุมการอํานวย ความสะดวกทางการค้าและการขนส่งไว้ในความตกลงฉบับเดียวกัน
บทที่ 3 เป็นการศึกษารูปแบบองค์การที่ใช้ในการจัดการการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการ ขนส่งข้ามxxxและผ่านxxxของต่างประเทศ เพื่อนํารูปแบบต่างๆ มาใช้ในการศึกษาเปรียบเทียบกับรูปแบบ ขององค์การที่ใช้ในการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งข้ามxxxและผ่านxxxของประเทศไทย
เพื่อประเมินความพร้อม โอกาส และอุปสรรคในการดําเนินงานด้านการอํานวยความสะดวกทางการค้าและ การขนส่งระหว่างประเทศในส่วนที่เกี่ยวข้องกับไทย
การศึกษารูปแบบองค์การที่ใช้ขับเคลื่อนการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งเป็น ประเด็นxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxให้ความสําคัญอย่างxxxxxเป็นเวลากว่า 4 xxxxxx จากการถอดบทเรียน ของนานาประเทศ พบว่า การปรับเปลี่ยนระบบอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งจําเป็นอย่างยิ่งที่ ต้องมีการxxxxxxงานและร่วมมือระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากภาครัฐและเอกชน ประกอบด้วย
(1) หน่วยงานภาครัฐ ที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก การนําเข้า การผ่านxxxและการข้ามxxx อาทิ กระทรวงการค้า กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงขนส่ง กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตร กระทรวง ความมั่นคงและตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการคลังและศุลกากร
(2) หน่วยงานภาคเอกชน ที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก การนําเข้า การผ่านxxxและการข้ามxxx ได้แก่ หอการค้า สภาอุตสาหกรรม สมาคมการค้า สภาผู้ส่งออก ตัวแทนออกของรับอนุญาต ตัวแทนรับจัดการขนส่ง สินค้า ผู้ประกอบการขนส่ง ท่าขนส่ง สถานีบรรจุและขนถ่ายสินค้า ธนาคารพาณิชย์ กิจการประกันภัย ผู้นํา เข้า และผู้ส่งออก เป็นต้น
(3) องค์การและสถาบันระหว่างประเทศ ที่เกี่ยวข้อง xxxx องค์การการค้าโลก องค์การสหประชาชาติ องค์การศุลกากรโลก เป็นต้น
ดังนั้นการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งจึงนับเป็นงานxxxxxxxxxความxxxxxxของ ผู้บริหารองค์การที่ขับเคลื่อนการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่ง เนื่องจากผู้มีxxxxxxxxxxxxxxx xxxxมีxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxกัน ตัวอย่างxxxx เอกชนผู้นําเข้าและส่งออกต้องการให้ลดขั้นตอนและพิธีการ เอกสารให้เหลือน้อยที่สุด โดยในนานาอารยประเทศเป็นที่ยอมรับว่า องค์การระดับชาติเพื่ออํานวยความ สะดวกทางการค้าและการขนส่ง ต้องประกอบด้วยผู้แทนที่มาจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่มีความ เกี่ยวกับกับการค้าระหว่างประเทศ ศุลกากร การขนส่งระหว่างประเทศ การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ การ ผ่านxxx การถ่ายลํา โลจิสติกส์ การเงิน เกษตรและอาหาร มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช การ สาธารณสุข เทคโนโลยีสารสนเทศ การตรวจคนเข้าเมืองและความมั่นคง โดยองค์การระดับชาติดังกล่าวที่ ขับเคลื่อนการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งจะต้องทําหน้าที่ (1) xxxxxxงานกับหน่วยงานที่
เกี่ยวข้องกับการอํานวยความสะดวกทางการค้า (2) กําหนดมาตรการที่เกี่ยวกับการอํานวยความสะดวกทาง การค้า (3) เสนอแนะมาตรการระดับชาติเพื่อปรับปรุงกฎxxxxxxxและพิธีการทางการค้า ศุลกากร และการ ขนส่งให้เรียบง่าย มีมาตรฐาน และสอดคล้องเข้ากันได้กับความต้องการของภาคธุรกิจ กฎxxxxxxx และ นโยบายการค้าของประเทศ (4) สร้างความตระหนักและยกระดับความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการ อํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่ง (5) เข้าร่วมกับนานาประเทศและองค์การระหว่างประเทศ xxxx องค์การสหประชาชาติ องค์การการค้าโลก องค์การศุลกากรโลก ในการพัฒนาระบบการอํานวยความสะดวก ทางการค้า และ (6) เจรจากับนานาประเทศและองค์การระหว่างประเทศในเรื่องที่เกี่ยวกับการอํานวยความ สะดวกทางการค้าทั้งในระดับทวิภาคี xxxxxxx และพหุภาคี
รูปแบบการจัดองค์การเพื่อการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งในนานาประเทศxxxxxx จําแนกเป็น 4 ประเภท ได้แก่
1) คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการพัฒนาการอํานวยความสะดวกทางการค้า (PRO Committee) เป็นรูปแบบที่xxxxจัดตั้งขึ้นในxxxxxxxยุโรปและบางประเทศในxxxxxx xxxx xxxxxxx เกาหลีใต้ ศรีลังกา และ เวียดนาม และเป็นรูปแบบที่เสนอแนะโดยองค์การสหประชาชาติ เพื่อทําหน้าที่เสมือนเป็นเวทีเปิ ดรับและ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนในประเด็นด้านการอํานวยความสะดวกทางการค้าและ การขนส่งระหว่างประเทศ xxxx การพิจารณาความเหมาะสมในการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศที่ เกี่ยวกับการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่ง วิธีปฏิบัติxxxxxในการอํานวยความสะดวกทางการค้า วิธีปฏิบัติxxxxxในการพัฒนาระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการค้าระหว่างประเทศ xxxxxxxพิธี การศุลกากร การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ การผ่านxxxและการถ่ายลําของสินค้า การลดต้นทุนการทํา การค้าระหว่างประเทศ มาตรฐานการค้าและการขนส่งระหว่างประเทศ การxxxxxxระบบการอํานวยความ สะดวกทางการค้าและการขนส่ง เป็นต้น โดยหน่วยงานภาครัฐให้การสนับสนุนการจัดเวทีการประชุม แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเพื่อพิจารณานําข้อมูลxxxxxxจากการประชุมไปพิจารณาขับเคลื่อนต่อไป นอกจากนี้ ยังใช้ PRO Committee เป็นจุดxxxxxxรวมรวมข้อมูลและวิธีปฏิบัติxxxxxในการอํานวยความสะดวกทางการค้า ระหว่างประเทศ
2) คณะกรรมการอํานวยความสะดวกทางการค้า (National Trade Facilitation Committee หรือ NTFC) มีลักษณะแตกต่างจากคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการพัฒนาการอํานวยความสะดวกทางการค้า (PRO Committee) ตรงที่คณะกรรมการอํานวยความสะดวกทางการค้าจะมีหน่วยงานภาครัฐเป็นกลไก ขับเคลื่อนหลักและมีคําสั่งแต่งตั้งจากรัฐบาล เนื่องจากต้องเสนอแนะมาตรการที่เหมาะสมในการอํานวยความ สะดวกทางการค้า ตลอดจนติดตามหน่วยงานภายในประเทศในการปฏิบัติตามข้อผูกพันภายใต้xxxxxxxxxxxตก ลงกับต่างประเทศภายใต้ความตกลงระดับทวิภาคี xxxxxxx หรือพหุภาคี
3) คณะกรรมการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่ง (National Trade and Transport Facilitation Committee หรือ NTTFC) เป็นรูปแบบxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxและxxxxxxxxxสนับสนุนการ จัดตั้งให้เกิดขึ้นเนื่องจากมีเนื้องานบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการอํานวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายสินค้า ระหว่างประเทศต้องอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของหน่วยงานด้านการค้าและหน่วยxxxxxxขนส่งจนแยกกันไม่ ออกจนต้องเรียกว่าเป็นการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่ง โดยวัตถุประสงค์หลักในการจัดตั้ง คณะกรรมการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่ง (NTTFC) เพื่อเป็นกลไกทํางานร่วมกันระหว่าง ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนด้านการค้าและการขนส่งเพื่อขับเคลื่อนการอํานวยความสะดวกทางการค้า และการขนส่ง เสนอแนะการปรับปรุงกฎระเบียบการค้าและการขนส่ง โดยมีหน่วยงานภาครัฐเป็นเจ้าภาพ หลักในการดําเนินงานภายใต้การสนับสนุนของภาคเอกชน ทั้งนี้จากผลการสํารวจของ UNCTAD หน่วยงาน หลักที่ทําหน้าที่เป็นเจ้าภาพในขับเคลื่อนการทํางานของคณะกรรมการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการ ขนส่ง (NTTFC) ในเกือบทุกประเทศที่ใช้ระบบ NTTFC ได้แก่ กระทรวงการค้า รองลงมา ได้แก่ กระทรวงการ ขนส่ง โดยประเทศส่วนใหญ่มีการจัดตั้งสํานักงานถาวรของ NTTFC และมีการจ้างเจ้าหน้าที่ทํางานประจําใน สํานักงานดังกล่าว
4) คณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการเจรจาเข้าร่วมความตกลงการอํานวยความสะดวกทาง การค้าขององค์การการค้าโลก (WTO Negotiation on Trade Facilitation Support Bodies) เป็นที่นิยมใน หลายประเทศที่มีความประสงค์จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกความตกลงฯ ดังกล่าว โดยคณะกรรมการฯ ทําหน้าที่ เฉพาะกิจเพื่อให้ป้อนข้อมูลให้กับผู้แทนประเทศของตนเองในการเจรจาเข้าร่วมความตกลงฯ หลังจากนี้คณะ กรรมการฯ ทําหน้าที่ติดตามการดําเนินงานของหน่วยงานภายในประเทศในการปฏิบัติตามพันธกรณีที่ผูกพัน ไว้ภายใต้ความตกลงฯ
ในส่วนของประเทศไทย ผลการศึกษาฯ พบว่า รูปแบบองค์การด้านการอํานวยความสะดวกทาง การค้าและการขนส่งข้ามแดนและผ่านแดนของไทยสามารถจําแนกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่
1. องค์การที่เป็นหน่วยงานบูรณาการเพื่อกําหนดนโยบายการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการ ขนส่งระหว่างประเทศ (Policy Body)
องค์การที่เป็นหน่วยงานบูรณาการเพื่อกําหนดนโยบายการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการ ขนส่งระหว่างประเทศ (Policy Body) แบ่งเป็น 2 ระดับ ได้แก่
1.1) องค์การที่เป็นการทํางานร่วมกันของหน่วยงานภายในประเทศเพื่อกําหนดนโยบายการอํานวย ความสะดวกทางการค้าและการขนส่งระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นการจัดตั้งคณะกรรมการ / คณะอนุกรรมการ ซึ่ง ประกอบด้วยผู้แทนภาครัฐและเอกชน ซึ่งอาจจัดตั้งขึ้นเป็นคณะกรรมการ/คณะอนุกรรมชั่วคราว ห รือจัดตั้ง เป็นคณะกรรมการ/คณะอนุกรรมการถาวร โดยในกรณีของไทย มีการจัดตั้งองค์การที่สําคัญในลักษณะ Policy and Recommendation Body ซึ่งมีคําสั่งแต่งตั้งขึ้นตามกฎหมายหรือมติคณะรัฐมนตรี ได้แก่ (1) คณะกรรมการการค้าต่างประเทศ (2) คณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการ ของประเทศ (3) คณะกรรมการอํานวยความสะดวกการขนส่งแห่งชาติ (National Transport Facilitation Committee หรือ NTFC) (4) คณะกรรมการประสานการขนส่งผ่านแดนแห่งชาติ (National Transit Transport Coordinating Committee) (5) คณะกรรมการส่งเสริมการค้าชายแดนและการลงทุนกับประเทศ เพื่อนบ้าน
1.2) องค์การที่เป็นการทํางานร่วมกันของผู้แทนหน่วยงานของแต่ละประเทศเพื่อกําหนดนโยบายการ อํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งระหว่างประเทศ เช่น การจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมด้านการค้า และการขนส่งระหว่างประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกัน และการแต่งตั้งผู้แทนเพื่อเป็นตัวแทนเข้าร่วม ประชุมในคณะกรรมการ/คณะอนุกรรมการขององค์การระหว่างประเทศ เช่น องค์การการค้าโลก ( WTO) องค์การศุลกากรโลก (WTO) องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) องค์การทางทะเลระหว่าง ประเทศ (IMO) และกลุ่มความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มน้ําโขง (GMS) เพื่อกําหนดนโยบายและท่าทีในการเข้าเป็น ภาคีในความตกลงหรืออนุสัญญาระหว่างประเทศที่เกี่ยวกับการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่ง
ในกรณีของไทย มีการจัดตั้งองค์การที่สําคัญในลักษณะ Negotiating Body ด้านการอํานวยความ สะดวกทางการค้าและการขนส่ง ซึ่งมีคําสั่งแต่งตั้งขึ้นตามกฎหมายหรือมติคณะรัฐมนตรี อาทิ (1) คณะกรรมการร่วมถาวรไทย-มาเลเซียว่าด้วยการขนส่งสินค้าเน่าเสียง่ายผ่านแดนมาเลเซียไปยังสิงคโปร์ (2) คณะกรรมการผู้แทนรัฐบาลเพื่อพิจารณาทําความตกลงเกี่ยวกับการขนส่งทางบกกับรัฐบาลต่างประเทศเป็น
ประจํา (3) คณะกรรมการผู้แทนรัฐบาลเพื่อพิจารณาทําความตกลงเกี่ยวกับการขนส่งทางอากาศกับรัฐบาล
ต่างประเทศเป็นประจํา (4) คณะกรรมการว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-กัมพูชา (5) คณะกรรมการร่วมด้าน การพัฒนาพื้นที่ชายแดนและการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมระหว่างไทย-กัมพูชา (6) คณะกรรมการร่วม ทางการค้าไทย-เมียนมา และ (7) คณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย-สปป.ลาว เป็นต้น
2. องค์การที่เป็นหน่วยงานบูรณาการเพื่อทําหน้าที่ปฏิบัติการให้บริการอํานวยความสะดวกทางการค้า และการขนส่ง (Service Body) ซึ่งเป็นแบ่งเป็น 2 ระดับ ได้แก่
2.1) องค์การที่เป็นการทํางานร่วมกันของหน่วยงานภายในประเทศเพื่อทําหน้าที่ปฏิบัติการให้บริการ อํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่ง เช่น การจัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) เพื่อ ให้บริการตรวจสอบสินค้าและใบอนุญาต ณ ด่านพรมแดน (รวมถึงท่าเรือและท่าอากาศยานระหว่างประเทศ) การจัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จเพื่อให้บริการออกใบอนุญาตด้านการค้า การขนส่ง การลงทุนที่อยู่ภายใต้เขต เศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zone) การจัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จด้านการลงทุน และการจัดตั้ง ศูนย์บริการร่วมภายในของแต่ละกระทรวง เป็นต้น ในกรณีของไทย มีการจัดตั้งองค์การที่สํา คัญในลักษณะ Service Body ด้านการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่ง ซึ่งเป็นการจัดตั้งขึ้นตามมาตรการ บริหาร ได้แก่ (1) ศูนย์บริการส่งออกเบ็ดเสร็จ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (2) ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ ด้านการลงทุน เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (3) ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว ของกรมศุลกากร (4) ศูนย์บริการส่งออกสินค้าเกษตรแบบเบ็ดเสร็จ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
2.2) องค์การที่เป็นการทํางานร่วมกันของผู้แทนหน่วยงานของแต่ละประเทศเพื่อทําหน้าที่ปฏิบัติการ ให้บริการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่ง เช่น การจัดตั้งพื้นที่ควบคุมร่วมระหว่างประเทศ (Common Control Area - CCA) ที่มีการนําเจ้าหน้าที่ของประเทศผู้รับสินค้าและประเทศผู้ส่งสินค้าเข้ามา ทําหน้าที่ให้บริการตรวจสอบและออกใบอนุญาตร่วมพร้อมกันในพื้นที่เดียวกัน (Single Stop Inspection) เช่น กรณีเจ้าหน้าที่ศุลกากรของ สปป.ลาว และเวียดนาม มาทํางานตรวจสอบสินค้าร่วมกัน ณ จุดๆ เดียวที่ พรมแดนลาว (เมืองแดนสะหวัน) กับพรมแดนเวียดนาม (เมืองลาวบาว) และกรณีเจ้าหน้าที่ของประเทศ สหรัฐอเมริกากับประเทศแคนาดาทําการตรวจสอบการข้ามแดนของยานพาหนะ สินค้า และคนพร้อมกัน (Joint Border Inspection) ณ จุดพรมแดน เพื่ออํานวยความสะดวก ลดค่าใช้จ่ายและระยะเวลาที่ใช้ในการ ผ่านแดนของยานพาหนะ สินค้า และคน เป็นต้น ทั้งนี้ปัจจุบัน ประเทศไทยังไม่มีการจัดตั้งองค์การแบบ Joint Service Body อย่างไรก็ตาม มีความพยายามในการจัดตั้งระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการตรวจร่วมกับ ประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ สปป.ลาว (มุกดาหาร) เมียนมา (แม่สอด) และมาเลเซีย
ความท้าทายที่สําคัญมากที่สุดในการพัฒนา “รูปแบบและการจัดการองค์การเพื่อจัดการอํานวยความ สะดวกทางการค้าและการขนส่งสินค้าข้ามแดนและผ่านแดน” ได้แก่การหาหน่วยงานเจ้าภาพ (Lead Organization) ที่มีความเหมาะสมและได้รับการยอมรับจากหน่วยงานที่จะเข้ามาทํางานร่วมกันและ ผู้ใช้บริการ โดยหน่วยงานเจ้าภาพจะต้องมีความรู้เรื่องการค้าและการขนส่งข้ามแดน และความสามารถในการ ประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในประเทศ และหน่วยงานต่างประเทศ มีงบประมาณและกําลังคน พอเพียงในการทํางาน ทั้งนี้ จากการศึกษาของนานาประเทศ พบว่า หน่วยงานเจ้าภาพขับเคลื่อนมักมาจาก กรมศุลกากร หรือ กระทรวงพาณิชย์ หรือ กระทรวงคมนาคม หรือสํานักนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกันในการ
จัดองค์การนั้น สามารถจะพิจารณาจัดตั้งได้ทั้ง (1) จัดตั้งขึ้นเป็นสํานักงานถาวร หรือ (2) จัดตั้งขึ้นในลักษณะ เป็นคณะกรรมการฯ ที่มาทํางานร่วมกันและมีการประชุมร่วมกันเป็นครั้งคราว นอกจากนี้ การจัดองค์การที่ เหมาะสมจะต้องพิจารณาความสมดุลระหว่างผู้แทนที่เป็นตัวแทนของภาครัฐ และภาคเอกชน ในการ ขับเคลื่อนการอํานวยความสะดวกทางการค้าและขนส่งระหว่างประเทศ ตลอดจนพิจารณาวิธี ปฏิบัติ กฎระเบียบ และการยอมรับของท้องที่และประเทศเพื่อนบ้านที่ประเทศไทยต้องมีการค้า และการขนส่งข้าม แดน/ผ่านแดนระหว่างกัน
ผลการศึกษาได้เสนอแนะแผนแม่บทการจัดตั้งและการดําเนินงานขององค์การเพื่อบูรณาการการ อํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งข้ามแดนและผ่านแดนของไทย โดยหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่เกี่ยวข้องต้องมีการทํางานที่เป็นหุ้นส่วนเชิงพันธมิตร มีการกําหนดอํานาจหน้าที่และความรับผิดชอบของแต่ ละหน่วยงานที่ชัดเจน รวมถึงเป็นองค์การนําเจ้าภาพที่มีภาวะผู้นํา มีความรู้ความเข้าใจด้านกฎระเบียบการค้า และการขนส่งและสามารถชี้นําการเปลี่ยนแปลง การกําหนดนโยบายและมาตรการที่เกี่ยวข้อง ตลอดจน รับผิดชอบประสานงาน สนับสนุนการขับเคลื่อนการดําเนินงานด้านการอํานวยความสะดวกทางการค้าและ การขนส่งข้ามแดนและผ่านแดนที่ต้องมีการปรับกฎระเบียบและบูรณาการการทํางานระหว่างกันข้ามกระทรวง ต่างๆ เป็นจํานวนมาก
ประเด็นยุทธศาสตร์ประกอบด้วย 3 ข้อหลัก ได้แก่
1) การจัดตั้งองค์การที่มีความเป็นเอกภาพและครอบคลุมทั้งการอํานวยความสะดวกทางการค้าและ การขนส่ง และครอบคลุมการกําหนดนโยบายด้านการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งของ ประเทศ รวมถึงการพัฒนาระบบการให้บริการด้านความสะดวกทางการค้าและการขนส่งในด่านการค้าที่สําคัญ ของไทย
2) การเป็นองค์การที่ได้รับการยอมรับในด้านการประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ เกี่ยวข้อง มีความเป็นเลิศ มีความรู้ความเข้าใจและสามารถชี้นําการปรับเปลี่ยนระบบอํานวยความสะดวกทาง การค้าและการขนส่งของไทยเพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันและตอบสนองยุทธศาสตร์การพัฒนา ประเทศ
3) การเป็นองค์การที่มีการจัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ มีบุคลากรประจํา มีความต่อเนื่องในการทํางาน และสามารถสร้างความตระหนักและเป็นศูนย์กลางประสานการให้ข้อมูลการอํานวยความสะดวกทางการค้า และการขนส่งของไทย
ผลการศึกษาฯ เสนอให้ควรมีการจัดตั้ง “คณะกรรมการด้านการอํานวยความสะดวกทางการค้า และการขนส่งระหว่างประเทศแห่งชาติ” (National Trade and Transport Facilitation Committee) โดย มีนายกรัฐมนตรีหรือผู้แทน เป็นประธานคณะกรรมการฯ พร้อมด้วยกรรมการที่ประกอบด้วยไปด้วยหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องในประเด็นต่างๆ ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตร และสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม กระทรวงแรงงาน สํานักนายกรัฐมนตรีและส่วนราชการอิสระ ได้แก่ สํานักงานคณะกรรมการ
ส่งเสริมการลงทุน สํานักงานเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ
นอกจากนี้ การดําเนินงานของ “คณะกรรมการแห่งชาติด้านการอํานวยความสะดวกทางการค้า และการขนส่งระหว่างประเทศ” จะต้องประกอบด้วยผู้แทนของภาคเอกชน ซึ่งควรมีความหลากหลายทั้ง ภาคเอกชนที่เป็นผู้ส่งออก ผู้นําเข้า ผู้ประกอบการขนส่งโลจิสติกส์ ผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม ทั้งนี้ ฝ่ายเลขานุการของ “คณะกรรมการแห่งชาติด้านการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งระหว่าง ประเทศ” จะต้องประกอบด้วยผู้แทนจากกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงคมนาคม เนื่องจากต้องเป็นผู้มี ความรู้ความเข้าใจด้านระบบการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งระหว่างประเทศ (ทั้งนี้จาก การศึกษาวิธีปฏิบัติของนานาประเทศ มีข้อสังเกตว่าส่วนใหญ่จะให้น้ําหนักของการอํานวยความสะดวกทาง การค้ามากกว่าการอํานวยความสะดวกทางการขนส่ง เนื่องจากประเด็นด้านการอํานวยความสะดวกทาง การค้าจะเป็นงานที่ซับซ้อนและมีความหลากหลายของเนื้อหาในการพิจารณาอํานวยความสะดวกมากกว่าการ ขนส่ง จึงอาจพิจารณาให้ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์เป็นกรรมการและเลขานุการ และผู้แทนกระทรวงคมนาคม เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ)
นอกจากนี้ การทํางานของ “คณะกรรมการด้านการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่ง ระหว่างประเทศแห่งชาติ” (National Trade and Transport Facilitation Committee) ยังมีส่วนเสริมกับ การทํางานของ “คณะกรรมการอํานวยความสะดวกการขนส่งแห่งชาติ” ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน ที่จํากัดหน้าที่และเนื้อหาในการประชุมเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดําเนินงานต่างๆ ของไทยให้ เป็นไปตามความตกลงการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ําโขง (GMS CBTA) เท่านั้น ซึ่งประกอบด้วย ไทย จีน กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม แต่ยังไม่รวมถึงการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการ ขนส่งอย่างครบวงจรที่ครอบคลุมทุกมิติและครอบคลุมความสัมพันธ์กับอาเซียน นานาประเทศ และองค์การ ระหว่างประเทศอื่นๆ
แนวทางการขับเคลื่อนเมื่อมีการจัดตั้งคณะกรรมการด้านการอํานวยความสะดวกทางการค้าและ การขนส่งระหว่างประเทศแห่งชาติ ได้แก่ (1) จัดทําแผนแม่บทการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการ ขนส่งระหว่างประเทศ รวมถึงการขนส่งข้ามแดนและผ่านแดน (2) การจัดตั้งคณะอนุกรรมการ / คณะทํางานฯ ที่เกี่ยวข้อง ที่ประกอบด้วยผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ครอบคลุมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่แท้จริง มีการ ประชุมและทบทวนผลการดําเนินงานอย่างต่อเนื่อง (3) จัดทําแผนปฏิบัติงานระยะสั้นและระยะยาวที่เป็น รูปธรรม มีการจัดหางบประมาณ มีกําหนดเวลา (4) ดําเนินงานให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงภาคเอกชนใน ส่วนกลางและภูมิภาคเผยแพร่ข่าวการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งในวงกว้าง (5) สร้างระบบ ฐานข้อมูลที่มีการปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยและสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย เพื่อใช้ในการวางแผนบริหารจัดการ และติดตามประเมินผล และ (6) มีระบบติดตามประเมินผล มีการประชุมรายงานผลการดําเนินการอย่าง ต่อเนื่อง รวมถึงวิธีปฏิบัติที่ดีในต่างประเทศ ให้ทุกฝ่ายรับทราบร่วมกันเพื่อปรับปรุงและขับเคลื่อนระบบการ อํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งระหว่างประเทศของไทย
สารบัญ
หน้า
บทคัดย่อ Abstract บทสรุปผู้บริหาร
บทที่ 1 บทนํา 1
1. ความสําคัญและที่มาของปัญหา 1
2. วัตถุประสงค์หลัก 2
3. ขอบเขตของการวิจัย 2
4. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 3
บทที่ 2 กฎระเบียบการอํานวยความสะดวกทางการค้าการขนส่งข้ามแดนและผ่านแดน และ หน่วยงานที่รับผิดชอบ 4
1. คํานํา 4
2. สภาพการค้าชายแดนในพื้นที่ที่ทําการศึกษา 4
2.1 การค้าชายแดนระหว่างไทยกับเมียนมา 4
2.2 การค้าชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา 6
3. ความตกลงระหว่างประเทศด้านการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งข้ามแดนและ ผ่านแดน และหน่วยงานของไทยที่รับผิดชอบในการดําเนินการ 8
3.1 กรอบความตกลงระดับโลกที่เกี่ยวข้องกับการค้าสินค้าข้ามแดนและผ่านแดน 8
3.1.1 ความตกลงพิธีการขอใบอนุญาตนําเข้า 8
3.1.2 ความตกลงการตรวจสอบสินค้าก่อนส่งออก 13
3.1.3 ความตกลงการประเมินราคาศุลกากร 16
3.1.4 ความตกลงการอํานวยความสะดวกทางการค้า 17
3.1.5 อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยพิธีการศุลกากรที่เรียบง่ายและสอดคล้องกัน . 23
3.1.6 อนุสัญญาว่าด้วยการบินพลเรือนระหว่างประเทศ 24
3.1.7 อนุสัญญาการอํานวยความสะดวกทางการขนส่งทางทะเล 25
3.1.8 อนุสัญญาศุลกากรว่าด้วยการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ 26
3.1.9 อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการปรับการควบคุมสินค้าที่ด่านพรมแดน ให้เป็นแบบเดียวกัน 27
3.1.10 อนุสัญญาศุลกากรว่าด้วยตู้คอนเทนเนอร์ 28
3.2 กรอบความตกลงอาเซียนที่เกี่ยวข้องกับการค้าสินค้าข้ามแดนและผ่านแดน 28
3.2.1 กรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอํานวยความสะดวกการขนส่งผ่านแดน 28
3.2.2 กรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอํานวยความสะดวกการขนส่งข้ามแดน 35
3.2.3 ความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ําโขง 41
4. สรุป 52
สารบัญ (ต่อ)
หน้า
บทที่ 3 รูปแบบองค์การที่ใช้จัดการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งข้ามแดนและผ่าน
แดนของต่างประเทศ 54
1. คํานํา 54
2. รูปแบบองค์การที่ใช้ในการจัดการการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งสินค้าข้าม แดนและผ่านแดน 54
3. กรณีศึกษาของต่างประเทศในการกําหนดรูปแบบองค์การร่วมที่ใช้ในการจัดการการอํานวย ความสะดวกทางการค้าและการขนส่งสินค้าข้ามแดนและผ่านแดน 72
3.1 กรณีศึกษาประเทศสหรัฐอเมริกากับประเทศแคนาดา 72
3.2 กรณีศึกษาประเทศสหรัฐอเมริกากับประเทศเม็กซิโก 74
3.3 กรณีศึกษา สปป.ลาว เมียนมา ไทย และเวียดนาม 75
บทที่ 4 รูปแบบองค์การด้านการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งข้ามแดนและ
ผ่านแดนของไทย 77
1. รูปแบบองค์การด้านการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งข้ามแดนและผ่านแดน ของไทย 80
1.1 องค์การที่เป็นหน่วยงานบูรณาการเพื่อกําหนดนโยบายการอํานวยความสะดวกทางการค้า และการขนส่งระหว่างประเทศ 80
2. องค์การที่เป็นหน่วยงานบูรณาการเพื่อทําหน้าที่ปฏิบัติการให้บริการอํานวยความสะดวกทาง การค้าและการขนส่ง 86
2.1 องค์การที่การทํางานร่วมกันของหน่วยงานภายในประเทศเพื่อทําหน้าที่ปฏิบัติการให้ บริการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่ง 86
2.2 องค์การที่การทํางานร่วมกันของผู้แทนหน่วยงานของแต่ละประเทศเพื่อทําหน้าที่ ปฏิบัติการให้บริการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่ง 88
3. สรุป 88
บทที่ 5 แผนแม่บทการจัดตั้งและการดําเนินงานขององค์การเพื่อการบูรณาการการอํานวยความ
สะดวกทางการค้าและการขนส่งข้ามแดนและผ่านแดน 89
1. ความนํา 89
2. วัตถุประสงค์ 91
3. วิสัยทัศน์ พันธกิจ และประเด็นยุทธศาสตร์ 91
เอกสารอ้างอิง 96
สารบัญตาราง
หน้า
ตารางที่ 2-1 สินค้าส่งออก 15 อันดับแรกของไทยไปเมียนมา 5
ตารางที่ 2-2 สินค้านําเข้า 15 อันดับแรกของไทยจากเมียนมา 6
ตารางที่ 2-3 สินค้าส่งออก 15 อันดับแรกของไทยไปกัมพูชา 7
ตารางที่ 2-4 สินค้านําเข้า 15 อันดับแรกของไทยจากกัมพูชา 7
ตารางที่ 2-5 ประเทศสมาชิกอาเซียนที่ให้สัตยาบันความตกลงพิธีการขอใบอนุญาตนําเข้าของ WTO 9
ตารางที่ 2-6 ประเทศสมาชิกอาเซียนที่ให้สัตยาบันความตกลงการตรวจวสอบสินค้าก่อนส่งออกของ
WTO 14
ตารางที่ 2-7 ประเทศสมาชิกอาเซียนที่ให้สัตยาบันความตกลงการประเมินราคาศุลกากรของ WTO 17
ตารางที่ 2-8 ประเทศสมาชิกอาเซียนที่ให้สัตยาบันความตกลงการอํานวยความสะดวกทางการค้าของ
WTO 17
ตารางที่ 2-9 สรุปประเด็นที่อาเซียนแต่ละประเทศให้สัตยาบันความตกลงการอํานวยความสะดวกทาง
การค้าและรับนําไปปรับปรุงกฎระเบียบภายในประเทศ 21
ตารางที่ 2-10 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับพิธีการนําเข้าและส่งออกสินค้าทางทะเลที่ต้องมีการยื่นเอกสารที่
เกี่ยวข้อง 25
ตารางที่ 2-11 สมาชิกอาเซียนที่ให้สัตยาบันอนุสัญญาการอํานวยความสะดวกทางการขนส่งทางทะเลของ
IMO 26
ตารางที่ 2-12 สมาชิกอาเซียนที่นําหลักการของอนุสัญญาศุลกากรว่าด้วยการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ TIR Convention มาใช้ 27
ตารางที่ 2-13 สมาชิกอาเซียนที่ให้สัตยาบันอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการปรับการควบคุมสินค้าที่
ด่านพรมแดนให้เป็นแบบเดียวกัน 28
ตารางที่ 2-14 สมาชิกอาเซียนที่ให้สัตยาบันอนุสัญญาว่าด้วยตู้คอนเทนเนอร์ 28
ตารางที่ 3-1 กลุ่มหน่วยงานผู้มีส่วนร่วมในองค์การขับเคลื่อนการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการ
ขนส่ง 58
ตารางที่ 3-2 ประเทศที่จัดตั้งองค์การด้านการอํานวยความสะดวกทางการค้าและประเภทของรูปแบบ
องค์การ 60
ตารางที่ 3-3 รายละเอียดรูปแบบองค์การของประเทศที่มีจัดตั้งองค์การอํานวยความสะดวกทางการค้า
และการขนส่งในลักษณะคณะกรรมการอํานวยความสะดวกทางการค้า (NTFC) 62
ตารางที่ 3-4 รายละเอียดรูปแบบองค์การของประเทศที่มีจัดตั้งองค์การอํานวยความสะดวกทาง การค้าและการขนส่งในลักษณะคณะกรรมการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่ง (NTTFC) 67
ตารางที่ 5-1 การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในและภายนอกในการจัดทําแผนแม่บทการจัดตั้งและการ
ดําเนินงานขององค์การ 90
บทที่ 1
บทนํา
1. ความสําคัญและที่มาของปัญหา
ปัจจุบันอาเซียนและไทยให๎ความสําคัญอยํางมากตํอการปรับตัวเข๎าสูํการรวมกลุํมเป็นประชาคม เศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดยสนับสนุนการเคลื่อนย๎ายสินค๎า บริการ และการลงทุนภายในภูมิภาคอยํางเสรี เพื่อสํงเสริมให๎อาเซียนเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียวโดยในสํวนของไทยได๎เรํงดําเนินการตามข๎อผูกพันด๎าน การค๎าสินค๎าเกษตร สินค๎าอุตสาหกรรม บริการ การลงทุนให๎แล๎วเสร็จภายในปี 2558 ตลอดจนมีการเชื่อมโยง เชื่อมโยงกับด๎านกฎระเบียบและการพัฒนาเส๎นทางคมนาคมขนสํงภายในภูมิภาคอาเซียนและนอกภูมิภาค ภายใต๎กรอบความรํวมมือตํางๆ อาทิ ความรํวมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุํมแมํน้ําโขง (GMS) และเขต เศรษฐกิจสามฝุายอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) เพื่อสํงเสริมศักยภาพของประเทศไทยให๎เป็น ศูนย์กลางโลจิสติกส์ในภูมิภาคและยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ๎าน
นอกจากนี้ อาเซียนแตํละประเทศได๎ให๎การรับรองการดําเนินการตามแผนแมํบทการเชื่อมโยงอาเซียน (MPAC) เพื่อให๎เกิดการเชื่อมตํอใน 3 สํวนหลัก ได๎แกํ (1) การเชื่อมโยงด๎านการพัฒนาโครงสร๎างพื้นฐาน (physical connectivity) ประกอบด๎วยการปรับปรุงคุณภาพโครงสร๎างพื้นฐานการขนสํงและโลจิสติกส์ เชํน ถนน ดํานพรมแดนและดํานศุลกากร (2) การเชื่อมโยงด๎านสถาบันและการพัฒนากฎระเบียบที่เกี่ยวข๎อง (institutional connectivity) ประกอบด๎วยการแก๎ไขอุปสรรคทางการค๎า อุปสรรคการเดินรถขนสํงระหวําง ประเทศ มาตรการที่มิใชํภาษีที่เป็นอุปสรรคตํอการเคลื่อนย๎ายสินค๎า การเปิดตลาดการลงทุน การอํานวยความ สะดวกการเคลื่อนย๎ายบริการและแรงงานทักษะฝีมือ โดยกรณีที่เกี่ยวข๎องกับการขนสํงและโลจิสติกส์ที่สําคัญ ได๎แกํ การผลักดันให๎สมาชิกอาเซียนออกกฎระเบียบเพื่อรองรับการใช๎บังคับของกรอบความตกลงตํางๆ ที่ สมาชิกอาเซียนเคยให๎สัตยาบันแล๎ว เชํน กรอบความตกลงอาเซียนวําด๎วยการอํานวยความสะดวกการ เคลื่อนย๎ายสินค๎าข๎ามแดน (ASEAN Framework Agreement on the Facilitation of Goods in Transit - AFAFGI) กรอบความตกลงอาเซียนวําด๎วยการอํานวยความสะดวกการขนสํงข๎ามแดน (ASEAN Framework Agreement on the Facilitation of Inter State Transport - AFAFIST) กรอบความตกลงอาเซียนวําด๎วย การขนสํงตํอเนื่องหลายรูปแบบ (ASEAN Framework Agreement on Multimodal Transport - AFAM) เพื่อลดต๎นทุนและระยะเวลาในการเคลื่อนย๎ายสินค๎าระหวํางประเทศ นอกจากนี้ ยังมีการเรํงรัดการพัฒนาการ ให๎บริการ National Single Window และ ASEAN Single Window และ (3) การเชื่อมโยงด๎านบุคคล (people to people connectivity) โดยการสนับสนุนให๎ภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชนของอาเซียนมี ความสัมพันธ์ทางสังคมและวัฒนธรรมระหวํางกันมากขึ้น รวมถึงการพิจารณาผํอนปรนข๎อกําหนดการเข๎าเมือง เพื่อให๎คนของประเทศสมาชิกอาเซียนมีการเดินทางไปมาระหวํางกันได๎สะดวกขึ้น
อยํางไรก็ตาม อาเซียน ประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ๎านของไทยยังไมํมีการวางแผนถึงรูปแบบและ การจัดการองค์การเพื่อจัดการการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํงสินค๎าข๎ามแดนและผํานแดน ระหวํางกัน ซึ่งจะต๎องมีหนํวยงานประกอบด๎วยหนํวยงานภาครัฐและเอกชนของสํวนกลางและท๎องถิ่นของไทย และประเทศประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ๎านและประเทศที่ต๎องอนุญาตให๎รถบรรทุกและสินค๎าของชาติ อื่นผํานแดนระหวํางกัน เพื่อกําหนดกฎกติการํวมกันในการตรวจสอบและอํานวยความสะดวกด๎านการขนสํง และการค๎า อาทิ กฎกติกาการเคลื่อนย๎ายและขนสํงสินค๎าข๎ามแดนและผํานแดน กฎระเบียบการขนสํงตํอเนื่อง
หลายรูปแบบ กฎระเบียบด๎านการรับประกันภัยสินค๎า กฎระเบียบด๎านการกําหนดจุดเก็บพักสินค๎าระหวําง ประเทศ กฎระเบียบด๎านดํานและเส๎นทางอนุมัติให๎ทําการขนสํงระหวํางประเทศ เป็น ต๎นทําให๎มีความ จําเป็นต๎องจัดทําโครงการศึกษารูปแบบและการจัดการองค์การเพื่อจัดการการอํานวยความสะดวกทาง การค้าและการขนส่งสินค้าข้ามแดนและผ่านแดน เพื่อระบุโอกาสและอุปสรรคของไทยในการจัดตั้งองค์การ และรูปแบบองค์การที่เหมาะสมที่ได๎รับการยอมรับของภาคสํวนในไทยและตํางประเทศ และเพื่อจัดทําเป็น แผนแมํบทการจัดตั้งและการดําเนินงานขององค์การที่เหมาะสมเพื่อเป็นหนํวยงานบูรณาการการอํานวยความ สะดวกการขนสํงข๎ามแดนและผํานแดนให๎เป็นไปอยํางมีระบบและมีประสิทธิภาพ
2. วัตถุประสงค์หลัก
1. ศึกษารูปแบบตํางๆ ชองการจัดตั้งองค์การเพื่อการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํง ของนานาประเทศ และโอกาสและอุปสรรคของไทยในการจัดตั้งองค์การและรูปแบบองค์การที่ เหมาะสมที่ได๎รับการยอมรับของภาคสํวนในไทยและตํางประเทศ
2. จัดทําแผนแมํบทการจัดตั้งและการดําเนินงานขององค์การที่เหมาะสมเพื่อเป็นหนํวยงานบูรณา การการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํงข๎ามแดนและผํานแดนให๎เป็นไปอยํางมี ระบบและมีประสิทธิภาพ
3. ขอบเขตของการวิจัย
1. ศึกษาโอกาสและอุปสรรคของไทยในการจัดตั้งองค์การและรูปแบบองค์การที่เหมาะสมที่มีความ เกี่ยวข๎องกับการอํานวยความสะดวกด๎านการค๎าและการขนสํงในการดําเนินการตามความตกลง ด๎านการค๎าและการขนสํงของไทยและอาเซียน อาทิ ความตกลงการค๎าสินค๎าในอาเซียน (ASEAN Trade in Goods Agreement – ATIGA) กรอบความตกลงอาเซียนวําด๎วยการขนสํงตํอเนื่อง หลายรูปแบบ (AFAMT) กรอบความตกลงอาเซียนวําด๎วยการอํานวยความสะดวกสินค๎าผํานแดน (AFAFGIT) กรอบความตกลงอาเซียนวําด๎วยการอํานวยความสะดวกการขนสํงข๎ามแดน (AFAFIST) ความตกลงการยอมรับหนังสือตรวจรับรองยานพาหนะที่ใช๎บรรทุกสินค๎าในอาเซียน ความตกลงจัดตั้งการให๎บริการเบ็ดเสร็จในที่เดียวของอาเซียน (ASEAN Single Window) ความ ตกลงการอํานวยความสะดวกในการขนสํงข๎ามแดนในกลุํมอนุภูมิภาคลุํมแมํน้ําโขง (GMS-CBTA) รวมทั้งความตกลงที่อาเซียนทํากับประเทศคูํเจรจา ได๎แกํ จีน และอินเดีย เป็นต๎น และความตก ลงด๎านการค๎าและโลจิสติกส์ในระดับพหุภาคีที่เกี่ยวข๎องภายใต๎องค์การการค๎าโลก องค์การ ศุลกากรโลก และสหประชาชาติ เพื่อระบุประเด็นที่เกี่ยวข๎องการอํานวยความสะดวกทางการค๎า และการขนสํง และหนํวยงานภาครัฐและเอกชนที่มีสํวนเกี่ยวข๎องของไทยและประเทศเพื่อนบ๎าน และอาเซียน
2. ศึกษารูปแบบตํางๆ ชองการจัดตั้งองค์การเพื่อการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํง ของนานาประเทศ โอกาส ปัญหาอุปสรรค และความพร๎อมของหนํวยงานภาครัฐและเอกชนทั้งใน สํวนกลางและสํวนภูมิภาค โดยเฉพาะจังหวัดชายแดนที่สําคัญในภาคเหนือ ภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และภาคใต๎ ซึ่งเป็นจุดผํานแดนที่สําคัญของ
ไทยสูํประเทศเพื่อนบ๎าน เพื่อประเมินข๎อเท็จจริง ข๎อคิดเห็น และความพร๎อมในการปรับ กฎระเบียบและองค์การให๎เอื้อตํอการเคลื่อนย๎ายสินค๎าข๎ามแดนและผํานแดน ตลอดจน ประเมินผลดีและผลเสียจากการปรับกฎระเบียบและองค์การข๎างต๎น
3. จัดทําแผนแมํบทการจัดตั้งและดําเนินงานขององค์การที่เหมาะสมเพื่อหนํวยงานบูรณาการการ อํานวยความสะดวกการขนสํงสินค๎าข๎ามแดนและผํานแดนให๎เป็นไปอยํางมีระบบและมี ประสิทธิภาพ
4. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. ทราบรูปแบบตํางๆ ชองการจัดตั้งองค์การเพื่อการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํง ของนานาประเทศ และสามารถวิเคราะห์โอกาสและอุปสรรคของไทยในการจัดตั้งองค์การและ รูปแบบองค์การที่เหมาะสมที่ได๎รับการยอมรับของภาคสํวนในไทยและตํางประเทศ
2. มีแผนแมํบทการจัดตั้งและการดําเนินงานขององค์การที่เหมาะสมเพื่อเป็นหนํวยงานบูรณาการ การอํานวยความสะดวกการขนสํงข๎ามแดนและผํานแดนให๎เป็นไปอยํางมีระบบและมี ประสิทธิภาพ
บทที่ 2
กฎระเบียบการอํานวยความสะดวกทางการค้า
การขนส่งข้ามแดนและผ่านแดน และหน่วยงานที่รับผิดชอบ
1. คํานํา
นิยามกฎระเบียบการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํงข๎ามแดนหมายถึง กฎระเบียบที่ กําหนดให๎ต๎องมีการกํากับ ควบคุม การเคลื่อนย๎ายสินค๎าข๎ามแดนระหวํางประเทศ สินค๎าผํานแดน ( Transit) สินค๎าถํายลํา (Transship) ที่ทําให๎เกิดต๎นทุนคําใช๎จําย คําเสียเวลา ที่เป็นอุปสรรคตํอการเคลื่อนย๎ายสินค๎า อยํางเสรี ขณะเดียวกันภาครัฐต๎องการใช๎กฎระเบียบดังกลําวเพื่อปกปูองคุ๎มครองสังคมและเศรษฐกิจให๎ดําเนิน ไปได๎อยํางเหมาะสม โดยตัวอยํางของกฎระเบียบที่นํามาใช๎จะครอบคลุมถึงการกําหนดเงื่อนไขตํางๆ เชํน (1) การกําหนดให๎มีเอกสาร พิธีการการยื่นและการแสดงหลักฐาน การตรวจสอบ การวางเงินประกัน ที่ทําให๎เกิด ความเสียเวลาและคําใช๎จําย (2) การมีโครงสร๎างการบริหารหนํวยงาน และวิธีปฏิบัติที่เป็นอุปสรรค เชํน การ ขอใบอนุญาตนําเข๎าและสํงออกจะต๎องยื่นขอหลายลําดับขั้นการบังคับบัญชาและยื่นขอหลายสถานที่ ทําให๎เกิด ภาระด๎านคําใช๎จํายและการเสียเวลา (3) การกําหนดให๎มีหนังสือรับรอง โควตา การประกันภัย ความรับผิดใน การขนสํง การกําหนดมาตรฐานควบคุมเพื่อกีดกันการนําเข๎าและสํงออก และการขนสํง เชํน กรณีการนําเข๎า และสํงออกสินค๎าเกษตรบางรายการของไทย (4) การกําหนดให๎ต๎องมีการติดตั้งอุปกรณ์ น้ําหนัก ลักษณะ เทคนิคเฉพาะของอุปกรณ์เพื่อให๎มีการขนสํงและเคลื่อนย๎ายสินค๎า และการยอมรับมาตรฐานยานพาหนะที่ให๎ ผํานและข๎ามแดน (5) การกําหนดจุดผํานแดน ดํานพรมแดน โครงสร๎างพื้นฐาน จุดเปลี่ยนถํายสินค๎า และ เส๎นทางอนุมัติที่ไมํเอื้อตํอการค๎า และ (6) การกําหนดคุณสมบัติของผู๎ประกอบการ ผู๎ขับขี่ ผู๎นําเข๎า ผู๎สํงออก และตัวแทนในการดําเนินการขนสํงเคลื่อนย๎าย
ในบทที่ 2 เป็นการทบทวนสภาพการค๎าชายแดนในพื้นที่ชายแดนที่อยูํภายใต๎ขอบเขตการศึกษา กฎระเบียบที่เกี่ยวกับการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํงระหวํางประเทศ ตลอดจนหนํวยงานที่มี สํวนรํวมรับผิดชอบในการปฏิบัติตามกฎระเบียบข๎างต๎น โดยจะเป็นการทบทวนความตกลง/อนุสัญญาระหวําง ประเทศที่เกี่ยวข๎องกับการค๎าและการขนสํงที่ประเทศไทยเป็นภาคี และหนํวยงานที่มีบทบาทในการทํางานที่ เกี่ยวข๎อง
2. สภาพการค้าชายแดนในพื้นที่ที่ทําการศึกษา
สํวนนี้เป็นการทบทวนสภาพการค๎าข๎ามแดนในพื้นที่ที่ทําการศึกษา ได๎แกํ กรณีการค๎าระหวํางประเทศ ไทยกับประเทศเมียนมา และการค๎าระหวํางประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา
2.1 การค้าชายแดนระหว่างไทยกับเมียนมา
ประเทศไทยกับประเทศเมียนมามีอาณาเขตติดตํอกันยาวถึง 2,401 กิโลเมตร มีจังหวัดติดตํอกับ ประเทศเมียนมาทั้งหมด 10 จังหวัด ได๎แกํ เชียงราย เชียงใหมํ แมํฮํองสอน ตาก กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง ติดตํอกับรัฐของเมียนมาร์ 4 รัฐ ได๎แกํ (1) รัฐฉาน (Shan State) ติดกับ จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหมํ และจังหวัดแมํฮํองสอน (2) รัฐคะยา (Kayah State) ติดกับจังหวัด แมํฮํองสอน (3) รัฐกะเหรี่ยง (Karen State) ติดกับจังหวัดตาก และ (4) รัฐมอญ (Mon State) ติดกับจังหวัด
กาญจนบุรี และอีก 1 เขต (Division) คือ เขตตะนาวศรี (Tanintharyi Division) ซึ่งติดกับจังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดราชบุรี จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดชุมพร และจังหวัดระนอง
การค๎าระหวํางไทยกับเมียนมากวําร๎อยละ 90 เป็นการค๎าชายแดน โดยใช๎การขนสํงทางถนนและทํอ ในการเคลื่อนย๎ายสินค๎าผํานดํานการค๎าถาวรชายแดนตํางๆ ในจังหวัดตาก (ดํานแมํสอด) ระนอง เชียงราย (ดํานแมํสาย และดํานเชียงแสน) กาญจนบุรี (ดํานสังขละบุรี) แมํฮํองสอน (ดํานแมํฮํองสอน และดํานแมํสะ เรียง) ประจวบคีรีขันธ์ (ดํานสิงขร) และเชียงใหมํ (ดํานเชียงดาว) โดยไทยเป็นฝุายขาดดุลการค๎ากับเมียนมา
ในภาพรวม ในปี 2558 ไทยมีมูลคําการสํงออกไปเมียนมา 140,789.5 ล๎านบาท สินค๎าสําคัญ 15 รายการแรกที่ไทยสํงออกไปเมียนมา ได๎แกํ เครื่องดื่ม น้ํามันสําเร็จรูป ปูนซิเมนต์ น้ําตาลทราย เครื่องจักรกล และสํวนประกอบ เหล็กและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เครื่องโทรศัพท์และอุปกรณ์ ผ๎าผืน เครื่องสําอาง สบูํ ผลิตภัณฑ์รักษาผิว ผลิตภัณฑ์ข๎าวสาลีและอาหารสําเร็จรูป ผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง รถยนต์และ อุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์ยาง และผลิตภัณฑ์เภสัชกรรม ดังแสดงตามตารางที่ 2-1
ตารางที่ 2-1 สินค๎าสํงออก 15 อันดับแรกของไทยไปเมียนมา
ชื่อสินค้า | มูลค่า (ล้านบาท) | ||
ปี 2556 | ปี 2557 | ปี 2558 | |
1. เครื่องดื่ม | 9,548.6 | 12,771.9 | 12,987.7 |
2. น้ํามันสําเร็จรูป | 15,083.0 | 16,627.6 | 12,312.5 |
3. ปูนซิเมนต์ | 6,049.9 | 7,501.5 | 8,430.4 |
4. น้ําตาลทราย | 1,758.5 | 1,993.0 | 8,294.3 |
5. เครื่องจักรกลและสํวนประกอบ | 8,150.8 | 10,851.1 | 6,939.6 |
6. เหล็กและเหล็กกล๎า | 5,915.5 | 5,561.0 | 6,027.2 |
7. เคมีภัณฑ์ | 4,271.4 | 5,106.0 | 5,246.5 |
8. เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์ | 2,071.3 | 4,126.4 | 5,107.6 |
9. ผ๎าผืน | 4,182.9 | 4,726.7 | 5,057.1 |
10. เครื่องสําอาง สบูํ ผลิตภัณฑ์รักษาผิว | 3,727.6 | 4,662.8 | 4,764.5 |
11. ผลิตภัณฑ์ข๎าวสาลีและอาหารสําเร็จรูป | 3,468.2 | 4,523.3 | 4,586.1 |
12. ผลิตภัณฑ์พลาสติก | 2,390.1 | 2,721.9 | 3,118.1 |
13. ผลิตภัณฑ์ยาง | 2,447.2 | 2,783.8 | 3,005.1 |
14. รถยนต์ อุปกรณ์ และสํวนประกอบ | 4,624.8 | 4,559.9 | 2,849.2 |
15. ผลิตภัณฑ์เภสัชภัณฑ์ | 2,161.2 | 2,327.6 | 2,634.3 |
รวม 15 รายการ | 75,850.9 | 90,844.5 | 91,360.1 |
รวมอื่นๆ | 38,669.8 | 45,425.7 | 49,429.4 |
รวมสินค๎าทุกประเภท | 114,520.7 | 136,270.1 | 140,789.5 |
ที่มา: สํานักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์
หากพิจารณาด๎านสินค๎าที่นําเข๎าจากประเทศเมียนมา พบวํา ไทยมีมูลคําการนําเข๎าจากประเทศเมียน มา 121,185.6 ล๎านบาท สินค๎าสําคัญ 15 รายการแรกที่ไทยนําเข๎าจากเมียนมา ได๎แกํ ก๏าซธรรมชาติ สัตว์มี ชีวิต สินแรํ ผักผลไม๎ น้ํามันดิบ ผลิตภัณฑ์ไม๎ พืช เคมีภัณฑ์ เนื้อสัตว์ กล๎อง สัตว์น้ํา เครื่องจักรกล กาแฟ ชา และเครื่องเทศ และเสื้อผ๎าสําเร็จรูป โดยดํานที่นําเข๎าก๏าซธรรมชาติซึ่งเป็นสินค๎านําเข๎าที่สําคัญที่สุด ได๎แกํ ดําน สังขละบุรี ดังแสดงตามตารางที่ 2-2
ตารางที่ 2-2 สินค๎านําเข๎า 15 อันดับแรกของไทยจากเมียนมา
ชื่อสินค้า | มูลค่า (ล้านบาท) | ||
ปี 2556 | ปี 2557 | ปี 2558 | |
1. ก๏าซธรรมชาติ | 112,662.5 | 115,003.5 | 111,203.8 |
2. สัตว์มีชีวิตไมํได๎ทําพันธุ์ | 990.8 | 2,133.5 | 2,131.3 |
3. สินแรํโละ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ | 951.6 | 1,200. | 1,256.6 |
4. ผัก ผลไม๎ ของปรุงแตํงจากผักผลไม๎ | 828.5 | 1,182.0 | 1,087.4 |
5. น้ํามันดิบ | 1,953.7 | 1,408.2 | 865.0 |
6. ไม๎ซุง ไม๎แปรรูปและผลิตภัณฑ์ | 2,852.6 | 2,591.8 | 761.2 |
7. พืชและผลิตภัณฑ์พืช | 1,154.3 | 689.5 | 576.5 |
8. เคมีภัณฑ์ | 61.2 | 513.5 | 493.1 |
9. เนื้อสัตว์สําหรับการบริโภค | 766.3 | 647.8 | 470.4 |
10. สัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ | 51.1 | 226.8 | 400.5 |
11. กล๎อง เลนส์ และอุปกรณ์ถํายรูป | 257.8 | 73.6 | 373.3 |
12. สัตว์น้ําสด แชํเย็น แชํแข็ง | 210.1 | 200.6 | 246.2 |
13. เครื่องจักรกลและสํวนประกอบ | 23.0 | 379.7 | 177.8 |
14. กาแฟ ชา เครื่องเทศ | 222.4 | 137.2 | 151.7 |
15. เสื้อผ๎าสําเร็จรูป | 51.3 | 71.3 | 144.8 |
รวม 15 รายการ | 123,037.0 | 126,459.1 | 120,339.4 |
รวมอื่นๆ | 653.9 | 817.0 | 846.2 |
รวมสินค๎าทุกประเภท | 123,690.9 | 127,276.1 | 121,185.6 |
ที่มา: สํานักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์
2.2 การค้าชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา
ประเทศไทยกับประเทศกัมพูชามีอาณาเขตติดตํอกันยาว 725 กิโลเมตร มีจังหวัดติดตํอกับกัมพูชา 7 จังหวัด ได๎แกํ ตราด จันทบุรี สระแก๎ว บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ติดตํอกับจังหวัดของ กัมพูชา 5 จังหวัด ได๎แกํ จังหวัดเกาะกง จังหวัดพระตะบอง จังหวัดบันเตียเมียนเจย จังหวัดพระวิหาร และ จังหวัดอุดรมีชัย
การค๎าระหวํางไทยกับกัมพูชาสํวนใหญํคิดเป็นสัดสํวน ¾ ของมูลคําการค๎าเป็นการค๎าชายแดน โดยใช๎การขนสํงทางถนนผํานดํานการค๎าถาวรชายแดนตํางๆ ได๎แกํ จังหวัดสระแก๎ว (ดํานบ๎านคลองลึก อําเภอ อรัญประเทศ) จังหวัดตราด (ดํานบ๎านหาดเล็ก อําเภอคลองใหญํ) จังหวัดจันทบุรี (ดํานบ๎านผักกาด อําเภอโปุง น้ําร๎อน และดํานบ๎านแหลม อําเภอโปุงน้ําร๎อน) จังหวัดสุรินทร์ (ดํานชํองจอม อําเภอกาบเชิง) และจังหวัดศรี สะเกษ (ดํานชํองสะงํา อําเภอภูสิงห์) โดยไทยเป็นฝุายได๎ดุลการค๎ากับกัมพูชา ในภาพรวมปี 2558 ไทยมีมูลคํา การสํงออกไปกัมพูชา 167,048.3 ล๎านบาท สินค๎าสําคัญ 15 รายการแรกที่ไทยสํงออกไปกัมพูชา ได๎แกํ อัญ มณีและเครื่องประดับ น้ํามันสําเร็จรูป เครื่องดื่ม (นม อาหารเสริม น้ําอัดลม เบียร์ น้ําผลไม๎) ปูนซิเมนต์ น้ําตาลทราย เครื่องจักรกล รถยนต์และอุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์พลาสติก เคมีภัณฑ์ รถจักรยานยนต์และ สํวนประกอบ ยานพาหนะอื่นๆ และสํวนประกอบ (รถไถ) เครื่องยนต์สันดาปแบบลูกสูบและสํวนประกอบ เครื่องสําอาง สบูํ ผลิตภัณฑ์รักษาผิว เหล็กและเหล็กกล๎า และผลิตภัณฑ์ยาง ดังแสดงตามตารางที่ 2-3
ตารางที่ 2-3 สินค๎าสํงออก 15 อันดับแรกของไทยไปกัมพูชา
ชื่อสินค้า | มูลค่า (ล้านบาท) | ||
ปี 2556 | ปี 2557 | ปี 2558 | |
1. อัญมณีและเครื่องประดับ | 8,629.9 | 14,916.2 | 30,176.4 |
2. น้ํามันสําเร็จรูป | 24,190.1 | 23,417.1 | 23,389.0 |
3. เครื่องดื่ม | 7,033.9 | 6,945.9 | 8,680.1 |
4. ปูนซิเมนต์ | 4,813.7 | 6,179.5 | 5,978.6 |
5. น้ําตาลทราย | 9,344.8 | 6,997.7 | 5,827.0 |
6. เครื่องจักรกลและสํวนประกอบ | 3,897.7 | 4,088.6 | 5,599.2 |
7. รถยนต์ อุปกรณ์ และสํวนประกอบ | 3,404.9 | 3,991.5 | 5,300.8 |
8. ผลิตภัณฑ์พลาสติก | 2,732.8 | 4,056.4 | 4,917.8 |
9. เคมีภัณฑ์ | 3,901.7 | 4,179.6 | 4,565.2 |
10. รถจักรยานยนต์และสํวนประกอบ | 2,784.8 | 3,384.9 | 4,435.3 |
11. ยานพาหนะอื่นๆ และสํวนประกอบ | 2,669.0 | 4,424.9 | 4,421.6 |
12. เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบสูกสูบ | 3,687. | 4,158.9 | 4,278.4 |
13. เครื่องสําอาง สบูํ ผลิตภัณฑ์รักษาผิว | 5,108.1 | 4,115.7 | 4,226.0 |
14. เหล็กและเหล็กกล๎า | 2,608.3 | 2,873.9 | 3,429.5 |
15. ผลิตภัณฑ์ยาง | 3,409.1 | 3,265.9 | 2,906.8 |
รวม 15 รายการ | 88,297.4 | 96,996.8 | 118,131.7 |
รวมอื่นๆ | 40,345.9 | 48,489.9 | 48,916.6 |
รวมสินค๎าทุกประเภท | 128,643.3 | 145,486.7 | 167,048.3 |
ที่มา: สํานักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์
หากพิจารณาด๎านสินค๎าที่นําเข๎าจากประเทศกัมพูชา พบวํา ไทยมีมูลคําการนําเข๎าจากประเทศ กัมพูชา 21,593.3 ล๎านบาท สินค๎าสําคัญ 15 รายการแรกที่ไทยนําเข๎าจากกัมพูชา ได๎แกํ เครื่องจักรไฟฟูาและ สํวนประกอบ ผักผลไม๎ (ข๎าวโพดเลี้ยงสัตว์และมันสําปะหลัง) ลวดและสายเคเบิล สินแรํโลหะและเศษโลหะ (เศษอลูมิเนียม) เสื้อผ๎าสําเร็จรูป เครื่องจักรกลและสํวนประกอบ พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช ผลิตภัณฑ์สิ่งทอ รองเท๎า เครื่องใช๎เบ็ดเตล็ด สัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ไม๎ซุงและไม๎แปรรูป เนื้อสัตว์ เยื่อกระดาษและเศษกระดาษ ดังแสดงตามตารางที่ 2-4
ตารางที่ 2-4 สินค๎านําเข๎า 15 อันดับแรกของไทยจากกัมพูชา
ชื่อสินค้า | มูลค่า (ล้านบาท) | ||
ปี 2556 | ปี 2557 | ปี 2558 | |
1. เครื่องจักรไฟฟูาและสํวนประกอบ | 2,072.8 | 6,868.7 | 6,276.8 |
2. ผัก ผลไม๎ และของปรุงแตํงจากผักผลไม๎ | 1,769.1 | 2,241.0 | 5,980.0 |
3. ลวดและสายเคเบิล | 1,222.2 | 2,350.5 | 3,243.4 |
4. สินแรํโลหะและเศษโลหะและผลิตภัณฑ์ | 996.6 | 1,456.8 | 1,329.9 |
5. เสื้อผ๎าสําเร็จรูป | 450.4 | 687.2 | 879.6 |
6. เครื่องจักรกลและสํวนประกอบ | 1,885.0 | 2,699.2 | 762.6 |
7. พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช | 800.1 | 765.9 | 585.7 |
8. ผลิตภัณฑ์สิ่งทอ | 84.2 | 526.2 | 426.6 |
ชื่อสินค้า | มูลค่า (ล้านบาท) | ||
ปี 2556 | ปี 2557 | ปี 2558 | |
9. รองเท๎า | 44.0 | 179.8 | 171.8 |
10. เครื่องใช๎เบ็ดเตล็ด | 40.0 | 76.7 | 146.7 |
11. สัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ | 45.4 | 67.5 | 142.2 |
12. เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ | 0.4 | 1.5 | 120.2 |
13. ไม๎ซุง ไม๎แปรรูป และผลิตภัณฑ์ | 110.9 | 105.3 | 119.2 |
14. เนื้อสัตว์สําหรับการบริโภค | 41.4 | 108.4 | 84.6 |
15. เยื่อกระดาษและเศษกระดาษ | 163.4 | 72.3 | 75.8 |
รวม 15 รายการ | 9,726.0 | 18,207.1 | 20,345.1 |
รวมอื่นๆ | 1,194.0 | 973.7 | 1,248.1 |
รวมสินค๎าทุกประเภท | 10,920.1 | 19,180.8 | 21,593.3 |
ที่มา: สํานักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์
3. ความตกลงระหว่างประเทศด้านการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งข้ามแดนและผ่าน แดน และหน่วยงานของไทยที่รับผิดชอบในการดําเนินการ
ในสํวนนี้เป็นการศึกษาความตกลงระหวํางประเทศทั้งในระดับโลก อาเซียน และอนุภูมิภาคที่เกี่ยวกับ การอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํงที่ประเทศไทยเป็นภาคี และหนํวยงานของไทยที่มีสํวน รับผิดชอบในการดําเนินการ โดยการศึกษาทั้งภาพรวมการค๎ากับภาพรวมความตกลงระหวํางประเทศดังกลําว จะชํวยสะท๎อนให๎เห็นระดับกฎระเบียบ วิธีปฏิบัติด๎านการบริหารการค๎าสินค๎าและการขนสํงข๎ามแดนและผําน แดน ผลกระทบที่จะมีตํอสินค๎าแตํละประเภท และบทบาทภารกิจของแตํละหนํวยงานของไทยในการ รับผิดชอบ เพื่อประเมินความพร๎อมของรูปแบบองค์การและการจัดการเพื่อให๎สามารถกําหนดรูปแบบการ จัดการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํงข๎ามแดนและผํานแดนที่เกี่ยวข๎องอยํางมีประสิทธิภาพ
3.1 กรอบความตกลงระดับโลกที่เกี่ยวข้องกับการค้าสินค้าข้ามแดนและผ่านแดน
3.1.1 ความตกลงพิธีการขอใบอนุญาตนําเข้า
องค์การการค๎าโลกได๎จัดทําความตกลงพิธีการขอใบอนุญาตนําเข๎า (WTO Agreement on Import Licensing Procedures) โดยพิธีการขอใบอนุญาตนําเข๎า หมายถึง ขั้นตอนการดําเนินพิธีการขอใบอนุญาต นําเข๎า (ใบอนุญาตนําเข๎าในที่นี้ หมายถึง เอกสารอื่นที่มิใช่เอกสารทั่วไปที่ต้องใช้ในการดําเนินพิธีการ ศุลกากรที่รัฐกําหนดให้เป็นเงื่อนไขในให้อนุญาตนําเข้า โดยภายใต๎ความตกลงพิธีการขอใบอนุญาตนําเข๎า ขององค์การการค๎าโลก (WTO) ได๎กําหนดระบบการออกใบอนุญาตนําเข๎า (Import Licensing System) ของ ประเทศสมาชิกภาคี WTO วําจะต๎องเป็นไปตามข๎อกําหนดของ WTO
จากข๎อมูลในปี 2559 พบวํา มีสมาชิกประเทศอาเซียนที่ให๎สัตยาบันความตกลงพิธีการขอใบอนุญาต นําเข๎าของ WTO จํานวน 7 ประเทศจาก 10 ประเทศ ได๎แกํ อินโดนีเซีย สปป.ลาว มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม ตามที่แสดงในตารางที่ 2-5 โดยสมาชิกอาเซียนที่ให๎สัตยาบันดังกลําวข๎างต๎น มอบหมายให๎หนํวยงานเจ๎าภาพในการประสานงาน ได๎แกํ กระทรวงพาณิชย์ (กระทรวงการค๎า)
ตารางที่ 2-5 ประเทศสมาชิกอาเซียนที่ให๎สัตยาบันความตกลงพิธีการขอใบอนุญาตนําเข๎าของ WTO
บรูไน | กัมพูชา | อินโดนีเซีย | ลาว | มาเลเซีย | เมียนมา | ฟิลิปปินส์ | สิงคโปร์ | ไทย | เวียดนาม | |
สมาชิกที่เข้า ร่วม | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | |||
หน่วยงาน ประสานงาน | ก.การค๎า | ก.พาณิชย์ | ก.การค๎า | ก.การค๎า | ก.การค๎า | กรมการค๎า ตํางประเทศ ก.พาณิชย์ | ก.การค๎า | |||
ยังไม่ได้เข้า ร่วม | 🗴 | 🗴 | 🗴 |
ที่มา: รวบรวมจากองค์การการค๎าโลก
ในภาพรวม WTO กําหนดให๎ประเทศสมาชิกแตํละประเทศจะต๎องหลักเกณฑ์การขอใบอนุญาตนําเข๎า (Import License) ให๎เป็นที่เข๎าใจได๎งําย มีความโปรํงใส และคาดการณ์ได๎ โดยรัฐบาลประเทศผู๎นําเข๎าต๎อง เผยแพรํข๎อมูลที่มากเพียงพอให๎แกํผู๎นําเข๎า/ผู๎ประกอบการถึงที่มาของการกําหนดให๎มีการขอใบอนุญาตนําเข๎า คุณสมบัติของผู๎นําเข๎า ประเภทใบอนุญาตนําเข๎าอัตโนมัติ (Automatic Import License)1 และใบอนุญาต นําเข๎าสําหรับสินค๎าควบคุม (Non Automatic Import License) และต๎องแจ๎งผลการพิจารณาให๎ใบอนุญาต นําเข๎าฯ ภายในระยะเวลาไมํเกิน 30 – 60 วัน ซึ่งสรุปสาระสําคัญดังนี้
• การไม่เลือกปฏิบัติ รัฐบาลของประเทศผู๎นําเข๎าต๎องมีมาตรการออกใบอนุญาตนําเข๎าที่ไมํเลือก ปฏิบัติ มีความยุติธรรม และเทําเทียมกันสําหรับการนําเข๎าจากแตํละประเทศ
• การเปิดเผยข้อมูล รัฐบาลของประเทศผู๎นําเข๎าต๎องเปิดเผยข๎อมูลรายการสินค๎าที่กําหนดให๎ต๎องขอ ใบอนุญาตนําเข๎าให๎แกํรัฐบาลนานาประเทศและผู๎ประกอบการได๎รับทราบ และในการออก ข๎อกําหนดในการนําเข๎า รัฐบาลประเทศผู๎นําเข๎าจะต๎องประกาศกํอนลํวงหน๎าไมํน๎อยกวํา 21 วัน กํอนที่ข๎อกําหนดดังกลําวจะมีผลใช๎บังคับ และต๎องรับฟังข๎อคิดเห็น/ข๎อเสนอของรัฐบาล ตํางประเทศที่มีตํอข๎อกําหนดดังกลําว
• การผ่อนผัน การออกข๎อกําหนดการขอใบอนุญาตนําเข๎าจะต๎องไมํนํามาใช๎อยํางเข๎มงวดมาก จนเกินไปโดยควรพิจารณาลักษณะการปฏิบัติในการขนสํงด๎วย โดยควรผํอนผันกรณีที่มีการระบุ มูลคําการนําเข๎า ปริมาณการนําเข๎า หรือน้ําหนักสินค๎าที่นําเข๎าที่คลาดเคลื่อนได๎บ๎างเล็กน๎อย อาทิ กรณีการนําเข๎าน้ํามันเชื้อเพลิง ซึ่งอาจมีน้ําหนักสูญหายระหวํางการเดินทาง รวมถึงมูลคําน้ํามัน เชื้อเพลิงที่นําเข๎าอาจปรับเปลี่ยนไปตามระดับราคาตลาดโลก
• ใบอนุญาตนําเข้าอัตโนมัติ (Automatic Import License) เป็นใบอนุญาตที่ให๎นําเข๎าได๎ทุก กรณี ซึ่งเป็นใบอนุญาตที่ไมํมีวัตถุประสงค์เพื่อสร๎างข๎อจํากัดทางการค๎าที่ออกให๎กับบุคคล กิจการ หรือสถาบันใดๆ ที่มีคุณสมบัติสอดคล๎องกับกฎระเบียบที่กําหนดโดยประเทศผู๎นําเข๎า โดยผู๎ยื่น ขอรับใบอนุญาตฯ สามารถยื่นใบอนุญาตฯ ได๎ในวันเวลาทําการของหนํวยงานภาครัฐกํอนที่จะ นําเข๎าสินค๎า และหนํวยงานภาครัฐฯ จะต๎องพิจารณาออกใบอนุญาตฯ ให๎ภายในระยะเวลาไมํเกิน 10 วันทําการ เชํน กรณีประเทศกัมพูชา กําหนดให๎การนําเข๎าสินค๎าบางประเภท ได๎แกํ สัตว์มีชีวิต
1 Automatic Import Licenseเป็นการให๎ใบอนุญาตเพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บสถิติและขอ๎ มูลการนําเข๎า และไมํได๎นํามาใช๎เป็นเครื่องมือในการกีดกันการ นําเข๎า โดยบุคคลใดๆ ที่มีคุณสมบัติครบตามที่รฐั กําหนด ก็สามารถขอรับใบอนุญาตนําเข๎าอัตโนมัติได๎ ในขณะที่ Non-Automatic License ใช๎สําหรับการ ออกใบอนญาตนําเข๎าสําหรับการนําเข๎าสินค๎าที่มีข๎อจํากัดทางการค๎า เชํน โควตานําเข๎า
ต๎องขอใบอนุญาตนําเข๎าอัตโนมัติ (Automatic Import License) จากกระทรวงเกษตร ประมง และปุาไม๎ของราชอาณาจักรกัมพูชาและการนําเข๎าเงิน ทอง และเหรียญกษาปณ์ต๎องขอใบอนุญาต นําเข๎าจากธนาคารแหํงชาติกัมพูชา
• ใบอนุญาตนําเข้าแบบไม่อัตโนมัติ (Non - Automatic Import License) เป็นใบอนุญาตที่ให๎ นําเข๎าได๎เฉพาะในบางกรณี เป็นการให๎เฉพาะสินค๎าบางประเภทที่นําเข๎าได๎ตามเงื่อนเวลาโดย บุคคลที่มีคุณสมบัติสอดคล๎องกับกฎระเบียบที่กําหนด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร๎างข๎อจํากัดการ นําเข๎าเนื่องจากมีผลกระทบตํอความสงบเรียบร๎อย ศีลธรรมอันดี ความมั่นคง สุขภาพ สิ่งแวดล๎อม การคุ๎มครองทรัพย์สินทางปัญญา และความสามารถในการแขํงขันของผู๎ประกอบการ ภายในประเทศ
จากการศึกษาข๎อมูลของ WTO พบวําประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ๎านกําหนดให๎มีสินค๎าที่ต๎อง ปฏิบัติตามพิธีการขอใบอนุญาตนําเข๎าแบบไมํอัตโนมัติ ได๎แกํ
ไทย กําหนดสินค๎าที่ต๎องปฏิบัติตามพิธีการขอใบอนุญาตนําเข๎าแบบไมํอัตโนมัติแบํงเป็น
• กลุ่มสินค้าที่ต้องใบอนุญาตนําเข้า (Import Licensing) ได๎แกํ (1) ยาเภสัชเคมีภัณฑ์
(2) สารเคลนบิวเตอรอล (3) สารอัลบิวเตอรอลหรือซัลบิวตามอล (4) รถยนต์ใช๎แล๎ว
(5) จักรยานยนต์ใช๎แล๎ว (6) รถยนต์บรรทุกคนโดยสารที่ใช๎แล๎วที่บรรทุกคนโดยสารได๎ตั้งแตํ 30 ที่นั่งขึ้นไป (7) ปลาปุนชนิดโปรตีนต่ํากวําร๎อยละ 60 (8) เครื่องจักรที่สามารถใช๎เพื่อ ประโยชน์ในการละเมิดลิขสิทธิ์ (9) เหรียญโลหะ (10) เศษหรือเศษตัดของพลาสติก
(11) เครื่องยนต์ดีเซลที่ใช๎แล๎ว (12) โบราณวัตถุ (13) หินที่ใช๎เพื่อการกํอสร๎าง (14) ยางรถ บัสหรือยางรถบรรทุกที่ใช๎แล๎ว (15) สารระเหยในกลุํมโวลาไทล์อัลคิลไนโตรท์ และ (16) เครื่องถํายเอกสารชนิดสอดสี โดยหนํวยงานที่รับผิดชอบการอํานวยความสะดวกทางการค๎า ในการขอใบอนุญาตนําเข๎าฯ ได๎แกํ กรมการค๎าตํางประเทศ กระทรวงพาณิชย์
• กลุ่มสินค้าเกษตรที่มีโควตานําเข้าที่ต้องมีหนังสือรับรองการนําเข้า (Agricultural Products under Tariff Rate Quota) ได๎แกํ (1) น้ํานมดิบและเครื่องดื่มประเภทนมปรุง แตํง (2) นมผงขาดมันเนย (3) มันฝรั่ง (4) หอมหัวใหญํ (5) กระเทียม (6) มะพร๎าว (7) ลําไย แห๎ง (8) เมล็ดกาแฟ (9) ชา (10) พริกไทย (11) ข๎าวโพดเลี้ยงสัตว์ (12) ข๎าว (13) เมล็ดถั่ว เหลือง (14) เนื้อมะพร๎าวแห๎ง (15) เมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญํ (16) น้ํามันถั่วเหลือง (17) น้ํามัน ปาล์มและน้ํามันเนื้อในเมล็ดปาล์ม (18) น้ํามันมะพร๎าว (19) น้ําตาล (20) ผลิตภัณฑ์กาแฟ
(21) กากถั่วเหลือง (22) ยาสูบ และ (23) เส๎นไหม
• กลุ่มสินค้าที่ห้ามนําเข้า (Import Prohibition) ได๎แกํ (1) เครื่องเลํมเกมที่ทํางานโดยใช๎ การเติมเงินหรือหยอดเหรียญ (2) สินค๎าปลอม (3) สินค๎าละเมิดลิขสิทธิ์ (4) ตู๎เย็น ตู๎ทําน้ํา เย็น ตู๎แชํหรือตู๎แชํแข็งที่ใช๎สารซีเอฟซี (5) เครื่องยนต์ สํวนประกอบและอุปกรณ์ที่ใช๎แล๎วของ รถจักรยานยนต์ที่มีขนาดไมํเกิน 50 ซีซี (6) ไม๎ซุงและไม๎แปรรูปประเภทไม๎สัก ไม๎ยาง และไม๎ หวงห๎ามตามแนวชายแดนจังหวัดตากและจังหวัดกาญจนบุรี (7) ภาชนะเซรามิกและภาชนะ โลหะเคลือบที่ใช๎บรรจุอาหาร (8) ตัวถังของรถยนต์นั่งใช๎แล๎วและโครงรถจักรยานยนต์ที่ใช๎ แล๎ว (9) ยางรถยนต์ที่ใช๎แล๎ว (10) บารากูํและบารากูํไฟฟูาหรือบุหรี่ไฟฟูา (11) เพชรก๎อนที่
นําเข๎าหรือมีถิ่นกําเนิดจากสาธารณรัฐโกตดิวัวร์ (12) อาวุธ ยานยนต์เพื่อการทหาร และ ชิ้นสํวนประกอบทุกชนิดที่นําเข๎าหรือมีถิ่นกําเนิดจากประเทศอิหรําน และ (13) อาวุธ ยาน ยนต์เพื่อการทหาร และชิ้นสํวนประกอบทุกชนิดที่นําเข๎าหรือมีถิ่นกําเนิดจากประเทศลิเบีย
สปป.ลาว กําหนดสินค๎าที่ต๎องปฏิบัติตามพิธีการขอใบอนุญาตนําเข๎าแบบไมํอัตโนมัติแบํงเป็น
• กลุ่มสินค้าที่ต้องใบอนุญาตนําเข้า (Import Licensing) ได๎แกํ (1) ข๎าวเปลือก ข๎าวกล๎อง ปลายข๎าว ข๎าวที่สีกึ่งหนึ่งแล๎ว หรือสีทั้งหมด จะขัด หรือไมํก็ตาม (2) ซีเมนต์ มอทาร์ คอนกรีต (3) น้ํามันเชื้อเพลิง (4) ก๏าซหุงต๎ม (5) เชื้อปะทุสําหรับจุดลูกระเบิด เชื้อประทุ เชื้อ ปะทุไฟฟูา เชื้อปะทุที่ไมํได๎ใช๎ไฟฟูา ทํอแตก (6) เศษ เศษตัด และสิ่งแตกหักของพลาสติก
(7) ยางรถยนต์ที่ใช๎แล๎ว ไมํวําจะเป็นเศษแตกหัก หรือเศษตัด หรือไมํก็ตาม (8) ผลิตภัณฑ์ พิมพ์จําหนําย (หนังสือ สิ่งพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือสิ่งพิมพ์อื่นเพื่อจําหนําย) (9) ทองแทํง (เฉพาะที่นานาชาติใช๎ชําระหนี้) (10) เหล็กเส๎นและเหล็กรูปภัณฑ์ตํางๆ (11) เครื่องจักรพิมพ์ เงิน กระดาษพิมพ์ หมึกสําหรับพิมพ์เงิน และเครื่องจักรถลุงเงินเหรียญ (12) อุปกรณ์ โทรคมนาคม เครื่องรับสํงคลื่นวิทยุที่สามารถรับคลื่นความถี่ได๎ตั้งแตํ 3 KHz. ถึง 300 GHz. และกระจายคลื่นความถี่วิทยุที่มีความแรงตั้งแตํ 50 mW ขึ้นไป เครื่องเรดาร์ เครื่องควบคุม คลื่นวิทยุระยะไกล และเครื่องวิทยุสั่งการระยะไกล (13) เครื่องจักรตัดไม๎ เลื่อยโซํ รวมทั้ง สํวนประกอบและอุปกรณ์ (14) รถยนต์ใช๎แล๎ว (15) ปืนและลูกปืนสําหรับใช๎ฝึกซ๎อมและ แขํงขันกีฬา (16) เครื่องเลํนเกมส์ (17) สารประกอบระเบิดที่ใช๎ในกิจการพลเรือนและ สารประกอบระเบิด แอมโมเนียมไนเตรต (18) ไม๎ซุงและไม๎แปรรูปทุกชนิดที่ตัดจากปุา ธรรมชาติ
• กลุ่มสินค้าที่ห้ามนําเข้า (Import Prohibition) ได๎แกํ (1) ปืน ลูกปืน และอาวุธสงคราม ทุกชนิด (นอกจากสํวนผสมที่ใช๎ทําระเบิดในอุตสาหกรรม) และพาหนะเพื่อใช๎ในสงคราม
(2) เมล็ดฝิ่น ดอกฝิ่น กัญชา โคเคนและสํวนประกอบ (3) เครื่องมือหาปลาที่จับปลาได๎ทุก ขนาด (4) เครื่องจักรดีเซลใช๎แล๎ว (5) ตู๎เย็น ตู๎น้ําเย็น ตู๎แชํ หรือตู๎แชํแข็งที่ใช๎สารคลอโรฟูลออ โรคาร์บอน (6) สินค๎าใช๎แล๎ว ได๎แกํ เครื่องตัดเย็บรองเท๎า เครื่องนุํงหํม เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช๎ไฟฟูา อุปกรณ์ตกแตํงภายในบ๎าน เครื่องใช๎ทําด๎วยเซรามิก โลหะเคลือบ แก๎ว โลหะ ยาง พลาสติก ยางพารา (7) ผลิตภัณฑ์การแพทย์และอุปกรณ์การแพทย์ที่ใช๎แล๎ว และ
(8) สารเคมีที่มีอันตรายสูง
มาเลเซีย กําหนดสินค๎าที่ต๎องปฏิบัติตามพิธีการขอใบอนุญาตนําเข๎าแบบไมํอัตโนมัติแบํงเป็น
• กลุ่มสินค้าที่ต้องใบอนุญาตนําเข้า (Import Licensing) ได๎แกํ (1) เหล็กรีดร๎อน (2) เหล็ก ม๎วนที่มีความกว๎างตั้งแตํ 600 มิลลิเมตรขึ้นไป (3) ยางรถยนต์ใช๎แล๎ว (4) บุหรี่ (5) สุราและ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ (6) สัตว์มีชีวิตและซากสัตว์ (7) แมลงศัตรูพืช (8) ปลามีชีวิต และ ผลิตภัณฑ์ที่ทําจากปลา (9) นมและผลิตภัณฑ์นม (10) ไขมันหมูและไขมันสัตว์ (11) ไส๎กรอก เนื้อสัตว์ เครื่องใน และเลือดสัตว์ (12) พันธุ์พืช (13) น้ํามันมะพร๎าว (14) น้ํามันปาล์ม (15) ผลิตภัณฑ์จากพืชตํางๆ รวมถึงถั่ว มะมํวงหิมพานต์ ข๎าวโพด ข๎าว ข๎าวสาลี งา มันสําปะหลัง
มอลต์ สตาร์ช (16) ผักสดและผักอบแห๎ง (17) ชา (18) กาแฟ (19) น้ํามันพืช (20) สารสกัด
จากสัตว์ (21) ดินและสินแรํ (22) ปุ๋ยคอก (23) เกราะกันกระสุน (24) สารกําจัดศัตรูพืชและ
สัตว์ (25) อาวุธปลอม (26) ขยะพิษและขยะอันตราย (27) ปะการัง (28) รังนก (29) ไขํที่ได๎
จากสัตว์ปีก (30) ประทัด พลุ และสารที่ใช๎ทําระเบิด (31) เครื่องถํายเอกสารสอดสี (32)
อุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช๎ทําเสียงไซเร็น (33) อาวุธและยุทโธปกรณ์ (34) แผงบรรจุกระสุน
ปืน (35) เครื่องเลํมเกมส์ (36) วีดีโอเกมส์ (37) ขยะที่ได๎จากสัตว์หรือพืช (38) สาร
กัมมันตรังสี (39) เคมีอันตราย (40) รังผึ้ง (41) เพชรก๎อน (42) อาหารและเครื่องดื่มตํางๆ เชํน เนื้อสัตว์ อาหารทะเล ข๎าว ผลไม๎ ชา กาแฟ ครีมเทียม น้ําตาล ช็อกโกแลต ซอสปรุงรส เกลือ สารแตํงสีอาหาร (43) ไม๎ซุงและไม๎แปรรูป (44) โซํเลื่อยยนต์ (45) รถยนต์บรรทุก
ผู๎โดยสารและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ (46) จักรยานยนต์ (47) ชิ้นสํวนยานยนต์ใช๎แล๎ว เชํน
เบรกใช๎แล๎ว แบตเตอรี่ใช๎แล๎ว (48) ยาและเวชภัณฑ์ (49) ผ๎าบาติก (50) อุปกรณ์สื่อสาร
โทรคมนาคมที่ใช๎คลื่นความถี่ต่ํากวํา 3,000 GHz และ (51) สารเสพติด
• กลุ่มสินค้านําเข้าที่อยู่ภายใต้มาตรการบริหารการนําเข้า (Import under Conditions from Import Administration) โดยต้องมีหนังสือรับรองหรือขึ้นทะเบียนประกอบการ นําเข้า ได๎แกํ (1) สุกรและปศุสัตว์มีชีวิต (2) เนื้อสุกรและเนื้อปศุสัตว์ (3) นมและครีม และ (4) ไขํ
• กลุ่มสินค้าที่ห้ามนําเข้า (Import Prohibition) ได๎แกํ (1) ธนบัตรปลอม (2) วัตถุลามก (3) วัตถุและอุปกรณ์ใดๆ ที่นํามาเพื่อทําลายสันติภาพของมาเลเซีย (4) ปลาปิรันยา (5) ไขํเตํา (6) เงาะและลําไยที่นําเข๎าจากอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ (7) สุราที่มีสํวนผสมของตะกั่วหรือ ทองแดงมากกวํา 3.46 มิลลิกรัมตํอลิตร (8) เครื่องรับวิทยุและอุปกรณ์กระจายเสียงที่ใช๎คลื่น ความถี่ระหวําง 68-87 เมกกะเฮิร์ทซ์ และ 108-174 เมกกะเฮิร์ทซ์ (9) เคมีที่ใช๎ทํายาพิษ (10) ปากกาและดินสอที่มีลักษณะคล๎ายหลอดฉีดยา และ (11) สายลํอฟูาที่มีสํวนผสมของวัตถุ กัมมันตรังสี
เมียนมา กําหนดสินค๎าที่ต๎องปฏิบัติตามพิธีการขอใบอนุญาตนําเข๎าแบบไมํอัตโนมัติแบํงเป็น
• กลุ่มสินค้าที่ต้องใบอนุญาตนําเข้า (Import Licensing) ได๎แกํ สัตว์มีชีวิต ต๎นไม๎ เมล็ด พันธุ์พืช อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม ปาล์มน้ํามัน ผลิตภัณฑ์นม และผลไม๎บางประเภท
• กลุ่มสินค้าที่ห้ามนําเข้า (Import Prohibition) ได๎แกํ สินค๎าที่รัฐบาลห๎ามนําเข๎า ได๎แกํ
(1) เหรียญและเงินตราปลอม (2) ภาพหรือสื่อลามก (3) สินค๎าปลอม (4) ยาเสพติด (5) ไพํ
(6) สินค๎าที่มีรูปธงชาติเมียนมา (7) สินค๎าที่มีภาพของพระพุทธเจ๎าและเจดีย์เมียนมา
ในภาพรวม หน่วยงานเจ้าภาพของไทยในการประสานการดําเนินงานตามความตกลงพิธีการขอ ใบอนุญาตนําเข้า ได้แก่ กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานที่มีบทบาท หลักในการดําเนินงานตามความตกลงพิธีการขอใบอนุญาตนําเข้า ได๎แกํ
• กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เกี่ยวข้องในการขอใบอนุญาตนําเข้าซึ่งเป็นไป ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เชํน เภสัชเคมีภัณฑ์ เครื่องยนต์ดีเซลใช๎แล๎ว รถยนต์ใช๎แล๎ว รถจักรยานยนต์ใช๎แล๎ว เหรียญโลหะ สารกาเฟอีน ทองคํา เพชรยังไมํเจียระไน น้ํามัน
เชื้อเพลิง ไม๎ซุง ไม๎แปรรูป และผลิตภัณฑ์ไม๎ หิน สารเคลนบิวเตอรอล และยางรถยนต์ นม และครีม ลําไยอบแห๎ง ข๎าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข๎าว และถั่วเหลือง
• กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เกี่ยวข๎องกับการขอใบอนุญาตนําเข๎าวัตถุ อันตรายที่ใช๎สําหรับการเพาะปลูกพืช การนําเข๎าเมล็ดพันธุ์พืชบางประเภท (เชํน กะหล่ําปลี ข๎าวโพด ข๎าวโพดหวาน แตงกวา ถั่วเขียว ถั่วเหลือง พริก ผักกาด ผักชี มะเขือเปราะ มะเขือ เทศ มะละกอ)
• กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เกี่ยวข๎องกับการขอใบอนุญาตนําเข๎าวัตถุ อันตรายที่ใช๎สําหรับใช๎ในการผลิตอาหารสัตว์
• กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เกี่ยวข๎องกับการขอใบอนุญาตนําเข๎าวัตถุอันตราย ที่ใช๎สําหรับใช๎ในการประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ํา
• สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวข๎องกับการขอ ใบอนุญาตนําเข๎าวัตถุอันตราย วัตถุออกฤทธิ์ตํอจิตและประสาท ที่ใช๎สําหรับใช๎ในการผลิตยา และอาหาร
• กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เกี่ยวข๎องกับการขอใบอนุญาตนําเข๎าวัตถุ อันตรายที่ใช๎สําหรับใช๎ในการผลิตทางอุตสาหกรรม สินค๎าที่อยูํในรายการควบคุมตาม อนุสัญญาบาเซล (เชํน น้ํามันหลํอลื่นใช๎แล๎ว เศษตะกั่ว เศษแคดเมียม ของเสียจากการใช๎ ผลิตภัณฑ์เภสัชกรรม หลอดแก๎ว บรรจุภัณฑ์ปนเปื้อนของเสียเคมีวัตถุ) เครื่องใช๎ไฟฟูาเกํา (เชํน ตู๎เย็นใช๎แล๎ว เครื่องโทรทัศน์ใช๎แล๎ว เครื่องดีวีดีใช๎แล๎ว เครื่องปรับอากาศใช๎แล๎ว)
• สํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เกี่ยวข๎องกับการขอ ใบอนุญาตนําเข๎าสินค๎าที่ต๎องมีมาตรฐานบังคับตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (เชํน เหล็กเส๎นกลม เหล็กข๎ออ๎อย หลอดไฟฟูา สายไฟฟูาทองแดง ยางรถยนต์ ทํอพีวีซีสําหรับใช๎ เป็นทํอน้ําดื่ม)
• กรมการอุตสาหกรรมทหาร กระทรวงกลาโหม เกี่ยวข๎องกับการขอใบอนุญาตนําเข๎า ยุทธภัณฑ์ทหาร (ซึ่งเป็นไปตามอนุสัญญาห๎ามอาวุธเคมี)
• กรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน เกี่ยวข๎องกับการขอใบอนุญาตนําเข๎าน้ํามันเชื้อเพลิง
• ธนาคารแห่งประเทศไทย เกี่ยวข๎องกับการขอใบอนุญาตนําเข๎าทอง
• กรมสรรพสามิต เกี่ยวข๎องกับการขอใบอนุญาตนําเข๎าสุรา
• กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เกี่ยวข๎องกับการขอใบอนุญาต นําเข๎าไม๎บางประเภท
3.1.2 ความตกลงการตรวจสอบสินค้าก่อนส่งออก
การกําหนดเงื่อนไขให๎มีการตรวจสอบสินค๎ากํอนสํงออก (WTO Agreement on Pre shipment Inspection - PSI) เป็นวิธีปฏิบัติที่ผู๎นําเข๎าเอกชนบางรายในตลาดตํางประเทศนิยมใช๎ในการตรวจสอบ คุณสมบัติของสินค๎า เชํน ราคา ปริมาณ และคุณภาพของสินค๎าที่ผลิตจากประเทศผู๎สํงออกวํามีคุณสมบัติ เป็นไปตามที่ตกลงกันไว๎หรือไมํ นอกจากนี้ มาตรการ PSI ยังเป็นที่นิยมใช๎ในประเทศกําลังพัฒนา/ด๎อยพัฒนา เพื่อต๎องการความมั่นใจวําสินค๎าที่ตนสํงออกมีปริมาณ คุณภาพ การจําแนกพิกัดอัตราศุลกากรตามที่ตกลงไว๎ และมีราคาที่ตรวจสอบได๎ อีกทั้งประเทศกําลังพัฒนา/ด๎อยพัฒนายังต๎องการใช๎มาตรการตรวจสอบสินค๎าฯ
กํอนสํงออกเป็นเครื่องมือควบคุมการใช๎จํายเงินตราตํางประเทศ การไหลออกของเงินทุนที่มีอยูํจํากัด และ ระดับราคาสินค๎า เป็นต๎น
จากข๎อมูลในปี 2559 พบวํา มีสมาชิกประเทศอาเซียนที่ให๎สัตยาบันความตกลงการตรวจสอบสินค๎า กํอนสํงออกของ WTO จํานวน 6 ประเทศจาก 10 ประเทศ ได๎แกํ กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม ดังแสดงตามตารางที่ 2-6 โดยสมาชิกอาเซียนที่ให้สัตยาบันดังกล่าวข้างต้นมอบหมายให้ หน่วยงานเจ้าภาพในการประสานงาน ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ (กระทรวงการค้า) หรือกระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) ขณะที่ประเทศที่เหลือ ได๎แกํ บรูไน สปป.ลาว เมียนมา และสิงคโปร์ ไมํได๎กําหนดให๎มี มาตรการ PSI จึงไมํได๎เข๎ารํวมเป็นสมาชิกแตํอยํางใด
ตารางที่ 2-6 ประเทศสมาชิกอาเซียนที่ให๎สัตยาบันความตกลงการตรวจสอบสินค๎ากํอนสํงออกของ WTO
บรูไน | กัมพูชา | อินโดนีเซีย | ลาว | มาเลเซีย | เมียนมา | ฟิลิปปินส์ | สิงคโปร์ | ไทย | เวียดนาม | |
สมาชิกที่เข้า ร่วม | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | ||||
หน่วยงาน ประสานงาน | กรม ศุลกากร ก.คลัง | ก.การค๎า | ก.การค๎า | กรม ศุลกากร ก.คลัง | ก.พาณิชย์ | ก.การค๎า | ||||
ยังไม่ได้เข้า ร่วม | 🗴 | 🗴 | 🗴 | 🗴 |
ที่มา: รวบรวมจากองค์การการค๎าโลก
ความตกลงการตรวจสอบสินค๎ากํอนสํงออกขององค์การการค๎าโลก(WTO Agreement on Pre shipment Inspection - PSI)ได๎จัดทําขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช๎บังคับกับกิจกรรมเกี่ยวกับการตรวจสอบ สินค๎าสํงออก ได๎แกํ การตรวจสอบคุณภาพ ปริมาณ ราคา อัตราแลกเปลี่ยน เงื่อนไขการชําระเงิน และการ กําหนดพิกัดอัตราศุลกากร ที่ดําเนินการโดยหนํวยงานรัฐหรือหนํวยงานเอกชนที่รัฐมอบหมายให๎เป็นผู๎ตรวจ สอบสินค๎าฯ อยํางไรก็ตาม ความตกลงฯ PSI ดังกลําวไมํบังคับให๎ทุกประเทศตรวจสอบสินค๎ากํอนสํงออก โดย บางประเทศอาจไมํใช๎มาตรการตรวจสอบสินค๎าฯ ก็ได๎ สํวนประเทศที่ต๎องการใช๎มาตรการตรวจสอบสินค๎ากํอน สํงออกฯ จะต๎องมีการดําเนินการตํางๆ ซึ่งสรุปสาระสําคัญดังนี้
• การไม่เลือกปฏิบัติรัฐบาลที่ต๎องการใช๎มาตรการตรวจสอบสินค๎ากํอนสํงออกจะต๎องมั่นใจวํา กิจกรรมการตรวจสอบสินค๎าจะต๎องดําเนินไปอยํางไมํเลือกปฏิบัติสําหรับผู๎สํงออก อีกทั้งผู๎มีหน๎า หน๎าที่ตรวจสอบจะต๎องตรวจสอบแบบไมํเลือกปฏิบัติเพื่อเอื้อประโยชน์ตํอผู๎สํงออกรายใดรายหนึ่ง เป็นพิเศษ และการตรวจสอบจะต๎องสินค๎าควรต๎องอ๎างอิงกับมาตรฐานและประเด็นที่กําหนดใน สัญญาการสั่งซื้อสินค๎า
• สถานที่ตรวจสอบ รัฐบาลต๎องจัดให๎มีกิจกรรมการตรวจสอบสินค๎าและการออกเอกสาร Clean Report of Finding ภายในเขตพื้นที่ศุลกากร (Customs Territory) ของประเทศที่ทําการสํงออก หรือประเทศที่เป็นแหลํงผลิตสินค๎า
• การคุ้มครองข้อมูลความลับทางธุรกิจ รัฐบาลต๎องสร๎างความมั่นใจวําข๎อมูลที่ได๎จากการ ตรวจสอบสินค๎าฯ จะไมํรั่วไหลไปสูํบุคคลอื่น และต๎องรักษาความลับทางธุรกิจของสินค๎า นอกจากนี้ ในการตรวจสอบสินค๎า หนํวยงานที่ได๎รับมอบหมายจากรัฐให๎ทําหน๎าที่ตรวจสอบสินค๎า
จะต๎องไมํร๎องขอข๎อมูลตํางๆ ดังนี้จากผู๎รับการตรวจสอบ ได๎แกํ ข๎อมูลกระบวนการผลิตผลิตสินค๎า ที่ขึ้นทะเบียนสิทธิบัตร ข๎อมูลเชิงเทคนิคที่ไมํได๎เปิดเผย ต๎นทุนการผลิต ระดับผลกําไร เงื่อนไขการ ซื้อขายระหวํางผู๎สํงออกกับผู๎ผลิต
• การตรวจพิสูจน์ราคา สามารถทําได๎เพื่อปูองกันปัญหาการระบุราคาในใบกํากับสินค๎าสูง/ต่ํา เกินไป (Over and Under Invoicing) โดยรัฐจะต๎องกําหนดแนวทางการตรวจพิสูจน์ราคาโดย อ๎างอิงจาก (ก) การเปรียบเทียบราคาของสินค๎าที่เหมือนกันหรือคล๎ายกันที่สํงออกในชํวงเวลา เดียวกัน (ข) วิธีปฏิบัติทางการค๎า เชํน ต๎นทุนการผลิต ราคาจําหนํายสินค๎าในประเทศนําเข๎า และ ราคาสินค๎าที่สํงออกจากประเทศคูํแขํงที่ไปยังตลาดปลายทางเดียวกัน
ในภาพรวม หน่วยงานของไทยที่มีบทบาทหลักในการดําเนินงานตามความตกลงการตรวจสอบ สินค้าก่อนส่งออก ได๎แกํ กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โดยกําหนดให๎สินค๎าสํงออกบางประเภท ต๎องได๎รับการตรวจสอบจากหนํวยงานที่มีความนําเชื่อตํอมาตรฐานการสํงออก เชํน ข๎าวหอม ข๎าวฟุาง ข๎าวขาว ข๎าวหอมมะลิไทย ข๎าวโพด ปุยนุํน ถั่วเขียว ถั่วเขียวผิวดํา ปลาปุน ข๎าวโพด และไม๎สักแปรรูป
จากการศึกษาข๎อมูลของ WTO พบวําประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ๎านกําหนดให๎มีสินค๎าบาง ประเภทต๎องมีการตรวจสอบสินค๎ากํอนสํงออก โดยในภาพรวม หน่วยงานที่มีบทบาทหลักของประเทศไทย และเพื่อนบ้าน ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) ได้แก่
ไทย กําหนดสินค๎าสํงออกบางประเภทต๎องมีการตรวจสอบมาตรฐานจากกรมการค๎าตํางประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กํอนทําการสํงออก ได๎แกํ ข๎าวโพด ข๎าวฟุาง ถั่วเขียว ถั่วเขียวผิวดํา ปอฟอก แปูงมัน สําปะหลัง ข๎าวหอมมะลิไทย ผลิตภัณฑ์มันสําปะหลง ปุยนุํน และปลาปุน
กัมพูชา โดยกรมศุลกากร กระทรวงการคลังกัมพูชา กําหนดมาตรการ PSI สําหรับสินค๎านําเข๎าทุก ประเภทต๎องมีการตรวจสอบกํอนทําการนําเข๎ามาในกัมพูชา ยกเว๎นสินค๎าบางประเภทที่ไมํต๎องมีมาตรการ ตรวจสอบราคา ปริมาณ คุณภาพ และพิกัดอัตราศุลกากรกํอนการนําเข๎า ได๎แกํ (1) อัญมณีและโลหะมีคํา (2) วัตถุทางศิลปะ (3) วัตถุระเบิด (4) อาวุธสงคราม (5) สัตว์มีชีวิต (6) หนังสือพิมพ์และนิตยสาร (7) ของใช๎
สํวนตัวและของใช๎ในครัวเรือน (8) พัสดุภัณฑ์และสินค๎าตัวอยําง (9) ของชํวยเหลือหรือสิ่งของบริจาคจาก องค์การระหวํางประเทศหรือรัฐบาลตํางประเทศ (10) ของชํวยเหลือและสิ่งของที่นําเข๎าม าใช๎ในงานของ สถานทูต สถานกงสุล หรือองค์การสหประชาชาติ (11) สิ่งของชํวยเหลือ (12) สินค๎าที่หนํวยงานของรัฐเป็น ผู๎นําเข๎ามาใช๎ในงานราชการ (13) เศษโลหะ (14) บุหรี่ และ (15) สินค๎าที่นําเข๎ามาชั่วคราวเพื่อนํามาใช๎ในการ ผลิตเพื่อการสํงออก โดยผู๎นําเข๎าจะต๎องติดตํอบริษัทเอกชนผู๎ทําการตรวจสอบเพื่อทําการประเมินคุณลักษณะ ตํางๆ ของสินค๎า (เอกสารประกอบการนําเข๎า คําอธิบายลักษณะสินค๎า จํานวนสินค๎า น้ําหนักสินค๎า ราคา นําเข๎า มูลคําสินค๎า การจําแนกพิกัดอัตราศุลกากร อากรขาเข๎าที่ประมาณการวําจะต๎องชําระให๎ศุลกากร กัมพูชา) ไมํน๎อยกวํา 3 วัน กํอนที่จะนําสินค๎าดังกลําวเข๎ามาในประเทศกัมพูชา
มาเลเซีย ไมํกําหนดสินค๎าให๎สินค๎ารายการใดรายการหนึ่งต๎องมีการตรวจสอบมาตรฐานกํอนทําการสํงออก
เมียนมา ไมํกําหนดสินค๎าให๎สินค๎ารายการใดรายการหนึ่งต๎องมีการตรวจสอบมาตรฐานกํอนทําการสํงออก
3.1.3 ความตกลงการประเมินราคาศุลกากร
ความตกลงการประเมินราคาศุลกากรขององค์การการค๎าโลก (WTO Customs Valuation Agreement) กําหนดหลักปฏิบัติด๎านการประเมินราคาศุลกากร เพื่อใช๎กําหนดราคาสินค๎าที่เหมาะสม เป็น ธรรม เป็นกลาง ไมํบิดเบือนทางการค๎า เพื่อใช๎เป็นฐานในการเก็บอากรขาเข๎าและอากรขาออกและภาษีอื่นๆ ที่ เกี่ยวข๎อง ประกอบด๎วย
1) ราคาซื้อขายของที่นําเข๎า (Transaction Value) หมายถึง ราคาซื้อขายที่ผู๎ซื้อสินค๎าได๎ชําระจริง หรือที่จะต๎องชําระให๎กับผู๎ขายในตํางประเทศสําหรับของที่นําเข๎า ซึ่งได๎มีการปรับราคาหรือได๎นํามูลคําหรือ คําใช๎จํายอื่นๆ ไปรวมด๎วย เชํน คําวัสดุเสริม คํานายหน๎า หรือคําสิทธิ เป็นต๎น
2) ราคาซื้อขายของที่เหมือนกัน (Transaction Value of Identical Goods) หมายถึง ราคาซื้อขาย ของที่มีลักษณะเหมือนกันทุกด๎านกับของที่นําเข๎าไมํวําจะเป็นทางกายภาพ คุณภาพ และชื่อเสียง และต๎องผลิต ขึ้นในประเทศเดียวกันกับของนําเข๎าด๎วย
3) ราคาซื้อขายของที่คล๎ายกัน (Transaction Value of Similar Goods) หมายถึง ราคาซื้อขายของ ที่ไมํเหมือนกันทุกด๎านกับของที่นําเข๎า แตํมีลักษณะหรือใช๎วัสดุที่เป็นสํวนประกอบเหมือนกัน ผลิตในประเทศ เดียวกัน และทําหน๎าที่อยํางเดียวกันหรือทดแทนกันได๎ในทางการค๎า ทั้งนี้โดยพิจารณาถึงคุณภาพ ชื่อเสียง และเครื่องหมายการค๎าของของที่นําเข๎ากับของนั้น
4) ราคาหักทอน (Deductive Value) หมายถึง ราคาที่กําหนดขึ้นโดยใช๎ราคาซื้อขายตํอหนํวยของ ของที่นําเข๎า หรือราคาซื้อขายตํอหนํวยของของที่เหมือนหรือของที่คล๎ายกันที่ได๎ขายไปในประเทศ โดยหักทอน คําใช๎จํายบางสํวนออกไป เชํน คํานายหน๎า กําไร คําขนสํงและคําประกันภัยที่เกิดขึ้นในประเทศ คําภาษีอากร ในประเทศ มูลคําเพิ่มของสินค๎าที่เกิดจากการประกอบหรือผํานกรรมวิธีเพิ่มเติม
5) ราคาคํานวณ (Computed Value) หมายถึง ราคาที่กําหนดขึ้นจากต๎นทุนการผลิตของสินค๎าที่ นําเข๎า บวกกับกําไรและคําใช๎จํายทั่วไปที่รวมอยูํตามปกติในการขายจากประเทศสํงออกมายังประเทศไทย รวมทั้งคําภาชนะบรรจุ คําประกันภัย และคําขนสํง
6) ราคาย๎อนกลับ (Fall Back Value) หมายถึง การกําหนดราคาโดยนําหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงื่อนไขในการกําหนดราคาตามวิธีที่ 1 ถึง 5 มาใช๎โดยผํอนปรนเพื่อกําหนดราคาอยํางสมเหตุสมผล
ในกรณีที่มีปัญหาด๎านจํานวนคําภาษีอากรที่จะต๎องชําระสําหรับการนําเข๎าและสํงออก ทําให๎การ กําหนดราคาศุลกากรต๎องลําช๎าออกไป ตามหลักเกณฑ์ของ WTO เสนอให๎ผู๎นําเข๎าและสํงออกสามารถนํา สินค๎าที่นําเข๎าหรือสํงออกออกจากอารักขาศุลกากรได๎ โดยเจ๎าหน๎าที่ศุลกากรและเจ๎าของสินค๎าหรือตัวแทน ออกของรับอนุญาตจะตกลงกันยอมให๎เอาตัวอยํางของไว๎วินิจฉัยปัญหาเทํานั้น และให๎ชําระอากรตามจํานวนที่ ผู๎นําเข๎าสินค๎าสําแดงไว๎ในใบขนสินค๎า และให๎วางเงินเพิ่มเติมเป็นเงินประกันจนครบจํานวนเงินอากรสูงสุดที่พึง ต๎องเสียสําหรับสินค๎านั้น
หลังจากผู๎นําเข๎ารับสินค๎าไปเรียบร๎อยแล๎ว เจ๎าหน๎าที่ศุลกากรจะประเมินราคาของสินค๎าที่นําเข๎านั้น ตามหลักเกณฑ์ที่กําหนด และจะสํงแบบแจ๎งการประเมินให๎ผู๎นําเข๎าทราบในภายหลังวําจะต๎องชําระคําภาษี อากรเป็นจํานวนเทําไหรํตํอไป เพื่ออํานวยความสะดวกให๎แกํผู๎นําเข๎าได๎นําสินค๎าไปใช๎ประโยชน์กํอนได๎
ในภาพรวม หน่วยงานของไทยและของนานาประเทศที่มีบทบาทหลักในการดําเนินงานตามความ ตกลงการประเมินราคาศุลกากร ได๎แกํ กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง
จากข๎อมูลในปี 2559 พบวํา มีสมาชิกประเทศอาเซียนที่ให๎สัตยาบันความตกลงการประเมินราคา ศุลกากรของ WTO จํานวน 8 ประเทศจาก 10 ประเทศ ได๎แกํ บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย สปป.ลาว มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย ดังแสดงตารางที่ 2-7 โดยสมาชิกอาเซียนที่ให้สัตยาบันดังกล่าวข้างต้น มอบหมายให้หน่วยงานเจ้าภาพในการประสานงาน ได้แก่ กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ขณะที่ประเทศ ที่เหลือ ได๎แกํ เมียนมา และเวียดนาม ยังไมํได๎ให๎สัตยาบันการปฏิบัติตามความตกลงฯ แกํ WTO
ตารางที่ 2-7 ประเทศสมาชิกอาเซียนที่ให๎สัตยาบันความตกลงการประเมินราคาศุลกากรของ WTO
บรูไน | กัมพูชา | อินโดนีเซีย | ลาว | มาเลเซีย | เมียนมา | ฟิลิปปินส์ | สิงคโปร์ | ไทย | เวียดนาม | |
สมาชิกที่เข้า ร่วม | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | ||
หน่วยงาน ประสานงาน | ศุลกากร | ศุลกากร | ศุลกากร | ศุลกากร | ศุลกากร | ศุลกากร | ศุลกากร | ศุลกากร | ||
ยังไม่ได้เข้า ร่วม | 🗴 | 🗴 |
ที่มา: รวบรวมจากองค์การการค๎าโลก
3.1.4 ความตกลงการอํานวยความสะดวกทางการค้า
ความตกลงการอํานวยความสะดวกทางการค๎าขององค์การการค๎าโลก (WTO Agreement on Trade Facilitation – TFA) เป็นสํวนหนึ่งที่สมาชิกองค์การการค๎าโลก (WTO) เป็นชอบในการประชุม รัฐมนตรีการค๎า ณ เมืองบาหลี (Bali) ที่สามารถสรุปผลได๎ในเดือนธันวาคม ค.ศ.2013 (พ.ศ.2556)
จากข๎อมูลในปี 2559 พบวํา มีสมาชิกประเทศอาเซียนที่ให๎สัตยาบันความตกลงการอํานวยความ สะดวกทางการค๎าของ WTO พบวํา มีสมาชิกอาเซียนที่ให๎สัตยาบันความตกลงฯ จํานวน 8 ประเทศจาก 10 ประเทศ ได๎แกํ บรูไน อินโดนีเซีย สปป.ลาว มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม ดังแสดงตาม ตารางที่ 2-8 โดยสมาชิกอาเซียนที่ให้สัตยาบันดังกล่าวข้างต้นมอบหมายให้หน่วยงานเจ้าภาพในการ ประสานงาน ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ (กระทรวงการค้า) ขณะที่ประเทศที่เหลือ ได๎แกํ กัมพูชา และเมียนมา ยังไมํได๎ให๎สัตยาบันความตกลงการอํานวยความสะดวกทางการค๎า
ตารางที่ 2-8 ประเทศสมาชิกอาเซียนที่ให๎สัตยาบันความตกลงการอํานวยความสะดวกทางการค๎าของ WTO
บรูไน | กัมพูชา | อินโดนีเซีย | ลาว | มาเลเซีย | เมียนมา | ฟิลิปปินส์ | สิงคโปร์ | ไทย | เวียดนาม | |
สมาชิกที่เข้า ร่วม | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | ||
หน่วยงาน ประสานงาน | กระทรวง การค๎าฯ | กระทรวง การค๎า | กระทรวง พาณิชย์ | กระทรวง การค๎าฯ | กระทรวง การค๎าฯ | กระทรวง การค๎าฯ | ก. พาณิชย์ | กระทรวง การค๎าฯ | ||
ยังไม่ได้เข้า ร่วม | 🗴 | 🗴 |
ที่มา: รวบรวมจากองค์การการค๎าโลก
ความตกลงการอํานวยความสะดวกทางการค๎าฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อสํงเสริมความคลํองตัวในการ เคลื่อนย๎ายสินค๎า การตรวจปลํอยสินค๎า และการดําเนินพิธีการศุลกากรเพื่อการนําเข๎า สํงออก และการผําน แดนให๎มีความคลํองตัว เพื่อให๎เสริมตํอการเปิดตลาดการค๎าสินค๎าภายใต๎ความตกลง GATT ที่ประเทศสมาชิก WTO มีการลด/ยกเลิกภาษีอากรระหวํางกันมานับตั้งแตํปี ค.ศ.1994 (พ.ศ.2537) โดยความตกลงการอํานวย ความสะดวกทางการค๎าฯ มีสาระสําคัญสรุปได๎ดังนี้
• การสร้างความโปร่งใสของข้อมูล ประเทศสมาชิก WTO แตํละประเทศต๎องเผยแพรํข๎อมูลและจัด ให๎มีข๎อมูลผํานระบบอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับพิธีการศุลกากรนําเข๎า การสํงออก การถํายลํา (ผําน ทําเรือ ทําอากาศยาน และจุดผํานแดนอื่นๆ) รวมทั้งรูปแบบเอกสารตํางๆ ที่ใช๎ประกอบการทําพิธี การศุลกากร อัตราภาษีและคําธรรมเนียมที่รัฐบาลเรียกเก็บจากการนําเข๎า การสํงออก และการ ถํายลํา หลักเกณฑ์การประเมินราคาศุลกากร กฎถิ่นกําเนิดสินค๎า สินค๎าที่ห๎ามนําเข๎าและสํงออก สินค๎าที่มีมาตรการจํากัดการนําเข๎าและสํงออก และสินค๎าที่มีโควตาการนําเข๎าและสํงออก
• จุดตอบข้อซักถามประเทศสมาชิก WTO แตํละประเทศจะต๎องจัดจุดตอบข๎อซักถามไมํน๎อยกวํา หนึ่งแหํง เพื่อตอบคําถามเกี่ยวกับพิธีการศุลกากร อัตราภาษีและคําธรรมเนียมที่เรียกเก็บ เพื่อ ให๎บริการแกํหนํวยงานภาครัฐ ผู๎ประกอบการ ผู๎นําเข๎า ผู๎สํงออก และรัฐบาลประเทศตํางๆ ที่มี ความสนใจ โดยไมํควรมีการเรียกเก็บคําบริการในการตอบข๎อซักถามฯ
• การจัดให้มีกระบวนการอุทธรณ์ร้องทุกข์ ประเทศสมาชิก WTO แตํละประเทศจะต๎องเปิดโอกาส ให๎บุคคลใดๆ สอบถาม และตั้งข๎ออุทธรณ์ร๎องทุกข์เพื่อให๎มีการทบทวนพิธีการศุลกากร กฎระเบียบ และวิธีปฏิบัติที่เกี่ยวข๎องกับการอํานวยความสะดวกทางการค๎า
• การส่งเอกสารล่วงหน้าเพื่อประโยชน์ในการตรวจปล่อยสินค้านําเข้า (Pre Arrival Process) ประเทศสมาชิก WTO แตํละประเทศต๎องจัดให๎มีระบบการรับเอกสารลํวงหน๎าสําหรับการตรวจ ปลํอยสินค๎าขาเข๎า เชํน บัญชีสินค๎า เอกสารการนําเข๎าสินค๎า กํอนที่สินค๎าดังกลําวจะมาถึงดําน นําเข๎า เพื่อชํวยให๎การตรวจปลํอยสินค๎าดําเนินไปได๎รวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งพิจารณาจัดให๎มีชํองทาง การรับเอกสารนําเข๎าดังกลําวฯ ผํานระบบอิเล็กทรอนิกส์
• การชําระอากร ภาษี ค่าธรรมเนียมศุลกากรด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Payment) ประเทศสมาชิก WTO แตํละประเทศจะต๎องจัดให๎มีระบบการรับชําระอากร ภาษี คําธรรมเนียม ศุลกากรสําหรับการนําเข๎าสินค๎าและการสํงออกสินค๎าด๎วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออํานวยความ สะดวกแกํผู๎รับบริการ
• การจัดการความเสี่ยง (Risk Management) ประเทศสมาชิก WTO แตํละประเทศควรนํา ระบบการจัดการความเสี่ยงมาใช๎ในการควบคุมทางศุลกากร โดยแตํละประเทศสามารถออกแบบ และประยุกต์วิธีการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมได๎ด๎วยตนเอง โดยให๎ความสําคัญกับการควบคุม อยํางเข๎มข๎นสําหรับสินค๎าที่มีความเสี่ยงสูง การเรํงตรวจปลํอยสินค๎าที่มีความเสี่ยงต่ํา และการสุํม ตรวจสินค๎าด๎วยหลักเกณฑ์ที่เหมาะสม ซึ่งหลักเกณฑ์ที่สามารถนํามาประกอบการพิจารณาสุํม ตรวจสินค๎าอาจรวมถึงความถูกต๎องของการระบุพิกัดอัตราศุลกากรด๎วยระบบฮาร์โมไนซ์ ลักษณะ ธรรมชาติของสินค๎า ประเทศต๎นทาง ประเทศที่สินค๎ามีการถํายลํา/ผํานแดน มูลคําสินค๎า และ รูปแบบการขนสํงสินค๎า
• การตรวจสอบภายหลังจากได้ผ่านพิธีการศุลกากรไปแล้ว (Post Clearance Audit) ประเทศ สมาชิก WTO แตํละประเทศควรใช๎การตรวจสอบภายหลังจากที่สินค๎าได๎ผํานพิธีการศุลกากรไป
แล๎ว เพื่อสร๎างให๎มั่นใจวําการนําเข๎าสินค๎าเข๎ามาในประเทศเป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบ ภายในประเทศ โดยเจ๎าหน๎าที่ศุลกากรของประเทศสมาชิกจะดําเนินการสุํมคัดเลือกบุคคลหรือ สินค๎าที่ได๎ผํานพิธีการศุลกากรไปแล๎วตามหลักการจัดการความเสี่ยง (ตามหลักเกณฑ์ที่เหมาะสมที่ กําหนดโดยแตํละประเทศ) และดําเนินการตรวจสอบอยํางโปรํงใสและเป็นไปอยํางรวดเร็ว โดย บุคคล/สินค๎าที่ได๎รับการตรวจสอบจะมีสิทธิที่จะรับทราบผลการตรวจสอบได๎
• มาตรการอํานวยความสะดวกทางการค้าสําหรับผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติ (Trade Facilitation Measures for Authorized Operators) ประเทศสมาชิก WTO แตํละประเทศ จะต๎องจัดให๎มีมาตรการเพิ่มเติมเป็นพิเศษเพื่ออํานวยความสะดวกสําหรับพิธีการนําเข๎า การ สํงออก การถํายลํา/ผํานแดนแกํผู๎ประกอบการที่มีคุณสมบัติเป็นไปตามที่รัฐกําหนด (ใช๎ชื่อวํา ผู๎ประกอบการที่ได๎รับอนุมัติ Authorized Operators) โดยการกําหนดคุณสมบัติของ ผู๎ประกอบการที่เป็น Authorized Operators จะต๎องมีการเผยแพรํให๎เป็นที่รับทราบและควร ประกอบด๎วยคุณสมบัติตํางๆ เชํน มีประวัติที่ดีในการปฏิบัติตามกฎระเบียบศุลกากรและ กฎระเบียบอื่นๆ ที่เกี่ยวข๎อง มีระบบการควบคุมภายในที่ดี มีความมั่นคงทางการเงิน และมีการ รักษาความปลอดภัยของการขนสํงและโซํอุปทาน (Supply Chain Security) ทั้งนี้การกําหนด คุณสมบัติจะต๎องไมํมีการกีดกันหรือการเลือกปฏิบัติสําหรับผู๎ประกอบการขนาดใหญํกับ ผู๎ประกอบการขนาดกลางและยํอม และต๎องไมํออกข๎อกําหนดคุณสมบัติที่เอื้อตํอผู๎ประกอบการ รายใดรายหนึ่งเป็นการเฉพาะ นอกจากนี้ มาตรการอํานวยความสะดวกทางการค๎าฯ ที่เอื้อ ประโยชน์แกํ Authorized Operators2จะต๎องประกอบด๎วยมาตรการตํางๆ ที่ไมํน๎อยกวํา 3 มาตรการ3ดังตํอไปนี้ (1) การลดหยํอนจํานวนเอกสารหรือข๎อมูลฯ ที่ต๎องยื่นเพื่อผํานพิธีการ ศุลกากร (2) การลดหยํอนอัตราการตรวจสอบสินค๎า (3) การเรํงรัดเวลาในการตรวจปลํอยสินค๎า
(4) การยืดระยะเวลาการชําระอากร ภาษี คําธรรมเนียมตํางๆ (5) การลดจํานวนเงินวางค้ําประกัน การออกสินค๎า (6) การใช๎แบบฟอร์มใบขนสินค๎าเพียงใบเดียวสําหรับการนําเข๎าหรือสํงออก (single customs declaration) และ (7) การอํานวยความสะดวกในการตรวจปลํอยสินค๎า ณ สถานประกอบการหรือโรงงานของ Authorized Operator
2กรณีของไทย กรมศุลกากรได๎อนุวัติตามบทบัญญัติของความตกลงการอํานวยความสะดวกทางการค๎าขององค์การการค๎าโลก โดยกําหนดคุณสมบัติ ผู๎ประกอบการระดับมาตรฐาน Authorized Operator หรือ Authorized Economic Operator (AEO) โดยกรณีของผู๎สํงออก/ผู๎นําเข๎า จะต๎องเป็น (1) นิติ บุคคลที่จดทะเบียนในไทยและมีทุนจดทะเบียนที่ชําระแล๎วไมํต่ํากวํา 5 ล๎านบาท (2) มีฐานะทางการเงินมั่นคง โดยพิจารณาจากงบการเงินที่นําสํงกระทรวง พาณิชย์ (3) นําของเข๎าหรือสํงออกมาแล๎วไมํน๎อยกวํา 3 ปี และมีความพร๎อมในการผํานพิธีการศุลกากรด๎วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือเคยใช๎บ ริการตัวแทน ออกของรับอนุญาตระดับพิเศษ (4) ไมํมีประวัติการกระทําความผิดฐานลักลอบหนีศุลกากรหรือคดีปลอมเอกสารและใช๎เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมาย
อาญา (5) มีแผนควบคุม มีระบบการจัดการและประเมินความเสี่ยงในด๎านความปลอดภัยในการดําเนินธุรกิจในด๎านตํางๆ (6) มีสถานประกอบการที่เหมาะสม และสํานักงานใหญํตั้งอยูํ ณ ที่ตั้งตามที่จดทะเบียนไว๎กับกรมพัฒนาธุรกิจการค๎า และ (7) ไมํเคยถูกเพิกถอนสถานภาพการเป็นผู๎นําเข๎า ผู๎สํงออกร ะดับ มาตรฐาน AEO ในชํวง 3 ปีย๎อนหลัง
3กรณีของไทย กรมศุลกากรได๎อนุวัติตามบทบัญญัติของความตกลงการอํานวยความสะดวกการค๎าของWTO โดยกรมศุลกากรให้สิทธิพิเศษแก่ AEC ในด้านพิธี การําศุลกากร ได๎แกํ (ก) กรณีการนําสินค้าเข้าAEO จะได๎รับ (1) ยกเว๎นการตรวจ (2) ได๎รับบริการในชํองทางพิเศษ (3) ได๎รับสิทธิเข๎ารํวมหารือเพื่อหาข๎อยุติ
(4) ให๎ชักตัวอยํางและตรวจปลํอยไปกํอน (5) ไมํต๎องวางประกันด๎านปรมาณสําหรับสินค๎าเทกอง(ข) กรณีการส่งออกสินค้าAEO จะได๎รับ (1) ยกเว๎นการตรวจ
(2) ได๎รับบริการในชํองทางพิเศษ (3) ยกเว๎นการชักตัวอยํางสินค๎าที่สํงออก (4) ได๎รับการอํานวยความสะดวกจากความตกลงยอมรับรํวม (ค) สินค้าที่นําเข้า มาแล้วส่งออกกลับออกไป (re export) AEO จะได๎รับ (1) สินค๎าที่นําเข๎าและสํงออกทางทําอื่นที่ไมํใชํทําที่ได๎นําเข๎า ให๎ชําระอากร 1 ใน 10 สํวน แตํไมํเกิน 1,000 บาท (2) ยกเว๎นการตรวจรวมจากสํานักสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร (ง) สินค้าถ่ายลํา โดยให๎ยกเว๎นการวางเงินเหรือหลักประกันของผู๎ขอถําย ลํา (จ) สินค้าผ่านแดนโดยให๎ยกเว๎นการวางเงินหรือหลักประกันของผู๎ขนสํงสินค๎าผํานแดน (ฉ) การคืนอากรทั่วไปโดยได๎รับการพิจารณาคืนอากรทั่วไปที่มี รายการสินค๎าไมํเกิน 50 รายการตํอใบขนสํงสินค๎า ภายใน 10 วันทําการ (ช) การตรวจสอบหลังการตรวจปล่อย ณ สถานประกอบการ โดยให๎ตรวจสอบ เอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวข๎องกับการนําเข๎า/สํงออกไมํเกิน 2 ปี นับแตํวันนําของเข๎าหรือสํงของออก
• สินค้าที่ต้องจัดส่งอย่างเร่งด่วน (Expedited Shipments) ประเทศสมาชิก WTO แตํละ ประเทศต๎องกําหนดพิธีการตรวจปลํอยสินค๎าที่ต๎องจัดสํงอยํางเรํงดํวน (Expedited Shipments) โดยเฉพาะการตรวจปลํอยสินค๎าอยํางเรํงดํวน ณ ทําอากาศยานขนสํงสินค๎า (Air Cargo Facilities) สําหรับบุคคลที่ร๎องขอการอํานวยความสะดวกในการจัดสํงสินค๎าเรํงดํวนโดยใช๎การ ควบคุมทางศุลกากรที่เหมาะสม ทั้งนี้ บุคคลที่ร๎องขอให๎มีการตรวจปลํอยสินค๎าควรมีคุณสมบัติ ดังนี้ (1) ต๎องยื่นเอกสารและข๎อมูลที่จําเป็นต๎องตํอการพิจารณาตรวจปลํอยสินค๎าเป็นการลํวงหน๎า
(2) มีโครงสร๎างพื้นฐานที่ใช๎ติดตํอกับศุลกากรและสามารถชําระเงินคําภาษีอากรและคําธรรมเนียม ตํางๆ ทางอิเล็กทรอนิกส์ได๎ (3) มีขีดความสามารถในการควบคุมการขนสํงและเคลื่อนย๎ายสินค๎า ในระดับสูงโดยใช๎เทคโนโลยีการตรวจติดตามสินค๎า เทคโนโลยีโลจิสติกส์ และการควบคุมความ ปลอดภัยที่ดี (4) มีการให๎บริการจัดสํงถึงจุดปลายทางที่ลูกค๎ากําหนด (5) มีความรับผิดในการชําระ คําภาษี อากร คําธรรมเนียม ที่ศุลกากรเรียกเก็บขณะตรวจปลํอยหรืออาจเรียกเก็บภายหลังจาก การตรวจปลํอยไปแล๎วได๎ (6) มีประวัติที่ดีในการปฏิบัติตามกฎระเบียบศุลกากรและกฎระเบียบอื่น ที่เกี่ยวข๎อง
• สินค้าเน่าเสียง่าย (Perishable Goods) ประเทศสมาชิก WTO แตํละประเทศจะต๎องจัดให๎มี การตรวจปลํอยสินค๎าเนําเสียงํายให๎แล๎วเสร็จภายในระยะเวลาที่สั้นที่สุดเทําที่จะเป็นไปได๎ ตลอดจนจัดให๎มีพื้นที่ที่เหมาะสมในการเก็บรักษาสินค๎า (Storage of Perishable Goods) เพื่อ ปูองกันมิให๎สินค๎าดังกลําวเกิดความเสียหาย นอกจากนี้ ในกรณีที่จําเป็น แตํละประเทศอาจจัดให๎มี เจ๎าหน๎าที่ศุลกากรและหนํวยงานอื่นที่เกี่ยวข๎องให๎บริการตรวจปลํอยสินค๎านอกเวลาทําการปกติ เพื่ออํานวยความสะดวกในการตรวจปลํอยสินค๎าดังกลําว
• พิธีการที่เกี่ยวกับการนําเข้า การส่งออก การถ่ายลํา/การผ่านแดน ประเทศสมาชิก WTO แตํละ ประเทศทบทวนพิธีการนําเข๎า การสํงออก การถํายลํา/การผํานแดนเพื่อหาทางลดเอกสารและ ขั้นตอนพิธีการฯ ดังกลําวข๎างต๎น โดยพิจารณาถึงพัฒนาการของวิธีปฏิบัติทางการค๎า ความก๎าวหน๎าเทคโนโลยีสารสนเทศ สิ่งแวดล๎อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนไป และวิธีปฏิบัติที่ดีของนานา ประเทศ โดยการปรับลดเอกสารและขั้นตอนมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อลดระยะเวลาในการตรวจ ปลํอยสินค๎าทั่วไปและสินค๎าเนําเสียงําย ลดเวลาและต๎นทุนของผู๎ประกอบการ ลดข๎อจํากัดทาง การค๎าที่มิใชํภาษี นอกจากนี้ ยังสนับสนุนให๎เจ๎าหน๎าที่หนํวยงานภาครัฐที่เกี่ยวข๎องกับการนําเข๎า สํงออก การถํายลํา/ผํานแดน ยอมรับเอกสารสําเนา และเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (โดยในการผําน พิธีการศุลกากรไมํต๎องนําเอกสารฉบับจริงมาแสดง)
• การจัดตั้งจุดบริการเบ็ดเสร็จ (Single Window) ประเทศสมาชิก WTO แตํละประเทศจะต๎อง พยายามจัดตั้งจุดบริการเบ็ดเสร็จเพื่ออํานวยความสะดวกแกํผู๎นําเข๎าและสํงออกในการยื่นเอกสาร และข๎อมูลตํางๆ ที่เกี่ยวกับการสํงออก นําเข๎า ถํายลํา/ผํานแดน ณ จุดบริการเพียงจุดเดียว (Single Entry Point) ที่ประกอบด๎วยเจ๎าหน๎าที่หนํวยงานตํางๆ ที่เกี่ยวข๎องกับการตรวจสอบและ ตรวจปลํอยสินค๎า
• การตรวจสอบสินค้าก่อนนําเข้าและส่งออก (Pre shipment Inspection) ประเทศสมาชิก WTO จะต๎องไมํบังคับใช๎ข๎อกําหนดการตรวจสอบสินค๎ากํอนทําการนําเข๎าและสํงออก เพื่อทําการ เรียกเก็บภาษีและประเมินราคาศุลกากร
• เสรีภาพในการผ่านแดน (Freedom of Transit) กฎระเบียบหรือขั้นตอนที่ใช๎บังคับสําหรับ สินค๎าผํานแดนควรใช๎เฉพาะสําหรับการบํงชี้สินค๎าและการปฏิบัติตามข๎อกําหนดการขนสํง ทั้งนี้ รัฐบาลแตํละประเทศจะต๎องดําเนินการดังนี้ (ก) ไมํเรียกเก็บคําธรรมเนียมหรือคําใช๎จํายสําหรับ สินค๎าผํานแดน ยกเว๎นคําธรรมเนียมที่เกิดจากการเคลื่อนย๎ายสินค๎าและคําบริการอันเป็นผลจาก การมีสินค๎าผํานแดน (ข) ให๎การปฏิบัติแกํสินค๎าผํานแดนของประเทศอื่นๆ ไมํด๎อยไปกวําการ ปฏิบัติที่ประเทศนั้นให๎การปฏิบัติตํอสินค๎าตนในการผํานแดน (ค) สํงเสริมการพัฒนาโครงสร๎าง พื้นฐานเฉพาะกิจเพื่อใช๎รองรับสินค๎าผํานแดน เชํน ชํองทางเดินรถพิเศษ พื้นที่หน๎าทําเรือที่ถูกกัน แยกพิเศษสําหรับสินค๎าผํานแดน (ง) ไมํออกข๎อกําหนดการตรวจสอบสินค๎าผํานแดนในจุดอื่นๆ ที่ อยูํกลางทางภายในประเทศ ยกเว๎นดํานศุลกากรที่นําเข๎าสินค๎า และดํานศุลกากรที่สํงออกสินค๎า (จ) ไมํใช๎ข๎อกําหนดทางเทคนิคที่เป็นอุปสรรคตํอการค๎าในการกีดกันสินค๎าผํานแดน (ฉ) อนุญาตให๎ สํงเอกสารและข๎อมูลลํวงหน๎าสําหรับใช๎ประโยชน์ในการทําพิธีการขนสํงผํานแดนได๎ (ช) รัฐ สามารถเก็บเงินวางค้ําประกันเพื่อการันตีจากผู๎ประกอบการได๎เพื่อปูองกันการลักลอบศุลกากร และต๎องนําเงินค้ําประกันดังกลําวจํายคืนผู๎ประกอบการโดยเร็ว (ฉ) รัฐอาจมอบหมายให๎มี เจ๎าหน๎าที่ศุลกากร (Customs Escort) ติดตามไปกับยานพาหนะที่ใช๎ขนถํายสินค๎าผํานแดนได๎ใน เส๎นทางที่มีความเสี่ยงการลักลอบศุลกากรสูงหรือเป็นการมอบหมายที่กําหนดไว๎ตามกฎระเบียบ ศุลกากรภายในประเทศ
การอํานวยความสะดวกทางการค๎าเป็นภารกิจที่มีความท๎าทายอยํางมากของนานาประเทศ รวมถึง ประเทศสมาชิกอาเซียน แม๎วําประเทศสมาชิกอาเซียนสํวนใหญํ ได๎แกํ บรูไน อินโดนีเซีย สปป.ลาว มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม ได๎เข๎าเป็นภาคีความตกลงการอํานวยความสะดวกทางการค๎า (TFA) แล๎วก็ตาม แตํก็ยังมีสาระสําคัญบางประเด็นที่ยังไมํได๎ให๎สัตยาบันวําจะรับไปปรับกฎระเบียบภายในประเทศให๎ สอดคล๎องกับ TFA (ยกเว๎นสิงคโปร์เพียงประเทศเดียวที่ยอมรับเงื่อนไขทุกประเด็นของ TFA) โดยประเทศที่ ยอมรับเงื่อนไขของ TFA น๎อยที่สุด ได๎แกํ อินโดนีเซีย รองลงมา ได๎แกํ สปป.ลาว และเวียดนาม ขณะที่กัมพูชา ไมํได๎เข๎าเป็นภาคีความตกลง TFA สํงผลให๎การสร๎างความรํวมมือด๎านการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและ การขนสํงของไทยกับประเทศเพื่อนบ๎านเต็มไปด๎วยความลําบากเนื่องจากระบบและกฎระเบียบแตกตํางกัน ขณะที่หากเปรียบเทียบประเทศไทยกับประเทศมาเลเซียแล๎ว พบวํา ประเทศมาเลเซียมีความพร๎อมด๎านการ อํานวยความสะดวกทางการค๎ามากกวําไทย โดยเฉพาะประเด็นที่ไทยมีความไมํพร๎อมมากที่สุด ได๎แกํ การ ดําเนินพิธีการศุลกากรเกี่ยวกับการนําเข๎า สํงออก ถํายลําและการผํานแดน และการให๎เสรีภาพในการผํานแดน (Goods in Transit) สํงผลตํอการลดบทบาทการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของไทย เนื่องจากประสบปัญหา อุปสรรคในการนําสินค๎าจากตํางประเทศเข๎ามาผํานแดนประเทศไทย โดยเฉพาะกลุํมสินค๎าเกษตร อาหาร และ สินค๎าอุตสาหกรรมที่เป็นกลุํมสินค๎าต๎องกํากัด (Restricted Goods)
ตารางที่ 2-9 สรุปประเด็นที่อาเซียนแตํละประเทศให๎สัตยาบันความตกลงการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและรับ นําไปปรับปรุงกฎระเบียบภายในประเทศ
ประเด็นที่ให้สัตยาบันและนําไปปรับปรุง กฎระเบยี บภายในประเทศ | บรูไน | อินโดฯ | ลาว | มาเลเซีย | ฟิลิปปินส์ | สิงคโปร์ | ไทย | เวียดนาม |
การสร๎างความโปรํงใสของข๎อมูล | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | |||
จุดตอบข๎อซักถาม | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | |
การจัดให๎มีกระบวนการอุทธรณ์ร๎องทุกข์ | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 |
ประเด็นที่ให้สัตยาบันและนําไปปรับปรุง กฎระเบยี บภายในประเทศ | บรูไน | อินโดฯ | ลาว | มาเลเซีย | ฟิลิปปินส์ | สิงคโปร์ | ไทย | เวียดนาม |
การสํงเอกสารลํวงหน๎าเพื่อประโยชน์ในการตรวจ ปลํอยสินค๎านําเข๎า | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | ||||
การชําระอากร ภาษี คําธรรมเนียมศุลกากรด๎วย ระบบอิเล็กทรอนิกส์ | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | ||
การจัดการความเสี่ยง | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | |||
การตรวจสอบภายหลังจากได๎ผํานพิธีการศุลกากร ไปแล๎ว | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | ||||
มาตรการอํานวยความสะดวกสําหรับ AEO | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | |||
สินค๎าที่ต๎องจัดสํงอยํางเรํงดํวน | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | |||
สินค๎าเนําเสียงําย | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | |||
พิธีการเกี่ยวกับการนําเข๎า สํงออก ถํายลํา/ผํานแดน | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | ||||
การจัดตั้งจุดบริการเบ็ดเสร็จ | 🗸 | 🗸 | 🗸 | |||||
การตรวจสอบสินค๎ากํอนนําเข๎าและสํงออก | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | ||||
เสรีภาพในการผํานแดน | 🗸 | 🗸 | 🗸 |
ที่มา: รวบรวมจากองค์การการค๎าโลก
ในภาพรวม หน่วยงานของไทยที่มีบทบาทหลักในการดําเนินงานตามความตกลงการอํานวยความ สะดวกทางการค้า4 ได๎แกํ
• กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง มีภารกิจหลักในการรับผิดชอบด๎าน (1) การเผยแพรํข๎อมูลพิธี การศุลกากรและเอกสารตํางๆ ที่ต๎องใช๎ (2) เป็นจุดตอบข๎อซักถามเรื่องพิธีการศุลกากรและอัตรา คําภาษีที่เรียกเก็บ (3)รับเอกสารลํวงหน๎าสําหรับการตรวจปลํอยสินค๎า (4) จัดให๎มีระบบรับชําระ อากร ภาษี คําธรรมเนียม (5) ดําเนินการตามระบบจัดการความเสี่ยง (6) ดําเนินการตรวจสอบ ภายหลังได๎ผํานพิธีการศุลกากรไปใช๎ (7) อํานวยความสะดวกทางการค๎าสําหรับผู๎ประกอบการที่ ได๎รับอนุมัติ AEO (8) กําหนดพิธีการตรวจปลํอยสินค๎าที่ต๎องจัดสํงอยํางเรํงดํวน (9) ลดเอกสาร และพิธีการตรวจปลํอย (9) การจัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ Single Window เพื่อยื่นเอกสาร ข๎อมูลที่ประกอบด๎วยเจ๎าหน๎าที่เกี่ยวกับการตรวจสอบและตรวจปลํอยสินค๎า (10) การพัฒนา โครงสร๎างพื้นฐานเพื่อรองรับสินค๎าผํานแดน และ (11) กรมศุลกากร โดยสํานักมาตรฐานพิธีการ ศุลกากรและราคาศุลกากร เป็นผู๎ประสานงานหลักในคณะกรรมการอํานวยความสะดวกทาง การค๎า (National Trade Facilitation Committee) โดยทํางานรํวมกับกรมเจรจาการค๎า ระหวํางประเทศ และคณะผู๎แทนถาวรไทยประจําองค์การการค๎าโลก กระทรวงพาณิชย์
• กระทรวงคมนาคม มีภารกิจหลักในการพัฒนาโครงสร๎างพื้นฐานเพื่อรองรับสินค๎าผํานแดน เชํน ชํองทางเดินรถพิเศษ พื้นที่หน๎าทําเรือ
4 มีสมาชิกอาเซียนที่ให๎สัตยาบันความตกลงการอํานวยความสะดวกทางการค๎าแล๎ว ได๎แกํ บรูไน อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย เวียดนาม โดยประเทศสมาชิกฯ ข๎างต๎นที่กําหนดให๎ (1) กรมศุลกากรเป็นหนํวยงานเจ๎าภาพในการ ประสานงานด๎านการอํานวยความสะดวกทางการค๎า ได๎แกํ เวียดนาม และไทย (2) กระทรวงการค้า เป็นหนํวยงานเจ๎าภาพ ในการประสานงานการอํานวยความสะดวกทางการค๎า ได๎แกํ บรูไน มาเลเซีย ลาว ฟิลิปปินส์ ขณะที่ประเทศอาเซียนที่ยัง ไมํได๎ให๎สัตยาบัน ได๎แกํ กัมพูชา เมียนมา
• กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีภารกิจหลักรับผิดชอบในการตรวจปลํอย สินค๎าเนําเสียงําย และลดเอกสารและพิธีการตรวจปลํอย
• กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีภารกิจหลักรับผิดชอบในการตรวจปลํอยสินค๎าเนํา เสียงําย และลดเอกสารและพิธีการตรวจปลํอย
• กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีภารกิจหลักรับผิดชอบในการตรวจปลํอยสินค๎าเนํา เสียงําย และลดเอกสารและพิธีการตรวจปลํอย
• สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข มีภารกิจหลักรับผิดชอบในการ ตรวจปลํอยสินค๎าเนําเสียงํายที่เป็นอาหารและยา และลดเอกสารและพิธีการตรวจปลํอย
• กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ มีภารกิจหลักในการทบทวนพิธีการอนุญาตการผําน แดนและการนําเข๎าและสํงออกสินค๎าควบคุมและสินค๎ามาตรฐาน เพื่อหาทางลดเอกสารและ ขั้นตอนพิธีการ
• กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ มีภารกิจหลักในการประสานงานกับกรม ศุลกากรเพื่อตอบข๎อซักถามที่อาจมีขึ้นในเวทีการค๎าโลก
3.1.5 อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยพิธีการศุลกากรที่เรียบง่ายและสอดคล้องกัน
องค์การศุลกากรโลก (WCO) ได๎มีการจัดทําอนุสัญญาระหวํางประเทศวําด๎วยพิธีการศุลกากรที่เรียบ งํายและสอดคล๎องกัน (International Convention on the Simplification and Harmonization of Customs Procedures) หรือที่รู๎จักในชื่อ “อนุสัญญาเกียวโต ฉบับแก๎ไข” (Revised Kyoto Convention – RKC) โดยประเทศไทยได๎เข๎าเป็นภาคีอนุสัญญาเกียวโตฯ เมื่อเดือนมิถุนายน 25585 โดยกรมศุลกากรของทุก ประเทศ เป็นหน่วยงานหลักในการดําเนินงานและประสานงาน
อนุสัญญาฯ กําหนดสาระสําคัญทั่วไปประกอบด๎วย (1) การผูกพันจะปรับปรุงพิธีการศุลกากรให๎มี มาตรฐานและเรียบงําย (2) การปรับปรุงและพัฒนาเทคนิคการควบคุมทางศุลกากรอยํางตํอเนื่อง (3) การ สํงเสริมการใช๎เทคโนโลยีสารสนเทศและระบบอัตโนมัติในการปฏิบัติพิธีการศุลกากร (4) การทํางานเป็น หุ๎นสํวนระหวํางเจ๎าหน๎าที่ศุลกากรกับหนํวยงานด๎านการค๎าและพาณิชย์ (5) การเทคนิคการจัดการความเสี่ยง
และการประเมินความเสี่ยงมาใช๎ในการตรวจศุลกากร (6) การอนุญาตให๎มีการขนสํงผํานแดนไปยังประเทศที่ ไมํมีดินแดนติดทะเล (7) การให๎คําวินิจฉัยลํวงหน๎าทางศุลกากร (8) การนําระบบการโอนเงินทาง อิเล็กทรอนิกส์มาใช๎ในการชําระภาษีอากรศุลกากร (9) การเผยแพรํข๎อมูลกฎระเบียบศุลกากร (10) การเปิดให๎ มีระบบรับคําร๎องที่เกี่ยวกับการศุลกากร (11) การจัดให๎มีเวทีปรึกษาหารือระหวํางศุลกากรกับหนํวยงานด๎าน การค๎าและพาณิชย์
อนุสัญญาเกียวโตฯ เป็นแนวทางปรับปรุงพิธีการศุลกากรที่องค์การศุลกากรโลกออกแบบมาเพื่อให๎ ประเทศสมาชิกใช๎เป็นมาตรฐานสากล เรียบงําย โปรํงใส และสอดคล๎องกันระหวํางประเทศที่เข๎าเป็นภาคี อนุสัญญาฯ ตลอดจนมีการสํงเสริมการใช๎เทคโนโลยีสารสนเทศในการปฏิบัติพิธีการศุลกากรมากขึ้น นอกจากนี้
5 ประเทศสมาชิกอาเซียนที่เข๎าเป็นภาคีอนุสัญญาเกียวโตฯ ได๎แกํ กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และไทย โดยมีกรมศุลกากร ของแตํละประเทศเป็นหนํวยงานผู๎รับผิดชอบในการปฏบัติตามอนุสัญญาฯ ขณะที่สมาชิกอาเซียนที่ยังไมํได๎เป็นภาคี ได๎แกํ บรูไน ลาว เมียนมา และสิงคโปร์
การเข๎าเป็นภาคีและนําแนวปฏิบัติตามอนุสัญญาเกียวโตฯ มาปรับปรุงพิธีการศุลกากรถือเป็นการยกระดับ มาตรฐานการให๎บริการทางศุลกากรและอํานวยความสะดวกทางการค๎าให๎ผู๎ประกอบการ รวมถึงคูํค๎าของไทย ให๎เทําเทียมกับมาตรฐานสากลมากขึ้น อีกทั้งมีการใช๎หลักการจัดการความเสี่ยงในการตรวจสอบสินค๎า และมี การสร๎างพันธมิตรทางการค๎า
ทั้งนี้กรมศุลกากรได๎ดําเนินการแก๎ไขกฎระเบียบเพื่อให๎เป็นไปตามบทบัญญัติของอนุสัญญาฯ อาทิ การให๎คําวินิจฉัยลํวงหน๎าของศุลกากร (Advance Ruling) มีผลผูกพันทางกฎหมายใน 3 ด๎าน ได๎แกํ พิกัด อัตราศุลกากร ราคาศุลกากร และถิ่นกําเนิดของสินค๎ากํอนการนําเข๎า เพื่อสร๎างความเป็นธรรม เพิ่มขีด ความสามารถในการทําธุรกิจของผู๎ประกอบการ และขจัดข๎อโตแย๎งระหวํางผู๎นําเข๎าและเจ๎าหน๎าที่กรมศุลกากร
นอกจากนี้ยังมีประเด็นอื่นๆ อีก อาทิ การเพิ่มบทนิยามคําวํา “การผํานแดน” และ “การถํายลํา” ไว๎ อยํางชัดเจน ตลอดจนมีการกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการให๎นําข๎อมูลอิเล็กทรอนิกส์มาใช๎ในการศุลกากรมีผล โดยชอบด๎วยกฎหมายเชํนเดียวกับการดําเนินการทางศุลกากรโดยเอกสาร เป็นต๎น ซึ่งเป็นการอํานวยความ สะดวกให๎แกํผู๎ประกอบการนําเข๎า สํงออก ผู๎ประกอบการโลจิสติกส์
ในภาพรวม หน่วยงานที่มีบทบาทหลักในการดําเนินงานตามอนุสัญญาฯ ได๎แกํ กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง
3.1.6 อนุสัญญาว่าด้วยการบินพลเรือนระหว่างประเทศ
องค์การการบินพลเรือนระหวํางประเทศ (International Civil Aviation Organization - ICAO) ได๎ จัดทําอนุสัญญาวําด๎วยการบินพลเรือนพลเรือนระหวํางประเทศ (Convention on International Civil Aviation หรืออนุสัญญาชิคาโก (Chicago Convention 1944) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสํงเสริมความ ปลอดภัยและการพัฒนาอยํางเป็นระเบียบของการบินพลเรือระหวํางประเทศของโลก โดยมุํงเน๎น การจัด ระเบียบความปลอดภัยทางการบิน ความมั่นคง ประสิทธิภาพ ประเด็นที่เกี่ยวกับการเดินอากาศ และการ คุ๎มครองและอนุรักษ์สิ่งแวดล๎อมที่ได๎รับผลกระทบจากการบินพลเรือน
ภายใต๎ภาคผนวก 9 (Annex 9) วําด๎วยการอํานวยความสะดวก (Facilitation) กําหนดให๎มีการบูรณา การการทํางานผํานการสร๎างความรํวมมือระหวํางหนํวยงานที่เกี่ยวข๎องกับการควบคุมการเคลื่อนย๎ายคนและ สินค๎าระหวํางประเทศ เชํน หนํวยงานด๎านการขนสํง หนํวยงานด๎านการควบคุมโรคติดตํอของคน สัตว์ และพืช หนํวยงานตรวจคนเข๎าเมืองและแรงงาน หนํวยงานตรวจสอบและบันทึกประวัติของคนเข๎าเมือง หนํ วยงาน ศุลกากร และหนํวยงานด๎านการตรวจสอบและตรวจปลํอยสินค๎าและสัมภาระของผู๎โดยสารและลูกเรือ หนํวยงานด๎านการตรวจสอบและตรวจปลํอยอากาศยาน ตลอดจนขอให๎มีการจัดตั้งคณะกรรมการอํานวย ความสะดวกด๎านการบินพลเรือน (National Civil Aviation Facilitation Committee - NFC) เพื่อสํงเสริม การดําเนินการด๎านการอํานวยความสะดวกด๎านการบินพลเรือนและทํางานรํวมกันระหวํางหนํวยงานที่ เกี่ยวข๎องกับการจัดระเบียบการเดินทางของคน การเดินทางของสินค๎า และการควบคุมอากาศยานที่ผํานเข๎า ออกทําอากาศยาน
หนํวยงานที่เป็นเจ๎าภาพกลางด๎านการอํานวยความสะดวกด๎านการบินพลเรือนของแตํละประเทศมัก มอบหมายให๎ กระทรวงคมนาคม เป็นเจ๎าภาพ โดยมีหนํวยงานที่เกี่ยวข๎องเข๎ารํวม ได๎แกํ สํานักงานการบินพล เรือน สํานักงานตรวจคนเข๎าเมือง กรมศุลกากร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวง แรงงาน กระทรวงการตํางประเทศ หนํวยงานผู๎ให๎บริการทําอากาศยาน และหนํวยงานผู๎ให๎บริการสายการบิน
3.1.7 อนุสัญญาการอํานวยความสะดวกทางการขนส่งทางทะเล
องค์การทางทะเลระหวํางประเทศ (International Maritime Organization - IMO) ได๎มีการจัดทํา อนุสัญญาการอํานวยความสะดวกทางการขนสํงทางทะเล (Facilitation of International Maritime Traffic Convention - FAL) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสํงเสริมการอํานวยความสะดวกการขนสํงทางทะเลและพัฒนา มาตรการที่เหมาะสมในการในการเพิ่มความรวดเร็วฉับไวในการให๎บริการขนสํงทางทะเล และปูองกันการใช๎ มาตรการที่ไมํจําเป็นที่ทําให๎เกิดความลําช๎าในการเดินเรือ การขนสํงสินค๎าและผู๎โดยสารทางเรือ
การที่องค์การ IMO มีความจําเป็นต๎องออกอนุสัญญา FAL นั้น เนื่องจากการขนสํงทางทะเลสํวนใหญํ จะเป็นการขนสํงทางทะเลระหวํางประเทศ และเมื่อเรือเข๎าเทียบทําหรือออกจากทําในประเทศตํางๆ จะต๎องใช๎ เอกสารและพิธีการที่แตกตํางในแตํละประเทศ ประกอบกับมีเอกสารที่เกี่ยวข๎องจํานวนมากที่ต๎องยื่นให๎กับ หนํวยงานตํางๆ ที่มีความรับผิดชอบในที่แตกตํางกันประกอบด๎วยกระทรวงเกษตร กระทรวงการค๎า กระทรวง คมนาคม กรมศุลกากร กระทรวงกลาโหม สํานักงานตํารวจ กระทรวงสาธารณสุข สํานักงานตรวจคนเข๎าเมือง ดังแสดงในตารางที่ 2-10
ตารางที่ 2-10 หนํวยงานที่เกี่ยวข๎องกับพิธีการนําเข๎าและสํงออกสินค๎าทางทะเลทีต๎องมีการยื่นเอกสารที่เกี่ยวข๎อง
หน่วยงาน | ความเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติพิธีการนําเข้าและส่งออกสนค้าทางทะเล และ การอํานวยความสะดวกทางการค้าและขนส่ง |
กระทรวงเกษตร และกระทรวงการค๎า | อนุญาตให๎นําเข๎าและสํงออกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร อาหาร ผลิตภัณฑ์จาก สัตว์ |
กระทรวงคมนาคม | อนุญาตให๎นําเรือเข๎าและออกจากนํานน้ํา เขตทําเรือ จัดระเบียบการเดินเรือ และจัดการจราจรทางน้ํา อนุญาตให๎เรือเข๎าเทียบทํา |
กรมศุลกากร | ควบคุมการนําเข๎าและสํงออกสินค๎า การผํานแดน การถํายลําของสินค๎า การ กําหนดประเภทสินค๎าต๎องกํากัดและสินค๎าห๎ามนําเข๎าและสํงออก |
กระทรวงกลาโหม | กํากับควบคุมการรุกล้ํานํานน้ําของเรือตํางประเทศที่ไมํได๎อยูํภายใต๎กฎระเบียบ |
สํานักงานตํารวจ | ตรวจสอบการกระทําผิดกฎหมาย จับกุม และดําเนินคดีความที่เกิดขึ้นจากการ เดินเรือในนํานน้ําประเทศ |
กระทรวงสาธารณสุข | ควบคุมโรคระบาดและโรคติดตํอที่มาจากคนประจําเรือหรือผู๎โดยสารบนเรือ |
สํานักงานตรวจคนเข๎าเมือง | กํากับควบคุมการเข๎าเมืองของคนประจําเรือหรือผู๎โดยสารบนเรือ |
กระทรวงคมนาคม | ตรวจสอบหนังสือรับรองความปลอดภัยในการเดินเรือ อุปกรณ์ประจําเรือ ทะเบียนเรือ อุปกรณ์ขนถํายสินค๎า |
กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล๎อม | ตรวจสอบและติดตามการทิ้งขยะและการปลํอยมลพิษมิให๎เกิดที่กําหนด |
กระทรวงมหาดไทย | ตรวจสอบความเป็นระเบียบเรียบร๎อยบริเวณทําเรือ และสถานที่ขนถํายสินค๎า |
ที่มา: รวบรวมจากองค์การทางทะเลระหวํางประเทศ
โดยหนํวยงานที่มีความสําคัญมากที่สุดในการปฏิบัติพิธีการข๎ามแดนและผํานแดน ได๎แกํ กรม ศุลกากร (Customs) สํานักงานตรวจคนเข๎าเมือง (Immigration) กระทรวงคมนาคม และกระทรวงเกษตร ที่ กํากับการนําเข๎าและการสํงออกสินค๎าเกษตรบางรายการ
อนุสัญญา FAL ประกอบด๎วยการกําหนดกฎระเบียบเพื่อทําให๎พิธีการขนสํงทางทะเลมีความเรียบงําย ขึ้น ตลอดจนออกข๎อกําหนดและพิธีการนําเรือเข๎าเทียบทําและการนําเรือออกจากทํา โดยกําหนดให๎เอกสารที่ ใช้ในการสําแดงต่อหน่วยงานภาครัฐเมื่อเข้าเทียบท่า ณ ท่าเรือในประเทศภาคีจะประกอบด๎วย (1) IMO
General Declaration (2) Cargo Declaration (3) Ship’s Stores Declaration (4) Crew’s Effects Declaration (5) Crew List (6) Passenger List (7) Dangerous Goods Manifest และ (8) เอกสารอื่นๆ ที่ กําหนดโดยการไปรษณีย์โลก องค์การอนามัยโลก และข๎อกําหนดของหนํวยงานด๎านสาธารณสุข
ในภาพรวม หน่วยงานที่มีบทบาทหลักในการดําเนินงานตามอนุสัญญาการอํานวยความสะดวก ทางการขนส่งทางทะเล ได๎แกํ กรมเจ๎าทํา กระทรวงคมนาคม
จากข๎อมูลในปี 2559 พบวํา มีสมาชิกประเทศอาเซียนที่ให๎สัตยาบันอนุสัญญาการอํานวยความสะดวก ทางการขนสํงทางทะเลของ IMO – UN มีจํานวน 4 ประเทศจาก 10 ประเทศ ได๎แกํ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม สมาชิกอาเซียนที่ให้สัตยาบันดังกล่าวข้างต้นมอบหมายให้หน่วยงานเจ้าภาพในการ ประสานงาน ได้แก่ กระทรวงคมนาคม ขณะที่ประเทศที่เหลือ ได๎แกํ บรูไน กัมพูชา สปป.ลาว มาเลเซีย เมียนมา และฟิลิปปินส์ ดังแสดงในตารางที่ 2-11 ยังไมํได๎ให๎สัตยาบันความตกลงการอํานวยความสะดวก ทางการขนสํงทางทะเล
ตารางที่ 2-11 สมาชิกอาเซียนที่ให๎สัตยาบันอนุสัญญาการอํานวยความสะดวกทางการขนสํงทางทะเลของ IMO
บรูไน | กัมพูชา | อินโดนีเซีย | ลาว | มาเลเซีย | เมียนมา | ฟิลิปปินส์ | สิงคโปร์ | ไทย | เวียดนาม | |
สมาชิกที่เข้า ร่วม | 🗸 | 🗸 | 🗸 | 🗸 | ||||||
หน่วยงาน ประสานงาน | คมนาคม | คมนาคม | คมนาคม | คมนาคม | ||||||
ยังไม่ได้เข้า ร่วม | 🗴 | 🗴 | 🗴 | 🗴 | 🗴 | 🗴 |
ที่มา: รวบรวมจากองค์การทางทะเลระหวํางประเทศ
3.1.8 อนุสัญญาศุลกากรว่าด้วยการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ
อนุสัญญาศุลกากรวําด๎วยการขนสํงสินค๎าระหวํางประเทศ (Customs Convention on the International Transport of Goods under Cover of TIR Carnet หรือ TIR Convention) เป็นอนุสัญญา ที่คณะกรรมาธิการสหประชาชาติประจํายุโรปเป็นผู๎ริเริ่มให๎มีการนํามาใช๎สําหรับการขนสํงสินค๎าภายในภูมิภาค ยุโรป (UNECE) ซึ่งมีการรวมตัวกันทางเศรษฐกิจ
วัตถุประสงค์หลักของ TIR Convention เป็นการอํานวยความสะดวกการขนสํงข๎ามแดนและการขน สํงผํานแดน โดยให๎มีการยอมรับพิธีการศุลกากรผํานแดน (Customs Transport) ระหวํางชาติที่เป็นภาคี โดย ในกรณีที่สินค๎ามีการปิดผนึก (Sealed) จากหนํวยงานศุลกากรประเทศต๎นทางแล๎ว จะอนุญาตให๎มีการนํา สินค๎าดังกลําวข๎ามแดนและผํานแดนได๎โดยไมํจําเป็นต๎องเปิดสินค๎าตรวจอีกหากได๎รับการขนสํงโดย ผู๎ประกอบการขนสํงที่ได๎รับการรับรองจากรัฐประเทศภาคี (สํวนใหญํจะต๎องเป็นผู๎ประกอบการขนสํงที่เป็น สมาชิกสมาคมการขนสํงแหํงชาติที่รัฐให๎การรับรอง) ยกเว๎นในกรณีต๎องสงสัยอาจสุํมเปิดตรวจได๎ นอกจากนี้ TIR Convention ยังกําหนดหลักการอื่นที่เสริมกับการยอมรับพิธีการศุลกากรผํานแดน เชํน การกําหนดระบบ การวางเงินค้ําประกันระหวํางประเทศ การใช๎เอกสารศุลกากรที่เป็นแบบเดียวกัน การยอมรับระบบควบคุม ศุลกากรระหวํางประเทศภาคี การใช๎ระบบการตรวจรํวมทางศุลกากร การอนุญาตคุณสมบัติของรถบรรทุกและ ตู๎สินค๎าที่ปิดผนึกแล๎ว
จากข๎อมูลในปี 2559 พบวํา มีสมาชิกอาเซียนประเทศเดียว ได๎แกํ อินโดนีเซีย (ซึ่งเป็นประเทศที่เป็น เกาะและไมํมีกิจกรรมการขนสํงสินค๎าทางบกข๎ามแดนและผํานแดน) ที่ให๎สัตยาบันอนุสัญญา TIR Convention ขณะที่ประเทศอื่นของอาเซียนยังไมํมีประเทศใดให๎สัตยาบันอนุสัญญาฯ ดังกลําว ดังแสดงตาม ตารางที่ 2-12
ตารางที่ 2-12 สมาชิกอาเซียนที่นําหลักการของอนุสัญญาศุลกากรวําด๎วยการขนสํงสินค๎าระหวํางประเทศ TIR Convention มาใช๎
บรูไน | กัมพูชา | อินโดนีเซีย | ลาว | มาเลเซีย | เมียนมา | ฟิลิปปินส์ | สิงคโปร์ | ไทย | เวียดนาม | |
สมาชิกที่เข้า ร่วม | 🗸 | |||||||||
หน่วยงาน ประสานงาน | ศุลกากร | |||||||||
ยังไม่ได้เข้า ร่วม | 🗴 | 🗴 | 🗴 | 🗴 | 🗴 | 🗴 | 🗴 | 🗴 | 🗴 |
ที่มา: รวบรวมจากคณะกรรมาธิการสหประชาชาติประจํายุโรป (UNECE)
3.1.9 อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการปรับการควบคุมสินค้าที่ด่านพรมแดนให้ เป็นแบบเดียวกัน
อนุสัญญาระหวํางประเทศวําด๎วยการปรับการควบคุมสินค๎าที่ดํานพรมแดนให๎เป็นแบบเดียวกัน ศุลกากรวําด๎วยการขนสํงสินค๎าระหวํางประเทศ (Customs Convention on the Harmonization of Frontier Controls of Goods) เป็นอนุสัญญาที่มีวัตถุประสงค์เพื่อลดข๎อกําหนดด๎านพิธีการ ลดจํานวน และ ลดระยะเวลาในการควบคุมการเคลื่อนย๎ายสินค๎าระหวํางประเทศ รวมถึงมีการประสานงานงานกํากับควบคุม สินค๎าระหวํางประเทศภาคีความตกลงฯ ผํานกลไกการดําเนินงานตํางๆ ได๎แกํ (1) กาจัดทําระบบการตรวจ สินค๎าและเอกสารรํวมกันระหวํางเจ๎าหน๎าที่สองประเทศชายแดนที่อยูํติดกัน (Single Stop Inspection)
(2) การใช๎ดํานพรมแดนและสิ่งอํานวยความสะดวกรํวมกันในการตรวจสินค๎าและยานพาหนะที่ขนสํงข๎ามแดน และผํานแดน (3) การประสานงานชั่วโมงการทํางานการตรวจสินค๎าและเอกสาร (4) การยอมรับมาตรฐานการ ตรวจสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช และการตรวจโรคที่เป็นแบบอยํางเดียวกัน เพื่อลดขั้นตอนการตรวจสอบที่ ไมํจําเป็นขณะที่ทําการเคลื่อนย๎ายสินค๎าข๎ามแดนและผํานแดนระหวํางประเทศ และ (5) การอํานวยความ สะดวกการขนสํงสินค๎าผํานแดนและข๎ามแดนให๎แกํประเทศที่ไมํมีทางออกสูํทะเล
จากข๎อมูลในปี 2559 พบวํา มีสมาชิกอาเซียนประเทศเดียว ได๎แกํ สปป.ลาว ที่ให๎สัตยาบันอนุสัญญา ระหวํางประเทศวําด๎วยการปรับการควบคุมสินค๎าที่ดํานพรมแดนให๎เป็นแบบเดียวกัน ขณะที่ประเทศอื่นของ อาเซียนยังไมํมีประเทศใดให๎สัตยาบันอนุสัญญาฯ ดังกลําว ดังแสดงตามตารางที่ 2-13
ตารางที่ 2-13 สมาชิกอาเซียนที่ให๎สัตยาบันอนุสัญญาระหวํางประเทศวําด๎วยการปรับการควบคุมสินค๎าที่ดําน พรมแดนให๎เป็นแบบเดียวกัน
บรูไน | กัมพูชา | อินโดนีเซีย | ลาว | มาเลเซีย | เมียนมา | ฟิลิปปินส์ | สิงคโปร์ | ไทย | เวียดนาม | |
สมาชิกที่เข้า ร่วม | 🗸 | |||||||||
หน่วยงาน ประสานงาน | คมนาคม | |||||||||
ยังไม่ได้เข้า ร่วม | 🗴 |
ที่มา: รวบรวมจากองค์การสหประชาชาติ
หลักเพื่อ
3.1.10 อนุสัญญาศุลกากรว่าด้วยตู้คอนเทนเนอร์
อนุสัญญาศุลกากรวําด๎วยตู๎คอนเทนเนอร์ (Customs Convention on Container) มีวัตถุประสงค์
(1) ให๎ประเทศภาคียอมรับการนําตู๎คอนเทนเนอร์เข๎าประเทศมาได๎เป็นการชั่วคราวได๎โดยไมํเรียกเก็บ
ภาษี อากรนําเข๎า และเงินวางค้ําประกันสําหรับตู๎คอนเทนเนอร์ดังกลําว ตลอดจนไมํต๎องจัดทําเอกสารศุลกากร ที่เกี่ยวข๎องกับตู๎คอนเทนเนอร์ดังกลําว โดยมีเงื่อนไขวําจะต๎องนําตู๎คอนเทนเนอร์กลับออกไปภายในเวลา 3 เดือนนับจากวันนําเข๎า (หรืออาจขยายเวลานานกวํา 3 เดือน หากได๎รับอนุญาตจากหนํวยงานศุลกากรของ ประเทศที่นําเข๎าตู๎คอนเทนเนอร์)
(2) ให๎ประเทศภาคีต๎องอนุญาตให๎นําตู๎คอนเทนเนอร์ที่ปิดผนึกศุลกากร (Customs Seal) ของ ประเทศที่อยูํภายใต๎ภาคีความตกลงฯ
(3) ห๎ามประเทศภาคีนําตู๎คอนเทนเนอร์ที่ใช๎เพื่อการขนสํงระหวํางประเทศมาใช๎สําหรับการขนสํง สินค๎าภายในประเทศ ยกเว๎นกรณีการนําตู๎คอนเทนเนอร์บรรจุที่โรงงานหรือสถานที่ขนถํายสินค๎า ภายในประเทศโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทําการสํงออกสินค๎าที่บรรจุ ณ สถานที่ดังกลําวข๎างต๎น
ตารางที่ 2-14 สมาชิกอาเซียนที่ให๎สัตยาบันอนุสัญญาวําด๎วยตู๎คอนเทนเนอร์
บรูไน | กัมพูชา | อินโดนีเซีย | ลาว | มาเลเซีย | เมียนมา | ฟิลิปปินส์ | สิงคโปร์ | ไทย | เวียดนาม | |
สมาชิกที่เข้า ร่วม | 🗸 | |||||||||
หน่วยงาน ประสานงาน | ศุลกากร | |||||||||
ยังไม่ได้เข้า ร่วม | 🗴 | 🗴 | 🗴 | 🗴 | 🗴 | 🗴 | 🗴 | 🗴 | 🗴 |
ที่มา: รวบรวมจากองค์การสหประชาชาติ
3.2 กรอบความตกลงอาเซียนที่เกี่ยวข้องกับการค้าสินค้าข้ามแดนและผ่านแดน
3.2.1 กรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอํานวยความสะดวกการขนส่งผ่านแดน
รัฐมนตรีกระทรวงการขนส่งของอาเซียนทุกประเทศได๎ลงนามกรอบความตกลงอาเซียนวําด๎วยการ อํานวยความสะดวกการขนสํงผํานแดน (ASEAN Framework Agreement on the Facilitation of Goods
in Transit – AFAFGIT) เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ.1998 (พ.ศ.2541) ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม โดยมี วัตถุประสงค์ (1) เพื่ออํานวยความสะดวกการขนสํงสินค๎าผํานแดนระหวํางประเทศสมาชิกเพื่อสนับสนุนการ เปิดเสรีการค๎าสินค๎าและการรวมกลุํมเศรษฐกิจในภูมิภาค (2) เพื่อปรับกฎระเบียบการขนสํง การค๎า และ ศุลกากรชองประเทศสมาชิกอาเซียนให๎งําย โปรํงใส สะดวก มีประสิทธิภาพ และสอดคล๎องเข๎ากันได๎เพื่อ อํานวยความสะดวกตํอการขนสํงสินค๎าผํานแดน และ (3) จัดตั้งระบบการขนสํงผํานแดนภายในอาเซียนให๎เป็น รูปแบบเดียวกันอยํางมีประสิทธิภาพ
สรุปสาระสําคัญของ AFAFGIT ดังนี้
• การอนุญาตให้สิทธิการประกอบการขนส่งสินค้าผ่านแดน ประเทศภาคีความตกลงฯ จะอนุญาต ให๎ผู๎ประกอบการขนสํงของประเทศที่จัดตั้งขึ้นในประเทศภาคีรายใดรายหนึ่งสามารถขนสินค๎าผําน แดนอีกทั้งจะไมํเรียกเก็บอากรศุลกากร ภาษี และคําธรรมเนียมอื่นๆ ยกเว๎นคําบริการที่ได๎จัดให๎ สําหรับการขนสํงสินค๎าผํานแดนไว๎เป็นพิเศษเทํานั้น อีกทั้งยอมรับสินค๎าผํานแดนที่ได๎รับการ บรรทุกและลงสลักประทับ (Customs Seal) แล๎วจะไมํต๎องตรวจสอบอีก ยกเว๎นกรณีที่เจ๎าหน๎าที่ ศุลกากรสงสัยวําอาจมีการลักลอบขนสินค๎าผิดกฎหมายหรือหนีการตรวจศุลกากร ก็สามารถทํา การตรวจสอบสินค๎าได๎เป็นครั้งคราว
• เส้นทางอนุมัติให้ทําการขนส่งข้ามแดนและด่านพรมแดน เส๎นทางที่ได๎รับอนุมัติให๎ทําการขน สํงผํานแดนในอาเซียนจะต๎องเป็นไปตามพิธีสารที่ 1 แนบท๎ายความตกลง AFAFGIT (ซึ่งเป็น เส๎นทางอนุมัติเดียวกับความตกลงการอํานวยความสะดวกการขนสํงสินค๎าข๎ามแดน) โดยปัจจุบัน เส๎นทางอนุมัติให๎ทําการขนสํงสินค๎าข๎ามแดนของประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ๎าน ได๎แกํ
กรณีประเทศไทย เส๎นทางที่ได๎รับอนุมัติให๎ทําการขนสํงสินค๎าข๎ามแดน ได๎แกํ
(1) เส้นทาง AH1 จุดต๎นทางเริ่มต๎นจาก อ.แมํสอด (ดํานชายแดนไทย-เมียนมา) จังหวัดตาก กรุงเทพฯ สระบุรี (อ.หินกอง) นครนายก สระแก๎ว (อ.อรัญประเทศ และ อ.คลองลึก) (ดําน ชายแดนไทย – กัมพูชา) รวมระยะทาง 702 กิโลเมตร
(2) เส้นทาง AH2 จุดต๎นทางเริ่มต๎นจาก อ.แมํสาย (ดํานชายแดนไทย-เมียนมา) จังหวัดเชียงราย ลําปาง ตาก กรุงเทพฯ (วงแหวนตะวันตก) นครปฐม ราชบุรี (อ.ปากทํอ) ชุมพร สุราษฎร์ธานี
พัทลุง สงขลา (อ.สะเดา) (ดํานชายแดนไทย – มาเลเซีย) รวมระยะทาง 1,923 กิโลเมตร
(3) เส้นทาง AH3 จุดต๎นทางเริ่มจาก อ.เชียงของ ถึง อ.เมือง จังหวัดเชียงราย รวมระยะทาง 115 กิโลเมตร
(4) เส้นทาง AH12 จุดต๎นทางเริ่มต๎นจาก อ.หินกอง จังหวัดสระบุรี นครราชสีมา ขอนแกํน หนองคาย (ดํานชายแดนไทย – ลาว) รวมระยะทาง 533 กิโลเมตร
(5) เส้นทาง AH16 จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากจังหวัดตาก พิษณุโลก ขอนแกํน กาฬสินธุ์ (อ.สมเด็จ)
มุกดาหาร (ดํานชายแดนไทย – ลาว) รวมระยะทาง 713 กิโลเมตร
(6) เส้นทาง AH19 จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากจังหวัดนครราชสีมา ปราจีนบุรี (อ.กบินทร์บุรี) แหลม ฉบัง (วงแหวนตะวันออก) อยุธยา (อ.บางปะอิน) รวมระยะทาง 419 กิโลเมตร
กรณีประเทศกัมพูชา เส๎นทางที่ได๎รับอนุมัติให๎ทําการขนสํงสินค๎าข๎ามแดน ได๎แกํ
(1) เส้นทาง AH1 จุดต๎นทางเริ่มต๎นจาก อ.ปอยเปต (ดํานชายแดนกัมพูชา – ไทย) ศรีโสภณ กรุง พนมเปญ Bavet (ดํานชายแดนกัมพูชา – เวียดนาม) รวมระยะทาง 574 กิโลเมตร
(2) เส้นทาง AH11 จุดต๎นทางเริ่มต๎นจาก Trapeing Kreal (ดํานชายแดนกัมพูชา – ลาว) จังหวัดสตึงแตรง จังหวัดกัมปงจาม กรุงพนมเปญ ทําเรือสีหนุวิลล์ รวมระยะทาง 764 กิโลเมตร
กรณี สปป. ลาว เส๎นทางที่ได๎รับอนุมัติให๎ทําการขนสํงสินค๎าข๎ามแดน ได๎แกํ
(1) เส้นทาง AH3 จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากเมืองบํอเต็น (ดํานชายแดนลาว – จีน) แขวงหลวงน้ําทา แขวงบํอแก๎ว (เมืองห๎วยไซ) (ดํานชายแดนลาว – ไทย) รวมระยะทาง 251 กิโลเมตร
(2) เส้นทาง AH12 จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากเมืองนาเตรีย (แยกจาก AH3) แขวงอุดมไซย แขวง หลวงพระบาง แขวงเวียงจันทน์ รวมระยะทาง 682 กิโลเมตร
(3) เส้นทาง AH11 จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากแขวงเวียงจันทน์ (แยกจาก AH12) บ๎านลาว แขวงคํา
มํวน (เมืองทําแขก) แขวงสะหวันนะเขต แขวงจําปาสัก (เมืองปากเซ และเมืองเหวินคาม) (ดํานชายแดนลาว –กัมพูชา) รวมระยะทาง 861 กิโลเมตร
(4) เส้นทาง AH15 จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากเมืองน้ําพาว แขวงบอลิคําไซ (ดํานชายแดนลาว – เวียดนาม) บ๎านลาว (แยกจาก AH11) รวมระยะทาง 136 กิโลเมตร
(5) เส้นทาง AH11 จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากแขวงเวียงจันทน์ (แยกจาก AH12) บ๎านลาว แขวงคํา มํวน (เมืองทําแขก) แขวงสะหวันนะเขต แขวงจําปาสัก (เมืองปากเซ และเมืองเหวินคาม)
(ดํานชายแดนลาว – กัมพูชา) รวมระยะทาง 861 กิโลเมตร
(6) เส้นทาง AH16 จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากแขวงสะหวันนะเขต (ดํานชายแดนลาว-ไทย) เมืองแดน นะหวัน (ดํานชายแดนลาว – เวียดนาม) รวมระยะทาง 240 กิโลเมตร
กรณีประเทศมาเลเซีย เส๎นทางที่ได๎รับอนุมัติให๎ทําการขนสํงสินค๎าข๎ามแดน ได๎แกํ
(1) เส้นทาง AH2 จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากเมืองบูกิตกาหยูฮิตัม (Bukit Kayu Hitam) (ดํานชายแดน มาเลเซีย-ไทย) รัฐเคดะห์ กรุงกัวลาลัมเปอร์ Seremban – Senai Utara – Tanjung Kupang รวมระยะทาง 980 กิโลเมตร
(2) เส้นทาง AH150 จุดต๎นทางเริ่มต๎นจาก Entikong / Tebedu (ดํานชายแดนมาเลเซีย – อินโดนีเซีย) –Serian – Kuching รวมระยะทาง 105 กิโลเมตร
(3) เส้นทาง AH150 จุดต๎นทางเริ่มต๎นจาก Serian – Sibu – Bintulu – Miri รวมระยะทาง 861
กิโลเมตร
(4) เส้นทาง AH150 จุดต๎นทางเริ่มต๎นจาก Miri – Sg.Tujoh (ดํานชายแดนมาเลเซีย –บรูไน) รวมระยะทาง 24 กิโลเมตร
กรณีประเทศเมียนมา เส๎นทางที่ได๎รับอนุมัติให๎ทําการขนสํงสินค๎าข๎ามแดน ได๎แกํ
(1) เส้นทาง AH1 จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากเมือง Tamu (ดํานชายแดนเมียนมา-อินเดีย) เขต Mandalay –Meiktila – Payagyi – Yangon – Myawadi (ดํานชายแดนเมียนมร์-ไทย) รวม ระยะทาง 1,665 กิโลเมตร
(2) เส้นทาง AH2 จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากเมือง Meiktila – Loilem – Keng Tung – Tachileik (ดํานชายแดนเมียนมา-ไทย) รวมระยะทาง 807 กิโลเมตร
(3) เส้นทาง AH3จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากเมือง Kyaington (keng Tung) เชียงตุง –Mongla (มอง ลา) รวมระยะทาง 93 กิโลเมตร
(4) เส้นทาง AH14 จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากเมืองมูเซ (Muse) (ดํานชายแดนเมียนมา – จีน) – มัณฑะเลย์ รวมระยะทาง 453 กิโลเมตร
กรณีประเทศเวียดนาม เส๎นทางที่ได๎รับอนุมัติให๎ทําการขนสํงสินค๎าข๎ามแดน ได๎แกํ
(1) เส้นทาง AH1 จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากเมืองมอกไบ (Moc Bai) (ดํานชายแดนเวียดนาม – กัมพูชา) –นครโฮจิมินต์ รวมระยะทาง 99 กิโลเมตร
(2) เส้นทาง AH1 จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากเมืองดองฮา (Dong Ha) – ดานัง/ เทียนซา รวม ระยะทาง 197 กิโลเมตร
(3) เส้นทาง AH15 จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากเมือง Keo Nau (ดํานชายแดนเวียดนาม-ลาว) Bai Vot Vinh – Cua Lo รวมระยะทาง 123 กิโลเมตร
(4) เส้นทาง AH16 จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากเมืองลาวบาว (ดํานชายแดนเวียดนาม-ลาว) - ดองฮา
(Dong Ha) รวมระยะทาง 83 กิโลเมตร
(5) เส้นทาง AH17 จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากเมือง Dong Nai–Vung Tau รวมระยะทาง 75 กิโลเมตร
• การจัดให้มีจุดพักรถ ประเทศภาคีความตกลง AFAFGIT พยายามจัดให๎มีจุดพักรถ (Rest Area) ตามแนวเส๎นทางอนุมัติโดยมีระยะหํางระหวํางจุดพักรถแตํละแหํงตามความเหมาะสม
• ด่านพรมแดน ดํานพรมแดนที่ได๎รับอนุมัติให๎ทําการขนสํงสินค๎าผํานแดนได๎ต๎องเป็นไปตามพิธีสาร ที่ 2 แนบท๎ายความตกลง AFAFGIT (ปัจจุบันอาเซียนยังไมํสามารถหาข๎อสรุปในการกําหนดดําน พรมแด) เพื่ออํานวยความสะดวกแกํการขนสํงสินค๎าตามแนวเส๎นทางอนุมัติ ทั้งนี้ ดํานพรมแดน ต๎องจัดให๎มีสถานที่เก็บสินค๎า ลานวางกองสินค๎าคอนเทนเนอร์ ลานจอดรถ ลานจอดรถบรรทุกเพื่อ รอคอยการตรวจปลํอย และพื้นที่ควบคุม (Control Area) เพื่อตรวจปลํอยสินค๎าที่ขนสํงสินค๎า ผํานแดน นอกจากนี้ ยังอาจพิจารณาสํงเสริมให๎มีการประสานระยะเวลาทําการของประเทศที่มี พรมแดนติดกัน และสํงเสริมให๎เจ๎าหน๎าที่ของดํานพรมแดนของประเทศที่ตั้งอยูํติดกันมาทําการ ตรวจปลํอยสินค๎ารํวมกันในคราวเดียวกัน
• การจัดระเบียบการจราจร ประเทศภาคีความตกลงฯ จะใช๎มาตรการที่สอดคล๎องกันในการจัด ระเบียบการจราจรภายในดินแดนของตน โดยอ๎างอิงตามอนุสัญญาการจราจรทางถนน (Convention on Road Traffic) ค.ศ.1968 ขององค์การสหประชาชาติที่ให๎ใช๎ปูายอาณัติ สัญญาณจราจรตํางๆ ให๎เป็นรูปแบบเดียวกัน
• ชนิดของรถบรรทุกที่อนุญาตให้ทําการขนส่งผ่านแดนได้ ระบุอยูํภายใต๎พิธีสารที่ 3 แนบท๎าย ความตกลง AFAFGIT ประกอบด๎วยรถบรรทุก 3 ชนิดที่ใช๎เพื่อการพาณิชย์ ได๎แกํ (1) รถบรรทุก เชิงเดี่ยว (Rigid Motor Vehicle) (2) รถพํวงและรถหัวลาก (Prime Mover) (3) รถกึ่งพํวง (Semi-Trailer) โดยรถบรรทุกทั้งสามชนิดใช๎สําหรับการขนสํงสินค๎าตู๎คอนเทนเนอร์ สินค๎าแชํเย็น สินค๎าบรรจุแท็ง์ (น้ํามัน ก๏าซ เคมีภัณฑ์) และสินค๎าบรรจุหีบหํอทั่วไป โดยมีเงื่อนไขวําสินค๎าที่ ขนสํงต๎องได๎รับการประทับตราศุลกากร (Customs Seal) ไมํมีการเคลื่อนย๎ายสินค๎าเข๎าหรือออก
จากหนํวยบรรจุ และจัดให๎มีพื้นที่ภายในรถบรรทุกมากเพียงพอที่เจ๎าหน๎าที่ศุลกากรจะทําการ ตรวจสอบได๎ ตลอดจนต๎องไมํมีการถอดสลักล็อกหนํวยบรรจุหากไมํได๎รับความเห็นชอบจาก เจ๎าหน๎าที่ศุลกากร
• ลักษณะเชิงเทคนิคของรถบรรทุกที่ได้รับอนุญาต ได๎กําหนดในพิธีสารที่ 4 แนบท๎ายความตกลง ดังนี้
(1) รถบรรทุกเชิงเดี่ยว ห๎ามมีความยาวของรถเกินกวํา 12.2 เมตร
(2) รถพํวง ห๎ามมีความยาวของรถพํวงเกินกวํา 16 เมตร
(3) รถทุกชนิด ห๎ามมีความกว๎างเกิน 2.5 เมตร
(4) รถทุกชนิด ห๎ามมีความสูงเกิน 4.2 เมตร
(5) สํวนเกินของรถบรรทุกเมื่อนับจากสํวนท๎ายห๎ามยาวเกินร๎อยละ 60 ของฐานล๎อ (Wheel Base) (กรณีรถบรรทุกเชิงเดี่ยวที่มี 3 เพลา)
(6) น้ําหนักบรรทุกรวม (Gross Weight) สําหรับ (ก)รถบรรทุกเชิงเดี่ยวที่มี 3 เพลา ห๎ามมีน้ําหนัก
เกิน 21 ตัน (ข) รถบรรทุกเชิงเดี่ยวที่มี 4 เพลา ห๎ามมีน้ําหนักเกิน 25 ตัน (ค) รถหัวลากพร๎อม สํวนพํวงที่มี 4 เพลา ห๎ามมีน้ําหนักเกิน 32 ตัน (ง) รถหัวลากพร๎อมสํวนพํวงที่มี 5 เพลา ห๎าม มีน้ําหนักเกิน 36 ตัน และ (จ) รถหัวลากพร๎อมสํวนพํวงที่มี 6 เพลา ห๎ามมีน้ําหนักเกิน 38 ตัน
(7) ปริมาณก๏าซของเสียที่ปลํอยออกจากรถ ห๎ามมีคําเกินร๎อยละ 50 HSU
(8) ประสิทธิภาพของระบบห๎ามล๎อ มีคําไมํน๎อยกวําร๎อยละ 50 เมื่อเทียบกับน้ําหนักบรรทุก และ ระยะ Side Slip ไมํเกิน 5 เมตร/กิโลเมตร
• ปริมาณรถบรรทุกที่อนุญาตให้ทําการขนส่งผ่านแดนได้ จะระบุอยูํภายใต๎พิธีสารที่ 3 แนบท๎าย ความตกลง AFAFGIT โดยในเบื้องต๎น ประเทศสมาชิกอาเซียนเห็นชอบให๎มีจํานวนรถบรรทุกของ แต่ละประเทศที่ได้รับอนุญาตให้ใช้เส้นทางอนุมัติสําหรับการขนส่งผ่านแดนมีจํานวนไม่เกิน ประเทศละ 60 คัน อยํางไรก็ตาม ในอนาคต ประเทศสมาชิกอาเซียนอาจหารือเพื่อปรับเปลี่ยน จํานวนรถบรรทุกที่อนุญาตฯ ได๎ตามความเหมาะสม
• ใบอนุญาตประกอบการขนส่งผ่านแดน ประเทศสมาชิกอาเซียนจะดําเนินการจัดทําข๎อกําหนด การออกใบอนุญาตประกอบการขนสํงผํานแดนให๎มีรูปแบบเดียวกันเพื่ออํานวยความสะดวกในการ ขนสํงผํานแดน
• การยอมรับหนังสือรับรองการตรวจสภาพรถบรรทุก ประเทศสมาชิกอาเซียนตระหนักถึงการ ยอมรับหนังสือรับรองการตรวจสภาพรถบรรทุกที่ออกโดยประเทศภาคีความตกลงฯ โดยเห็นชอบ ให๎ใช๎หลักการตามที่กําหนดไว๎ในความตกลงการยอมรับหนังสือรับรองการตรวจสภาพรถบรรทุก สินค๎าและรถสาธารณะภายอาเซียน ซึ่งลงนามเมื่อวันที่ 10 กันยายน ค.ศ.1988
• การยอมรับใบอนุญาตขับขี่รถบรรทุก ประเทศสมาชิกอาเซียนตระหนักถึงการยอมรับใบอนุญาต ขับขี่ที่ออกโดยประเทศภาคีความตกลงฯ โดยเห็นชอบให๎ใช๎หลักการตามที่กําหนดไว๎ในความตกลง การยอมรับใบขับขี่ภายในประเทศอาเซียน ซึ่งลงนามเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ค.ศ.1985
• การประกันภัยความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก (Motor Vehicle Third Party Insurance) กําหนดให๎เมื่อรถบรรทุกของตํางชาติที่เป็นประเทศภาคีความตกลงฯ เข๎ามาภายในดินแดนของ ประเทศภาคีแล๎วจะต๎องปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข๎องกับการประกันภัยความ รับผิดชอบตํอบุคคลภายนอก (การทําประกันภัยภาคบังคับ) อยํางเครํงครัดเพื่อให๎ครอบความรับ
ผิดตํอบุคคลที่สามอันเกิดจากการขนสํงข๎ามแดน โดยประเทศภาคีความตกลงฯ จะดําเนินการ จัดทําพิธีสารที่5 แนบท๎ายความตกลง AFAFGIT เพื่อวางกรอบกติกาการประกันความรับผิดชอบ ตํอบุคคลภายนอกโดยกรอบกติกาที่สําคัญ ได๎แกํ
(1) ออกกฎหมายและกฎระเบียบภายในประเทศเพื่อให๎มีการประกันภัยคุ๎มครอบบุคคลภายนอก เมื่อได๎รับอุบัติเหตุ ความสูญหาย หรือความเสียหายจากการขนสํงสินค๎าผํานแดน
(2) จัดตั้งหนํวยงาน (National Bureau) ในแตํละประเทศที่มีฐานะการเงินที่มีความมั่นคงมาก
เพียงพอ เพื่อทําหน๎าที่ดําเนินงานด๎านการประกันภัยบุคคลภายนอกในกรอบอาเซียน อาทิ (ก) การออก Blue Card เพื่อให๎ความคุ๎มครองการขนสํงสินค๎าผํานแดนสําหรับรถบรรทุกแตํละคัน (ข) จําหนํายกรมธรรม์ประกันภัยแกํผู๎ประกอบการขนสํงที่นํารถบรรทุกเข๎ามาให๎บริการผําน แดน (ค) ประทับตรา Blue Card เพื่อตรวจสอบและรับรองรถบรรทุกของตํางชาติที่เข๎ามาใน ประเทศได๎ทําประกันภัยบุคคลภายนอกฯ อยํางถูกต๎องตามกฎหมาย (ง) รายงานสภาพ อุบัติเหตุแกํผู๎เอาประกัน (จ) ประสานกับผู๎เอาประกันกรณีที่เป็นฝุายที่ได๎รับความเสียหาย เพื่อเรียกร๎องคําสินไหมทดแทนที่เหมาะสม (ฉ) เรียกร๎องคําสินไหมทดแทนจากผู๎เอา ประกันภัยกรณีที่เป็นฝุายกํอให๎เกิดความเสียหาย
(3) จัดให๎มีบริษัทประกันภัยภายในประเทศสมาชิกอาเซียนทุกประเทศเพื่อให๎บริการ บุคคลภายนอก โดยนํากรอบBlue Card Scheme (เอกสารที่ใช๎เป็นหลักฐานแสดงวํามีการ ทําประกันภัยรถภาคบังคับตามความตกลงฯ)6
• การขนส่งเชื่อมต่อและการผ่านแดนทางรถไฟระหว่างประเทศ จะต๎องดําเนินงานเฉพาะการขน ถํายผํานสถานีรถไฟที่อนุมัติเทํานั้น โดยพิธีสารที่ 6 แนบท๎ายความตกลง AFAFGIT จะมีสํวน กําหนดสถานีรถไฟชายแดน จุดสับรางชนิดและปริมาณของรถล๎อเลื่อน ปริมาณขบวนรถสินค๎าที่ อนุญาตให๎ผํานแดน ความเร็วที่ได๎รับอนุญาตให๎เดินทาง ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันอาเซียนยังไมํได๎กําหนด รายละเอียดเรื่องดังกลําวในพิธีสารฯ
• พิธีการระบบศุลกากรผ่านแดน ภาคีความตกลงฯ จะปรับพิธีการศุลกากรสําหรับการขนสํงสินค๎า ผํานแดนให๎เรียบงํายและเป็นรูปแบบเดียวกันเทําที่จะทําได๎ภายใต๎กฎหมายและกฎระเบียบที่ เกี่ยวข๎อง ตลอดจะอํานวยความสะดวกในการจัดให๎มีระบบการตรวจปลํอยสินค๎ารํวมกันในคราว เดียวกันระหวํางเจ๎าหน๎าที่ศุลกากรของทั้งสองประเทศ ณ ดํานพรมแดนที่กําหนด นอกจากนี้ ภายใต๎พิธีสารที่ 77 แนบท๎ายความตกลงฯ จะพิจารณาจัดตั้งระบบศุลกากรผํานแดน (Customs Transit System) เพื่ออํานวยความสะดวกการขนสํงสินค๎าระหวํางประเทศ
6ประเทศไทยได๎มอบให๎บริษัทกลางคุ๎มครองผู๎ประสบภัยรถเป็น Thai National Bureau of Insurance เพื่อทําหน๎าที่ออก Blue Card ให๎กับ ผู๎ประกอบการขนสํงของไทย และจําหนํายกรมธรรม์ประกันภัยบุคคลภายนอกให๎กับผู๎ขนสํงสินค๎าของประเทศอื่นที่นํารถเข๎ามาในประเทศไทย และประทับตรา Blue Card เมื่อตรวจสอบวํารถขนสํงสินค๎าที่เข๎ามาภายในประเทศไทยมีการทําประกันภัยบุคคลภายนอกฯ อยํางถูกต๎องตาม กฎหมาย เมื่อรถบรรทุกที่มี Blue Card เกิดอุบัติเหตุ บริษัทกลางคุ๎มครองผู๎ประสบภัยรถจะทําหน๎าที่ตรวจสอบอุบัติเหตุและต๎องแจ๎งบริษัท ประกันภัยที่เกี่ยวข๎องทราบ โดยการตกลงชดใช๎คําสินไหมทดแทนใดๆ จะต๎องขออนุมัติจากบริษัทผู๎รับประกันภัยที่เกี่ยวข๎องเรียกคืนสินไห ม ทดแทนที่ได๎จํายไปแล๎ว โดยในสํวนของบริษัทประกันภัยที่เข๎ารํวมโครงการ Blue Card ของไทย ได๎แกํ กรุงเทพประกันภัย จรัญประกันภัย เทเวศ ประกันภัย ไทยพาณิชย์สามัคคีประกันกัย ไทยเศรษฐกิจประกันภัย นวกิจประกันภัย นําสินประกันภัย บางกอกสหประกันภัย พุทธธรรม ประกันภัย มิตซุยสุมิโตโมอินชัวรันซ์ วิริยะประกันภัย สํงเสริมประกันภัย สหมลคลประกันภัย สินทรัพย์ประกันภัย สินมั่นคงประกันภัย เอพีเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนลอินชัวรันส์ เอเชียประกันภัย อาคเนย์ประกันภัย และบริษัทกลางคุ๎มครองผู๎ประสบภัย
7รัฐมนตรีวําการกระทรวงการคลังของไทยได๎ลงนามพิธีสารฉบับที่ 7 เรื่องระบบศุลกากรผํานแดนและภาคผนวกทางเทคนิค – กฎเกณฑ์และพิธีการวําด๎วย ศุลกากรผํานแดนอาเซียนภายใต๎กรอบความตกลงอาเซียนวําด๎วยการอํานวยความสะดวกการขนสํงผํานแดนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2558 ที่ผํานมาซึ่งรัฐบาล จะต๎องเสนอให๎สภานิติบญญัติแหํงชาติให๎ความเห็นชอบ กํอนให๎สัตยาบัน และออกกฎระเบียบภายในประเทศเพื่อรองรับตํอไป
• มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช ภาคีความตกลงฯ จัดทําพิธีสารที่ 8 แนบท๎ายความตกลง AFAFGIT เพื่อกําหนดมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (Sanitary and Phytosanitary Measure) ที่เกี่ยวกับการเคลื่อนย๎ายสินค๎าผํานแดน เชํน พืช ผัก ผลไม๎ สัตว์ ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ อาหาร และเครื่องดื่ม เป็นต๎น ซึ่งอาจกํอให๎เกิดผลกระทบตํอควบคุมโรคพืชและโรคสัตว์ สุขภาพ ของคน สุขภาพของสัตว์ และการแพรํระบาดของโรคตํางๆ โดยการผํานแดนของสินค๎าดังกลําว ต๎องสอดคล๎องกับกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข๎องของหนํวยงานภายในประเทศ
• การขนส่งสินค้าอันตราย ภาคีความตกลงฯ จัดทําพิธีสารที่ 9 แนบท๎ายความตกลง AFAFGIT เพื่อ กําหนดกฎกติกาการขนสํงสินค๎าอันตรายผํานแดน โดยไม่อนุญาตให้นําสินค้าอันตราย 9 ประเภท (Class) ดังนี้ผ่านแดนหากไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งสินค้าอันตรายจาก รัฐบาลของประเทศภาคี ได๎แกํ วัตถุอันตรายประเภทที่ 1 (วัตถุระเบิด) วัตถุอันตรายประเภทที่ 2 (ก๏าซ) วัตถุอันตรายประเภทที่ 3 (ของเหลวไวไฟ)8วัตถุอันตรายประเภทที่ 4 (ของแข็งไวไฟหรือ วัตถุที่ทําให๎เกิดการลุกไหม๎ได๎เอง) วัตถุอันตรายประเภทที่ 5 (วัตถุออกซิไดซ์และออกแกนิคเปอร์ ออกไซด์)วัตถุอันตรายประเภทที่ 6 (วัตถุมีพิษและวัตถุติดเชื้อ)วัตถุอันตรายประเภทที่ 7 (วัตถุ กัมมันตรังสี) วัตถุอันตรายประเภทที่ 8 (วัตถุกัดกรํอน) และวัตถุอันตรายอื่นๆ โดยการกําหนด กฎระเบียบการขนสํงสินค๎าอันตรายผํานแดน อาเซียนควรพิจารณาใช๎บทบัญญัติของความตกลง สหประชาชาติ UN Model Regulations ADR มาปรับใช๎ในประเด็นตํางๆ เชํน การกําหนด รายละเอียดประเภทวัตถุอันตราย การบรรจุและการติดฉลากวัตถุอันตราย การกําหนด เครื่องหมายและวิธีการบรรจุ เอกสารการขนสํงวัตถุอันตรายและการแจ๎ง การฝึกอบรมบุคลากรที่ เกี่ยวข๎อง และมาตรการเตรียมรับมือกรณีเกิดไฟลุกไหม๎หรือระเบิด
• การขนส่งสินค้าที่ห้ามทําการค้าระหว่างประเทศ และ/หรือสินค้าต้องกํากัด (Restricted Goods) การขนสํงสินค๎าที่ห๎ามทําการค๎าระหวํางประเทศ และสินค๎าต๎องกํากัดที่กําหนดอยูํภายใต๎ พิธีสารที่ 7 แนบท๎ายความตกลงฯ จะทําไมํได๎ อยํางไรก็ตาม ปัจจุบัน สมาชิกอาเซียนยังไมํได๎ จัดทําพิธีสารที่ 7 เรื่องระบบศุลกากรผํานแดน (Customs Transit System) ทําให๎ขาด รายละเอียดประเภทสินค๎าที่ห๎ามทําการขนสํงผํานแดนระหวํางประเทศ
• กลไกการขับเคลื่อน อาเซียนเห็นชอบให๎จัดตั้งคณะกรรมการประสานงานการขนสํงผํานแดน แหํงชาติ (National Transit Transport Coordinating Committee) ที่ประกอบด๎วยตัวแทน ของแตํละประเทศเพื่อประสานงานและขับเคลื่อนการดําเนินการตามความตกลงฯ
ในภาพรวม หน่วยงานที่มีบทบาทหลักในการดําเนินงานตามกรอบความตกลงอาเซียนวําด๎วยการ อํานวยความสะดวกการขนสํงผํานแดน (AFAFGIT) ได๎แกํ คณะกรรมการประสานงานการขนส่งผ่านแดน แห่งชาติ (National Transit Transport Coordinating Committee)
กรณีของประเทศไทย นับตั้งแตํปี พ.ศ.2544 ได๎มีการจัดตั้งคณะกรรมการประสานการขนส่งผ่าน แดนและข้ามแดนแห่งชาติ โดยมีกระทรวงคมนาคม เป็นหน่วยงานเจ้าภาพ ประกอบด๎วยปลัดกระทรวง คมนาคม เป็นประธาน รองปลัดกระทรวงคมนาคมที่ปลัดกระทรวงคมนาคมมอบหมายเป็นรองประธาน
8กลุํมวัตถุอันตรายประเภทที่ 3 (ของเหลวไวไฟ) เชํน น้ํามันสําเร็จรูป เป็นกลุํมสินค๎าที่ประเทศไทยมีการขนสํงทางถนนเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อน บ๎านมากที่สุด
กรรมการ และมีผู๎อํานวยสํานักความรํวมมือระหวํางประเทศ สํานักงานปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นกรรมการ และเลขานุการ และมีผู๎แทนภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข๎องอีกจํานวน 10 คน เป็นกรรมการ เชํน กรม ศุลกากร กรมการขนสํงทางบก กรมทางหลวง สํานักงานนโยบายและแผนการขนสํงและจราจร การรถไฟแหํง ประเทศไทย สํานักงานตรวจคนเข๎าเมือง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสภาหอการค๎าแหํงประเทศไทย เป็นต๎น ทําหน๎าที่เป็นกลไกระดับประเทศในการประสานงานกับคณะกรรมการประสานการขนสํงผํานแดน แหํงชาติของประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นๆ เพื่อให๎การขนสํงผํานแดนและการขนสํงข๎ามแดนภายใต๎กรอบความ ตกลงอาเซียนวําด๎วยการอํานวยความสะดวกการขนสํงผํานแดน (AFAFGIT)
อยํางไรก็ตาม ในปี 2554 คณะรัฐมนตรีได๎มีมติเมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ.2554 ดังนี้
(1) ปรับเปลี่ยนชื่อ “คณะกรรมการประสานการขนส่งผ่านแดนและข้ามแดนแห่งชาติ” เป็น “คณะกรรมการอํานวยความสะดวกการขนส่งแห่งชาติ” (National Transport Facilitation Committee) โดยยังคงมีปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานกรรมการ และมี องค์ประกอบเดิม เพียงแตํปรับเปลี่ยนอํานาจหน๎าที่กํากับ ดูแลเฉพาะการดําเนินงานตามความ ตกลงวําด๎วยการขนสํงข๎ามแดนพรมในอนุภูมิภาคลุํมแมํน้ําโขง (Cross Border Transport Agreement – GMS CBTA) (ซึ่งแตกตํางจากเดิมที่คณะกรรมการฯ ชุดเดิมดูแลเฉพาะการขนสํง ภายในอาเซียน 10 ประเทศ แตํคณะกรรมการฯ ชุดใหมํดูแลเพียง 6 ประเทศที่เป็นสมาชิกอนุ ภูมิภาคลุํมน้ําโขง โดยมีสมาชิกอาเซียน 5 ประเทศ ได๎แกํ กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม และ ไทย และสมาชิกที่มิใชํอาเซียน ได๎แกํ จีน )
(2) แตํงตั้ง “คณะกรรมการประสานการขนส่งผ่านแดนแห่งชาติ” มีองค์ประกอบ คือ ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานกรรมการ ผู๎อํานวยสํานักความรํวมมือระหวํางประเทศ สํานักงานปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นกรรมการและเลขานุการ และกรรมการอื่นรวม 28 ราย เชํน กรมทางหลวง กรมการขนสํงทางบก สํานักงานนโยบายและแผนการขนสํงและจราจร การ รถไฟแหํงประเทศไทย กรมเจ๎าทํา การทําเรือแหํงประเทศไทย กรมการบินพลเรือน บริษัททํา อากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) กรมศุลกากร กรมการค๎าตํางประเทศ กรมโรงานอุตสาหกรรม กรมวิชาการเกษตร กรมปศุสัตว์ กรมประมง สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา กรมควบคุม โรค สํานักงานตรวจคนเข๎าเมือง สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหํงชาติ กระทรวงการตํางประเทศ เป็นต๎น มีหน๎าที่ประสาน ติดตาม ประมวลผล จัดทําข๎อเสนอตํอรัฐบาล เพื่อปรับปรุงแก๎ไขกฎหมาย กฎระเบียบ และข๎อบังคับตํางๆ ที่เกี่ยวข๎อง รวมทั้งดําเนินการเพื่อให๎ สามารถปฏิบัติตามข๎อตกลงด๎านการขนสํงระหวํางประเทศที่ประเทศไทยได๎ทํากับรัฐบาล ตํางประเทศเป็นประจํา พิจารณากําหนดทําทีฝุายไทยสําหรับการประชุมคณะกรรมการประสาน การขนสํงผํานแดนภูมิภาค (Regional Transit Transport Coordinating Board: TTCB) และ มอบหมายให๎ผู๎แทนเข๎ารํวมประชุม เป็นต๎น
3.2.2 กรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอํานวยความสะดวกการขนส่งข้ามแดน
รัฐมนตรีกระทรวงการขนสํงอาเซียนทุกประเทศลงนามกรอบความตกลงอาเซียนวําด๎วยการอํานวย ความสะดวกการขนสํงข๎ามแดน (ASEAN Framework Agreement on the Facilitation of Inter State Transport – AFAFIT) เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ.2009 (พ.ศ.2552) ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ โดยมี วัตถุประสงค์ (1) เพื่ออํานวยความสะดวกการขนสํงสินค๎าข๎ามแดนระหวํางประเทศสมาชิกเพื่อสนับสนุนการ
เปิดเสรีการค๎าสินค๎าและการรวมกลุํมเศรษฐกิจในภูมิภาค (2) เพื่อปรับกฎระเบียบการขนสํง การค๎า และ ศุลกากรชองประเทศสมาชิกอาเซียนให๎งําย โปรํงใส สะดวก มีประสิทธิภาพ และสอดคล๎องเข๎ากันได๎เพื่อ อํานวยความสะดวกตํอการขนสํงสินค๎าข๎ามแดน และ (3) จัดตั้งระบบการขนสํงข๎ามแดนภายในอาเซียนให๎เป็น รูปแบบเดียวกันอยํางมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ AFAFITจะนําไปใช๎เฉพาะการขนสํงสินค๎าข๎ามแดน และไมํนําไปใช๎ กับการขนสํงสินค๎าภายในประเทศ
สรุปสาระสําคัญของ AFAFIT ดังนี้
• การอนุญาตให้สิทธิการประกอบการขนส่งสินค้าข้ามแดน ประเทศภาคีความตกลงฯ จะอนุญาต ให๎ผู๎ประกอบการขนสํงของประเทศที่จัดตั้งขึ้นในประเทศภาคีรายใดรายหนึ่งสามารถขนสินค๎าเข๎า และ/หรือออกจากดินแดนประเทศภาคีได๎ และได๎รับสิทธิให๎ทําการขนถํายสินค๎าที่ทําการขนสํงข๎าม แดนได๎ โดยการประกอบการขนสํงสินค๎าข๎ามแดนจะต๎องปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศที่ อนุญาตฯ
• เส้นทางอนุมัติให้ทําการขนส่งข้ามแดนและด่านพรมแดน เส๎นทางที่ได๎รับอนุมัติให๎ทําการขนสํง ข๎ามแดนในอาเซียนจะต๎องเป็นไปตามพิธีสารที่ 1 แนบท๎ายความตกลง AFAFGIT (ความตกลงการ ขนสํงข๎ามแดนใช๎เส๎นทางอนุมัติเดียวกับความตกลงการขนสํงผํานแดน)
กรณีประเทศไทย เส๎นทางที่ได๎รับอนุมัติให๎ทําการขนสํงสินค๎าข๎ามแดน ได๎แกํ
(1) เส้นทาง AH1จุดต๎นทางเริ่มต๎นจาก อ.แมํสอด (ดํานชายแดนไทย-เมียนมา) จังหวัดตาก กรุงเทพฯ สระบุรี (อ.หินกอง) นครนายก สระแก๎ว (อ.อรัญประเทศ และ อ.คลองลึก) (ดําน ชายแดนไทย – กัมพูชา) รวมระยะทาง 702 กิโลเมตร
(2) เส้นทาง AH2จุดต๎นทางเริ่มต๎นจาก อ.แมํสาย (ดํานชายแดนไทย-เมียนมา) จังหวัดเชียงราย
ลําปาง ตาก กรุงเทพฯ (วงแหวนตะวันตก) นครปฐม ราชบุรี (อ.ปากทํอ) ชุมพร สุราษฎร์ธานี พัทลุง สงขลา (อ.สะเดา) (ดํานชายแดนไทย – มาเลเซีย) รวมระยะทาง 1,923 กิโลเมตร
(3) เส้นทาง AH3จุดต๎นทางเริ่มจาก อ.เชียงของ ถึง อ.เมือง จังหวัดเชียงราย รวมระยะทาง 115 กิโลเมตร
(4) เส้นทาง AH12จุดต๎นทางเริ่มต๎นจาก อ.หินกอง จังหวัดสระบุรี นครราชสีมา ขอนแกํน
หนองคาย (ดํานชายแดนไทย – ลาว) รวมระยะทาง 533 กิโลเมตร
(5) เส้นทาง AH16จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากจังหวัดตาก พิษณุโลก ขอนแกํน กาฬสินธุ์ (อ.สมเด็จ) มุกดาหาร (ดํานชายแดนไทย – ลาว) รวมระยะทาง 713 กิโลเมตร
(6) เส้นทาง AH19จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากจังหวัดนครราชสีมา ปราจีนบุรี (อ.กบินทร์บุรี) แหลม ฉบัง (วงแหวนตะวันออก) อยุธยา (อ.บางปะอิน) รวมระยะทาง 419 กิโลเมตร
กรณีประเทศกัมพูชา เส๎นทางที่ได๎รับอนุมัติให๎ทําการขนสํงสินค๎าข๎ามแดน ได๎แกํ
(3) เส้นทาง AH1จุดต๎นทางเริ่มต๎นจาก อ.ปอยเปต (ดํานชายแดนกัมพูชา – ไทย) ศรีโสภณ กรุง พนมเปญ Bavet (ดํานชายแดนกัมพูชา – เวียดนาม) รวมระยะทาง 574 กิโลเมตร
(4) เส้นทาง AH11จุดต๎นทางเริ่มต๎นจาก Trapeing Kreal (ดํานชายแดนกัมพูชา – ลาว)
จังหวัดสตึงแตรง จังหวัดกัมปงจาม กรุงพนมเปญ ทําเรือสีหนุวิลล์ รวมระยะทาง 764 กิโลเมตร
กรณี สปป. ลาว เส๎นทางที่ได๎รับอนุมัติให๎ทําการขนสํงสินค๎าข๎ามแดน ได๎แกํ
(7) เส้นทาง AH3จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากเมืองบํอเต็น (ดํานชายแดนลาว – จีน) แขวงหลวงน้ําทา แขวงบํอแก๎ว (เมืองห๎วยไซ) (ดํานชายแดนลาว – ไทย) รวมระยะทาง 251 กิโลเมตร
(8) เส้นทาง AH12จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากเมืองนาเตรีย (แยกจาก AH3) แขวงอุดมไซย แขวงหลวง พระบาง แขวงเวียงจันทน์ รวมระยะทาง 682 กิโลเมตร
(9) เส้นทาง AH11จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากแขวงเวียงจันทน์ (แยกจาก AH12) บ๎านลาว แขวงคํา
มํวน (เมืองทําแขก) แขวงสะหวันนะเขต แขวงจําปาสัก (เมืองปากเซ และเมืองเหวินคาม) (ดํานชายแดนลาว – กัมพูชา) รวมระยะทาง 861 กิโลเมตร
(10) เส้นทาง AH15จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากเมืองน้ําพาว แขวงบอลิคําไซ (ดํานชายแดนลาว – เวียดนาม) บ๎านลาว (แยกจาก AH11) รวมระยะทาง 136 กิโลเมตร
(11) เส้นทาง AH11จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากแขวงเวียงจันทน์ (แยกจาก AH12) บ๎านลาว แขวงคํา
มํวน (เมืองทําแขก) แขวงสะหวันนะเขต แขวงจําปาสัก (เมืองปากเซ และเมืองเหวินคาม) (ดํานชายแดนลาว – กัมพูชา) รวมระยะทาง 861 กิโลเมตร
(12) เส้นทาง AH16จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากแขวงสะหวันนะเขต (ดํานชายแดนลาว-ไทย) เมืองแดน นะหวัน (ดํานชายแดนลาว – เวียดนาม) รวมระยะทาง 240 กิโลเมตร
กรณีประเทศมาเลเซีย เส๎นทางที่ได๎รับอนุมัติให๎ทําการขนสํงสินค๎าข๎ามแดน ได๎แกํ
(5) เส้นทาง AH2จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากเมืองบูกิตกาหยูฮิตัม (Bukit Kayu Hitam) (ดํานชายแดน มาเลเซีย-ไทย) รัฐเคดะห์ กรุงกัวลาลัมเปอร์ Seremban – Senai Utara – Tanjung Kupang รวมระยะทาง 980 กิโลเมตร
(6) เส้นทาง AH150จุดต๎นทางเริ่มต๎นจาก Entikong / Tebedu (ดํานชายแดนมาเลเซีย – อินโดนีเซีย) –Serian – Kuching รวมระยะทาง 105 กิโลเมตร
(7) เส้นทาง AH150จุดต๎นทางเริ่มต๎นจาก Serian – Sibu – Bintulu – Miri รวมระยะทาง 861
กิโลเมตร
(8) เส้นทาง AH150จุดต๎นทางเริ่มต๎นจาก Miri – Sg.Tujoh (ดํานชายแดนมาเลเซีย – บรูไน) รวมระยะทาง 24 กิโลเมตร
กรณีประเทศเมียนมา เส๎นทางที่ได๎รับอนุมัติให๎ทําการขนสํงสินค๎าข๎ามแดน ได๎แกํ
(5) เส้นทาง AH1จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากเมือง Tamu (ดํานชายแดนเมียนมา-อินเดีย) เขต Mandalay –Meiktila – Payagyi – Yangon – Myawadi (ดํานชายแดนเมียนมร์-ไทย) รวม ระยะทาง 1,665 กิโลเมตร
(6) เส้นทาง AH2จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากเมือง Meiktila – Loilem – Keng Tung – Tachileik
(ดํานชายแดนเมียนมา-ไทย) รวมระยะทาง 807 กิโลเมตร
(7) เส้นทาง AH3จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากเมือง Kyaington (keng Tung) เชียงตุง –Mongla (มอง ลา) รวมระยะทาง 93 กิโลเมตร
(8) เส้นทาง AH14จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากเมืองมูเซ (Muse) (ดํานชายแดนเมียนมา – จีน) – มัณฑะเลย์ รวมระยะทาง 453 กิโลเมตร
กรณีประเทศเวียดนาม เส๎นทางที่ได๎รับอนุมัติให๎ทําการขนสํงสินค๎าข๎ามแดน ได๎แกํ
(6) เส้นทาง AH1จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากเมืองมอกไบ (Moc Bai) (ดํานชายแดนเวียดนาม – กัมพูชา) –นครโฮจิมินต์ รวมระยะทาง 99 กิโลเมตร
(7) เส้นทาง AH1จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากเมืองดองฮา (Dong Ha) – ดานัง/ เทียนซา รวมระยะทาง 197 กิโลเมตร
(8) เส้นทาง AH15จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากเมือง Keo Nau (ดํานชายแดนเวียดนาม-ลาว) Bai Vot Vinh – Cua Lo รวมระยะทาง 123 กิโลเมตร
(9) เส้นทาง AH16จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากเมืองลาวบาว (ดํานชายแดนเวียดนาม-ลาว) - ดองฮา
(Dong Ha) รวมระยะทาง 83 กิโลเมตร
(10) เส้นทาง AH17 จุดต๎นทางเริ่มต๎นจากเมือง Dong Nai–Vung Tau รวมระยะทาง 75 กิโลเมตร
• การจัดให้มีจุดพักรถ ประเทศภาคีความตกลง AFAFIT จะพยายามจัดให๎มีจุดพักรถ (Rest Area) ตามแนวเส๎นทางอนุมัติโดยมีระยะหํางระหวํางจุดพักรถแตํละแหํงตามความเหมาะสม
• ด่านพรมแดน จุดพรมแดนที่ได๎รับอนุมัติให๎มีการขนสํงสินค๎าข๎ามแดนได๎ในอาเซียนจะต๎องเป็นไป ตามพิธีสารที่ 2 แนบท๎ายความตกลง AFAFIT (ความตกลงการขนสํงสินค๎าข๎ามแดนใช๎ดําน พรมแดนเดียวกับความตกลงการขนสํงสินค๎าผํานแดน)
• การจัดระเบียบการจราจร ประเทศภาคีความตกลงฯ จะหามาตรการที่สอดคล๎องกันในการจัด ระเบียบการจราจรภายในดินแดงของตน โดยพยายามอ๎างอิงตามอนุสัญญาการจราจรทางถนน (Convention on Road Traffic) ค.ศ.1968 ขององค์การสหประชาชาติที่มีการอ๎างอิงปูายอาณัติ สัญญาณจราจรตํางๆ ให๎เป็นรูปแบบเดียวกัน
• บริการขนส่งข้ามแดน ประเทศภาคีความตกลงฯ เห็นชอบให๎มีจํานวนรถบรรทุกที่ได้รับอนุญาต ให้มีการขนส่งข้ามแดนได้ไม่เกินประเทศละ 500 ตัน อยํางไรก็ตาม ในอนาคต ประเทศสมาชิก อาเซียนอาจหารือเพื่อปรับเปลี่ยนจํานวนรถบรรทุกที่อนุญาตฯ ได๎ตามความเหมาะสม
• ชนิดของรถบรรทุกที่อนุญาตให้ทําการขนส่งผ่านแดนได้ ได๎แกํ (1) รถบรรทุกเชิงเดี่ยว (Rigid Motor Vehicle) (2) รถหัวลาก (Prime Mover) ที่ใช๎สําหรับลากสํวนพํวง ซึ่งรวมถึงรถพํวง (3) รถกึ่งพํวง (Semi Trailer) โดยรถบรรทุกทั้งสามชนิดข๎างต๎นใช๎สําหรับการขนสํงสินค๎าตู๎คอนเทน เนอร์ สินค๎าแชํเย็น สินค๎าบรรจุแท็ง (น้ํามัน ก๏าซ เคมีภัณฑ์) และสินค๎าบรรจุหีบหํอทั่วไป โดยมี เงื่อนไขวําสินค๎าที่ทําการขนสํงจะต๎องได๎รับการประทับตราศุลกากร (Customs Seal) ไมํมีการ เคลื่อนย๎ายสินค๎าเข๎าหรือออกจากหนํวยบรรจุ และต๎องจัดให๎มีพื้นที่ภายในรถบรรทุกมากเพียงพอ ที่เจ๎าหน๎าที่ศุลกากรจะทําการตรวจสอบได๎ ตลอดจนต๎องไมํมีการถอดสลักล็อกหนํวยบรรจุหาก ไมํได๎รับความเห็นชอบจากเจ๎าหน๎าที่ศุลกากร
• ลักษณะเชิงเทคนิคของรถบรรทุกที่ได้รับอนุญาต มีดังนี้
(1) รถบรรทุกเชิงเดี่ยว ห๎ามมีความยาวของรถเกินกวํา 12.2 เมตร
(2) รถพํวง ห๎ามมีความยาวของรถพํวงเกินกวํา 16 เมตร
(3) รถทุกชนิด ห๎ามมีความกว๎างเกิน 2.5 เมตร
(4) รถทุกชนิด ห๎ามมีความสูงเกิน 4.2 เมตร
(5) สํวนเกินของรถบรรทุกเมื่อนับจากสํวนท๎ายห๎ามยาวเกินร๎อยละ 60 ของฐานล๎อ (Wheel Base) (กรณีรถบรรทุกเชิงเดี่ยวที่มี 3 เพลา)
(6) น้ําหนักบรรทุกรวม (Gross Weight) สําหรับ (ก)รถบรรทุกเชิงเดี่ยวที่มี 3 เพลา ห๎ามมีน้ําหนัก
เกิน 21 ตัน (ข) รถบรรทุกเชิงเดี่ยวที่มี 4 เพลา ห๎ามมีน้ําหนักเกิน 25 ตัน (ค) รถหัวลากพร๎อม สํวนพํวงที่มี 4 เพลา ห๎ามมีน้ําหนักเกิน 32 ตัน (ง) รถหัวลากพร๎อมสํวนพํวงที่มี 5 เพลา ห๎าม มีน้ําหนักเกิน 36 ตัน และ (จ) รถหัวลากพร๎อมสํวนพํวงที่มี 6 เพลา ห๎ามมีน้ําหนักเกิน 38 ตัน
(7) ปริมาณก๏าซของเสียที่ปลํอยออกจากรถ ห๎ามมีคําเกินร๎อยละ 50 HSU
(8) ประสิทธิภาพของระบบห๎ามล๎อ มีคําไมํน๎อยกวําร๎อยละ 50 เมื่อเทียบกับน้ําหนักบรรทุก และ ระยะ Side Slip ไมํเกิน 5 เมตร/กิโลเมตร
• ใบอนุญาตประกอบการขนส่งผ่านแดน ประเทศสมาชิกอาเซียนจะดําเนินการจัดทําข๎อกําหนด การออกใบอนุญาตประกอบการขนสํงผํานแดนให๎มีรูปแบบเดียวกันเพื่ออํานวยความสะดวกในการ ขนสํงข๎ามแดน
• การยอมรับหนังสือรับรองการตรวจสภาพรถบรรทุก ประเทศสมาชิกอาเซียนตระหนักถึงการ ยอมรับหนังสือรับรองการตรวจสภาพรถบรรทุกที่ออกโดยประเทศภาคีความตกลงฯ โดยเห็นชอบ ให๎ใช๎หลักการตามที่กําหนดไว๎ในความตกลงการยอมรับหนังสือรับรองการตรวจสภาพรถบรรทุก สินค๎าและรถสาธารณะภายอาเซียน ซึ่งลงนามเมื่อวันที่ 10 กันยายน ค.ศ.1988
• การยอมรับใบอนุญาตขับขี่รถบรรทุก ประเทศสมาชิกอาเซียนตระหนักถึงการยอมรับใบอนุญาต ขับขี่ที่ออกโดยประเทศภาคีความตกลงฯ โดยเห็นชอบให๎ใช๎หลักการตามที่กําหนดไว๎ในความตกลง การยอมรับใบขับขี่ภายในประเทศอาเซียน ซึ่งลงนามเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ค.ศ.1985
• การประกันภัยความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก (Motor Vehicle Third Party Insurance) กําหนดให๎เมื่อรถบรรทุกของตํางชาติที่เป็นประเทศภาคีความตกลงฯ เข๎ามาภายในดินแดนของ ประเทศภาคีแล๎วจะต๎องปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข๎องกับการประกันภัยความ รับผิดชอบตํอบุคคลภายนอก (การทําประกันภัยภาคบังคับ) อยํางเครํงครัดเพื่อให๎ครอบความรับ ผิดตํอบุคคลที่สามอันเกิดจากการขนสํงข๎ามแดนโดยประเทศภาคีความตกลงฯ วางกรอบกติกาการ ประกันความรับผิดชอบตํอบุคคลภายนอกที่สําคัญ ได๎แกํ
(1) ออกกฎหมายและกฎระเบียบภายในประเทศเพื่อให๎มีการประกันภัยคุ๎มครอบบุคคลภายนอก เมื่อได๎รับอุบัติเหตุ ความสูญหาย หรือความเสียหายจากการขนสํงสินค๎าผํานแดน
(2) จัดตั้งหนํวยงาน (National Bureau) ในแตํละประเทศที่มีฐานะการเงินที่มีความมั่นคงมาก เพียงพอ เพื่อทําหน๎าที่ดําเนินงานด๎านการประกันภัยบุคคลภายนอกในกรอบอาเซียน อาทิ (ก) การออก Blue Card เพื่อให๎ความคุ๎มครองการขนสํงสินค๎าข๎ามแดนสําหรับรถบรรทุกแตํ ละคัน (ข) จําหนํายกรมธรรม์ประกันภัยแกํผู๎ประกอบการขนสํงที่นํารถบรรทุกเข๎ามาให๎บริการ ข๎ามแดน (ค) ประทับตรา Blue Card เพื่อตรวจสอบและรับรองรถบรรทุกสินค๎าของตํางชาติ ที่เข๎ามาภายในประเทศได๎ทําประกันภัยบุคคลภายนอกฯ อยํางถูกต๎องตามกฎหมาย (ง) รายงานสภาพอุบัติเหตุแกํผู๎เอาประกัน (จ) ประสานกับผู๎เอาประกันกรณีที่เป็นฝุายที่ได๎รับ ความเสียหาย เพื่อเรียกร๎องคําสินไหมทดแทนที่เหมาะสม (ฉ) เรียกร๎องคําสินไหมทดแทนจาก ผู๎เอาประกันภัยกรณีที่เป็นฝุายกํอให๎เกิดความเสียหาย
(3) ดําเนินการจัดให๎มีบริษัทประกันภัยภายในประเทศสมาชิกอาเซียนทุกประเทศเพื่อให๎บริการ ประกันภัยบุคคลภายนอก โดยจัดทําซึ่งนํากรอบ Blue Card Scheme (เอกสารที่ใช๎เป็น หลักฐานแสดงวํามีการทําประกันภัยรถภาคบังคับตามความตกลงฯ)
• การยินยอมให้รถบรรทุกต่างชาติเข้ามาเป็นการชั่วคราวประเทศภาคีจะต๎องยินยอมให๎รถบรรทุก ของตํางชาติซึ่งเป็นประเทศภาคีความตกลงฯ (รวมทั้งน้ํามันเชื้อเพลิง น้ํามันหลํอลื่น และชิ้นสํวน อะไหลํอุปกรณ์ตํางๆ ที่บรรทุกอยูํบนรถในปริมาณที่เหมาะสม) เข๎ามาในดินแดนเพื่อให๎บริการ ขนสํงสินค๎าระหวํางประเทศได๎ชั่วคราว โดยจะต๎องไมํเรียกเก็บคําอากรขาเข๎า ภาษีนําเข๎า เงินวาง ค้ําประกันรถบรรทุกฯ
• พิธีการศุลกากร ประเทศภาคีความตกลงฯ จะพยายามปรับพิธีการศุลกากรสําหรับการขนสํง สินค๎าข๎ามแดนให๎มีความเรียบงํายและเป็นรูปแบบเดียวกันเทําที่จะทําได๎ภายใต๎กฎหมายและ กฎระเบียบที่เกี่ยวข๎อง ตลอดจะอํานวยความสะดวกในการจัดให๎มีระบบการตรวจปลํอยสินค๎า รํวมกันในคราวเดียวกันระหวํางเจ๎าหน๎าที่ศุลกากรของทั้งสองประเทศ ณ ดํานพรมแดนที่กําหนด
• มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช ประเทศภาคีความตกลงฯ เห็นชอบให๎นําพิธีสารที่ 8 แนบ ท๎ายความตกลงการขนสํงผํานแดนมาใช๎กับความตกลงการขนสํงข๎ามแดน เพื่อกําหนดมาตรการ สุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (Sanitary and Phytosanitary Measure) ที่เกี่ยวกับการ เคลื่อนย๎ายสินค๎าผํานแดน เชํน พืช ผัก ผลไม๎ สัตว์ ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ อาหาร และเครื่องดื่ม เป็น ต๎น ซึ่งอาจกํอให๎เกิดผลกระทบตํอควบคุมโรคพืชและโรคสัตว์ สุขภาพของคน สุขภาพของสัตว์ และการแพรํระบาดของโรคตํางๆ โดยการข๎ามแดนของสินค๎าดังกลําวจะต๎องสอดคล๎องกับ กฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข๎องของหนํวยงานภายในประเทศ
• การขนส่งสินค้าอันตราย ประเทศภาคีความตกลงฯ ไม่อนุญาตให้นําสินค้าอันตราย 9 ประเภท (Class) ดังต่อไปนี้ข้ามแดนหากไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งสินค้าอันตรายจาก รัฐบาลของประเทศภาคี ได๎แกํ วัตถุอันตรายประเภทที่ 1 (วัตถุระเบิด) วัตถุอันตรายประเภทที่ 2 (ก๏าซ) วัตถุอันตรายประเภทที่ 3 (ของเหลวไวไฟ)9วัตถุอันตรายประเภทที่ 4 (ของแข็งไวไฟหรือ วัตถุที่ทําให๎เกิดการลุกไหม๎ได๎เอง) วัตถุอันตรายประเภทที่ 5 (วัตถุออกซิไดซ์และออกแกนิคเปอร์ ออกไซด์)วัตถุอันตรายประเภทที่ 6 (วัตถุมีพิษและวัตถุติดเชื้อ)วัตถุอันตรายประเภทที่ 7 (วัตถุ กัมมันตรังสี) วัตถุอันตรายประเภทที่ 8 (วัตถุกัดกรํอน) และวัตถุอันตรายประเภทที่ 9 (วัตถุ อันตรายอื่นๆ) โดยการกําหนดกฎระเบียบการขนสํงสินค๎าอันตรายผํานแดน อาเซียนควรพิจารณา ใช๎บทบัญญัติของความตกลงสหประชาชาติ UN Model Regulations ADR มาปรับใช๎ในประเด็น ตํางๆ เชํน การกําหนดรายละเอียดประเภทวัตถุอันตราย การบรรจุและการติดฉลากวัตถุอันตราย การกําหนดเครื่องหมายและวิธีการบรรจุ เอกสารการขนสํงวัตถุอันตรายและการแจ๎ง การฝึกอบรม บุคลากรที่เกี่ยวข๎อง และมาตรการเตรียมรับมือกรณีเกิดไฟลุกไหม๎หรือระเบิด
• การขนส่งสินค้าที่ห้ามทําการค้าระหว่างประเทศ และ/หรือสินค้าต้องกํากัด (Restricted Goods) การขนสํงสินค๎าที่ห๎ามทําการค๎าระหวํางประเทศ และ/หรือสินค๎าต๎องกํากัด จะกระทํา มิได๎
9กลุํมวัตถุอันตรายประเภทที่ 3 (ของเหลวไวไฟ) เชํน น้ํามันสําเร็จรูป เป็นกลุํมสินค๎าที่ประเทศไทยมีการขนสํงทางถนนเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อน บ๎านมากที่สุด
• การขนส่งสินค้าเน่าเสียง่ายประเทศสมาชิกอาเซียนจะพยายามอํานวยความสะดวกการขนสํงข๎าม แดนของสินค๎าเนําเสียงําย ซึ่งเป็นสินค๎าที่ได๎รับความเสียหายงํายอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของ เวลา อุณหภูมิ สภาพการขนสํง ซึ่งรวมถึงสินค๎าปลาสด ปลาแชํแข็ง ปลาแชํเย็น กุ๎ง หอย ปลาหมึก ผลไม๎ ผัก เนื้อและสัตว์ปีกแชํแข็ง เนื้อและสัตว์ปีกแชํเย็น ผลิตภัณฑ์นม ไขํ ผลิตภัณฑ์จากไขํ เนื้อ หมู และผลิตภัณฑ์หมู
• กลไกการขับเคลื่อน อาเซียนเห็นชอบให๎จัดตั้งคณะกรรมการประสานงานการขนสํงข๎ามแดน แหํงชาติ ที่ประกอบด๎วยตัวแทนของแตํละประเทศเพื่อประสานงานและขับเคลื่อนการดําเนินการ ตามความตกลงฯ
ในภาพรวม หน่วยงานที่มีบทบาทหลักในการดําเนินงานตามกรอบความตกลงอาเซียนวําด๎วยการ อํานวยความสะดวกการขนสํงข๎ามแดน (AFAFIT) ได๎แกํ คณะกรรมการประสานงานการขนส่งข้ามแดน แห่งชาติ โดยกรณีของประเทศไทย นับตั้งแตํปี พ.ศ.2554 คณะรัฐมนตรีได๎มีการแตํงตั้ง “คณะกรรมการ ประสานการขนส่งผ่านแดนแห่งชาติ” มีองค์ประกอบ คือ ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานกรรมการ ผู๎ อํานวยสํานักความรํวมมือระหวํางประเทศ สํานักงานปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นกรรมการและเลขานุการ และกรรมการอื่นรวม 28 ราย เชํน กรมทางหลวง กรมการขนสํงทางบก สํานักงานนโยบายและแผนการขนสํง และจราจร การรถไฟแหํงประเทศไทย กรมเจ๎าทํา การทําเรือแหํงประเทศไทย กรมการบินพลเรือน บริษัททํา อากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) กรมศุลกากร กรมการค๎าตํางประเทศ กรมโรงานอุตสาหกรรม กรมวิชาการ เกษตร กรมปศุสัตว์ กรมประมง สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา กรมควบคุมโรค สํานักงานตรวจคน เข๎าเมือง สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหํงชาติ กระทรวงการตํางประเทศ เป็นต๎น มี หน๎าที่ประสาน ติดตาม ประมวลผล จัดทําข๎อเสนอตํอรัฐบาลเพื่อปรับปรุงแก๎ไขกฎหมาย กฎระเบียบ และ ข๎อบังคับตํางๆ ที่เกี่ยวข๎อง รวมทั้งดําเนินการเพื่อให๎สามารถปฏิบัติตามข๎อตกลงด๎านการขนสํงระหวํางประเทศ ที่ประเทศไทยได๎ทํากับรัฐบาลตํางประเทศเป็นประจํา พิจารณากําหนดทําทีฝุายไทยสําหรับการประชุม คณะกรรมการประสานการขนสํงผํานแดนภูมิภาค (Regional Transit Transport Coordinating Board: TTCB) และมอบหมายให๎ผู๎แทนรํวมประชุม เป็นต๎น
3.2.3 ความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ําโขง
ความตกลงวําด๎วยการขนสํงข๎ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุํมน้ําโขง (Greater Mekong Sub region Cross Border Transport Agreement – GMS CBTA) เป็นการกําหนดกรอบกติกาการขนสํงสินค๎าและ ผู๎โดยสารทางบกข๎ามแดนและผํานแดนในอนุภูมิภาคลุํมน้ําโขง (GMS) ซึ่งประกอบด๎วย 6 ประเทศ ได๎แกํ กัมพูชา ลาว เมียนมา ไทย เวียดนาม และจีน (มณฑลยูนนาน และเขตปกครองตนเองกวางสี) โดยมี วัตถุประสงค์เพื่อ (1) อํานวยความสะดวกการขนสํงสินค๎าและผู๎โดยสารข๎ามแดนและผํานแดนภายในกลุํม ประเทศ GMS (2) ปรับกฎหมาย ระเบียบ พิธีการ และข๎อกําหนดด๎านการขนสํงสินค๎าและผู๎โดยสารให๎เป็น รูปแบบที่เรียบงํายและเป็นไปแนวทางเดียวกันกัน และ (3) สํงเสริมการขนสํงตํอเนื่องหลายรูปแบบ โดยมี 44 มาตรา และมี 16 ภาคผนวก 3 พิธีสาร ได๎แกํ
(1) ภาคผนวก 1 การขนสํงสินค๎าอันตราย ลงนามเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ.2004 (พ.ศ.2547) หนํวยงานรับผิดชอบของไทย คือ กรมการขนสํงทางบก
(2) ภาคผนวก 2 การจดทะเบียนพาหนะที่ใช๎ในการขนสํงระหวํางประเทศ ลงนามเมื่อวันที่ 30 เมษายน ค.ศ.2004 (พ.ศ.2547) หนํวยงานรับผิดชอบของไทย คือ กรมการขนสํงทางบก
(3) ภาคผนวก 3การขนสํงสินค๎าเนําเสียงําย ลงนามเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ค.ศ.2005 (พ.ศ.2548) หนํวยงานรับผิดชอบของไทย คือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(4) ภาคผนวก 4 การอํานวยความสะกว ณ จุดข๎ามแดน ลงนามเมื่อวันที่ 30 เมษายน ค.ศ.2004 (พ.ศ.2547) หนํวยงานรับผิดชอบของไทย คือ กรมศุลกากร
(5) ภาคผนวก 5 การข๎ามแดนของบุคคล ลงนามเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ค.ศ.2005 (พ.ศ.2548) หนํวยงานรับผิดชอบของไทย คือ สํานักงานตรวจคนเข๎าเมือง
(6) ภาคผนวก 6 กฎเกณฑ์ในการผํานพิธีการศุลกากรสําหรับสินค๎าผํานแดนและสินค๎าผํานแดนใน ประเทศ ลงนามเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ.2007 (พ.ศ.2550) หนํวยงานรับผิดชอบของไทย คือ กรมศุลกากร
(7) ภาคผนวก 7 ข๎อบังคับการจราจรและสัญญาณจราจร ลงนามเมื่อวันที่ 30 เมษายน ค.ศ.2004 (พ.ศ.2547) หนํวยงานรับผิดชอบของไทย คือ กรมทางหลวง และสํานักงานตํารวจแหํงชาติ
(8) ภาคผนวก 8 การนําเข๎ารถยนต์ชั่วคราว ลงนามเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ.2007 (พ.ศ.2550) หนํวยงานรับผิดชอบของไทย คือ กรมศุลกากร
(9) ภาคผนวก 9 หลักเกณฑ์เรื่องการอนุญาตผู๎ประกอบการขนสํงสําหรับการประกอบการขนสํงข๎าม พรมแดน ลงนามเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ.2004 (พ.ศ.2547) หนํวยงานรับผิดชอบของไทย คือ กรมการขนสํงทางบก
(10)ภาคผนวก 10 เงื่อนไขการขนสํง ลงนามเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ค.ศ.2005 (พ.ศ.2548) หนํวยงาน รับผิดชอบของไทย คือ กรมการขนสํงทางบก
(11)ภาคผนวก 11 มาตรฐานและข๎อกําหนดสําหรับออกแบบถนนและกํอสร๎างถนนและสะพาน ลง นามเมื่อวันที่ 30 เมษายน ค.ศ.2004 (พ.ศ.2547) หนํวยงานรับผิดชอบของไทย คือ กรมทาง หลวง
(12)ภาคผนวก 12 จุดผํานแดนและการอํานวยความสะดวกและการให๎บริการในการผํานแดน ลงนาม เมื่อวันที่ 30 เมษายน ค.ศ.2004 (พ.ศ.2547) หนํวยงานรับผิดชอบของไทย คือ กรมศุลกากร (13)ภาคผนวก 13A หลักเกณฑ์เรื่องความรับผิดชอบของผู๎ประกอบการขนสํงตํอเนื่องหลายรูปแบบ
ลงนามเมื่อวันที่ 30 เมษายน ค.ศ.2004 (พ.ศ.2547) หนํวยงานรับผิดชอบของไทย คือ กรมเจ๎า ทํา
(14)ภาคผนวก 13B หลักเกณฑ์เรื่องการอนุญาตผู๎ประกอบการขนสํงตํอเนื่องหลายรูปแบบสําหรับ การประกอบการขนสํงข๎ามพรมแดน ลงนามเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ.2004 (พ.ศ.2547) หนํวยงานรับผิดชอบของไทย คือ กรมเจ๎าทํา
(15)ภาคผนวก 14 กฎเกณฑ์ศุลกากรสําหรับคอนเทนเนอร์ ลงนามเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ.2007 (พ.ศ.2550) หนํวยงานรับผิดชอบของไทย คือ กรมศุลกากร
(16)ภาคผนวก 15 ระบบการจัดแบํงประเภทพิกัดสินค๎า ลงนามเมื่อวันที่ 30 เมษายน ค.ศ.2004 (พ.ศ.2547) หนํวยงานรับผิดชอบของไทย คือ กรมศุลกากร
(17)ภาคผนวก 16 หลักเกณฑ์เรื่องใบอนุญาตขับขี่ ลงนามเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ.2004 (พ.ศ.
2547) หนํวยงานรับผิดชอบของไทย คือ กรมการขนสํงทางบก
(18)พิธีสาร 1 การกําหนดเส๎นทางการขนสํงระหวํางประเทศ จุดเข๎าและออกประเทศ ลงนามเมื่อวันที่ 30 เมษายน ค.ศ.2004 (พ.ศ.2547) หนํวยงานรับผิดชอบของไทย คือ กรมทางหลวง
(19)พิธีสาร 2คําธรรมเนียมเกี่ยวกับการขนสํงผํานแดน ลงนามเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ค.ศ.2005 (พ.ศ.
2548) หนํวยงานรับผิดชอบของไทย คือ กรมทางหลวง
(20)พิธีสาร 3 โควตาบริการขนสํงและการออกใบอนุญาต ลงนามเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ.2007 (พ.ศ.2550) หนํวยงานรับผิดชอบของไทย คือ กรมการขนสํงทางบก
เนื้อหาของความตกลง GMS CBTA สรุปสาระสําคัญ ดังนี้
• การอํานวยความสะดวกด้านพิธีการข้ามแดน ประเทศสมาชิก GMS จะทยอยปรับใช๎มาตรการ เพื่ออํานวยความสะดวกและเพิ่มความรวดเร็วด๎านพิธีการข๎ามแดน โดย
(ก) จัดให้มีบริการเบ็ดเสร็จที่รวบรวมเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในประเทศเข้าไปที่
เดียวกัน (Single Window Inspection - SWI) ซึ่งประกอบด๎วยเจ๎าหน๎าที่ที่ให๎บริการ ตรวจสอบคน สินค๎า และยานพาหนะ เชํน เจ๎าหน๎าที่ตรวจสอบหนังสือเดินทาง ใบอนุญาตขับ ขี่ ความพร๎อมของรถ ควบคุมโรคติดตํอของคน ควบคุมโรคติดตํอของพืชและสัตว์ และ ตรวจสอบสินค๎า ทําให๎ต๎องจัดให๎มีบริการเบ็ดเสร็จที่ประกอบด๎วยหนํวยงานศุลกากร ตรวจคน เข๎าเมือง หนํวยงานควบคุมโรคติดตํอ หนํวยงานกักพืชและสัตว์ และหนํวยงานด๎านการค๎า เป็นต๎น
(ข) จัดให้มีบริการตรวจร่วมโดยเจ้าหน้าที่ของประเทศที่มีพรมแดนติดกัน (Single Stop
Inspection - SSI) ซึ่งประกอบด๎วยเจ๎าหน๎าที่ตรวจสอบคน สินค๎า และรถ ที่ดําเนินการ ตรวจสอบรํวมกันและในคราวเดียวกัน โดยอนุญาตให๎เจ๎าหน๎าที่ของประเทศภาคี GMS เข๎ามา ทําหน๎าที่ตรวจสอบคน สินค๎า และรถภายในประเทศของตนเองได๎
(ค) ประสานชั่วโมงการทํางานร่วมกันระหวํางเจ๎าหน๎าที่ที่ประจําในดํานพรมแดนของประเทศที่ อยูํติดกัน อีกทั้งควรมีการเปิดให๎บริการตลอด 24 ชั่วโมง และให๎บริการ 7 วัน/สัปดาห์ โดย
อาจจัดให๎มีเจ๎าหน๎าที่ประจํา หรืออาจจัดให๎มีการทํางานลํวงเวลาเมื่อได๎รับคําร๎องลํวงหน๎าจาก ผู๎ต๎องการเดินทางข๎ามแดน
(ง) แลกเปลี่ยนข้อมูลและการตรวจปล่อยล่วงหน้า โดยการแลกเปลี่ยนข๎อมูลควรดําเนินการ ผํานคณะกรรมการรํวม เชํน ข๎อมูลกฎระเบียบและพิธีการข๎ามแดน เอกสารที่ใช๎ในการขนสํง ข๎ามแดนและผํานแดน
• การอํานวยความสะดวกแก่คนข้ามแดน สามารถจําแนกคนข๎ามแดนออกเป็น 2 กลุํม ได๎แกํ
(ก) คนที่ทําหน๎าที่เป็นผู๎ปฏิบัติงานด๎านการขนสํง เชํน คนขับรถ พนักงานประจํารถ ซึ่งต๎องมีการ เดินทางผํานเข๎าออกดํานพรมแดนหลายครั้งและทํางานติดตํอกันเป็นเวลานาน จึงควรได๎รับ วีซําประเภทเข๎าออกได๎หลายครั้ง (Multiple Visa) ที่มีอายุวีซําขั้นต่ํา 1 ปี จึงควรได๎รับความ ยืดหยุํนด๎านการขอรับวีซํามากเป็นพิเศษ
(ข) คนที่ไมํได๎ทําหน๎าที่เป็นผู๎ปฏิบัติงานด๎านการขนสํง เชํน ผู๎เดินทาง นักธุรกิจ และนักทํองเที่ยว ซึ่งมีการนําสัมภาระติดตัวไปพร๎อม ทั้งสินค๎าจํานวนเล็กน๎อยเพื่อใช๎ระหวํางทางหรือฝากคนรู๎จัก ซึ่งซื้อจากร๎านค๎าปลอดอากร ณ ดํานพรมแดน ดังนั้นรัฐบาลกลุํมประเทศ GMS จึงควรอนุโลม ให๎ผู๎เดินทางและนักทํองเที่ยวนําสัมภาระและสินค๎าติดตัวไปได๎โดยไมํต๎องเสียภาษี โดยควร กําหนดมูลคํา/ปริมาณขั้นสูงไว๎ เชํน นําบุหรี่เข๎าประเทศได๎ครั้งละไมํเกิน 200 มวน หรือ 250 กรัม นําเข๎าสุราได๎ครั้งละไมํเกิน 1 ลิตร เป็นต๎น และนําสัมภาระขึ้นรถไปได๎ครั้งละไมํเกิน 20
กิโลกรัม และหากบรรทุกมากเกินไปจะต๎องจํายคําน้ําหนักที่เพิ่มขึ้น (อยํางน๎อย 5% ของราคา บัตรโดยสาร)
• การกําหนดราคาค่าขนส่งผู้โดยสารข้ามแดน จําแนกบริการขนสํงผู๎โดยสารเป็น 2 ประเภท ได๎แกํ (ก) บริการขนส่งผู้โดยสารประจําเส้นทางการกําหนดราคาควรขึ้นอยูํกับความเห็นชอบของ รัฐบาลประเทศภาคี GMS และ (ข) บริการขนส่งผู้โดยสารไม่ประจําเส้นทางการกําหนดราคา ควรขึ้นอยูํกับกลไกตลาด หนํวยงานภาครัฐไมํควรให๎เงินอุดหนุนชํวยเหลือผู๎ประกอบการขนสํง ทั้งนี้ รัฐบาลประเทศภาคี GMS ควรให๎ความสําคัญกับความรับผิดของผู๎ประกอบการขนสํงในกรณี ที่เกิดอุบัติเหตุ ความลําช๎า ความสูญเสียหรือความเสียหายแกํสัมภาระและของของผู๎เดินทาง
• การยกเว้นการเปิดตรวจสินค้า การยกเว้นการวางเงินประกัน การยกเว้นการให้เจ้าหน้าที่ ศุลกากรเดินทางติดไปพร้อมกับรถบรรทุก โดยขอให๎ประเทศภาคี GMS ยกเว๎นการให๎ศุลการเปิด ตรวจสินค๎า การยกเว๎นการวางเงินประกันคําภาษีสําหรับสินค๎าผํานแดน และการยกเว๎นการให๎ เจ๎าหน๎าที่ศุลกากรเดินทางไปติดไปพร๎อมกับรถบรรทุก (Escort) อยํางไรก็ตาม ผู๎ขนสํงจะต๎อง แสดงเอกสารศุลกากรและเอกสารการขนสํงข๎ามแดน/ผํานแดนตํอหนํวยงานภาครัฐที่เกี่ยวข๎อง10 และยินยอมให๎เจ๎าหน๎าที่ศุลกากรตรวจสอบรถและสภาพการบรรจุเดินทางยกเว๎นกรณีที่เจ๎าหน๎าที่ ศุลกากรต๎องสงสัยจึงจะขอตรวจสอบสินค๎าวําสอดคล๎องกับเอกสารเพื่อปูองกันการลักลอบหนี ศุลกากร นอกจากนี้ เจ๎าหน๎าที่ศุลกากรอาจพิจารณาให๎ระบบตรวจติดตามยานพาหนะ เชํน GPS และ RFID ในการติดสอบการเคลื่อนย๎ายสินค๎า ทั้งนี้กรณีที่มีการสับเปลี่ยนรถบรรทุกที่มีการขนสํง ข๎ามประเทศ การดําเนินการขนถํายสินค๎าเพื่อสับเปลี่ยนไปจากรถบรรทุกคันหนึ่งไปยังรถบรรทุก อีกคันหนึ่งจะดําเนินการภายใต๎การควบคุมของเจ๎าหน๎าที่ศุลกากรของประเทศที่ทําการเปลี่ยนถําย และเจ๎าหน๎าที่ศุลกากรจะต๎องลงสลัก (seal) ภายหลังที่ได๎ทําการขนถํายสินค๎าแล๎วเสร็จ
• เส้นทางที่ได้รับอนุมัติให้ขนส่งคนและสินค้าในกลุ่ม GMSจําแนกตามระเบียบเศรษฐกิจดังนี้
(1) ระเบียบเศรษฐกิจแนวเหนือ-ใต้ (North South Economic Corridor)ได๎แกํ
(ก) เส๎นทางคุนหมิง – ซือเหมา – โมฮาน (ดํานชายแดนจีน) – บํอเต็น (ดํานชายแดนลาวติด จีน) – ห๎วยทราย (ดํานชายแดนลาวติดไทย) - เชียงของ (ดํานชายแดนไทย) – เชียงราย – ตาก – กรุงเทพฯ
(ข) เส๎นทางเชียงตุง – ทําขี้เหล็ก (ดํานชายแดนเมียนมา) – แมํสาย (ดํานชายแดนไทย) และ (ค) เส๎นทางคุนหมิง เชียงตุง –kaiyuan – Mengzi – Hekou (ดํานชายแดนจีน) –Lao Cai
(ดํานชายแดนเวียดนามติดจีน) – กรุงฮานอย – ไฮฟอง
(2) ระเบียบเศรษฐกิจแนวตะวันออก-ตะวันตก (East West Economic Corridor)ได๎แกํ เส๎นทางเมาะละแหมํง – เมียวะดี (ดํานชายแดนเมียนมา) – แมํสอด (ดํานชายแดนไทย) – พิษณุโลก – ขอนแกํน – กาฬสินธุ์ – มุกดาหาร (ดํานชายแดนไทย) – สะหวันนะเขต (ดําน ชายแดนลาวติดไทย) – แดนสะหวัน (ดํานชายแดนลาวติดเวียดนาม) – ลาวบาว (ดําน ชายแดนเวียดนาม) – ดงฮา – เว๎ – ดานัง
(3) ระเบียบเศรษฐกิจตอนใต้ (Southern Economic Corridor)ได๎แกํ
10เอกสารการขนสํงที่แสดงตํอเจ๎าหน๎าที่จะต๎องระบุแสดงข๎อความเป็นภาษาอังกฤษ (ควบคูํไปกับภาษาของประเทศที่ออกเอกสาร) โดยระบุรายการตํางๆ เชํน (1) ชื่อและทอี่ ยูํของผู๎ขนสํง (2) ประเทศต๎นทาง กลางทาง และปลายทาง พร๎อมแดงจุดพรมแดนที่ผํานเข๎าออก (3) รายละเอียดของยานพาหนะ (4) หมายเลข สลักหรอื เครื่องหมายบนหนํวยบรรจุ (5) รายละเอียดของสินค๎าที่ขนสํง เชํน จํานวนหีบหํอ น้ําหนัก และมูลคําสินค๎า
(ก) เส๎นทางกรุงเทพฯ – กบินทร์บุรี – สระแก๎ว – อรัญประเทศ (ดํานชายแดนไทย) หรือ เส๎นทางกรุงเทพฯ – แหลมฉบัง – พนมสารคาม – กบินทร์บุรี – สระแก๎ว – อรัญประเทศ (ดํานชายแดนไทย) – ปอยเปต (ดํานชายแดนกัมพูชาติดไทย) – ศรีโสภณ – กรุงพนมเปญ
– เหนียกหลวง – บาเว็ต (ดํานชายแดนกัมพูชาติดเวียดนาม) – มอกไบ – นครโฮจิมินต์ – วุงเตา
(ข) เส๎นทางกรุงเทพฯ – ตราด – หาดเล็ก (ดํานชายแดนไทย) – แชมแยม (ดํานชายแดน กัมพูชา) - เกาะกง – สะแรอัมเปิล – ลอก
(4) เส้นทางอื่นๆ ได๎แกํ
(ก) เส๎นทางคุนหมิง – ต๎าลี่ –- รุยลี่ (ดํานชายแดนจีน) – มูเซ (ดํานชายแดนเมียนมา) – ลา เชา
(ข) เส๎นทางกรุงเวียงจันทน์ – บ๎านลาว – ทําแขก – เซโน – ปากเซ –เหวินคาม (ดําน ชายแดนลาว) –ดงกระลอ (ดํานชายแดนกัมพูชา) – สะเต็งตรึง – กระตาย – กรุง พนมเปญ – สีหนุวิลล์
(ค) เส๎นทางนายเตย – อุดมไซ – ปากมอง – หลวงพระบาง – กรุงเวียงจันทน์ – ทํานางแล๎ง (ดํานชายแดนลาว) – หนองคาย (ดํานชายแดนไทย) – อุดรธานี – ขอนแกํน – กรุงเทพฯ
(ง) เส๎นทางกรุงเวียงจันทน์ – บอลิคําไซ (ดํานชายแดนลาว) – ฮาเตียน (เวียดนาม)
(จ) เส๎นทางจําปาสัก – วังเตํา (ดํานชายแดนลาว) – ชํองเม็ก (ดํานชายแดนไทย) - อุบลราชธานี
• การขนส่งผ่านแดน ประเทศภาคี GMS จะต๎องอนุญาตให๎การขนสํงผํานแดนดําเนินการได๎โดยไมํ เรียกเก็บภาษีอากรใดๆ ยกเว๎นคําธรรมเนียมอื่นๆ ที่เกิดจากการมีต๎นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการ ให๎บริการแกํการขนสํงผํานแดน เชํน คําธรรมเนียมการใช๎เส๎นทาง/ทางดํวน/สะพาน/อุโมงค์ คําธรรมเนียมการบรรทุกน้ําหนักเกิน คําธรรมเนียมการบริการและการใช๎สิ่งอํานวยความสะดวก คําภาษีน้ํามันเชื้อเพลิง คําธรรมเนียมการซํอมบํารุงทาง คําลํวงเวลาเจ๎าหน๎าที่ตรวจปลํอยสินค๎า เป็นต๎น โดยจะต๎องเรียกเก็บโดยไมํเลือกปฏิบัติระหวํางรถบรรทุกของตํางชาติกับรถบรรทุกของ ชาติตน
• การตรวจสอบสุขอนามัยพืชและสุขอนามัยสัตว์ ประเทศภาคี GMS จะนํากฎกติกาภายใต๎ความ ตกลงระหวํางประเทศที่อยูํในความรับผิดชอบขององค์การอนามัยโลก (WHO) องค์การอาหารและ เกษตร (FAO) และองค์การโรคระบาดสัตว์ระหวํางประเทศ (OIE) มาใช๎ในการตรวจสอบ สุขอนามัยพืชและสุขอนามัยสัตว์ในการขนสํงสินค๎าข๎ามแดน
• การขนส่งสินค้าอันตราย ซึ่งประกอบด๎วยกลุํมวัตถุอันตราย 9 ประเภท ได๎แกํ วัตถุอันตราย ประเภทที่ 1 (วัตถุระเบิด) วัตถุอันตรายประเภทที่ 2 (ก๏าซ) วัตถุอันตรายประเภทที่ 3 (ของเหลว ไวไฟ)วัตถุอันตรายประเภทที่ 4 (ของแข็งไวไฟหรือวัตถุที่ทําให๎เกิดการลุกไหม๎ได๎เอง) วัตถุอันตราย ประเภทที่ 5 (วัตถุออกซิไดซ์และออกแกนิคเปอร์ออกไซด์)วัตถุอันตรายประเภทที่ 6 (วัตถุมีพิษ และวัตถุติดเชื้อ)วัตถุอันตรายประเภทที่ 7 (วัตถุกัมมันตรังสี) วัตถุอันตรายประเภทที่ 8 (วัตถุกัด กรํอน) และวัตถุอันตรายประเภทที่ 9 (วัตถุอันตรายอื่นๆ) ประเทศภาคี GMS จะนําบทบัญญัติ ของความตกลงสหประชาชาติ UN Model Regulations ADR มาปรับใช๎ในประเด็นตํางๆ เชํน การกําหนดรายละเอียดประเภทวัตถุอันตราย การบรรจุและการติดฉลากวัตถุอันตราย การ กําหนดเครื่องหมายและวิธีการบรรจุ เอกสารการขนสํงวัตถุอันตรายและการแจ๎ง การฝึกอบรม
บุคลากรที่เกี่ยวข๎อง และมาตรการเตรียมรับมือกรณีเกิดไฟลุกไหม๎หรือระเบิดนอกจากนี้ ประเทศ ภาคี GMS จะอนุมัติให๎รถบรรทุกสินค๎าอันตรายทําการขนสํงข๎ามแดนหรือผํานแดนได๎เป็นราย กรณี โดยไมํนํากติกาภายใต๎ความตกลง GMS CBTA มาใช๎
• การขนส่งสินค้าเน่าเสียง่ายประเทศภาคี GMS จะต๎องให๎ความสําคัญเป็นลําดับแรกสําหรับการ อํานวยความสะดวกการขนสํงข๎ามแดนของสินค๎าเนําเสียงําย (Perishable Goods) เนื่องจากเป็น สินค๎าที่ได๎รับผลกระทบจากความลําช๎าในการขนสํงและตรวจปลํอยสินค๎า มีความอํอนไหวตํอการ เปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและสภาพการขนสํง โดยประเทศภาคี GMS ควรให๎การยอมรับ มาตรฐานการตรวจสอบและหนังสือรับรองสุขอนามัยพืชและสุขอนามัยสัตว์ที่ออกโดยประเทศต๎น ทางเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการตรวจปลํอยสินค๎า ทั้งนี้ภายใต๎ความตกลง GMS CBTA จําแนก สินค๎าเนําเสียงํายออกเป็น 3 กลุํม ได๎แกํ
(1) กลุ่มอาหาร ประกอบด๎วย (1.1) ผลิตภัณฑ์จากพืช เชํน ผัก ผลไม๎ พืชไรํ และ (1.2) ผลิตภัณฑ์
จากสัตว์ เชํน เนื้อสัตว์สด แชํเย็น แชํแข็ง (เนื้อวัว เนื้อหู เนื้อไกํ เนื้อเป็ด เนื้อแกะ เนื้อแพะ เนื้อม๎า ฯลฯ) ผลิตภัณฑ์ประมงสด แชํเย็น แชํแข็ง (ปลา หอย กุ๎ง ปลาหมึก) นมและผลิตภัณฑ์ นม ไขํและผลิตภัณฑ์จากไขํ
(2) กลุ่มที่มิใช่อาหาร ประกอบด๎วย (2.1) ผลิตภัณฑ์จากพืช เชํน ดอกไม๎ พืช พืชในน้ํา (2.2)
ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เชํน อวัยวะของสัตว์ เลือด หนังและขนสัตว์ (2.3) สินค๎าที่ใช๎เพื่อ การแพทย์และสัตวแพทย์ เชํน พลาสมา เลือด เซรุํม วัคซีน วัสดุที่ใช๎ในการวิจัยทางกายวิภาค และชีววิทยา
(3) สัตว์ที่มีชีวิต เชํน วัว กระบือ หมู กระตําย ไกํ เป็ด นก ม๎า สัตว์ทะเล สัตว์เลี้ยง สัตว์ทดลอง สัตว์ที่นํามาใช๎เพื่อการแสดง สัตว์ที่นํามาใช๎ในกิจการสวนสัตว์ หมํอน ผึ้ง และสัตว์มีชีวิตอื่นๆ
• การยอมรับยานพาหนะของประเทศภาคี ประเทศสมาชิก GMS ให๎การยอมรับยานพาหนะที่จด ทะเบียนในประเทศสมาชิกให๎เดินทางข๎ามแดนมาประเทศของตนได๎ ไมํวําจะเป็นรถที่ขับขี่ด๎วย พวงมาลัยซ๎ายหรือขวาก็ตาม และเป็นรถที่ใช๎เพื่อการพาณิชย์หรือรถที่ใช๎เพื่อการบรรทุกสินค๎าสํวน บุคคลก็ตาม
• การจดทะเบียนรถ รถที่ได๎รับอนุญาตให๎ขนสํงข๎ามแดนใน GMS ได๎จะต๎องได๎รับหนังสือรับรองการ จดทะเบียนที่ออกโดยหนํวยงานที่มีอํานาจหน๎าที่ของประเทศที่รถคันดังกลําวจดทะเบียน โดย หนังสือรับรองการจดทะเบียนจะต๎องแสดงข๎อมูลตํางๆ ได๎แกํ
(1) ข้อมูลทั่วไป เชํน ใบจดทะเบียนรถ ชื่อ สัญลักษณ์ และที่อยูํหนํวยงานผู๎ออกใบทะเบียนรถ ประเทศที่จดทะเบียน ลายเซ็นและการลงตราประทับของหนํวยงานผู๎ออกใบจดทะเบียน
(2) ข้อมูลทะเบียนได๎แกํ แผํนปูายทะเบียน เลขทะเบียนรถ วันที่จดทะเบียนครั้งแรก ปูายแสดง
สัญลักษณ์ประเทศ11 ระยะเวลาที่ได๎รับอนุญาต
(3) ข้อมูลของเจ้าของรถ เชํน ชื่อ ที่อยูํ
(4) ข้อมูลยานพาหนะ เชํน ประเภทรถ (รถบรรทุก รถโดยสาร รถยนต์นั่งสํวนบุคคล) ตัวถัง ยี่ห๎อ รถ รุํน สี ปีที่ผลิต เลขแชสซีส์ จํานวนเพลา น้ําหนักบรรทุกรวม น้ําหนักตัวรถ ข๎อมูล เครื่องยนต์ จํานวนกระบอกสูบ ความจุ แรงม๎า เลขทะเบียนเครื่องยนต์
11ปูายแสดงสัญลักษณ์ประเทศทจดทะเบียนเป็นรถที่ได๎รับอนุญาตให๎ข๎ามแดนจะต๎องใช๎ตัวอักษรละติน (มีตัวอักษรไมํเกิน 3 ตัว) และมีความสูงของตัวอกั ษรไมํ น๎อยกวํา 0.08 เมตร เว๎นวรรคไมํนอ๎ ยกวํา 0.01 เมตร ใช๎ตัวอกั ษรสีดําและพื้นสีขาว ในกรณีของประเทศกัมพูชาใช๎ KH ประเทศจีนใช๎ CHN ประเทศลาวใช๎ LAO ประเทศเมียนมาร์ใช๎ MYA ประเทศไทยใช๎ T และประเทศเวียดนามใช๎ VN
(5) รถที่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียน ประกอบด๎วย (ก) รถยนต์นั่งส่วนบุคคลน้ําหนักไมํเกิน 3.5 ตัน และบรรทุกผู๎โดยสารได๎ไมํเกิน 8 ที่นั่ง รวมคนขับรถ 1 ที่นั่ง เป็นรวมทั้งคันไมํเกิน 9 ที่ นั่ง) (ข) รถโดยสาร ใช๎บรรทุกผู๎โดยสารมากกวํา 8 ที่นั่ง (ค) รถบรรทุกเชิงเดี่ยว บรรทุกสินค๎า ได๎เกินกวํา 3.5 ตันขึ้นไป และ (ง) รถพํวง และรถกึ่งพํวง
• ข้อกําหนดทางเทคนิคของรถและตู้คอนเทนเนอร์ รถและตู๎คอนเทนเนอร์ที่ใช๎ขนสํงข๎ามแดนและ ผํานแดนใน GMS จะต๎องมีมาตรฐานความปลอดภัยและการปลํอยของเสียเป็นไปตามกฎหมาย ของประเทศที่รับจดทะเบียนรถ อยํางไรก็ตาม ขณะที่นํารถดังกลําวข๎ามแดน/ผํานแดนไปยัง ประเทศสมาชิก GMS อื่นๆ จะต๎องปฏิบัติตามข๎อกําหนดด๎านน้ําหนัก น้ําหนักลงเพลา ความ กว๎างยาวและสูงของรถ ผู๎ขนสํงจะต๎องปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศที่อนุญาตให๎นํารถคัน ดังกลําวข๎ามแดน/ผํานแดน
• ข้อกําหนดด้านกฎระเบียบการจราจรทางถนนและป้ายสัญญาณ ประเทศภาคี GMS จะทยอย ปรับกฎระเบียบการจราจรและปูายสัญญาณตามกฎและมาตรฐานที่ GMS CBTA กําหนดให๎แล๎ว เสร็จภายในปี ค.ศ.2019
• การประกันภัยความรับผิดต่อบุคคลภายนอก (Compulsory Third Party Motor Vehicle Liability Insurance) กําหนดให๎เมื่อรถของตํางชาติที่เป็นประเทศภาคีGMS เข๎ามาภายในดินแดน ของประเทศสมาชิก GMS อื่นแล๎วจะต๎องปฏิบัติตามกฎระเบียบการประกันภัยความรับผิดตํอ บุคคลภายนอกที่กําหนดโดยประเทศสมาชิกที่รถคันดังกลําวข๎ามแดน/ผํานแดนอยูํ
• การยอมรับใบอนุญาตขับขี่ ประเทศภาคี GMS ยอมรับใบอนุญาตขับขี่ที่ออกโดยแตํละประเทศที่ เป็นภาคี GMS ตามหลักการที่กําหนดโดยความตกลงยอมรับใบขับขี่ภายในประเทศอาเซียน (Agreement on Recognition of Domestic Driving Licenses)
• การอนุญาตให้นําเข้ารถมาขับขี่ได้เป็นการชั่วคราว ประเทศภาคี GMS อนุญาตให๎นํารถที่จด ทะเบียนในประเทศใดๆ ที่เป็นสมาชิก GMS (รวมทั้งน้ํามันเชื้อเพลิงที่บรรจุในถังน้ํามัน น้ํามันหลํอลื่น อุปกรณ์บํารุงรักษา และอะไหลํที่มีปริมาณเหมาะสม) เข๎ามาในดินแดนของแตํละ ประเทศภาคี GMS ได๎เป็นการชั่วคราว โดยจะไมํเรียกเก็บอากรและภาษีขาเข๎า เงินวางประกัน และไมํถือเป็นสินค๎าต๎องห๎ามหรือต๎องกํากัด
• การแลกเปลี่ยนสิทธิการจราจร (Traffic Rights) ประเทศภาคี GMS จะยินยอมให๎ผู๎ขนสํงที่จด ทะเบียนจัดตั้งในประเทศใดๆ ใน GMS ดําเนินการขนสํงข๎ามแดนระหวํางประเทศที่จดทะเบียนกับ ประเทศที่มีพรมแดนติดกัน รวมถึงดําเนินการขนสํงผํานแดนได๎ตามเงื่อนไขที่กําหนด นอกจากนี้ ประเทศภาคี GMS อาจยินยอมให๎ผู๎ขนสํงของชาติอื่นทําการขนสํงสินค๎าและผู๎โดยสาร ภายในประเทศของตนได๎ (Cabotage) หากได๎รับการอนุมัติเป็นพิเศษโดยหนํวยงานภาครัฐใน ประเทศของตน
• ใบอนุญาตประกอบการขนส่งระหว่างประเทศ ผู๎ขนสํงข๎ามแดนและผํานแดนจะต๎องได๎รับ ใบอนุญาตประกอบการขนสํงระหวํางประเทศจากประเทศที่ตนจดทะเบียน โดยไมํสามารถ จําหนํายหรือสลักหลังโอนสิทธิใบอนุญาตประกอบการขนสํงให๎ผู๎อื่นได๎ โดยคุณสมบัติของผู๎ขนสํงที่ ได๎รับใบอนุญาตให๎ประกอบการมีดังนี้ (1) มีทุนจดทะเบียนมากกวําร๎อยละ 50 ที่ถือหุ๎นโดยคนชาติ ที่จดทะเบียน (2) กรรมการเสียงข๎างต๎นเป็นคนชาติที่จดทะเบียน (3) ไมํเคยถูกจําคุกและไมํเคยทํา ผิดกฎหมายและถูกลงโทษขั้นร๎ายแรง (4) มีฐานะการเงินมั่นคงและมีเงินทุนมากเพียงพอตํอการ
ประกอบการ (5) มีความรู๎ความเข๎าใจในกฎหมายที่จําเป็นในการประกอบธุรกิจขนสํง เชํน กฎหมายการขนสํง กฎหมายแรงงาน กฎหมายภาษี กฎหมายบริษัท และการทํานิติกรรมสัญญา
(6) มีความรู๎ความเข๎าใจการบริหารจัดการขนสํง เชํน การคํานวณต๎นทุน การกําหนดราคา การ ชําระเงิน การประกันภัย การตลาด การแขํงขันทางการค๎า การตอบโต๎การทุํมตลาด เอกสารการ ขนสํง และการเข๎ารํวมกิจกรรมกับสมาคมวิชาชีพ (7) มีความรู๎ความเข๎าใจด๎านเทคนิคการ ประกอบการขนสํง เชํน ขนาดและน้ําหนักบรรทุกของรถ รถประเภทตํางๆ การซํอมบํารุง การขน ถํายสินค๎า การขนสํงสินค๎าอันตราย การขนสํงสินค๎าเนําเสียงําย การอนุรักษ์สิ่งแวดล๎อม และ
(8) มีความรู๎ความเข๎าใจด๎านความปลอดภัยทางถนน เชํน การปูองกันและลดอุบัตเหตุทางถนน กฎ จราจร
• การเข้าสู่ตลาด ผู๎ขนสํงที่ได๎รับใบอนุญาตประกอบการขนสํงระหวํางประเทศจะได๎รับอนุญาตให๎ทํา การขนสํงข๎ามแดนภายใต๎ความตกลง GMS CBTA และได๎รับอนุญาตให๎จัดตั้งสํานักงานผู๎แทน (Representative Office) ในประเทศปลายทางได๎เพื่ออํานวยความสะดวกในการบริหารจัดการ ขนสํง
• การเปิดตลาดบริการขนส่ง มีเงื่อนไขดังนี้
(1) รถขนสํงผู๎โดยสารและสินค๎าที่ได๎รับอนุญาตให๎ประกอบการขนสํงระหวํางประเทศได๎จะต๎อง เดินทางเข๎าและออกดํานพรมแดนที่กําหนด และใช๎เดินทางในเส๎นทางที่ได๎รับอนุมัติเทํานั้น12
(2) กรณีการให๎บริการด๎วยรถโดยสารประจําเส๎นทางระหวํางประเทศ รัฐบาลประเทศต๎นทางและ ปลายจะต๎องเจรจาเพื่อให๎ความเห็นชอบเรื่องตารางเวลาการให๎บริการ จํานวนเที่ยวรถ และ จํานวนผู๎โดยสารที่ได๎รับอนุมัติให๎ขนสํงระหวํางประเทศ
(3) กรณีการให๎บริการด๎วยรถโดยสารไมํประจําเส๎นทาง และรถบรรทุกสินค๎าระหวํางประเทศ ผู๎ได๎รับอนุญาตประกอบการขนสํงจะได๎รับอนุญาตให๎ขนสํงได๎เฉพาะรถคันที่จดทะเบียนไว๎ เทํานั้น โดยในเบื้องต๎น ประเทศภาคี GMS เห็นชอบให๎ แตํละประเทศมีโควต๎ารถโดยสารไมํ ประจําทางและรถบรรทุกสินค๎าที่จะออกใบอนุญาตประกอบการขนสํงระหวํางประเทศได๎ รวมกันประเทศละไมํเกิน 500 คัน (สามารถปรับเพิ่มขึ้นได๎ถ๎าได๎รับความเห็นชอบจาก คณะกรรมการรํวม GMS)
(4) คณะกรรมการอํานวยความสะดวกการขนสํงแหํงชาติ (National Transport Facilitation Committee) ของประเทศต๎นทางจะเป็นผู๎เห็นชอบการออกใบอนุญาตประกอบการขนสํงทาง บกระหวํางประเทศ โดยใบอนุญาตฯ มีอายุคราวละไมํเกิน 1 ปี นับจากวันที่ออกใบอนุญาตฯ และจะอนุญาตให๎รถขนสํงข๎ามแดนได๎ไมํเกินคราวละ 30 วันนับจากวันที่รถเดินทางเข๎าประเทศ ปลายทาง
• การกําหนดราคาค่าขนส่ง การกําหนดราคาคําขนสํงสินค๎าให๎ใช๎ตามกลไกตลาดภายใต๎การกํากับ ของคณะกรรมการรํวม GMS เพื่อปูองกันการผูกขาดและกําหนดราคาสูง/ต่ําจนเกินไป
• เอกสารสัญญาการขนส่ง เอกสารสัญญาการขนสํงจะต๎องออกคราวละ 3 ฉบับ (3 original copies) ลงนามโดยผู๎ออกใบตราสํงและผู๎ขนสํง โดยเอกสารฉบับที่ 1 ให๎เก็บไว๎ที่ผู๎ออกใบตราสํง เอกสารฉบับที่ 2 ใช๎แนบติดไปพร๎อมกับสินค๎า และเอกสารฉบับที่ 3 เก็บไว๎ที่ผู๎ขนสํง โดยเอกสาร
12กรณีการขนสํงผู๎โดยสารและสินค๎าที่ไมํมวัตถุประสงค์เพื่อการพาณิชย์จะได๎รับยกเว๎นจากข๎อกําหนดข๎างต๎น เชํน การขนสํงศพ การขับรถทอํ งเที่ยวสํวนตัว การ ขนสํงของเพื่อชํวยเหลือผู๎ประสบภัยพิบัติ รถดับเพลิง และรถพยาบาล เป็นต๎น
สัญญาการขนสํงจะต๎องมีการระบุข๎อมูลตํางๆ ได๎แกํ (1) วันที่ออกใบตราสํงและสถานที่ออกใบตรา สํง (2) ชื่อและที่อยูํของผู๎ออกใบตราสํง (3) ชื่อและที่อยูํของผู๎ขนสํง (4) สถานและวันที่ที่รับสินค๎า
และสถานที่ปลายทาง (5) ชื่อและที่อยูํของผู๎รับใบตราสํง (6) คําอธิบายลักษณะสินค๎าและวิธีการ
บรรจุหีบหํอ (7) จํานวนหีบหํอและเครื่องหมาย/เลขที่หีบหํอ (8) น้ําหนักสินค๎า (9) คําบริการ
ขนสํง (10) มูลคําสินค๎าเพื่อสําแดงตํอศุลกากร (11) คําอธิบายสําหรับเจ๎าหน๎าที่ศุลกากร และ
(12) คําอธิบายความรับผิดของผู๎ขนสํง
• โครงสร้างพื้นฐาน การออกแบบกํอสร๎างถนน สะพาน เครื่องหมาย และปูายอาณัติสัญญาณ การจราจรจะต๎องเป็นไปแบบที่ประเทศภาคีกําหนดรํวมกัน
• สิ่งอํานวยความสะดวกในการข้ามแดน ประเทศภาคี GMS จะดําเนินการกํอสร๎างและพัฒนา โครงสร๎างพื้นฐานที่จําเป็นบริเวณจุดผํานแดนและจัดให๎มีเจ๎าหน๎าที่เพื่ออํานวยความสะดวกการ ดําเนินพิธีผํานแดน ประกอบด๎วย (1) การอํานวยความสะดวกแก่รถข้ามแดน โดยจัดให๎มีสิ่ง อํานวยความสะดวกสําหรับพนักงานประจํารถ บริการซํอมบํารุงรักษารถ สถานที่จอดรถ และ บริการฆําเชื้อที่ติดมากับรถกํอนข๎ามแดน (2) การอํานวยความสะดวกแก่สินค้า โดยจะจัดให๎มี พื้นที่กลางแจ๎งและพื้นที่ในรํมเพื่อใช๎ในการขนถํายสินค๎า การถํายสินค๎าข๎ามรถ การตรวจสอบ สินค๎า คลังสินค๎า สถานีตู๎สินค๎า บริการตรวจสอบสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช คลังสินค๎าทัณฑ์บน พื้นที่สําหรับสินค๎าแชํเย็น/แชํแข็ง พื้นที่สําหรับรองรับการตรวจปลํอยสัตว์ที่มีชีวิต (3) การ อํานวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารและผู้เดินทางโดยจะจัดให๎มีสิ่งอํานวยความสะดวกในการตรวจ ตราผู๎โดยสาร พื้นที่นั่งพักผํอน ห๎องสุขา ที่จอดรถ และห๎องปฐมพยาบาล เป็นต๎น นอกจากนี้ ในจุด ข๎ามแดนที่มีความสําคัญ ประเทศภาคี GMS อาจพิจารณาจัดให๎มีสิ่งอํานวยความสะดวกเพิ่มเติม เชํน โทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต บริการแลกเปลี่ยนเงินตรา รถแท็กซี่ จุดชั่งน้ําหนัก เครื่องอํานหนังสือ เดินทาง เครื่องอํานปูายแผํนทะเบียนอัตโนมัติ เครื่องเอ็กซเรย์สินค๎าและคอนเทนเนอร์ เครื่องอําน บาร์โค๎ด และบุคลากรที่สามารถสื่อสารด๎วยภาษาอังกฤษได๎ เป็นต๎น
• การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ ประเทศภาคี GMS ต๎องสํงเสริมการดําเนินการขนสํงตํอเนื่อง หลายรูปแบบ เพื่อให๎มีผู๎รับผิดชอบการขนสํงตํอเนื่องตั้งแตํจุดต๎นทางถึงจุดปลายทาง โดย ผู๎รับผิดชอบดังกลําวมีความนําเชื่อถือและมีใบอนุญาตประกอบการขนสํงตํอเนื่องหลายรูปแบบที่ ได๎รับอนุมัติจากรัฐ
• การยอมรับเรื่องการลดเอกสารและพิธีการข้ามแดน ประเทศภาคี GMS พยายามลดจํานวน เอกสารและพิธีการข๎ามแดนเพื่อลดเวลาและต๎นทุนการดําเนินการขนสํง โดยรับจะดําเนินการ
(1) ลดจํานวนเอกสารและพิธีการในการข๎ามแดน (2) ให๎มีคําแปลภาษาอังกฤษสําหรับเอกสารทุก ประเภทที่ใช๎ในการขนสํงข๎ามแดน (3) อ๎างอิงการออกแบบตามสหประชาชาติเทําที่จะทําได๎
(4) ปรับพิกัดอัตราศุลกากรให๎สอดคล๎องกัน และ (5) แจ๎งภาคี GMS ลํวงหน๎าในกรณีที่มีการ ปรับเปลี่ยนเอกสารและพิธีการที่ใช๎ในการขนสํงข๎ามแดน
ในภาพรวม หนํวยงานเจ๎าภาพในการผลักดันการดําเนินงานตามความตกลง GMS CBTA ของทุก ประเทศสมาชิก คือ กระทรวงคมนาคม โดยในกรณีของไทย นับตั้งแตํปี 2554 ได๎จัดตั้ง “คณะกรรมการ อํานวยความสะดวกการขนส่งแห่งชาติ” โดยมีปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานกรรมการ และมีรอง ปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นรองประธานฯ และมีผู๎อํานวยการสํานักความรํวมมือระหวํางประเทศ สํานักงาน ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นกรรมการและเลขานุการ และมีผู๎แทนหนํวยงานที่เกี่ยวข๎อง เชํน กรมการขนสํง
ทางบก กรมทางหลวง กรมศุลกากร กรมการค๎าตํางประเทศ มีอํานาจหน๎าที่กํากับ ดูแลเฉพาะการดําเนินงาน ตามความตกลงวําด๎วยการขนสํงข๎ามแดนพรมในอนุภูมิภาคลุํมแมํน้ําโขง (Cross Border Transport Agreement – GMS CBTA)
จากการศึกษาทบทวนกรอบความตกลงระหวํางประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาคี ได๎แกํ องค์การการค๎า โลก (World Trade Organization - WTO) กรอบอนุภูมิภาคลุํมน้ําโขง (Greater Mekong Sub region - GMS) และองค์การชํานัญพิเศษที่อยูํภายใต๎องค์การสหประชาชาติ ได๎แกํ องค์การศุลกากรโลก ( World Customs Organization - WCO) องค์การการบินพลเรือนระหวํางประเทศ (International Civil Aviation Organization - ICAO) และองค์การทางทะเลระหวํางประเทศ (International Maritime Organization - IMO) ได๎มีบทบัญญัติที่เกี่ยวข๎องกับการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํง ตลอดจนกําหนด หนํวยงานที่มีความรับผิดชอบในการขับเคลื่อนที่แตกตํางกัน ซึ่งโดยสํวนใหญํ พบวํา หนํวยงานของไทยและ นานาประเทศที่มีบทบาทหลักในการเป็นเจ๎าภาพขับเคลื่อนการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํง มักเป็นกระทรวงที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจ ได๎แกํ กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) กระทรวงคมนาคม กระทรวง พาณิชย์ (บางประเภทใช๎กระทรวงการค๎าและอุตสาหกรรม) กระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยในบางประเทศ ที่ไมํสามารถหาเจ๎าภาพที่เหมาะสมได๎ก็จะมอบให๎สํานักนายกรัฐมนตรีเป็นหนํวยงานขับเคลื่อนการอํานวย ความสะดวกทางการค๎าและการขนสํงข๎ามแดนและผํานแดน เนื่องจากมีลักษณะภาระงานที่ครอบคลุมประเด็น ตํางๆ ที่ไมํได๎อยูํภายใต๎การดําเนินงานของกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง ได๎แกํ
(1) การกําหนดระเบียบพิธีการศุลกากรการนําเข้า ส่งออก ผ่านแดน และถ่ายลํา (เป็นภารกิจ หลักของกรมศุลกากร)
(2) การจัดการความเสี่ยงในการตรวจปล่อยสินค้า (เป็นภารกิจหลักของกรมศุลกากร รํวมกับ หนํวยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข๎อง เชํน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม)
(3) การตรวจสอบภายหลังการผ่านพิธีการศุลกากร (เป็นภารกิจหลักของกรมศุลกากร รํวมกับ
กรมสรรพากร และกรมสรรพสามิต)
(4) การอํานวยความสะดวกสําหรับผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติ Authorized Economic Operator - AEO (เป็นภารกิจหลักของกรมศุลกากร)
(5) การชําระภาษีและค่าธรรมเนียมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (เป็นภารกิจหลักของกรมศุลกากร รํวมกับหนํวยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข๎อง)
(6) การขออนุญาตในการนําเข้าและส่งออกสําหรับสินค้าบางประเภทซึ่งเป็นสินค้าต้องกํากับ/ สินค้าควบคุม (เป็นภารกิจของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและ
สหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล๎อม กระทรวงกลาโหม และกระทรวงมหาดไทย เป็นต๎น)
(7) การจัดให้มีระบบการรับเอกสารล่วงหน้าสําหรับตรวจปล่อยสินค้า (เป็นภารกิจหลักของกรม ศุลกากร
(8) การจัดตั้งจุดตอบข้อซักถามของการค้าและการขนส่งระหว่างประเทศ (เป็นหน๎าที่ที่
ครอบคลุมการดําเนินงานของหลายสํวน ซึ่งยังคงมีความลําบากในการหาเจ๎าภาพกลาง)
(9) การจัดตั้งจุดบริการเบ็ดเสร็จ (Single Window) เพื่อยื่นเอกสารการส่งออก นําเข้า ผ่าน แดน ที่ประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (เป็นภารกิจหลักของกรมศุลกากร กระทรวง คมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย โดยปัจจุบันยังมีการทํางานที่ซ้ําซ๎อน)
(10) การให้สิทธิประกอบการขนส่งสินค้าผ่านแดน/ข้ามแดน และประเภทยานพาหนะที่ให้ผ่านได้
(เป็นหน๎าที่หลักของกรมการขนสํงทางบก กระทรวงคมนาคม)
(11) การกําหนดเส้นทางอนุมัติให้ทําการขนส่งข้ามแดนและผ่านแดน (เป็นภารกิจหลักของกรม ศุลกากร และกรมทางหลวง)
(12) การจัดให้มีจุดพักรถ (เป็นภารกิจหลักของกรมทางหลวง และกรมการขนสํงทางบก)
(13) การยอมรับหนังสือตรวจสภาพรถบรรทุกที่ทําการขนส่งระหว่างประเทศ (เป็นภารกิจหลักของ กรมการขนสํงทางบก)
(14) โครงสร้างพื้นฐานของด่านพรมแดน (สถานที่เก็บสินค๎า ลานวางกองสินค๎า ลานจอดรถ ลาน ตรวจปลํอย พื้นที่ควบคุม คลังสินค๎าทัณฑ์บน) (เป็นภารกิจหลักของกรมศุลกากร กรมทางหลวง
และกรมการขนสํงทางบก)
(15) การประกันภัยความรับผิดในการขนส่ง (เป็นภารกิจหลักของกรมการขนสํงทางบก สํานักงาน คณะกรรมการกํากับและสํงเสริมการประกันภัย)
(16) ระบบการขนส่งเชื่อมต่อกับการขนส่งทางบก (เป็นภารกิจหลักของกระทรวงคมนาคม)
(17) การจัดทําระบบศุลกากรผ่านแดนระหว่างประเทศไทยกับเพื่อนบ้าน (เป็นภารกิจหลักของกรม ศุลกากร)
(18) มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชเพื่อป้องกันโรคพืช โรคสัตว์ และโรคติดต่อ (เป็น ภารกิจของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงสาธารณสุข)
(19) มาตรการพิเศษสําหรับสินค้าอันตราย (เป็นภารกิจหลักของกระทรวงอุตสาหกรรม และ
หนํวยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข๎อง เชํน กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย เป็นต๎น )
(20) การตรวจสอบหนังสือเดินทาง (เป็นภารกิจหลักของสํานักงานตรวจคนเข๎าเมือง)
(21) การตรวจสอบใบอนุญาตทํางานของผู้ที่เดินทางข้ามแดน (กรณีเข้ามาทํางาน) (เป็นภารกิจ หลักของกระทรวงแรงงาน รํวมกับสํานักงานตรวจคนเข๎าเมือง)
(22) การจัดทําระบบตรวจสินค้า/คนร่วมกันระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านที่ตรวจในคราว เดียวกัน (Single Stop Inspection - SSI) (เป็นหน๎าที่ที่ครอบคลุมการดําเนินงานของหลาย
สํวน ซึ่งยังคงมีความลําบากในการหาเจ๎าภาพกลาง โดยในบางประเทศให๎เป็นภารกิจของ กระทรวงคมนาคม หรือกรมศุลกากร หรือกระทรวงความมั่นคง)
(23) การประสานชั่วโมงการทํางานร่วมกันระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (เป็นภารกิจหลักของ
กระทรวงมหาดไทย และหนํวยงานที่เกี่ยวข๎อง เชํน ศุลกากร สํานักงานตรวจคนเข๎าเมือง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข เป็นต๎น)
(24) การแลกเปลี่ยนข้อมูลและการตรวจปล่อยล่วงหน้า (เป็นภารกิจหลักของกรมศุลกากร)
(25) การมีจุดยื่นขอวีซ่า (เป็นภารกิจหลักของสํานักงานตรวจคนเข๎าเมือง)
(26) การพัฒนาเทคโนโลยีการตรวจติดตามยานพาหนะ เชํน GPS / RFID / Customs E Seal (เป็นภารกิจหลักของกรมศุลกากร หรือกระทรวงคมนาคม)
(27) การเตรียมรับมือกรณีเกิดไฟลุก หรือระเบิดจากการขนส่งสินค้า (เป็นภารกิจหลักของ กระทรวงคมนาคม หรือกระทรวงความมั่นคง)
(28) การจัดเตรียมสิ่งอํานวยความสะดวกในการข้ามแดนแก่รถ สินค้า ผู้โดยสาร และพื้นที่
ควบคุมร่วม (Common Control Area) (เป็นภารกิจหลักของกระทรวงคมนาคม หรือกรม ศุลกากร)
4 สรุป
(29) กลไกการขับเคลื่อนกรณีเป็นหน่วยงานภายในประเทศของไทย และหน่วยงานที่ประสานกับ ประเทศเพื่อนบ้าน (เป็นหน๎าที่ที่ครอบคลุมการดําเนินงานของหลายสํวน ซึ่งยังคงมีความลําบาก ในการหาเจ๎าภาพกลาง)
การอํานวยความสะดวกทางการคาและการขนสํงข๎ามแดนและผํานแดนเป็นประเด็นที่มีความท๎าทาย
สําหรับประเทศไทยอยํางมากในการพัฒนากิจกรรมการค๎าและการขนสํงในพื้นที่ชายแดนที่เชื่อมตํอกับประเทศ เพื่อนบ๎าน
ในสํวนการค๎าระหวํางไทยกับเมียนมา พบวํา กวําร๎อยละ 90 เป็นการค๎าชายแดนผํานดํานถาวรที่ สําคัญ ได๎แกํ ดํานแมํสอด ดํานแมํสาย ดํานสังขละบรี ดํานระนอง โดยสินค๎าสํงออกสําคัญของไทยสํวนใหญํ เป็นสินค๎าอุปโภคบริโภค เชํน เครื่องดื่ม น้ํามันสําเร็จรูป น้ําตาลทราย ปูนซิเมนต์ และสินค๎านําเข๎า ได๎แกํ ก๏าซ ธรรมชาติ สัตว์ สินแรํ และผักผลไม๎ โดยไทยเป็นฝุายขาดดุลการค๎ากับเมียนมา ขณะที่การค๎าระหวํางไทยกับ กัมพูชา พบวํา ร๎อยละ 75 เป็นการค๎าชายแดนผํานดํานถาวรที่สําคัญ ได๎แกํ ดํานบ๎านคลองลึก ดํานบ๎านหาด เล็ก สินค๎าสํงออกสําคัญของไทยสํวนใหญํเป็นอัญมณี น้ํามันสําเร็จรูป เครื่องดื่ม ปูนซิเมนต์ และน้ําตาลทราย และสินค๎านําเข๎า ได๎แกํ เครื่องจักรไฟฟูา ผักผลไม๎ ลวดและสายเคเบิล โดยไทยเป็นฝุายได๎ดุลการค๎ากับกัมพูชา
องค์การระหวํางประเทศ อาทิ องค์การการค๎าโลก องค์การศุลกากรโลก องค์การทางทะเลระหวําง ประเทศ องค์การการบินพลเรือนระหวํางประเทศ และองค์การสหประชาชาติ อาเซียน และการรวมกลุํมใน ระดับอนุภูมิภาค เชํน อนุภูมิภาคลุํมแมํน้ําโขง (GMS) ได๎มีการจัดทําความตกลงระหวํางประเทศหรืออนุสัญญา ระหวํางประเทศจํานวนหลายฉบับ เพื่อเป็นแนวทางให๎ประเทศที่สนใจเข๎ารํวมนําไปศึกษา อ๎างอิง และนําไป ปรับกฎระเบียบและระบบการทํางานที่เกี่ยวข๎องของนานาประเทศเพื่อให๎มีการอํานวยความสะดวกทางการค๎า และการขนสํงเพิ่มขึ้นให๎สอดคล๎องกับโลกาภิวัฒน์การค๎า การลงทุน การขนสํง และโลจิสติกส์ที่มีลักษณะที่ยืด โยงกันระหวํางประเทศเพิ่มขึ้น
ประเทศไทยได๎เข๎ารํวมเป็นสมาชิกและให๎สัตยาบันการปฏิบัติตามอนุสัญญาระหวํางประเทศหลาย ฉบับที่เกี่ยวกับการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํงฯ ได๎แกํ (1) ความตกลงพิธีการขอใบอนุญาต นําเข๎า (2) ความตกลงการตรวจสอบสินค๎ากํอนสํงออก (3) ความตกลงการประเมินราคาศุลกากร (4) ความตก ลงการอํานวยความสะดวกทางการค๎า (5) อนุสัญญาระหวํางประเทศวําด๎วยพิธีการศุลกากรที่เรียบงํายและ สอดคล๎องกัน (6) อนุสัญญาวําด๎วยการบินพลเรือนระหวํางประเทศ (7) อนุสัญญาการอํานวยความสะดวก
ทางการขนสํงทางทะเล (8) กรอบความตกลงอาเซียนวําด๎วยการอํานวยความสะดวกการขนสํงผํานแดน
(9) กรอบความตกลงอาเซียนวําด๎วยการอํานวยความสะดวกการขนสํงข๎ามแดน และ (10) ความตกลงวําด๎วย การขนสํงข๎ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุํมน้ําโขง
ขณะเดียวกัน ประเทศไทยยังไมํได๎เข๎ารํวมให๎สัตยาบันการปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ บางฉบับ เชํน
(1) อนุสัญญาศุลกากรวําด๎วยการขนสํงสินค๎าระหวํางประเทศ (2) อนุสัญญาระหวํางประเทศวําด๎วยการปรับ การควบคุมสินค๎าที่ดํานพรมแดนให๎เป็นแบบเดียวกัน (3) อนุสัญญาศุลกากรวําด๎วยตู๎คอนเทนเนอร์
จากที่กลําวมาข๎างต๎น สํงผลให๎การกําหนดกฎระเบียบการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการ ขนสํงของไทยจะต๎องพัฒนาปรับปรุงจากเดิม โดยไทยไมํควรให๎ความสําคัญกับการพัฒนาโครงสร๎างพื้นฐาน เพียงอยํางเดียว แตํต๎องให๎ความสําคัญกับการปรับกฎระเบียบควบคูํกันไปด๎วย เพื่อให๎สอดคล๎องกับวิสัยทัศน์
การเป็นศูนย์กลางการค๎าและโลจิสติกส์ของภูมิภาค และการเป็นชาติการค๎า เนื่องจากปัจจุบัน ประเทศไทยยัง มีกฎระเบียบที่ไมํเอื้อตํอการค๎าและการขนสํงสินค๎าข๎ามแดนและผํานแดน ซึ่งแตกตํางจากประเทศในสหภาพ ยุโรป และสิงคโปร์ ที่เป็นสมาชิกความตกลงฉบับตํางๆ สํงผลให๎การเคลื่อนย๎ายสินค๎าข๎ามแดนและผํานแดน เป็นไปอยํางสะดวกและรวดเร็ว
หนํวยงานหลักของไทยที่มีบทบาทหลักในการประสานอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํง สํวนใหญํ ได๎แกํ หนํวยงานภายใต๎กระทรวงพาณิชย์ (กรมการค๎าตํางประเทศ) หนํวยงานภายใต๎ กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) ซึ่งสํวนใหญํจะเป็นไปตามกรอบความตกลงที่องค์การชํานัญระหวํางประเทศ เป็นผู๎ริเริ่มขึ้น เชํน กรณีที่เป็นความตกลงที่อยูํภายใต๎องค์การการค๎าโลกก็จะให๎หนํวยงานในกระทรวงพาณิชย์ เป็นเจ๎าภาพในการประสานงาน ขณะที่หากเป็นความตกลงที่อยูํภายใต๎องค์การศุลกากรโลกก็จะให๎หนํวยงาน กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) เป็นเจ๎าภาพประสานงาน และหากเป็นความตกลงที่อยูํภายใต๎องค์การชํานัญ พิเศษด๎านการขนสํง ก็จะให๎หนํวยงานกระทรวงคมนาคมเป็นเจ๎าภาพประสานงาน อยํางไรก็ตาม หาก เปรียบเทียบระหวําง “การอํานวยความสะดวกทางการค๎า” กับ “การอํานวยความสะดวกทางการขนสํง” แล๎ว พบวํา ความตกลงระหวํางประเทศสํวนใหญํนํา “การอํานวยความสะดวกทางการขนสํง” เป็นสํวนหนึ่งของ “การอํานวยความสะดวกทางการค๎า” เนื่องจากหากไมํมีการค๎าก็จะไมํมีการขนสํงเกิดขึ้น ประกอบกับเนื้อหา ด๎านการอํานวยความสะดวกทางการค๎ามีความซับซ๎อนและมีพลวัตรมากกวําการอํานวยความสะดวกทางการ ขนสํง
นอกจากนี้ หากพิจารณาภายใต๎กรอบความตกลงอนุภูมิภาคลุํมน้ําโขง (GMS) พบวํา กระทรวง คมนาคมของทุกประเทศ ได๎แกํ ไทย สปป.ลาว เมียนมา กัมพูชา เวียดนาม และจีน มีบทบาทหลักในการ ขับเคลื่อนการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํง เนื่องจากเป็นหนํวยงานเจ๎าภาพประสานงานการ จัดทําความตกลงการขนสํงข๎ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุํมน้ําโขง (GMS CBTA) ที่มีสาระครอบคลุมการอํานวย ความสะดวกทางการค๎าและการขนสํงไว๎ในความตกลงฉบับเดียวกัน
บทที่ 3
รูปแบบองค์การทใี่ ช้จัดการอํานวยความสะดวกทางการค้า
และการขนส่งข้ามแดนและผ่านแดนของต่างประเทศ
1. คํานํา
บทที่ 3 เป็นการศึกษารูปแบบองค์การที่ใช๎ในการจัดการการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการ
ขนสํงข๎ามแดนและผํานแดนของตํางประเทศ เพื่อนํารูปแบบตํางๆ มาใช๎ในการศึกษาเปรียบเทียบกับรูปแบบ ขององค์การที่ใช๎ในการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํงข๎ามแดนและผํานแดนของประเทศไทย เพื่อประเมินความพร๎อม โอกาส และอุปสรรคในการดําเนินงานด๎านการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและ การขนสํงระหวํางประเทศในสํวนที่เกี่ยวข๎องกับไทย
2. รูปแบบองค์การที่ใช้ในการจัดการการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งสินค้า ข้ามแดนและผ่านแดน
การอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํงเป็นประเด็นที่มีความสําคัญมากตํอการพัฒนาการค๎า ระหวํางประเทศ นานาประเทศมีการกําหนดมาตรการอํานวยความสะดวกทางการค๎า เชํน การลดขั้นตอน เอกสารและพิธีการทางการค๎า การกําหนดมาตรฐานพิธีการทางการค๎าและการขนสํง การสํงเสริมการใช๎ เอกสารอิเล็กทรอนิกส์และการแลกเปลี่ยนข๎อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ในเพื่อใช๎ในการขนสํงข๎ามแดนและผําน แดน การพัฒนาศูนย์บริการเบ็ดเสร็จและ Single Window การจัดการความเสี่ยง (Risk Management) การให๎สัตยาบันแกํอนุสัญญาระหวํางประเทศในสํวนของการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํง การเจรจาความรํวมมือกับตํางประเทศในการอํานวยความสะดวกทางการค๎า ไว๎เป็นหนึ่งในนโยบายการค๎าของ ประเทศ
การศึกษารูปแบบองค์การที่ใช๎ขับเคลื่อนการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํงเป็น ประเด็นที่องค์การสหประชาชาติให๎ความสําคัญอยํางมากมาเป็นเวลากวํา 4 ทศวรรษ จากการถอดบทเรียน ของนานาประเทศ พบวํา การปรับเปลี่ยนระบบอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํงจําเป็นอยํางยิ่งที่ ต๎องมีการประสานงานและรํวมมือระหวํางผู๎มีสํวนได๎สํวนเสียจากภาครัฐและเอกชน ประกอบด๎วย
(1) หน่วยงานภาครัฐ ที่เกี่ยวข๎องกับการสํงออก การนําเข๎า การผํานแดนและการข๎ามแดน อาทิ กระทรวงการค๎า กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงขนสํง กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตร กระทรวง ความมั่นคงและตรวจคนเข๎าเมือง กระทรวงการตํางประเทศ กระทรวงการคลังและศุลกากร
(2) หน่วยงานภาคเอกชน ที่เกี่ยวข๎องกับการสํงออก การนําเข๎า การผํานแดนและการข๎ามแดน ได๎แกํ หอการค๎า สภาอุตสาหกรรม สมาคมการค๎า สภาผู๎สํงออก ตัวแทนออกของรับอนุญาต ตัวแทนรับจัดการ ขนสํงสินค๎า ผู๎ประกอบการขนสํง ทําขนสํง สถานีบรรจุและขนถํายสินค๎า ธนาคารพาณิชย์ กิจการประกันภัย ผู๎นําเข๎า และผู๎สํงออก เป็นต๎น
(3) องค์การและสถาบันระหว่างประเทศ ที่เกี่ยวข๎อง เชํน องค์การการค๎าโลก องค์การ สหประชาชาติ องค์การศุลกากรโลก เป็นต๎น
ดังนั้นการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํงจึงนับเป็นงานที่ท๎าทายความสามารถของ ผู๎บริหารองค์การที่ขับเคลื่อนการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํง เนื่องจากผู๎มีสํวนได๎สํวนเสีย ล๎วนมีผลประโยชน์ที่ขัดแย๎งกัน ตัวอยํางเชํน เอกชนผู๎นําเข๎าและสํงออกต๎องการให๎ลดขั้นตอนและพิธีการ เอกสารให๎เหลือน๎อยที่สุด ขณะที่หนํวยงานภาครัฐต๎องมีการกํากับตรวจสอบความถูกต๎องของสินค๎าให๎ สอดคล๎องกับกฎระเบียบของแตํละประเทศ และการจัดระเบียบด๎านความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ เป็นต๎น
นานาประเทศ รวมถึงที่ประชุมสหประชาชาติวําด๎วยการค๎าและการพัฒนา (UNCTAD) และองค์การ การค๎าโลก (WTO) เริ่มให๎ความสําคัญกับการผลักดันการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํงมาเป็น เวลากวํา 4 ทศวรรษ โดยจุดเริ่มต๎นครั้งแรกเกิดจากการการหยิบยกเรื่องการอํานวยความสะดวกทางการค๎าขึ้น ในเวทีการประชุมระหวํางประเทศขององค์การสหประชาชาติจนเป็นที่มาของการยกรํางอนุสัญญาการอํานวย ความสะดวกการขนสํงทางทะเลระหวํางประเทศ (Convention of Facilitation of International Maritime Traffic) ที่เสนอให๎ประเทศสมาชิกองค์การสหประชาชาติจัดตั้งคณะกรรมการอํานวยความสะดวก การขนสํงทางทะเล (National Maritime Transport Facilitation Committee) หรือหนํวยงานอื่นที่มีลักษณะการทํางาน คล๎ายคลึงกัน
ในชํวงยุคปี ค.ศ.1970 พบวํา ยุคเริ่มต๎นของการจัดตั้งองค์การเพื่อขับเคลื่อนการอํานวยความสะดวก ทางการค๎าและการขนสํงระหวํางประเทศมักเป็นการสร๎างเวทีเพื่อปรึกษาหารือแลกเปลี่ยนข๎อคิดเห็น (Consultative Platform) ระหวํางผู๎แทนภาครัฐและสมาคมของภาคเอกชน อาทิ การจัดตั้งเวที Consultative Platform ในภูมิภาคยุโรปและเอเชีย ตัวอยํางเชํน
• ในปี ค.ศ.1972 (พ.ศ.2515) ภาคเอกชนฝรั่งเศสจัดตั้งองค์การการอํานวยความสะดวกทางการค๎า แหํงฝรั่งเศส (French International Trade Facilitation and Simplification Body หรือ ODASCE) ซึ่งเป็นสมาคมการค๎าของภาคเอกชนที่ริเริ่มจัดเวทีการประชุมหารือแลกเปลี่ยน ข๎อคิดเห็นระหวํางภาครัฐและเอกชนภายใต๎การสนับสนุนของสํานักงานศุลกากรและสรรพสามิต แหํงฝรั่งเศส
• ในปี ค.ศ.1973 (พ.ศ.2516) ภาคเอกชนฟินแลนด์จัดตั้งองค์การการอํานวยความสะดวกพิธีการ ทางการค๎าแหํงประเทศฟินแลนด์ (Finnish National Body for Simpler Trade Procedures) ซึ่งเป็นการผลักดันของภาคเอกชนที่ริเริ่มจัดเวทีการประชุมหารือแลกเปลี่ยนข๎อคิดเห็นระหวําง ภาครัฐกับเอกชน
• ในปี ค.ศ.1974 (พ.ศ.2517) ภาคเอกชนญี่ปุุนจัดตั้งสมาคมการอํานวยความสะดวกพิธีการทาง การค๎าแหํงญี่ปุุน (Japan Association for Simplification of International Trade Procedures) ซึ่งเป็นการผลักดันของภาคเอกชนญี่ปุุนที่ริเริ่มจัดเวทีการประชุมหารือแลกเปลี่ยน ข๎อคิดเห็นระหวํางภาครัฐกับเอกชน
ในนานาอารยประเทศเป็นที่ยอมรับวํา องค์การระดับชาติเพื่ออํานวยความสะดวกทางการค้า (National Trade Facilitation Body - NTFB) ต๎องประกอบด๎วยผู๎แทนที่มาจากหนํวยงานภาครัฐและ เอกชนที่มีความเกี่ยวกับกับการค๎าระหวํางประเทศ ศุลกากร การขนสํงระหวํางประเทศ การขนสํงตํอเนื่อง
หลายรูปแบบ การผํานแดน การถํายลํา โลจิสติกส์ การเงิน เกษตรและอาหาร มาตรการสุขอนามัยและ สุขอนามัยพืช การสาธารณสุข เทคโนโลยีสารสนเทศ การตรวจคนเข๎าเมืองและความมั่นคง
จากการศึกษาของ UNECE13 พบวํา วัตถุประสงค์ของนานาประเทศในการจัดตั้งองค์การระดับชาติ เพื่ออํานวยความสะดวกทางการค๎า (NTFB) มีดังนี้
• ประสานงานกับหนํวยงานที่เกี่ยวข๎องกับการอํานวยความสะดวกทางการค๎า
• กําหนดมาตรการที่เกี่ยวกับการอํานวยความสะดวกทางการค๎า
• เสนอแนะมาตรการระดับชาติเพื่อปรับปรุงกฎระเบียบและพิธีการทางการค๎า ศุลกากร และ การขนสํงให๎เรียบงําย มีมาตรฐาน และสอดคล๎องเข๎ากันได๎กับความต๎องการของภาคธุรกิจ กฎระเบียบ และนโยบายการค๎าของประเทศ
• สร๎างความตระหนักและยกระดับความรู๎ความเข๎าใจแกํผู๎ที่เกี่ยวข๎องกับการอํานวยความ สะดวกทางการค๎าและการขนสํง
• เข๎ารํวมกับนานาประเทศและองค์การระหวํางประเทศ เชํน องค์การสหประชาชาติ องค์การ การค๎าโลก องค์การศุลกากรโลก ในการพัฒนาระบบการอํานวยความสะดวกทางการค๎า
• เจรจากับนานาประเทศและองค์การระหวํางประเทศในเรื่องที่เกี่ยวกับการอํานวยความ สะดวกทางการค๎าทั้งในระดับทวิภาคี ภูมิภาค และพหุภาคี
จากวัตถุประสงค์จัดตั้งองค์การระดับชาติเพื่ออํานวยความสะดวกทางการค๎า (NTFB) ข๎างต๎น ทําให๎ สามารถแบํงกลุํมกิจกรรมที่ต๎องดําเนินการได๎ 5 กลุํมกิจกรรม ประกอบด๎วย
1. กิจกรรมด้านการอํานวยความสะดวก (Facilitation) ได๎แกํ
• ดําเนินการให๎มีการประสานงานที่เหมาะสมระหวํางหนํวยงานที่เกี่ยวกับการอํานวยความสะดวกทางการค๎า
• ดําเนินการทบทวนขั้นตอน พิธีการ และข๎อกําหนดที่เกี่ยวกับการค๎าระหวํางประเทศ รวมถึง ข๎อกําหนดศุลกากร การขนสํงตํอเนื่องหลายรูปแบบ การข๎ามแดน การผํานแดน การถํายลํา โลจิสติกส์ การเงิน การเกษตรและอาหาร สุขอนามัยและสุขอนามัยพืช สุขภาพและ สาธารณสุข การสื่อสารข๎อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให๎มีพิธีการ และข๎อกําหนดที่เรียบงํายและสอดคล๎องเข๎ากับได๎ระหวํางหนํวยงานที่เกี่ยวข๎อง
• รวบรวมและเผยแพรํข๎อมูลและวิธีปฏิบัติที่ดีด๎านระเบียบพิธีการการค๎าระหวํางประเทศและ เอกสารการค๎า เอกสารการขนสํง เอกสารการเงิน ฯลฯ ที่ต๎องใช๎
• ดําเนินการปรับระเบียบพิธีการและเอกสารตํางๆ ให๎สอดคล๎องกับวิธีปฏิบัติที่ดีและความตก ลงระหวํางประเทศ รวมถึงสํงเสริมการนําคอมพิวเตอร์และระบบอัตโนมัติมาใช๎ในการบันทึก และสํงข๎อมูลเพื่อความถูกต๎องและรวดเร็ว
• สํงเสริมการใช๎มาตรฐานการค๎าและเทคโนโลยีการขนสํงและสื่อสาร เชํน มาตรฐานข๎อมูล
• สนับสนุนการจัดทําโครงการนํารํอง และโครงการระดับชาติและระดับท๎องถิ่นเพื่อให๎มีการ ปรับปรุงพัฒนาระบบอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํง
13 United Nations Economic Commission for Europe (2015), Recommendation No.4: National Trade Facilitation Bodies, United Nations, Geneva
2. กิจกรรมการจัดระเบียบ (Regulation) ได๎แกํ
• ทบทวน ให๎ข๎อคิดเห็น และเสนอให๎รัฐบาลพิจารณาเห็นชอบให๎มีการปรับปรุงระเบียบพิธีการ ขั้นตอนทางการค๎า ศุลกากร และการขนสํง รวมถึงเอกสารที่ใช๎เพื่อการค๎าระหวํางประเทศ การศุลกากร การขนสํง เพื่อให๎มีการอํานวยความสะดวกทางการค๎าเพิ่มขึ้น
• ติดตามผลการนํากฎระเบียบและพิธีการขั้นตอนฯ ที่ได๎ทําการปรับเปลี่ยนเพื่อพิจารณาผลดี ผลเสีย ผลกระทบที่เกิดขึ้น
• ติดตามผลการออกกฎระเบียบภายในประเทศให๎สอดคล๎องกับความตกลงระหวํางประเทศที่ประเทศเป็นภาคี
3. กิจกรรมการพัฒนา (Development) ได๎แกํ
• ทบทวนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศที่เกี่ยวข๎องกับการค๎า การขนสํง และการลงทุน เพื่อให๎สามารถเสนอแนะมาตรการที่เหมาะสมในการอํานวยความสะดวกทางการค๎า การ ขนสํง รวมถึงการใช๎เทคโนโลยีที่เหมาะสม เชํน เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เทคโนโลยีการตรวจติดตามสินค๎า
4. กิจกรรมเสริมสร้างศักยภาพ (Capacity Building) ได๎แกํ
• ดําเนินการเผยแพรํและรณรงค์ให๎หนํวยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสาธารณชนเห็น ผลประโยชน์ของการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํง โดยเฉพาะการลด ระยะเวลา ขั้นตอน และคําใช๎จํายในการนําเข๎าและสํงออกสินค๎า
• จัดกิจกรรมการสัมมนาและฝึกอบรมแกํผู๎บริหารหนํวยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อให๎เข๎าใจ แนวคิดและวิธีปฏิบัติของการค๎าและการขนสํงระหวํางประเทศ
5. กิจกรรมการเจรจากับนานาประเทศ (Negotiations) ได๎แกํ
• สนับสนุนการเข๎ารํวมการเจรจาด๎านการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํงใน ระดับทวิภาคี ภูมิภาค พหุภาคี และองค์การระหวํางประเทศ เชํน องค์การสหประชาชาติ องค์การการค๎าโลก และองค์การศุลกากรโลก เป็นต๎น
• เป็นตัวกลางหรือเป็นคณะกรรมการกลางแหํงชาติในการประสานงานและติดตามการนํา บทบัญญัติของความตกลงการอํานวยความสะดวกทางการค๎าของ WTO ไปปรับใช๎
ผู๎มีสํวนรํวมในองค์การที่ขับเคลื่อนการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํงควรมีการทํางาน ที่บูรณการระหวํางหนํวยงานภาครัฐที่เกี่ยวข๎อง รวมถึงตัวแทนจากภาคเอกชนที่เป็นธุรกิจสาขาตํางๆ ผู๎ประกอบการทั้งขนาดใหญํและเล็ก สถาบันที่เกี่ยวกับการค๎าระหวํางประเทศ ผู๎ผลิต ผู๎สํงออก ผู๎นําเข๎า ผู๎รับ จัดการขนสํง ตัวแทนออกของรับอนุญาต ผู๎ประกอบการขนสํง สถาบันการเงิน บริษัทประกันภัย ผู๎ให๎บริการ ซอฟแวร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ ฯลฯ โดยสามารถจําแนกกลุํมผู๎มีสํวนรํวมในองค์การที่ขับเคลื่อนการ อํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํง ตามตารางที่ 3-1
ตารางที่ 3-1 กลุํมหนํวยงานผู๎มีสํวนรํวมในองค์การขับเคลื่อนการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํง
หน่วยงานภาครัฐ | หน่วยงานภาคเอกชน | ผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้อง |
• หนํวยงานในสังกัดกระทรวงการค๎า อุตสาหกรรม และเกษตร • หนํวยงานในสังกัดกระทรวงการขนสํง และการพัฒนาโครงสร๎างพื้นฐานการขนสํง • หนํวยงานศุลกากร • หนํวยงานด๎านการเงินและการคลงั • หนํวยงานการวางแผนเศรษฐกิจ • หนํวยงานการสร๎างความรํวมมือกบั ตํางประเทศ • หนํวยงานกําหนดมาตรฐานสินค๎าและ หนํวยงานตรวจรับรองมาตรฐาน | • ผู๎นําเข๎ารายใหญํและรายยํอย • ผู๎สํงออกรายใหญํและรายยํอย • สมาคมการค๎าของผู๎นําเข๎าและ สํงออกสินค๎า | • ผู๎ประกอบการขนสํง • ผู๎รับจัดการขนสํงระหวํางประเทศ • ตัวแทนออกของรับอนุญาต • ห๎องปฏิบัติการตรวจสอบสินค๎าที่ นําเข๎าและสํงออก • ผู๎ให๎บริการซอฟแวร์และเทคโนโลยี สารสนเทศด๎านโลจิสติกส์ • ธนาคารและสถาบันการเงิน • สถาบันการศึกษาและผู๎เชี่ยวชาญ ด๎านการอํานวยความสะดวกทาง การค๎า |
ในปี ค.ศ.2014 (พ.ศ.2557) องค์การสหประชาชาติ โดย UNCTAD ธนาคารโลก และ WTO ได๎ รวบรวมองค์การด๎านการอํานวยความสะดวกทางการค๎าในโลก14 และแบํงรูปแบบการจัดองค์การเพื่อการ อํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํง เป็น 4 ประเภท ดังนี้
1.คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการพัฒนาการอํานวยความสะดวกทางการค้า ( PRO Committee)
คณะกรรมการที่ปรึกษาด๎านการพัฒนาการอํานวยความสะดวกทางการค๎า (PRO Committee) เป็น รูปแบบที่นิยมจัดตั้งขึ้นในภูมิภาคยุโรปและบางประเทศในเอเชีย เชํน ญี่ปุุน เกาหลีใต๎ ศรีลังกา และเวียดนาม และเป็นรูปแบบที่เสนอแนะโดยองค์การสหประชาชาติ (UNCTAD)
วัตถุประสงค์ในการจัดตั้ง PRO Committee เพื่อเป็นเวทีเปิดรับและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนในประเด็นด้านการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งระหว่าง ประเทศ เชํน การพิจารณาความเหมาะสมในการเข๎าเป็นภาคีอนุสัญญาระหวํางประเทศที่เกี่ยวกับการอํานวย ความสะดวกทางการค๎าและการขนสํง วิธีปฏิบัติที่ดีในการอํานวยความสะดวกทางการค๎า วิธีปฏิบัติที่ดีในการ พัฒนาระบบการแลกเปลี่ยนข๎อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการค๎าระหวํางประเทศ ระเบียบพิธีการศุลกากร การ ขนสํงตํอเนื่องหลายรูปแบบ การผํานแดนและการถํายลําของสินค๎า การลดต๎นทุนการทําการค๎าระหวําง ประเทศ มาตรฐานการค๎าและการขนสํงระหวํางประเทศ การปฏิรูประบบการอํานวยความสะดวกทางการค๎า และการขนสํง เป็นต๎น โดยหนํวยงานภาครัฐให๎การสนับสนุนการจัดเวทีการประชุมแลกเปลี่ยนข๎อคิดเห็นเพื่อ พิจารณานําข๎อมูลที่ได๎จากการประชุมไปพิจารณาขับเคลื่อนตํอไป นอกจากนี้ ยังใช๎ PRO Committee เป็นจุด ประสานรวมรวมข๎อมูลและวิธีปฏิบัติที่ดีในการอํานวยความสะดวกทางการค๎าระหวํางประเทศ
ทั้งนี้จากผลการสํารวจของ UNCTAD หนํวยงานหลักที่ทําหน๎าที่เป็นเจ๎าภาพในขับเคลื่อนการทํางาน ของคณะกรรมการที่ปรึกษาด๎านการพัฒนาการอํานวยความสะดวกทางการค๎า (PRO Committee) ใน ประเทศสํวนใหญํที่ใช๎ระบบ PRO Committee ได๎แกํ กระทรวงการค๎า รองลงมา ได๎แกํ สภาหอการค๎า โดย
14 ข๎อมูลอ๎างอิงจากรายงานของ UNCTAD National Trade Facilitation Bodies in the World จัดทําโดยหนํวยอํานวยความสะดวกทางการค๎า สาขาโลจิสติกส์การค๎า (Trade Logistics) ฝุายเทคโนโลยและโลจิสติกส์ ของ UNCTAD ที่รวบรวมข๎อมูลจากประเทศในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ละตินอเมริกา และแคริบเบียน
ประเทศสํวนใหญํมีการจัดตั้งสํานักงานถาวรของ PRO Committee และมีการจ๎างเจ๎าหน๎าที่ทํางานประจําใน สํานักงานดังกลําว
2. คณะกรรมการอํานวยความสะดวกทางการค้า
คณะกรรมการอํานวยความสะดวกทางการค๎า (National Trade Facilitation Committee หรือ NTFC) มีลักษณะแตกตํางจากคณะกรรมการที่ปรึกษาด๎านการพัฒนาการอํานวยความสะดวกทางการค๎า (PRO Committee) ตรงที่คณะกรรมการอํานวยความสะดวกทางการค๎าจะมีหนํวยงานภาครัฐเป็นกลไก ขับเคลื่อนหลักและมีคําสั่งแตํงตั้งจากรัฐบาล เนื่องจากต๎องเสนอแนะมาตรการที่เหมาะสมในการอํานวยความ สะดวกทางการค๎า ตลอดจนติดตามหนํวยงานภายในประเทศในการปฏิบัติตามข๎อผูกพันภายใต๎พันธกรณีที่ตก ลงกับตํางประเทศภายใต๎ความตกลงระดับทวิภาคี ภูมิภาค หรือพหุภาคี
ทั้งนี้จากผลการสํารวจของ UNCTAD หนํวยงานหลักที่ทําหน๎าที่เป็นเจ๎าภาพในขับเคลื่อนการทํางาน ของคณะกรรมการอํานวยความสะดวกทางการค๎า (NTFC) ในเกือบทุกประเทศที่ใช๎ระบบ NTFC ได๎แกํ กระทรวงการค๎า โดยประเทศสํวนใหญํมีการจัดตั้งสํานักงานถาวรของ NTFC และมีการจ๎างเจ๎าหน๎าที่ทํางาน ประจําในสํานักงานดังกลําว
3. คณะกรรมการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่ง
คณะกรรมการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํง (National Trade and Transport Facilitation Committee หรือ NTTFC) เป็นรูปแบบที่องค์การสหประชาชาติและธนาคารโลกสนับสนุนการ จัดตั้งให๎เกิดขึ้นเนื่องจากมีเนื้องานบางสํวนที่เกี่ยวข๎องกับการอํานวยความสะดวกในการเคลื่อนย๎ายสินค๎า ระหวํางประเทศต๎องอยูํภายใต๎ความรับผิดชอบของหนํวยงานด๎านการค๎าและหนํวยงานการขนสํงจนแยกกันไมํ ออกจนต๎องเรียกวําเป็นการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํง โดยวัตถุประสงค์หลักในการจัดตั้ง คณะกรรมการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํง (NTTFC) เพื่อเป็นกลไกทํางานรํวมกันระหวําง ผู๎แทนหนํวยงานภาครัฐและเอกชนด๎านการค๎าและการขนสํงเพื่อขับเคลื่อนการอํานวยความสะดวกทางการค๎า และการขนสํง เสนอแนะการปรับปรุงกฎระเบียบการค๎าและการขนสํง โดยมีหนํวยงานภาครัฐเป็นเจ๎าภาพ หลักในการดําเนินงานภายใต๎การสนับสนุนของภาคเอกชน
ทั้งนี้จากผลการสํารวจของ UNCTAD หนํวยงานหลักที่ทําหน๎าที่เป็นเจ๎าภาพในขับเคลื่อนการทํางาน ของคณะกรรมการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํง (NTTFC) ในเกือบทุกประเทศที่ใช๎ระบบ NTTFC ได๎แกํ กระทรวงการค๎า รองลงมา ได๎แกํ กระทรวงการขนสํง โดยประเทศสํวนใหญํมีการจัดตั้ง สํานักงานถาวรของ NTTFC และมีการจ๎างเจ๎าหน๎าที่ทํางานประจําในสํานักงานดังกลําว
4. คณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการเจรจาเข้าร่วมความตกลงการอํานวยความสะดวก ทางการค้าขององค์การการค้าโลก
คณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการเจรจาเข๎ารํวมความตกลงการอํานวยความสะดวกทาง การค๎าขององค์การการค๎าโลก (WTO Negotiation on Trade Facilitation Support Bodies) เป็นที่นิยมใน
หลายประเทศที่มีความประสงค์จะเข๎ารํวมเป็นสมาชิกความตกลงฯ ดังกลําว โดยคณะกรรมการฯ ทําหน๎าที เฉพาะกิจเพื่อให๎ปูอนข๎อมูลให๎กับผู๎แทนประเทศของตนเองในการเจรจาเข๎ารํวมความตกลงฯ หลังจากนี้คณะ กรรมการฯ ทําหน๎าที่ติดตามการดําเนินงานของหนํวยงานภายในประเทศในการปฏิบัติตามพันธกรณีที่ผูกพัน ไว๎ภายใต๎ความตกลงฯ
ทั้งนี้จากผลการสํารวจของ UNCTAD หนํวยงานหลักที่ทําหน๎าที่เป็นเจ๎าภาพในขับเคลื่อนการทํางาน ของคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการเจรจาเข๎ารํวมความตกลงการอํานวยความสะดวกทางการค๎า ขององค์การการค๎าโลก (WTO Negotiation on Trade Facilitation Support Bodies) ในเกือบทุกประเทศ ที่ใช๎ระบบดังกลําว ได๎แกํ กระทรวงการค๎า รองลงมา ได๎แกํ กรมศุลกากร ตามลําดับ โดยประเทศสํวนใหญํไมํมี การจัดตั้งสํานักงานถาวรของคณะกรรมการฯ และไมํมีกาจ๎างเจ๎าหน๎าที่ทํางานประจํา แตํใช๎การเพิ่มปริมาณ งานจากเจ๎าหน๎าที่ที่ทํางานในหนํวยงานเดิม
จากการรวบรวมข๎อมูลจากองค์การสหประชาชาติ โดย UNCTAD ธนาคารโลก และ WTO ในปี 2557 พบวํา ประเทศที่มีการจัดตั้งองค์การด๎านการอํานวยความสะดวกทางการค๎าแล๎ว มีการจัดแบํงประเภทการ ทํางานดังแสดงตามตารางที่ 3-2
ตารางที่ 3-2 ประเทศที่จัดตั้งองค์การด๎านการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและประเภทของรูปแบบองค์การ
คณะกรรมการที่ปรึกษาด้าน การพัฒนาการอํานวยความ สะดวกทางการค้า (PRO Committee) | คณะกรรมการอํานวย ความสะดวกทางการค้า (NTFC) | คณะกรรมการอํานวย ความสะดวกทางการค้า และการขนส่ง (NTTFC) | คณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุน การเจรจาเข้าร่วมความตกลงการ อํานวยความสะดวกทางการค้าของ องค์การการค้าโลก |
1. อัลบาเนีย 2. ออสเตรีย 3. บอสเนีย 4. บราซิล 5. บัลกาเรีย 6. โครเอเทีย 7. สาธารณรัฐเชค 8. ฟินแลนด์ 9. ฝรั่งเศส 10. ฮังการี 11. ไอซ์แลนด์ 12. อิหรําน 13. อิตาลี 14. ญี่ปุุน 15. มัลตา 16. เนเธอร์แลนด์ 17. เกาหลีใต๎ 18. มัลโดวา 19. ศรีลังกา 20. สวีเดน 21. สหราชอาณาจักร 22. แทนซาเนีย 23. เวียดนาม | 1. บาห์เรน 2. ภูฎาน 3. บอสวานา 4. กัมพูชา 5. แอฟริกากลาง 6. โดมินิกา 7. สาธารณรัฐโดมินิกัน 8 กรีซ 9. เกรนาดา 10. กัวเตมาลา 11. นามิเบีย 12. ปารากวัย 13. ฟิลิปปินส์ 14. เซนต์กิตตส์ 15. เซนต์วินเซนท์ 16. เกรนาไดน์ 17. เซียราลโอน 18. ซูดาน 19. ไทย 20. แซมเบีย | 1. อาเซอร์ไบจาน 2. จอร์แดน 3. คาจิกิสถาน 4. มองโกเลีย 5. เนปาล 6. ปากีสถาน | 1. บังคลาเทศ 2. เบอร์กินาฟาโซ 3. เคบเวอร์ดิ 4. จีน 5. โคลัมเบีย 6. คิวบา 7. เอกวาดอร์ 8. อียิปต์ 9. ฮอนดูรัส 10. เคนยา 11. มาลี 12. เม็กซิโก 13. นิการากัว 14. ไนเจอร์ 15. ไนจีเรีย 16. เซนต์ลูเซีย 17. เซนีกัลป์ 18. โตโก 19. ตุรกี 20. อูเกนดา 21. ซิมบับเว |
หากพิจารณากรณีของประเทศที่มีการจัดรูปแบบองค์การในลักษณะคณะกรรมการอํานวยความ สะดวกทางการค้า (NTFC) สามารถแสดงรายละเอียดได๎ตามตารางที่ 3-3
ตารางที่ 3-3 รายละเอียดรูปแบบองค์การของประเทศที่มีจัดตั้งองค์การอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งในลักษณะคณะกรรมการอํานวยความสะดวกทางการค้า (NTFC)
ชื่อประเทศ | ชื่อองค์การ | การจัดตั้งและองค์ประกอบของผแทน | ภารกิจ | ปัจจัยแห่งความสําเร็จในการ ขับเคลื่อน |
ภูฎาน | คณะอนุกรรมการ อํานวยความสะดวกทาง การค๎าแหํงชาติภฎาน (Bhutan National Trade Facilitation Committee) | จัดตั้งในปี 2556 โดยมีคําสั่งของรัฐบาลในการจัดตั้ง ผู๎บริหารสูงสุด/ประธานกรรมการ อธิบดีกรมศุลกากรและ สรรพากร กรรมการจากสํวนราชการ ได๎แกํ กรมการค๎า กระทรวงเศรษฐกิจ และการค๎า กรรมการจากเอกชน ได๎แกํ สภาหอการค๎าและอุตสาหกรรม สํ านั ก งานเ ลขานุ กา ร ก ร ม ศุ ล ก า ก ร แ ล ะ ส ร ร พาก ร กระทรวงการคลัง แหลํงเงินทุนสนับสนุน ไมํมี | 1. ประสานงาน ทบทวน และติดตาม นโยบายและมาตรการอํานวยความ สะดวกทางการค๎า 2. เสนอข๎อคิดเห็นในการพัฒนาการ อํานวยความสะดวกทางการค๎า 3. สร๎างความตื่นตัวและความเข๎าใจด๎าน การอํานวยความสะดวกทางการค๎า | 1. การสร๎างการมีสํวนรํวมของ ห นํ วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข๎อง ทั้งหมดในรับทราบและเข๎าใจ ค ว า ม สํ า คั ญ แ ล ะ ก า ร ป รั บ กฎระเบียบเพื่ออํานวยความ สะดวกทางการค๎าและขนสํง |
บอสวานา | คณะอนุกรรมการ อํานวยความสะดวกทาง การค๎า (Technical Committee on Trade Facilitation) | จัดตั้งในปี 2553 โดยคณะทํางานการอํานวยความสะดวกทาง การค๎า เป็นอนุกรรมการภายใต๎คณะกรรมการนโยบายการค๎า และการเจรจาการค๎าแหํงชาติ (National Committee on Trade Policy and Negotiations) โดยคําสั่งแตํงตั้งจาก ประธานาธิบดี ผู๎บริหารสูงสุด/ประธานกรรมการ อธิบดีกรมการค๎าระหวําง ประเทศ กระทรวงการค๎าและอุตสาหกรรม กรรมการจากสํวนราชการ ได๎แกํ กระทรวงการค๎าและ อุตสาหกรรม กระทรวงเกษตร กระทรวงขนสํงและสื่อสาร กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน สํานักงานอัยการ กระทรวง สาธารณสุข กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย สํานักงาน มาตรฐาน สํานักงานการลงทุน สํานักงานวิเคราะห์นโยบายและ การพัฒนา สํานักงานสถิติ การสื่อสารแหํงบอสวานา กรรมการจากเอกชน ได๎แกํ สมาคมธนาคาร สภาทนายความ | 1. ให๎ข๎อเสนอแนะในการปฏิรูประบบ การอํานวยความสะดวกทางการค๎า 2. จัดทําแผนประจําปีด๎านการอํานวย ความสะดวกทางการค๎า 3. ติดตามและสนับสนุนการดําเนินงาน ด๎านการอํานวยความสะดวกทาง การค๎าตามยุทธศาสตร์การพัฒนา ประเทศและพันธกรณีที่บอสวานาทํา กับตํางประเทศ | 1. การสร๎างการมีสํวนรํวมของ ห นํ วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข๎อง ทั้งหมดในรับทราบและเข๎าใจ ค ว า ม สํ า คั ญ แ ล ะ ก า ร ป รั บ กฎระเบียบเพื่ออํานวยความ สะดวกทางการค๎าและขนสํง 2. การสํงผู๎แทนที่เข๎ารํวมประชุมที่มี อํานาจในการตัดสินใจ (ควรเป็น ระ ดั บอธิบดี รองอธิบดี ห รื อ เทียบเทํา) |
ชื่อประเทศ | ชื่อองค์การ | การจัดตั้งและองค์ประกอบของผแทน | ภารกิจ | ปัจจัยแห่งความสําเร็จในการ ขับเคลื่อน |
สมาพันธ์การค๎าและอุตสาหกรรม สมาคมผู๎สํงออกและผู๎ผลิต สมาคมผู๎รับจัดการขนสํง สมาคมขนสํงทางบก บริษัทค้ําประกัน สินเชื่อ นักวิชาการ/ผู๎ทรงคุณวุฒิ สํานักงานเลขานุการ กรมการค๎าระหวํางประเทศ กระทรวง การค๎าและอุตสาหกรรม (มีการประชุมทุก 3 เดือน) แหลํงเงินทุนสนับสนุน กระทรวงการค๎าและอุตสาหกรรม | ||||
กัมพูชา | คณะอนุกรรมการการ พัฒนาการค๎าและการ ลงทุนที่เกี่ยวเนื่องกับ การค๎า (Sub Steering Committee on Trade Development and Trade Related Investment) | จัดตั้งในปี 2551 ตามคําสั่งของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาฉบับที่ 27 SSR ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2551 โดยคณะอนุกรรมการฯ ที่ จัดตั้งขึ้นภายใต๎สังกัดกระทรวงพาณิชย์ จะต๎องทํางานประสาน กับคณะกรรมการแหํงชาติอํานวยความสะดวกทางการขนสํง (National Transport Facilitation Committee) ที่อยูํภายใต๎ กระทรวงโยธาธิการและขนสํง ผู๎บริหารสูงสุด/ประธานกรรมการ รัฐมนตรีวําการกระทรวง พาณิชย์ รองประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง ปลัด สํานักงานสภาการพัฒนาแหํงกัมพูชา อธิบดีกรมศุลกากร กรรมการจากสํวนราชการ ได๎แกํ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงเกษตร ปลัดกระทรวง สาธารณสุข ปลัดกระทรวงโยธาธิการและขนสํง ปลัดกระทรวง พาณิชย์ กรรมการจากเอกชน ได๎แกํ สมาคมการค๎าตํางๆ ที่จะได๎รับเชิญ ให๎เข๎ามาประชุมเป็นครั้งๆ ไป สํานักงานเลขานุการ กระทรวงพาณิชย์ แหลํงเงินทุนสนับสนุน กระทรวงพาณิชย์ | 1. เป็นเวทีในการปรึกษาหารือและแก๎ไข ปัญหาอุปสรรคที่เกี่ยวกับการอํานวย ความสะดวกทางการค๎าและการลงทุ ในกัมพูชา 2. ทํางานประสานกับคณะกรรมการ แหํงชาติอํานวยความสะดวกทางการ ขนสํง ที่อยูํภายใต๎กระทรวงโยธาธิการ และขนสํง | 1. การมีองค์ประกอบที่เป็นผู๎บริหาร ระดับสูงในคณะกรรมการทําให๎ การตัดสินใจแก๎ไขปัญหาสามารถ ทําได๎รวดเร็ว |
ฟิลิปปินส์ | คณะกรรมการนโยบาย การค๎าและการอํานวย | จัดตั้งในปี 2537 ตามบทบัญญัติของกฎหมายการพัฒนาการ สํงออกของฟิลิปปินส์ สภาพัฒนาการสํงออกเป็นหนํวยงานที่ | 1. เป็นหนํวยงานประสานงานในการ อํานวยความสะดวกทางการค๎า เพื่อ | 1. การสร๎างการมีสํวนรํวมของ ห นํ วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข๎อง |
ชื่อประเทศ | ชื่อองค์การ | การจัดตั้งและองค์ประกอบของผแทน | ภารกิจ | ปัจจัยแห่งความสําเร็จในการ ขับเคลื่อน |
ความสะดวกทางการค๎า (Committee on Trade Policy and Procedures Simplification) สภาพัฒนาการสํงออก (Export Development Council) | จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายสํงเสริมการสํงออกของฟิลิปปินส์ โดยมี รัฐมนตรีวําการกระทรวงการค๎าและอุตสาหกรรม เป็น ประธานสภาพัฒนาฯ และประธานสมาพันธ์ผู๎สํงออก เป็นรอง ประธานสภาพัฒนาฯ ผู๎บริหารสูงสุด/ประธานกรรมการ ผู๎บริหารระดับสูงจากสภา พัฒนาการสํงออก กรรมการจากสํวนราชการ ได๎แกํ ผู๎บริหารระดับสูงจากสํานักงาน ศุลกากร ธนาคารชาติ สํานักงานการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงการค๎าและอุตสาหกรรม สํานักงานการตลาดการ สํงออก สํานักงานเขตเศรษฐกิจพิเศษฟิลิปปินส์ กรรมการจากเอกชน ได๎แกํ ผู๎บริหารระดับสูงจากสมาพันธ์ผู๎ สํงออกฟิลิปปินส์ สภาหอการค๎าและอุตสาหกรรมฟิลิปปินส์ สภา อุตสาหกรรมฟิลิปปินส์ สํานักงานเลขานุการ สภาพัฒนาการสํงออก แหลํงเงินทุนสนับสนุน สภาพัฒนาการสํงออก | ลดต๎นทุนการประกอบธุรกิจ ลด ระยะเวลาการค๎าและขนสํงระหวําง ประเทศ 2. ให๎ข๎อเสนอแนะแกํรัฐบาลในการ กําหนดมาตรการอํานวยความสะดวก ทางการค๎า การบริหารกฎถิ่นกําเนิด สินค๎า และการลดพิธีการเอกสาร ขั้นตอนทางการค๎าระหวํางประเทศ | ทั้งหมดในรับทราบและเข๎าใจ ค ว า ม สํ า คั ญ แ ล ะ ก า ร ป รั บ กฎระเบียบเพื่ออํานวยความ สะดวกทางการค๎าและขนสํง | |
กรีซ | คณะกรรมการ ดําเนินงานด๎านการ อํานวยความสะดวกทาง การค๎า (Operational Steering Committee on Trade Facilitation) | จัดตั้งในปี 2555 ตามมติคณะรัฐมนตรี ผู๎บริหารสูงสุด/ประธานกรรมการ รัฐมนตรีวําการกระทรวง พัฒนา กรรมการจากสํวนราชการ ได๎แกํ ผู๎บริหารระดับสูงจาก กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนา กระทรวงเกษตร กระทรวงการตํางประเทศ สํานักงานสํงเสริมการสํงออก กรรมการจากเอกชน ได๎แกํ ผู๎บริหารระดับสูงจากสภาผู๎สํงออก สหพันธ์ผู๎ประกอบการ สมาคมตัวแทนออกของรับอนุญาต สมาคมผู๎รับจัดการขนสํง สํานักงานเลขานุการ กระทรวงการพัฒนา แหลํงเงินทุนสนับสนุน กระทรวงการพัฒนาของกรีซ และสหภาพ | 1. เป็นหนํวยงานประสานงานในการ อํานวยความสะดวกทางการค๎าซึ่ง ประกอบด๎วยงานด๎านศุลกากร การ วิเคราะห์กระบวนการทางธุรกิจ การ พัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสาร และการอํานวยความสะดวก ทางการค๎าสําหรับสินค๎าเกษตร | 1. การมีองค์ประกอบที่เป็นผู๎บริหาร ระดับสูงในคณะกรรมการทําให๎ การตัดสินใจแก๎ไขปัญหาสามารถ ทําได๎รวดเร็ว 2. ภาวะผู๎นําและความสามารถใน ก า ร โ น๎ ม น๎ า ว ใ ห๎ ห นํ ว ย ง า น ที่ เกี่ยวข๎องยอมรับการเปลี่ยนแปลง กฎระเบียบ |
ชื่อประเทศ | ชื่อองค์การ | การจัดตั้งและองค์ประกอบของผแทน | ภารกิจ | ปัจจัยแห่งความสําเร็จในการ ขับเคลื่อน |
ยุโรป | ||||
โมร็อคโค | คณะกรรมการแหํงชาติ วําด๎วยการอํานวยความ สะดวกพิธีการทาง การค๎า (National Commission for Facilitation of Trade Procedures) | จัดตั้ง ในปี 2529 โดยคําสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 1149 ลงวันที่ 21 กรกฎาคม ค.ศ.1986 ผู๎บริหารสูงสุด/ประธานกรรมการ ผู๎บริหารระดับสูงของกระทรง การตํางประเทศ กรรมการจากสํวนราชการ ได๎แกํ กระทรวงการตํางประเทศ กระทรวงการค๎าและอุตสาหกรรม สํานักงานศุลกากรและภาษี กระทรวงการขนสํง สํานักงานพัฒนาโลจิสติกส์แหํงชาติ การ ทําเรือแหํงโมร็อคโค กรรมการจากเอกชน ได๎แกํ สภาอุตสาหกรรมและบริการ สภา หอการค๎า สมาคมผู๎สํงออก สมาคมตัวแทนเรือและนายหน๎าเรือ สมาคมผู๎ผลิตและผู๎สํงออกผักและผลไม๎ สํานักงานเลขานุการ กระทรวงการค๎าตํางประเทศ แหลํงเงินทุนสนับสนุน กระทรวงการค๎าตํางประเทศ | 1. ปรับปรุงกฎระเบียบขั้นตอนพิธีการ และเอกสารนําเข๎าและสํงออกให๎เอื้อ ตํอการประกอบธุรกิจในโมร็อคโค 2.กําหนดมาตรฐานระเบียบพิธีการ ศุลกากร 3. สํงเสริมการใช๎ระบบอิเล็กทรอนิกส์ใน การแลกเปลี่ยนและสํงข๎อมูลการค๎า ระหวํางประเทศ 4. จัดทําคูํมือการประกอบธุรกิจระหวําง ประเทศเพื่อเผยแพรํแกํผู๎สนใจ | |
นามีเบีย | คณะกรรมการ ดําเนินงานด๎านการ อํานวยความสะดวกทาง การค๎าแหํงชาติ (National Steering Committee on Trade Facilitation) | จัดตั้ง ในปี 2553 เป็นคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นมาเฉพาะกาล และไมํได๎มีกฎหมายรองรับ โดยเป็นเพียงเวทีการประชุมหารือ ผู๎บริหารสูงสุด/ประธานกรรมการ ผู๎บริหารระดับสูงของ กระทรวงการค๎าและอุตสาหกรรม กรรมการจากสํวนราชการ ได๎แกํ ผู๎แทนระดับกลางถึงสูงจาก กระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงเกษตร กระทรวงประมงและ ทรัพยากรทางน้ํา กระทรวงการตํางประเทศ กระทรวงการ วางแผน กรรมการจากเอกชน ได๎แกํ สภาหอการค๎าและอุตสาหกรรม สมาคมผู๎ค๎าสินค๎าเกษตร สมาคมโลจิสติกส์ สมาคมผู๎ผลิต ฯลฯ สํานักงานเลขานุการ กรมสํงเสริมการค๎า กระทรวงการค๎าและ | 1 . เ พื่ อ ติ ดตามผลการปฏิบัติตาม พันธกรณีความตกลงการอํานวยความ สะดวกทางการค๎าขององค์การการค๎า โลก 2. พัฒนานโยบายและยุทธศาสตร์การ อํานวยความสะดวกทางการค๎าของ ประเทศนามิเบีย 3. สร๎างความรู๎ความเข๎าใจเกี่ยวกับ มาตรการ วิธีปฏิบัติ และมาตรฐานการ อํานวยความสะดวกทางการค๎า 4. ประเมินความท๎าทายและข๎อจํากัดใน การอํานวยความสะดวกทางการค๎าใน |
ชื่อประเทศ | ชื่อองค์การ | การจัดตั้งและองค์ประกอบของผแทน | ภารกิจ | ปัจจัยแห่งความสําเร็จในการ ขับเคลื่อน |
อุตสาหกรรม แหลํงเงินทุนสนับสนุน กระทรวงการค๎าและอุตสาหกรรม | ภูมิภาคและประเทศ | |||
ปารากวัย | คณะกรรมการการ อํานวยความสะดวกทาง การค๎าแหํงชาติ ปารากวัย (Paraguay National Committee on Trade Facilitation) | จัดตั้ง ในปี 2551 เป็นคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นมาเฉพาะกาล และxxxxxxมีกฎหมายรองรับ โดยเป็นเพียงเวทีการประชุมหารือ xxxบริหารสูงสุด/ประธานกรรมการ xxxบริหารระดับสูงของกระทรง การตํางประเทศ กรรมการจากสํวนราชการ xxxแกํ xxxแทนระดับกลางถึงสูงจาก สํานักงานศุลกากร กระทรวงอุตสาหกรรมและการค๎า กระทรวง โยธาxxxxxและขนสํง กระทรวงการคลัง ฯลฯ กรรมการจากเอกชน xxxแกํ สมาคมตัวแทนออกของรับอนุญาต สภาหอการค๎า สภาอุตสาหกรรม สมาคมการขนสํง ตัวแทนxxxนํา xxxx สํานักงานเลขานุการ กรมองค์การระหวํางประเทศ กระทรวงการ ตํางประเทศ แหลํงเงินทุนสนับสนุน กระทรวงการตํางประเทศ | 1. สร๎างความxxxความxxxxใจและxxxxรํวม เจรจาความตกลงการอํานวยความ สะดวกทางการค๎าขององค์การการค๎า โลก (WTO) 2. เป็นหนํวยงานxxxxxxxxxxxxเจรจา ด๎านการอํานวยความสะดวกทาง การค๎ากับนานาประเทศ | 1. การมีองค์ประกอบที่เป็นxxxบริหาร ระดับสูงในคณะกรรมการทําให๎ การตัดสินใจxxxไขปัญหาxxxxxx ทําxxxรวดเร็ว โดยการดําเนินการ ตํางๆ ควรจะเป็นการแตํงตั้ง กรรมการโดยมีกฎหมายรองรับการ จัดตั้งคณะกรรมการ |
ปาปัวนิวกินี | คณะกรรมการอํานวย ความสะดวกทางการค๎า แหํงชาติ (National Trade Facilitation Committee) | จัดตั้งในปี 2557 ตามคําสั่งของคณะรัฐมนตรีฉบับที่ 23/2014 xxxบริหารสูงสุด/ประธานกรรมการ อธิบดีกรมศุลกากร กรรมการจากสํวนราชการ xxxแกํ อธิบดีกรมการค๎า อธิบดีกรม สาธารณสุข อธิบายกรมเกษตร xxxอํานวยการสํานักงานกํากับและ ควบคุมโรคพืชและสัตว์ xxxอํานวยสถาบันมาตรฐานสินค๎า กรรมการจากเอกชน xxxแกํ สมาคมการค๎าตํางๆ ที่จะxxxรับxxxx xxxxxxxมาประชุมเป็นครั้งๆ ไป สํานักงานเลขานุการ กรมศุลกากร แหลํงเงินทุนสนับสนุน กรมศุลกากร | 1. xxxxxxงานหนํวยงานที่เกี่ยวข๎อง ภายในประเทศปาปัวนิวกินีในสํวนที่ เกี่ยวกับการอํานวยความสะดวกทาง การค๎า 2. ติดตามประเมินผลการปฏิบัติตาม xxxxxxxxxxxผูกพันไว๎ภายใต๎ความตกลง การอํานวยความสะดวกทางการค๎า ขององค์การการค๎าโลก 3. จัดทําแผนปฏิบัติงานระยะ 5 ปี เพื่อ รายงานตํอคณะกรรมการที่ปรึกษา | 1. ภาวะxxxนําของประธานกรรมการ และหนํวยงานที่ทําหxxxxxxเป็นฝุาย เลขานุการ |
ชื่อประเทศ | ชื่อองค์การ | การจัดตั้งและองค์ประกอบของผแทน | ภารกิจ | ปัจจัยแห่งความสําเร็จในการ ขับเคลื่อน |
ทางธุรกิจแหํงชาติของปาปัวนิวกินี | ||||
แซมเบีย | คณะกรรมการอํานวย ความสะดวกทางการค๎า แหํงชาติ (National Trade Facilitation Committee) | จัดตั้งในปี 2558 ตามติคณะรัฐมนตรี xxxบริหารสูงสุด/ประธานกรรมการ xxxบริหารระดับสูงของ กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรม กรรมการจากสํวนราชการ xxxแกํ xxxบริหารระดับสูงของ กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตร กระทรวงแรงงาน กระทรวง พาณิชย์และอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวง ประมงและปศุสัตว์ กระทรวงวางแผนแหํงชาติ สํานักงานภาษี กรมตรวจคนxxxxเมือง กรมตํารวจ สถาบันวิจัยการเกษตร สํานักงานมาตรฐาน กรรมการจากเอกชน xxxแกํ สหภาพเกษตรกร สมาคมxxxผลิต สภา หอการค๎าและอุตสาหกรรมแซมเบีย สํานักงานเลขานุการ กระทรวงพาณิชย์ แหลํงเงินทุนสนับสนุน กระทรวงพาณิชย์ | 1. จัดหาเงินทุนสําหรับประเทศแซมเบีย ในการปฏิบัติตามมาตรการที่กําหนดไว๎ ในความตกลงการอํานวยความสะดวก ทางการค๎าของ WTO 2. ศึกษาและเสนอแนะแนวทางxxxxx ระดับการอํานวยความสะดวกทาง การค๎า 3. ติดตามและเสนอแนะแนวทางปรับกฎ กติกาที่เป็นxxxxxxxxxxมิใชํภาษีเพื่อให๎ มีการอํานวยความสะดวกทางการxxxxxx xxxxxขึ้น | 1. การจัดลําดับความสําคัญของเรื่อง ที่xxxxxxxการประชุม |
หากพิจารณากรณีของประเทศที่มีการจัดในลักษณะคณะกรรมการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่ง (NTTFC) xxxxxxแสดงรายละเอียดxxx ตามตารางที่ 3-4
ตารางที่ 3-4 รายละเอียดรูปแบบองค์การของประเทศที่มีจัดตั้งองค์การอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งในลักษณะคณะกรรมการอํานวยความสะดวกทางการค้า และการขนส่ง (NTTFC)
ชื่อประเทศ | ชื่อองค์การ | การจัดตั้งและองค์ประกอบของผแทน | ภารกิจ | ปัจจัยแห่งความสําเร็จในการ ขับเคลื่อน |
อาเซอร์ไบจาน | คณะทําxxxxxxขนสํง และการค๎า (AZERPRO) | จัดตั้งในปี 2547 โดยเป็นการรวมตัวกันชั่วคราวตามความสมัคร ใจ โดยกระทรวงการขนสํงทําเรื่องเสนอให๎คณะรัฐมนตรีพิจารณา สํงxxxแทนหนํวยงานxxxxรํวมเพื่อเป็นคณะทํางาน | 1. สํงเสริมการพัฒนาทางการขนสํงและ การค๎า 2. เป็นเวทีการประชุมการอํานวยความ | 1. การสร๎างการมีสํวนรํวมของ หนํวยงานภาครัฐที่เกี่ยวข๎อง ทั้งหมดในรับทราบและxxxxใจ |
ชื่อประเทศ | ชื่อองค์การ | การจัดตั้งและองค์ประกอบของผแทน | ภารกิจ | ปัจจัยแห่งความสําเร็จในการ ขับเคลื่อน |
xxxบริหารสูงสุด/ประธานกรรมการ xxxมีประธานกรรมการฯ กรรมการจากสํวนราชการ xxxแกํ กระทรวงการตํางประเทศ กระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจ ศุลกากร กระทรวงการขนสํง (ถนน ราง ทําเรือ) สํานักงานควบคุมพรมแดน กระทรวง สาธารณสุข กระทรวงเกษตร สํานักงานตํารวจ สํานักงาน xxxxxxxxxxxxพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจยุโรป คอคาซัส เอเชีย กรรมการจากเอกชน xxxแกํ สมาคมการขนสํงทางถนนระหวําง ประเทศแหํงอาเซอร์ไบจาน xxxประกอบการขนสํง xxxประกอบการ รับจัดการขนสํงระหวํางประเทศ สํานักงานxxxxxxxxx xxxมี แหลํงเงินทุนสนับสนุน xxxมี | สะดวกทางการค๎าและการขนสํงตาม แนวระเบียงเศรษฐกิจเชื่อมโยง ระหวํางยุโรป คอคาซัส และเอเชีย | ค ว า ม สํ า คั ญ แ ล ะ ก า ร ป รั บ กฎxxxxxxxเพื่ออํานวยความ สะดวกทางการค๎าและขนสํง 2. การมีสํานักงานประจําเพื่อxxxxxxx xxxติดตามงานและชํวยxxxxxx การขับเคลื่อนโครงการ/มาตรการ | ||
xxxxxxx | คณะกรรมการการ อํานวยความสะดวกทาง การค๎าและการขนสํง แหํงชาติ (National Committee on Trade and Transport Facilitation) | จัดตั้งในปี 2546 โดยคําสั่งของกระทรวงการขนสํงฯ มีกรรมการ รวม 22 คน xxxบริหารสูงสุด/ประธานกรรมการ รัฐมนตรีวําการกระทรวงขนสํง รองประธานฯ รัฐมนตรีวําการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค๎า รัฐมนตรีวําการกระทรวงวางแผนและความรํวมมือระหวําง ประเทศ กรรมการจากสํวนราชการ xxxแกํ xxxแทนกระทรวงอุตสาหกรรม และการค๎า สถาบันมาตรฐาน กระทรวงวางแผนและความ รํวมมือระหวํางประเทศ กระทรวงการคลัง ศุลกากร กระทรวง โยธาxxxxx กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตร กระทรวง สาธารณสุข สํานักงานอาหารและยา การทําเรือ สํานักงาน พาณิชยxxxx สํานักงานการบินพลเรือน สํานักงานเขตเศรษฐกิจ พิเศษ กรรมการจากเอกชน xxxแกํ xxxแทนสภาหอการค๎า สภา อุตสาหกรรม ทําเรือเอกชน สมาคมการขนสํงทางเรือ สมาคม | 1. xxxxxxการดําเนินงานของหนํวยงาน ภาครัฐและเอกชนในด๎านการอํานวย ความสะดวกทางการค๎าและการขนสํง 2. ยกระดับประสิทธภาพxxxxxxค๎าและ การให๎บริการโลจิสติกส์ของxxxxxxx โดยเฉพาะการลดต๎นทุนและเวลาใน การเคลื่อนย๎ายสินค๎าระหวํางประเทศ 3. ศึกษาและขจัดปัญหาอุปสรรคทาง การค๎าและการขนสํงเพื่อสรางขีด ความxxxxxxทางการแขํงขันของ ประเทศ 4. ให๎กาสนับสนุนกระทรวงการขนสํง และหนํวยงานที่เกี่ยวข๎องในการ พัฒนาxxxxxxขนสํง | 1. การจัดการประชุมหารืออยํางเป็น ประจํา (อยํางน๎อยทุก 2 เดือน) 2. การเปิดโอกาสให๎หนํวยงานที่ เ กี่ ยวข๎องนําเสนอโครงการ/ มาตรการเพื่อปรับปรุงการอํานวย ความสะดวกทางการค๎าและการ ขนสํง 3. การทํางานเชิงหุ๎นสํวนพันธมิตร ระหวํางภาครัฐกับภาคเอกชนทั้ง ในสํxxxxxxและสํวนท๎องถิ่น 4. การสร๎างการมีสํวนรํวมของ หนํวยงานภาครัฐที่เกี่ยวข๎อง ทั้งหมดในรับทราบและxxxxใจ ค ว า ม สํ า คั ญ แ ล ะ ก า ร ป รั บ กฎxxxxxxxเพื่ออํานวยความ |
ชื่อประเทศ | ชื่อองค์การ | การจัดตั้งและองค์ประกอบของผแทน | ภารกิจ | ปัจจัยแห่งความสําเร็จในการ ขับเคลื่อน |
xxxรับจัดการขนสํงระหวํางประเทศ สมาคมเจ๎าของรถบรรทุก สมาคมตัวแทนเรือ สมาคมผุ๎สํงออก กิจการบริการโลจิสติกส์ สํานักงานเลขานุการ สํานักงานเลขานุกรมการอํานวยความ สะดวกการขนสํงและการค๎า ตั้งอยูํในกระทรวงขนสํง แหลํงเงินทุนสนับสนุน xxxรับงบประมาณจากกระทรวงขนสํง | สะดวกทางการค๎าและขนสํง โดยเฉพาะกฎระเบียบการสํงออก และนําxxxx 5. การมีเงินทุนสนับสนุนการจัดทํา โครงการ/มาตรการที่เสนอเพื่อให๎ xxxxxxเริ่มงานxxxทันที | |||
คาจิกิสถาน | สภาสนับสนุนการค๎า และการขนสํงแหํง สาธารณรัฐคาจิกิสถาน (Kyrgyz Republic National Council on Trade and Transport Support) | จัดตั้งในปี 2550 โดยคําสั่งของคณะรัฐมนตรี xxxบริหารสูงสุด/ประธานกรรมการ รัฐมนตรีวําการกระทรวง พัฒนาเศรษฐกิจและการค๎า กรรมการจากสํวนราชการ xxxแกํ xxxแทนสํวนราชการในกระทรวง ขนสํงและสื่อสาร สํานักงานสํงเสริมการลงทุน กระทรวงยุติธรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและ อุตสาหกรรม สถาบันมาตรฐาน สํานักงานตรวจคนxxxxเมือง สํานักงานควบคุมชายแดน กรรมการจากเอกชน xxxแกํ xxxแทนสภาหอการค๎า สมาคมการ ขนสํง สมาคมxxxรับจัดการขนสํง สมาคมตัวแทนออกของรับ อนุญาต สมาคมรถบรรทุกระหวํางประเทศ สมาคมการตลาด สมาคมxxxxxxน้ํามัน สมาคมนายจ๎าง สภาธุรกิจระหวํางประเทศ สํานักงานxxxxxxxxx xxxมี (แตํจะจัดให๎มีการประชุมทุก 3 เดือน) แหลํงเงินทุนสนับสนุน xxxมี | 1. xxxxxxการดําเนินงานในด๎านการ อํานวยความสะดวกทางการสํงออก การนําxxxx และการขนสํงของประเทศ คาจิกิสถาน 2. ให๎ข๎อเสนอแนะแกํหนํวยงานที่ เกี่ยวข๎องกับการอํานวยความสะดวก ทางการค๎าและการขนสํง 3. พัฒนาและดําเนินการจัดทําระบบ Single Window และบูรณาการ จัดทําฐานข๎อมูลการxxxxxxxประเทศ 4. จัดทําทําทีการเจรจาการอํานวยความ สะดวกทางการค๎าและการขนสํงใน ระดับทวิภาคี xxxxxxx และพหุภาคี | 1. การมีองค์ประกอบที่เป็นxxxบริหาร ระดับสูงในคณะกรรมการทําให๎ การตัดสินใจxxxไขปัญหาxxxxxx ทําxxxรวดเร็ว 2. รัฐบาลมีนโยบายxxxxxxประเทศให๎ มีความทันสมัย รวมxxxxxxxxxxxx ระบบศุลกากรและการอํานวย ความสะดวกทางการค๎า พัฒนา รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ สํงผลให๎การ พัฒนา Single Window xxxxxxxx xxxxxเร็ว 3. การทดลองxxxโครงการนํารํองใน การอํานวยความสะดวกทางการค๎า และการขนสํง สํงผลให๎หนํวยงานที่ เกี่ยวข๎องxxxxxxเรียนxxxและ ปรับปรุงxxxจากประสบการณ์จริง |
มองโกเลีย | คณะกรรมการการ อํานวยความสะดวกทาง การค๎าและการขนสํง แหํงชาติมองโกเลีย | จัดตั้งในปี 2549 โดยคําสั่งของกระทรวงการขนสํงฯ มีกรรมการ รวม 22 คน xxxบริหารสูงสุด/ประธานกรรมการ รัฐมนตรีวําการกระทรวงขนสํง รองประธานฯ ปลัดกระทรวงการค๎าและตํางประเทศ และ | 1.xxxxxxการดําเนินงานในด๎านการ อํานวยความสะดวกทางการค๎าและ การขนสํงของประเทศมองโกเลีย เพื่อให๎ประเทศมองโกเลียเป็นประเทศ | 1. การทํางานเชิงหุ๎นสํวนพันธมิตร ระหวํางภาครัฐกับภาคเอกชน 2. การสร๎างการมีสํวนรํวมของ หนํวยงานภาครัฐที่เกี่ยวข๎อง |
ชื่อประเทศ | ชื่อองค์การ | การจัดตั้งและองค์ประกอบของผแทน | ภารกิจ | ปัจจัยแห่งความสําเร็จในการ ขับเคลื่อน |
(Mongolian National Committee on Trade and Transport Facilitation) | ประธานสภาหอการค๎าและอุตสาหกรรมมองโกเลีย กรรมการจากสํวนราชการ xxxแกํ xxxแทนสํวนราชการในกระทรวง ขนสํงฯ กระทรวงการค๎าและตํางประเทศ สํานักงานมาตรฐาน สินค๎า สํานักงานตรวจการแผํนดิน กรรมการจากเอกชน xxxแกํ xxxแทนสภาหอการค๎าและ อุตสาหกรรม สมาคมxxxรับจัดการขนสํงระหวํางประเทศ สภา การค๎าและขนสํง และ NGO สํานักงานเลขานุการ ตั้งอยูํในกระทรวงขนสํงฯ แหลํงเงินทุนสนับสนุน xxxรับงบประมาณจากสภาหอการค๎าฯ | ศูนย์กลางการขนสํงทางบกผํานxxx (Land Linked Transit Country และ Transit Mongolia) และชํวย สํงเสริมxxxxxxค๎าและขนสํง 2. ผลักดันการนําระบบอิเล็กทรอนิกส์มา xxxในการขออนุญาตและการตรวจ ปลํอยสินค๎า (Single Electronic Window) | ทั้งหมดในรับทราบและxxxxใจ ค ว า ม สํ า คั ญ แ ล ะ ก า ร ป รั บ กฎxxxxxxxเพื่ออํานวยความ สะดวกทางการค๎าและขนสํง โดยเฉพาะกฎระเบียบการสํงออก และนําxxxx 3. ภาวะxxxนําของหนํวยงานเจ๎าภาพ | |
เนปาล | คณะกรรมการการ อํานวยความสะดวกทาง การค๎าและการขนสํง แหํงชาติ (National Committee on Trade and Transport Facilitation) | จัดตั้งในปี 2555 โดยคําสั่งของคณะรัฐมนตรี xxxบริหารสูงสุด/ประธานกรรมการ รัฐมนตรีวําการกระทรวง พาณิชย์ กรรมการจากสํวนราชการ xxxแกํ xxxแทนสํวนราชการในกระทรวง พาณิชย์ กระทรวงขนสํง กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตร กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการพัฒนาเมือง ธนาคารชาติ รัฐวิสาหกิจxxxxxxบริการขนสํงและxxxxxxxxxx xxxแทนคณะกรรมการ พัฒนาการขนสํงตํอเนื่องหลายรูปแบบ กรรมการจากเอกชน xxxแกํ xxxแทนสภาหอการค๎าและ อุตสาหกรรมเนปาล สมาพันธ์อุตสาหกรรมแหํงเนปาล สภา หอการค๎าเนปาล สํานักงานเลขานุการ กระทรวงพาณิชย์ (มีการประชุมทุกเดือน) แหลํงเงินทุนสนับสนุน xxxมี | 1. ทบทวนและให๎ข๎อเสนอแนะการ xxxxxxระบบอํานวยความสะดวกทาง การค๎าภายในประเทศและระหวําง ประเทศ 2. ติดตามและxxxxxxงานด๎านการ อํานวยความสะดวกทางการค๎าและ การขนสํง 3. เสนอวิธีปฏิบัติxxxxxและมาตรการใน การอํานวยความสะดวกทางการค๎า และการขนสํงแกํรัฐบาลเนปาล 4 . เ ป็ น ห นํ ว ย ง า น ก ล า ง ใ น ก า ร xxxxxxงานกับภาครัฐและเอกชน ด๎านการค๎าและการขนสํง 5. สํงเสริมการวิจัยและฝึกอบรมด๎าน การค๎าระหวํางประเทศ การปรับปรุง ระบบการขนสํง การค๎า การผํานxxx ภายในอนุxxxxxxxและxxxxxxx | 1. การจัดลําดับความสําคัญของเรื่อง ที่ต๎องมีการตัดสินใจ 2. การสร๎างการมีสํวนรํวมของ หนํวยงานภาครัฐที่เกี่ยวข๎อง ทั้งหมดในรับทราบและxxxxใจ ค ว า ม สํ า คั ญ แ ล ะ ก า ร ป รั บ กฎxxxxxxxเพื่ออํานวยความ สะดวกทางการค๎าและขนสํง 3. การมีงบประมาณสนับสนุนการ ดํ า เ นิ น ง า นของหนํวยงาน ที่ เ กี่ ยวข๎องและการมีบุคลากร x xx x x xx x ใ น ก า ร ศึ กษ า แ ล ะ จัดเตรียมประเด็นที่สําคัญในการ ประชุม |
ชื่อประเทศ | ชื่อองค์การ | การจัดตั้งและองค์ประกอบของผแทน | ภารกิจ | ปัจจัยแห่งความสําเร็จในการ ขับเคลื่อน |
6. สํงเสริมการนํามาตรฐานการขนสํง และการxxx INCOTERMS | ||||
ปากีสถาน | คณะกรรมการการ อํานวยความสะดวกทาง การค๎าและการขนสํง แหํงชาติปากีสถาน (Pakistan National Committee on Trade and Transport Facilitation) | จัดตั้งในปี 2544 โดยคําสั่งของคณะรัฐมนตรีปากีสถาน xxxบริหารสูงสุด/ประธานกรรมการ รัฐมนตรีวําการกระทรวง พาณิชย์ กรรมการจากสํวนราชการ xxxแกํ xxxแทนสํวนราชการในกระทรวง พาณิชย์ กระทรวงขนสํง กระทรวงทําเรือและการเดินเรือ กระทรวงการคลัง กระทรวงวางแผนและพัฒนา กระทรวงเกษตร และอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม คณะกรรมการบริหารรายxxx ของรัฐ ธนาคารชาติ สํานักงานพัฒนาวิสาหกิจxxxxxxxxและ ยํอม สํานักงานพัฒนาการค๎าปากีสถาน การทําเรือ การรถไฟ ปากีสถาน การบินพลเรือนปากีสถาน สายการบินแหํงชาติ ปากีสถาน กรรมการจากเอกชน xxxแกํ xxxแทนxxxประกอบการขนสํงตํอเนื่อง หลายรูปแบบ สภาหอการค๎าและอุตสาหกรรม สภาxxxสํงสินค๎า ปากีสถาน สมาคมประกันภัย xxxประกอบการทําเรือบก สมาคม xxxรับจัดการขนสํงสินค๎าระหวํางประเทศ สมาคมตัวแทนออกของ รับอนุญาต สมาคมxxxขนสํงสินค๎า สมาคมตัวแทนเรือ สภา หอการค๎าและอุตสาหกรรมของทุกจังหวัด สํานักงานเลขานุการ กระทรวงพาณิชย์ (มีการประชุมทุกเดือน) แหลํงเงินทุนสนับสนุน xxxมี | 1. ทบทวนกฎxxxxxxxxxxเป็นอุปสรรคตํอ การค๎าและการขนสํงระหวํางประเทศ 2. สํงเสริมการอํานวยความสะดวกทาง การค๎าและการขนสํง และการลดพิธี การขั้นตอนxxxxxxจําเป็นและสํงผล กระทบตํอต๎นทุนการทําธุรกิจระหวําง ประเทศ 3. เป็นหนํวยงานกลางในการรวบรวม และเผยแพรํข๎อมูลและวิธีปฏิบัติใน การอํานวยความสะดวกทางการค๎า และการขนสํงระหวํางประเทศ และ จัดทําxxxxxxxxxxการอํานวยความ สะดวกทางการค๎าและการขนสํงของ ปากีสถาน 4. เป็นหนํวยxxxxxxงานกลางด๎านการ อํานวยความสะดวกทางการค๎าและ ก า ร ขนสํ ง และสํงเส ริ มการxxx มาตรฐานการค๎าและการขนสํง | 1. การทํางานเชิงหุ๎นสํวนพันธมิตร ระหวํางภาครัฐกับภาคเอกชน 2. การสร๎างการมีสํวนรํวมของ หนํวยงานภาครัฐที่เกี่ยวข๎อง ทั้งหมดในรับทราบและxxxxใจ ค ว า ม สํ า คั ญ แ ล ะ ก า ร ป รั บ กฎxxxxxxxเพื่ออํานวยความ สะดวกทางการค๎าและขนสํง 3. การแบํงบทบาทระหวํางหนํวยงาน ภาครัฐและเอกชนที่มีความชัดเจน 4. ภาวะxxxนําของประธานกรรมการ และหนํวยงานที่ทําหxxxxxxเป็นฝุาย เลขานุการ 5 . การสร๎ า งความกล๎าในการ เปลี่ยนแปลงกฎxxxxxxx 6. ความตํอเนื่องของเจ๎าหน๎าxxx xxxรับผิดชอบในการดําเนินงาน (xxx เปลี่ยนตัวเจ๎าหxxxxxxบํอย เพื่อ ปูองกันปัญหางานหยุดชะงัก) |
3. กรณีศึกษาของต่างประเทศในการกําหนดรูปแบบองค์การร่วมที่ใช้ในการจัดการการอํานวย ความสะดวกทางการค้าและการขนส่งสินค้าข้ามxxxและผ่านxxx
ในบางประเทศที่มีนโยบายการรวมกลุํมเศรษฐกิจ (Regional Economic Integration) xxxxxxxxxxxxxมี ระบบการตรวจสินค๎าและคนข๎ามxxxและผํานรํวมกัน (Single Stop Inspection หรือ Common Control Area) เพื่อลดระยะเวลาและต๎นทุนxxxxxxในการเคลื่อนย๎ายสินค๎าและการเดินทางข๎ามxxxและผํานxxxของ xxxโดยสารและสินค๎า ดังเชํน
3.1 กรณีศึกษาประเทศสหรัฐอเมริกากับประเทศแคนาดา
หนํวยงานของประเทศสหรัฐอเมริกา xxxแกํ สํานักงานศุลกากรและการคุ้มครองชายแดนแห่ง สหรัฐอเมริกา (U.S Customs and Border Protection หรือ CBP) และหนํวยงานของประเทศแคนาดา xxxแกํ สํานักงานบริการชายแดนแห่งแคนาดา (Canada Border Services Agency หรือ CBSA) ได๎มี การจัดทําระบบการตรวจรํวม (Joint Border Inspection) เพื่อสนับสนุนการค๎าและการเดินทางระหวํางสอง ประเทศ โดยทั้ง CBP และ CBSA มีโครงสร๎างการทํางานที่คล๎ายคลึงกัน กลําวคือ เป็นหนํวยงานที่รับผิดชอบ ในการตรวจสอบสินค๎า การกําหนดพิธีการศุลกากรสําหรับการเคลื่อนย๎ายสินค๎า และการตรวจคนเข๎าเมืองไว๎ ในหนํวยเดียวกัน
ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นคูํค๎าที่มีความสําคัญที่สุดของประเทศแคนาดา โดยร๎อยละ 19 ของมูลคํา การสํงออกทั้งหมดของสหรัฐอเมริกาเป็นการสํงออกไปตลาดแคนาดา ขณะที่สหรัฐอเมริกามีการนําเข๎าจาก แคนาดาคิดเป็นร๎อยละ 14 ของมูลคําการนําเข๎าทั้งหมดของสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ยังมีผู๎คนเดินทางข๎าม พรมแดนระหวํางกันกวํา 350,000 คน/วัน เพื่อมาทํองเที่ยว จับจํายใช๎สอย และทํางานระหวํางสองประเทศ
สหรัฐอเมริกากับแคนาดาได๎จัดทําปฏิญญา Beyond the Border Declaration และแผนปฏิบัติการ ในการทํางานรํวมกันในปี 2554 เพื่อพัฒนาระบบการประสานการตรวจคนและสินค๎าและการแลกเปลี่ยน ข๎อมูลการเดินทางข๎ามแดนระหวํางกัน โดยครอบคลุมถึงคนชาติสหรัฐอเมริกา คนชาติแคนาดา คนชาติที่สาม สินค๎าที่มีจุดต๎นทางและปลายอยูํที่สหรัฐฯ หรือแคนาดา และสินค๎าผํานแดนที่มาจากประเทศที่สาม
ดํานพรมแดนของสหรัฐฯ และแคนาดา มีการจัดทําโครงการตรวจรํวมและการแลกเปลี่ยนข๎อมูล ระหวํางกัน ได๎แกํ
(1) ดําน Pacific Highway, Blaine รัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐฯ กับดําน Pacific Highway, Surrey รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา
(2) ดําน Peach Arch, Blaine รัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐฯ กับดําน Douglas (Peach Arch),
Surrey รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา
(3) ดําน Lewiston – Queenston Bridge, Lewiston รัฐนิวยอ์ค ประเทศสหรัฐฯ กับดําน Queenston – Lewiston Bridge, Niagara-on-the-Lake รัฐออนทาริโอ ประเทศแคนาดา
(4) ดําน Rainbow Bridge, Niagara Falls รัฐนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐฯ กับดําน Rainbow Bridge, Niagara Falls รัฐออนทาริโอ ประเทศแคนาดา
เจ้า👉น้าที่ CBP กับ CBSA ร่วมกันตรวจปล่อยสินค้าบริเวณจุดพรมแดนที่กํา👉นดโดยรัฐบาลของทั้งสองประเทศ
นอกจาก หนํวยงาน CBP ของสหรัฐฯ และ CBSA จะมีการให๎บริการตรวจรํวม Single Stop Inspection หรือ Joint Border Inspection แล๎ว หนํวยงานทั้งสองแหํงดังกลําวยังมีการจัดทําแผนปฏิบัติการ รํวมครอบคลุมประเด็นตํางๆ ได๎แกํ
(1) แผนปฏิบัติการในการแลกเปลี่ยนข๎อมูลที่เกี่ยวข๎องกับความมั่นคง ประกอบด๎วยการแบํงปันข๎อมูล และขําวสารที่มีสํวนเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงของชาติและเป็นไปตามกรอบของกฎหมายของสหรัฐฯ กับ แคนาดา
(2) แผนปฏิบัติการอํานวยความสะดวกทางการค๎า การสนับสนุนการจ๎างงานและการเจริญเติบโตทาง เศรษฐกิจ ประกอบด๎วย (ก) มาตรการตรวจสอบสินค๎าลํวงหน๎า (Pre Inspection) และมาตรการตรวจปลํอย สินค๎าลํวงหน๎า (Pre Clearance) สําหรับการขนสํงสินค๎าทางอากาศ การขนสํงทางน้ํา และการขนสํงทางบก โดยในกรณีของการสํงออกสินค๎าทางบกจากสหรัฐอเมริกาไปยังแคนาดา ก็จะนําเจ๎าหน๎าที่ศุลกากรของ แคนาดาเข๎ามาตรวจสอบสินค๎าพร๎อมกับเจ๎าหน๎าที่สหรัฐฯ ในดินแดนประเทศสหรัฐฯ กํอนจะนําเข๎าไปใน ดินแดนประเทศแคนาดา ขณะเดียวกันกรณีการสํงออกสินค๎าทางบกจากประเทศแคนาดาไปสหรัฐฯ ก็จะนํา เจ๎าหน๎าที่ศุลกากรของสหรัฐฯ เข๎ามาตรวจสอบสินค๎าพร๎อมกับเจ๎าหน๎าที่แคนาดาในดินแดนประเทศแคนาดา กํอนจะนําเข๎าไปในดินแดนประเทศสหรัฐฯ (ข) การสร๎างความโปรํงใสและความเป็นธรรมในการเก็บ คําธรรมเนียมการผํานแดน (ค) การกําหนดรูปแบบรายการสินค๎าและยานพาหนะที่ต๎องแจ๎งให๎เป็นแบบ เดียวกัน (ง) การกําหนดวิธีการจัดการความเสี่ยงในการตรวจปลํอยสินค๎าและการสุํมตรวจสินค๎าให๎เป็นแบบ เดียวกัน และ (จ) การแบํงปันข๎อมูลการตรวจสอบทางศุลกากร
(3) แผนปฏิบัติงานการบังคับใช๎กฎหมายในการข๎ามแดน โดยสหรัฐฯ กับแคนาดาจะพัฒนาความ รํวมมือด๎านการรักษาความมั่นคงและการตรวจสอบการกํอการร๎ายข๎ามชาติ ตลอดจนสํงเสริมการใช๎วิทยุ สื่อสารระหวํางกันในการติดตามผู๎กระทําความผิดที่หลบหลีข๎ามพรมแดน
(4) แผนปฏิบัติงานการพัฒนาโครงสร๎างพื้นฐาน ประกอบด๎วยการพัฒนาการจัดการจราจรระหวําง ประเทศ การเตรียมการรองรับการเกิดเหตุฉุกเฉินในการข๎ามพรมแดน เชํน การเกิดระเบิด การเกิดอุบัติเหตุ เป็นต๎น
หนํวยงาน CBP ของประเทศสหรัฐอเมริกาและหนํวยงาน CBSA ประเทศแคนาดา ซึ่งเป็นหนํวยงาน รับผิดชอบในการกําหนดนโยบาย แผนปฏิบัติงาน และเป็นหนํวยงานปฏิบัติได๎ให๎ความสําคัญกับการรับข๎อมูล และข๎อเสนอแนะจากภาคเอกชนอยํางมาก โดยทางการสหรัฐฯ กับแคนาดาได๎จัดตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษา ทางการค๎าชายแดน (Border Commercial Consultative Committee) ซึ่งเป็นผู๎แทนที่มาจากหนํวยงาน ตํางๆ ได๎แกํ (1) สภาหอการค๎า (2) สมาคมทําเรือ (3) สมาคมตัวแทนออกของรับอนุญาต (4) สมาคมโลจิสติกส์
และการขนสํง (5) สมาคมของผู๎ประกอบการธุรกิจขนาดยํอม (6) สมาคมผู๎รับจัดการขนสํงสินค๎าระหวําง
ประเทศ (7) สมาคมเจ๎าของเรือ (8) สมาคมคลังสินค๎า (9) สมาคมผู๎ประกอบการขนสํงทางถนน (10) สมาคม
ผู๎ผลิตยานยนต์ (11) สมาพันธ์การขนสํง (12) ผู๎ประกอบการขนสํงทางราง (13) สมาคมผู๎ประกอบการขนสํง
ทางน้ํา (14) สมาคมผู๎ผลิตชิ้นสํวนยานยนต์ (15) สมาคมผู๎สํงออกสินค๎า
3.2กรณีศึกษาประเทศสหรัฐอเมริกากับประเทศเม็กซิโก
หนํวยงานของประเทศสหรัฐอเมริกา ได๎แกํ สํานักงานศุลกากรและการคุ้มครองชายแดนแห่ง สหรัฐอเมริกา (U.S Customs and Border Protection หรือ CBP) และสํานักงานศุลกากรของประเทศ เม็กซิโก (Mexico Customs) ได๎จัดทําโครงการตรวจสินค๎าที่บรรทุกโดยรถบรรทุกข๎ามแดนระหวํางสหรัฐฯ กับเม็กซิโก โดยมีผลใช๎บังคับตั้งแตํปี 2559 กลําวคือ กรณีการสํงออกสิน ค๎าทางบกจากเม็กซิโกไปยัง สหรัฐอเมริกา รัฐบาลเม็กซิโกอนุญาตให๎เจ๎าหน๎าที่ CBP ของสหรัฐฯ เข๎ามาในดินแดนประเทศเม็กซิโกเพื่อทํา การตรวจปลํอยสินค๎ารํวมกับเจ๎าหน๎าที่ศุลกากรเม็กซิโกได๎ ขณะเดียวกันกรณีการสํงออกสินค๎าทางบกจาก สหรัฐฯ ไปยังเม็กซิโก รัฐบาลสหรัฐฯ อนุญาตให๎เจ๎าหน๎าที่ศุลกากรเม็กซิโกเข๎ามาในดินแดนประเทศสหรัฐฯ เพื่อทําการตรวจปลํอยสินค๎ารํวมกับเจ๎าหน๎าที่ CBP ของสหรัฐฯ ในดินแดนประเทศสหรัฐฯ ได๎ โดยรัฐบาล สหรัฐฯ กับรัฐบาลเม็กซิโกได๎กําหนดดํานพรมแดนที่อยูํในโครงการนํารํองการตรวจรํวม (Single Stop Inspection) ได๎แกํ
(1) สินค๎าที่ใช๎บริการขนสํงทางอากาศ ได๎แกํ ชิ้นสํวนยานยนต์ ชิ้นสํวนอากาศยาน และอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีจุดต๎นทางหรือปลายทางเชื่อมโยงระหวํางทําอากาศยานนานาชาติเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา กับทํา อากาศยานนานาชาติจํานวน 8 แหํงในประเทศเม็กซิโก
(2) ดํานพรมแดน Otay Mesa เมืองซานดิเอโก มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ใช๎การขนสํงสินค๎าทางบกผําน ถนนหมายเลข SR905 เชื่อมโยงกับกับดํานพรมแดน Mesa de Otay เมือง Tijuana, Baja California ประเทศเม็กซิโก
(3) ดํานพรมแดน Nogales – Mariposa เมือง Nogales มลรัฐอริโซนา ที่ใช๎การขนสํงสินค๎าทางบก ผํานถนนหมายเลข SR189 เชื่อมโยงกับกับดํานพรมแดน Mariposa เมือง Nogales, Sonora ประเทศ เม็กซิโก
การปรับเปลี่ยนระบบการตรวจปลํอยสินค๎าแบบสมัยเดิมที่เป็นตํางฝุายตํางตรวจสินค๎ามาเป็นระบบ การตรวจรํวมเพียงครั้งเดียวสําหรับการขนสํงสินค๎าทางถนนระหวํางประเทศ สํงผลให๎ระยะเว ลารวมที่ใช๎ใน
การตรวจปลํอยสินค๎าข๎ามแดนที่เดิมกินเวลาประมาณ 3 ถึง 4 ชั่วโมงตํอรถบรรทุก 1 คัน เหลือเพียง 25 นาที
ตํอรถบรรทุก 1 คัน
เจ้า👉น้าที่ CBP กับ Mexico Customs ร่วมกันตรวจปล่อยสินค้าที่นาเข้าจากเม็กซิโกมายังส👉รัฐอเมริกา ณ พื้นที่ร่วมด่านพรมแดน Nogales ที่เชื่อมระ👉ว่างเมืองมาริโปซา เม็กซิโก กับรัฐอริโซนา ส👉รัฐฯ
นอกจากนี้ หากพิจารณารูปแบบการจัดองค์การในการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํง ของประเทศสหรัฐฯ พบวํา หนํวยงานหลักที่เป็นเจ๎าภาพ คือ สํานักงานศุลกากรและการคุ๎มครองชายแดนแหํง สหรัฐอเมริกา (CBP) โดยมีหนํวยงานรํวม ได๎แกํ กระทรวงการขนสํง (รวมผู๎แทนของรัฐบาลกลางและรัฐบาล ท๎องถิ่น) กระทรวงการตํางประเทศ กระทรวงสิ่งแวดล๎อม กระทรวงความมั่นคงแหํงมาตุภูมิ
3.3 กรณีศึกษา สปป.ลาว เมียนมา ไทย และเวียดนาม
ในเดือนพฤษภาคม 2558 รัฐบาลของ 4 ประเทศ ได๎แกํ สปป.ลาว เมียนมา ไทย และเวียดนาม (LMVT) ได๎เห็นชอบแนวคิดริเริ่มการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจตามแนวตะวันออกและตะวันตก (East West Economic Corridor Development) ตามแนวระยะทาง 1,320 กิโลเมตร ที่จะจัดให๎มีการจัดตั้งศูนย์บริการ ตรวจปลํอยสินค๎าและคนข๎ามแดนและผํานแดนรํวมกัน (Single Stop Inspection หรือ SSI) ตามดําน พรมแดนที่อยูํในแนวระเบียงเศรษฐกิจ โดย
• กรณีเวียดนาม ได๎แกํ ดํานลาวบาว (ฝั่งตรงข๎าม คือ ดํานแดนสะหวัน ของ สปป.ลาว)
• กรณี สปป.ลาว ได๎แกํ ดํานแดนสะหวัน (ฝั่งตรงข๎าม คือ ดํานลาวบาว ของเวียดนาม) และดําน สะหวันนะเขต (ฝั่งตรงข๎าม คือ ดํานมุกดาหาร ของไทย)
• กรณีไทย ได๎แกํ ดํานมุกดาหาร (ฝั่งตรงข๎าม คือ ดํานสะหวันนะเขต ของ สปป.ลาว) ดํานแมํสอด (ฝั่งตรงข๎าม คือ ดํานเมียวดี ของเมียนมา)
• กรณีเมียนมา ได๎แกํ ดํานเมียวดี (ฝั่งตรงข๎าม คือ ดํานแมํสอด ของไทย)
โดยมีเปูาหมายเพื่อลดระยะเวลาและต๎นทุนที่ใช๎ในการตรวจสอบสินค๎าและผู๎โดยสารที่เดินทางข๎าม แดนและผําน เพื่อสํงเสริมกิจกรรมการอํานวยความสะดวกทางการค๎า การลงทุน การทํองเที่ยว และการขนสํง ระหวํางประเทศ สําหรับโครงการนํารํอง Single Stop Inspection ที่เริ่มต๎นเป็นครั้งแรก ได๎แกํ การจัดทําการ ให๎บริการตรวจรํวม (Single Stop Inspection หรือ SSI) บริเวณดํานลาวบาว จังหวัดกวางตริ ประเทศ เวียดนาม รํวมกับดํานแดนสะหวัน แขวงสะหวันนะเขต นอกจากนี้ นับตั้งแตํปี 2558 เวียดนาม กับ สปป.ลาว ยังจัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) โดยนําเจ๎าหน๎าที่หนํวยงานที่เกี่ยวกับการค๎าและการขนสํง ทางถนนระหวํางประเทศมาทํางานอยูํภายใต๎อาคารศูนย์บริการเบ็ดเสร็จเดียวกันที่มีการทํางานโดยใช๎ระบบ ศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ (E-Customs) เพื่อลดระยะเวลาและพิธีการด๎านเอกสารสําหรับการนําเข๎าและการ สํงออกสินค๎า รวมถึงการทําพิธีการนํารถบรรทุกข๎ามไปอีกประเทศหนึ่ง
เจ้า👉น้าที่ศุลกากร สปป.ลาว กับเวียดนาม ร่วมกันตรวจปล่อยสินค้าบริเวณด่านลาวบาว จัง👉วัดกวางตร ประเทศเวียดนาม ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด่านแดนสะ👉วัน แขวงสะ👉วันนะเขต สปป.ลาว
ในขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยให๎ความเห็นชอบการจัดทําพื้นที่ควบคุมรํวมกัน (Common Control Area หรือ CCA) โดยให๎อํานาจรัฐมนตรีวําการกระทรวงคมนาคมประกาศพื้นที่บริเวณดํานสะพานมิตรภาพ 2 (มุกดาหาร – สะหวันนะเขต) ตําบลทรายใหญํ อําเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร เป็นพื้นที่ควบคุมรํวมกัน ณ จุด ผํานแดนมุกดาหาร จํานวน 15 ไรํ โดยการดําเนินพิธีการ Single Stop Inspection (SSI) ระยะที่ 1 จะ ดําเนินการเฉพาะสินค๎าและบุคคลที่โดยสารมากับรถบรรทุกสินค๎าเทํานั้น ซึ่งในอนาคตอาจมีการพิจารณา ดําเนินพิธีการ SSI ระยะที่ 2 สําหรับผู๎โดยสารรถประจําทางและรถยนต์สํวนบุคคลด๎วย โดยอาจกําหนดพื้นที่ บริเวณดํานสะพานมิตรภาพ 2 (มุกดาหาร – สะหวันนะเขต) จํานวน 63 ไรํ เพื่อรองรับการดําเนินการดังกลําว โดยเจ๎าหน๎าที่ฝุายไทยกับ สปป.ลาว จะทํางานรํวมกันอยูํในพื้นที่เดียวกันเพื่อให๎มีการตรวจสินค๎าเพียงครั้งเดียว โดยเจ๎าหน๎าที่ที่ปฏิบัติงานในประเทศขาออกจะไปปฏิบัติงานในตํางประเทศที่เป็นฝั่งขาเข๎า ในขณะที่การตรวจ สินค๎าที่มีชีวิต (สินค๎าต๎องกํากัด) จะดําเนินการตรวจ ณ ประเทศขาออก สํงผลให๎เกิดความสะดวก รวดเร็ว และสะดวกแกํผู๎ประกอบการเพิ่มขึ้น
บทที่ 4
รูปแบบองค์การด้านการอํานวยความสะดวกทางการค้า
และการขนส่งข้ามแดนและผ่านแดนของไทย
ในสํวนนี้เป็นการศึกษารูปแบบองค์การของไทยที่มีความเกี่ยวข๎องกับการอํานวยความสะดวกทาง การค๎าและการขนสํงข๎ามแดนและผํานแดนของไทย ซึ่งพบวํา การดําเนินการด๎านการอํานวยความสะดวกทาง การค๎าและการขนสํงข๎ามแดนและผํานแดของไทยอยูํภายใต๎ความรับผิดชอบกระจัดกระจายอยูํในหลาย หนํวยงาน
จากการศึกษาทบทวนกรอบความตกลงระหวํางประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาคี ได๎แกํ องค์การการค๎า โลก (World Trade Organization - WTO) กรอบอนุภูมิภาคลุํมน้ําโขง (Greater Mekong Sub region - GMS) และองค์การชํานัญพิเศษที่อยูํภายใต๎องค์การสหประชาชาติ ได๎แกํ องค์การศุลกากรโลก ( World Customs Organization - WCO) องค์การการบินพลเรือนระหวํางประเทศ (International Civil Aviation Organization - ICAO) และองค์การทางทะเลระหวํางประเทศ (International Maritime Organization - IMO) ได๎มีบทบัญญัติที่เกี่ยวข๎องกับการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํง ตลอดจนกําหนด หนํวยงานที่มีความรับผิดชอบในการขับเคลื่อนที่แตกตํางกัน ซึ่งโดยสํวนใหญํ พบวํา หน่วยงานของไทยและ นานาประเทศที่มีบทบาทหลักในการเป็นเจ้าภาพขับเคลื่อนการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการ ขนส่งมักเป็นกระทรวงที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจ ได้แก่ กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ (บางประเภทใช้กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม) กระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจ โดย ในบางประเทศที่ไม่สามารถหาเจ้าภาพที่เหมาะสมได้ก็จะมอบให้สํานักนายกรัฐมนตรีเป็นหน่วยงาน ขับเคลื่อนการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งข้ามแดนและผ่านแดน เนื่องจากมีลักษณะ ภาระงานที่ครอบคลุมประเด็นตํางๆ ที่ไมํได๎อยูํภายใต๎การดําเนินงานของกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง ได๎แกํ
(1) การกําหนดระเบียบพิธีการศุลกากรการนําเข้า ส่งออก ผ่านแดน และถ่ายลํา (เป็นภารกิจหลัก ของกรมศุลกากร รํวมกับกรมการค๎าตํางประเทศ)
(2) การจัดการความเสี่ยงในการตรวจปล่อยสินค้า (เป็นภารกิจหลักของกรมศุลกากร รํวมกับ หนํวยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข๎อง เชํน กรมวิชาการเกษตร กรมประมง กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตร และสหกรณ์ และสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข)
(3) การตรวจสอบภายหลังการผ่านพิธีการศุลกากร (เป็นภารกิจหลักของกรมศุลกากร รํวมกับ กรมสรรพากร และกรมสรรพสามิต)
(4) การอํานวยความสะดวกสําหรับผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติ Authorized Economic Operator – AEO เป็นภารกิจหลักของกรมศุลกากร)
(5) การชําระภาษีและค่าธรรมเนียมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (เป็นภารกิจหลักของกรมศุลกากร รํวมกับหนํวยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข๎อง เชํน กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต กรมการค๎าตํางประเทศ ธนาคารที่เข๎ารํวมระบบชําระคําธรรมเนียมอิเล็กทรอนิกส์)
(6) การขออนุญาตในการนําเข้าและส่งออกสําหรับสินค้าบางประเภทซึ่งเป็นสินค้าต้องกํากับ/ สินค้าควบคุม (เป็นภารกิจของกรมการค๎าตํางประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สํานักงานมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กรมวิชาการเกษตร กรมประมง กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข กรม อุทยานแหํงชาติฯ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล๎อม กระทรวงกลาโหม และ กระทรวงมหาดไทย เป็นต๎น)
(7) การจัดให้มีระบบการรับเอกสารล่วงหน้าสําหรับตรวจปล่อยสินค้า (เป็นภารกิจหลักของกรม ศุลกากร
(8) การจัดตั้งจุดตอบข้อซักถามของการค้าและการขนส่งระหว่างประเทศ (เป็นหน๎าที่ที่ครอบคลุม การดําเนินงานของหลายสํวน เชํน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม ซึ่ง ยังคงมีความลําบากในการหาเจ๎าภาพกลาง)
(9) การจัดตั้งจุดบริการเบ็ดเสร็จ (Single Window) เพื่อยื่นเอกสารการส่งออก นําเข้า ผ่านแดน ที่ประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (เป็นภารกิจหลักของกรมศุลกากร กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย สํานักนายกรัฐมนตรี โดยปัจจุบันยังมีการทํางานที่ ซ้ําซ๎อน)
(10)การให้สิทธิประกอบการขนส่งสินค้าผ่านแดน/ข้ามแดน และประเภทยานพาหนะที่ให้ผ่านได้
(เป็นหน๎าที่หลักของกรมการขนสํงทางบก กระทรวงคมนาคม กรมศุลกากร)
(11)การกําหนดเส้นทางอนุมัติให้ทําการขนส่งข้ามแดนและผ่านแดน (เป็นภารกิจหลักของกรม ศุลกากร และกรมทางหลวง)
(12)การจัดให้มีจุดพักรถ (เป็นภารกิจหลักของกรมทางหลวง และกรมการขนสํงทางบก) (13)การยอมรับหนังสือตรวจสภาพรถบรรทุกที่ทําการขนส่งระหว่างประเทศ (เป็นภารกิจหลักของ
กรมการขนสํงทางบก)
(14)โครงสร้างพื้นฐานของด่านพรมแดน (สถานที่เก็บสินค๎า ลานวางกองสินค๎า ลานจอดรถ ลาน ตรวจปลํอย พื้นที่ควบคุม คลังสินค๎าทัณฑ์บน) (เป็นภารกิจหลักของกรมศุลกากร กรมทางหลวง กรมการขนสํงทางบก กระทรวงคมนาคม)
(15)การประกันภัยความรับผิดในการขนส่ง (เป็นภารกิจหลักของกรมการขนสํงทางบก สํานักงาน คณะกรรมการกํากับและสํงเสริมการประกันภัย)
(16)ระบบการขนส่งเชื่อมต่อกับการขนส่งทางบก (เป็นภารกิจหลักของกระทรวงคมนาคม) (17)การจัดทําระบบศุลกากรผ่านแดนระหว่างประเทศไทยกับเพื่อนบ้าน (เป็นภารกิจหลักของกรม
ศุลกากร)
(18)มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชเพื่อป้องกันโรคพืช โรคสัตว์ และโรคติดต่อ (เป็นภารกิจ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงสาธารณสุข)
(19)มาตรการพิเศษสําหรับสินค้าอันตราย (เป็นภารกิจหลักของกระทรวงอุตสาหกรรม และ หนํวยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข๎อง เชํน กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย เป็นต๎น )
(20)การตรวจสอบหนังสือเดินทาง (เป็นภารกิจหลักของสํานักงานตรวจคนเข๎าเมือง และกระทรวง การตํางประเทศ)
(21)การตรวจสอบใบอนุญาตทํางานของผู้ที่เดินทางข้ามแดน (กรณีเข้ามาทํางาน) (เป็นภารกิจ หลักของกระทรวงแรงงาน รํวมกับสํานักงานตรวจคนเข๎าเมือง)
(22)การจัดทําระบบตรวจสินค้า/คนร่วมกันระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านที่ตรวจในคราว เดียวกัน (Single Stop Inspection - SSI) (เป็นหน๎าที่ครอบคลุมการดําเนินงานของหลาย สํวน ซึ่งยังคงมีความลําบากในการหาเจ๎าภาพกลาง โดยในบางประเทศให๎เป็นภารกิจของ กระทรวงคมนาคม หรือกรมศุลกากร หรือกระทรวงความมั่นคง)
(23)การประสานชั่วโมงการทํางานร่วมกันระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (เป็นภารกิจหลักของ กระทรวงมหาดไทย และหนํวยงานที่เกี่ยวข๎อง เชํน ศุลกากร สํานักงานตรวจคนเข๎าเมือง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข เป็นต๎น)
(24)การแลกเปลี่ยนข้อมูลและการตรวจปล่อยล่วงหน้า (เป็นภารกิจหลักของกรมศุลกากร) (25)การมีจุดยื่นขอวีซ่า (เป็นภารกิจหลักของสํานักงานตรวจคนเข๎าเมือง และกระทรวงการ
ตํางประเทศ)
(26)การพัฒนาเทคโนโลยีการตรวจติดตามยานพาหนะ เชํน GPS / RFID / Customs E Seal (เป็น ภารกิจหลักของกรมศุลกากร กระทรวงคมนาคม และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสาร)
(27)การเตรียมรับมือกรณีเกิดไฟลุก หรือระเบิดจากการขนส่งสินค้า (เป็นภารกิจหลักของกระทรวง คมนาคม หรือกระทรวงความมั่นคง)
(28)การจัดเตรียมสิ่งอํานวยความสะดวกในการข้ามแดนแก่รถ สินค้า ผู้โดยสาร และพื้นที่ควบคุม ร่วม (Common Control Area) (เป็นภารกิจหลักของกระทรวงคมนาคม หรือกรมศุลกากร)
(29)กลไกการขับเคลื่อนกรณีเป็นหน่วยงานภายในประเทศของไทย และหน่วยงานที่ประสานกับ ประเทศเพื่อนบ้าน (เป็นหน๎าที่ที่ครอบคลุมการดําเนินงานของหลายสํวน ซึ่งยังคงมีความลําบาก ในการหาเจ๎าภาพกลาง อยํางไรก็ตาม ประเทศสํวนใหญํในโลกกําหนดเป็นหน๎าที่ของ คณะกรรมการประสานงานที่ประกอบด๎วยผู๎แทนของหนํวยงานตํางๆ ที่เกี่ยวข๎องทั้งภาครัฐและ เอกชน โดยเป็นคําสั่งที่แตํงตั้งขึ้นอยํางเป็นทางการ มีสํานักงานเลขานุการถาวร มีเจ๎าหน๎าที่ที่ ทํางานประจํา ซึ่งประเทศสํวนใหญํในโลกกําหนดสํานักงานเลขานุการอยูํภายใต๎การสนับสนุนของ กระทรวงการค๎า หรือกระทรวงพาณิชย์ เป็นหลัก)
1. รูปแบบองค์การด้านการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งข้ามแดนและผ่าน แดนของไทย
จากการศึกษารูปแบบองค์การด๎านการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํงข๎ามแดนและผําน แดนของไทยสามารถจําแนกเป็น 2 กลุํมใหญํ ได๎แกํ
1.1 องค์การที่เป็นหน่วยงานบูรณาการเพื่อกําหนดนโยบายการอํานวยความสะดวกทาง การค้าและการขนส่งระหว่างประเทศ (Policy Body)
องค์การที่เป็นหนํวยงานบูรณาการเพื่อกําหนดนโยบายการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการ ขนสํงระหวํางประเทศ (Policy Body) แบํงเป็น 2 ระดับ ได๎แกํ
1.1.1) องค์การที่เป็นการทํางานร่วมกันของหน่วยงานภายในประเทศเพื่อกําหนดนโยบายการ อํานวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นการจัดตั้งคณะกรรมการ / คณะอนุกรรมการ ซึ่งประกอบด๎วยผู๎แทนภาครัฐและเอกชน ซึ่งอาจจัดตั้งขึ้นเป็นคณะกรรมการ/คณะอนุกรรม ชั่วคราว หรือจัดตั้งเป็นคณะกรรมการ/คณะอนุกรรมการถาวร
ในกรณีของไทย มีการจัดตั้งองค์การที่สําคัญในลักษณะ Policy and Recommendation Body ซึ่ง มีคําสั่งแตํงตั้งขึ้นตามกฎหมายหรือมติคณะรัฐมนตรี ได๎แกํ
คณะกรรมการการค้าต่างประเทศ
คณะกรรมการการค๎าตํางประเทศ (กคต.) เป็นรูปแบบองค์การที่จัดตั้งตามกฎหมายการสํงออกไปนอก และการนําเข๎ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค๎า เพื่อทําหน๎าที่กําหนดให๎ข๎อเสนอแนะมาตรการเพื่อปรับปรุงภาวะ การค๎าระหวํางประเทศตํอรัฐมนตรีวําการกระทรวงพาณิชย์ และเสนอแนะให๎รัฐมนตรีวําการกระทรวงพาณิชย์ กําหนดให๎สินค๎าใดสินค๎าหนึ่งเป็นสินค๎าที่ต๎องขออนุญาตในการสํงออก นําเข๎า และนําผําน ซึ่งห๎ามผู๎ใดสํงออก นําเข๎า และนําผํานเว๎นแตํจะได๎รับใบอนุญาตจากรัฐมนตรีวําการกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงการกําหนด มาตรฐานสินค๎า ประเภทสินค๎าที่ต๎องเสียคําธรรมเนียมพิเศษในการสํงออกและนําเข๎า และการกําหนดให๎สินค๎า ต๎องมีหนังสือรับรองถิ่นกําเนิดสินค๎า หนังสือรับรองคุณภาพสินค๎า ฯลฯ ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติของ พระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนําเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ.2 522 โดย คณะกรรมการการค๎าตํางประเทศ ประกอบด๎วยปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานกรรมการ และมีอธิบดี กรมการค๎าตํางประเทศ เป็นกรรมการและเลขานุการ และมีกรรมการประกอบด๎วยอธิบดีกรมการค๎าภายใน อธิบดีกรมสํงเสริมการค๎าระหวํางประเทศ อธิบดีกรมเจรจาการค๎าระหวํางประเทศ อธิบดีกรมบัญชีกลา ง อธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรมวิชาการเกษตร อธิบดีกรมสํงเสริมอุตสาหกรรม เลขาธิการคณะกรรมการ สํงเสริมการลงทุน เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และผู๎วําการธนาคารแหํงประเทศไทย
คณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ
คณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนสํงสินค๎าและบริการของประเทศ (กบส.) จัดตั้งขึ้น ตามคําสั่งคณะรักษาความสงบแหํงชาติที่ 91/2557 และคําสั่งสํานักนายกรัฐมนตรีที่ 85/2557 เพื่อให๎การ พัฒนาระบบบริหารจัดการขนสํงสินค๎าและบริการของประเทศไทยเป็นไปอยํางมีประสิทธิภาพ
องค์ประกอบของ กบส. มีรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ / หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจเป็น ประธานกรรมการ และมีรองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจเป็นรองประธานกรรมการ มีเลขาธิการคณะกรรมการ
พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นกรรมการและเลขานุการ และมีกรรมการ ได๎แกํ ปลัดสํานัก นายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการตํางประเทศ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล๎อม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล๎อม ปลัดกระทรวงพลังงาน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ผู๎อํานวยการสํานักงบประมาณ ประธานกรรมการสภาหอการค๎าแหํงประเทศไทย ประธานสภาอุตสาหกรรม แหํงประเทศไทย ประธานสมาคมธนาคารไทย และประธานสภาผู๎สํงสินค๎าทางเรือแหํงประเทศไทย
คณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนสํงสินค๎าและบริการของประเทศ (กบส.) ได๎มีคําสั่ง แตํงตั้งคณะอนุกรรมการชุดตํางๆ ที่เกี่ยวข๎องกับการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํง ได๎แกํ
• คณะอนุกรรมการเชื่อมโยงข้อมูลแบบบูรณาการสําหรับการนําเข้า การส่งออก และโลจิสติกส์ ทําหน๎าที่บูรณาการแผนงาน โครงการ กรอบแผนงบประมาณด๎านระบบ National Single Window และให๎ข๎อเสนอแนะการปรับแก๎กฎระเบียบ ข๎อบังคับ กฎหมายที่เป็นอุปสรรคตํอการ พัฒนา National Single Window โดยมีกระทรวงการคลังเป็นหนํวยงานเจ๎าภาพ และมีกรม ศุลกากรเป็นอนุกรรมการและเลขานุการ พร๎อมด๎วยอนุกรรมการจากภาคเอกชนและภาครัฐ ได๎แกํ สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหํงชาติ กระทรวงเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงคมนาคม กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต กรมประมง กรม ปศุสัตว์ กรมวิชาการเกษตร สํานักงานมาตรฐานสินค๎าเกษตรและอาหารแหํงชาติ กรมเจ๎าทํา กรมการขนสํงทางบก กรมการบินพลเรือน กรมปุาไม๎ กรมอุทยานแหํงชาติฯ กรมเชื้อเพลิง ธรรมชาติ กรมธุรกิจพลังงาน กรมการค๎าตํางประเทศ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมพัฒนาธุรกิจ การค๎า กรมสํงเสริมการค๎าระหวํางประเทศ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สํานักงานคณะกรรมการ อาหารและยา กรมการอุตสาหกรรมทหาร กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแรํ สํานักงาน คณะกรรมการอ๎อยและน้ําตาลทราย สํานักงานปรมาณูเพื่อสันติ กรมการปกครอง กรมการค๎า ภายใน กรมทรัพยากรธรณี กรมศิลปากร การทําเรือแหํงประเทศไทย บริษัททําอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) การนิคมอุตสาหกรรมแหํงประเทศไทย สํานักงานคณะกรรมการสํงเสริมการ ลงทุน สํานักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม สํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สํานักงานกองทุนสงเคราะห์การทําสวนยาง สถาบันไฟฟูาและอิเล็กทรอนิกส์ สํานักงบประมาณ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมแหํงประเทศไทย สภา หอการค๎าแหํงประเทศไทย สภาผู๎สํงสินค๎าทางเรือแหํงประเทศไทย
• คณะอนุกรรมการเพื่อปรับลดขั้นตอนกระบวนการทํางานของหน่วยงานภาครัฐรายสินค้า ยุทธศาสตร์ (น้ําตาล ข้าว ยางพารา สินค้าแช่แข็ง และวัตถุอันตราย) ทําหน๎าที่ประสานลด ขั้นตอน เอกสาร และระยะในกระบวนการนําเข๎าและสํงออกของรายสินค๎ายุทธศาสตร์ฯ ข๎างต๎น ให๎สอดคล๎องตามวิธีการและขั้นตอนการดําเนินงานในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์และผลักดันให๎เกิดผล ในการปฏิบัติ โดยมีกระทรวงการคลังเป็นหนํวยงานเจ๎าภาพ และมีกรมศุลกากรเป็นอนุกรรมการ และเลขานุการ พร๎อมด๎วยอนุกรรมการจากภาคเอกชนและภาครัฐ ได๎แกํ สํานักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหํงชาติ สํานักงานพัฒนาธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์ สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวง เกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สภาอุตสาหกรรมแหํงประเทศไทย สภาผู๎สํงสินค๎าทางเรือ แหํงประเทศไทย สมาคมผู๎ผลิตน้ําตาลและชีวพลังงานไทย สมาคมผู๎สํงออกข๎าวไทย สมาคม ยางพาราไทย สมาคมอาหารแชํเยือกแข็งไทย และผู๎ทรงคุณวุฒิ
• คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบบริหารจัดการท่าเรือในประเทศ ทําหน๎าที่เสนอแนวทางพัฒนา ระบบทําเรือชายฝั่งและลําน้ําของประเทศไทย รวมทั้งอํานวยความสะดวกในการขนสํงและ บริการ โดยมีกระทรวงคมนาคมเป็นหนํวยงานเจ๎าภาพ และมีกรมเจ๎าทําเป็นอนุกรรมการและ เลขานุการ พร๎อมด๎วยอนุกรรมการจากภาคเอกชนและภาครัฐ ได๎แกํ สํานักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหํงชาติ กรมธนารักษ์ กรมสํงเสริมการปกครองท๎องถิ่น สํานัก งบประมาณ กระทรวงการทํองเที่ยวและกีฬา กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพาณิชย์ การทําเรือแหํงประเทศไทย สภาหอการค๎าแหํงประเทศไทย สภาอุตสาหกรรม แหํงประเทศไทย สภาผู๎สํงสินค๎าทางเรือแหํงประเทศไทย และผู๎ทรงคุณวุฒิ
แม๎วําการจัดรูปแบบองค์การแบบ กบส. จะมีข๎อดีตรงที่มีผู๎บริหารระดับสูงของภาครัฐและภาคเอกชน ของประเทศรํวมเป็นกรรมการ อยํางไรก็ตาม กบส.มีอํานาจหน๎าที่เพียงแคํให๎ความเห็นหรือข๎อเสนอแนะ และ ประสานงานกับหนํวยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข๎อง (Policy Recommendation and Coordination Body) เพื่อพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนสํงสินค๎าและบริการของประเทศ แตํไมํสามารถทําหน๎าที่ ขับเคลื่อนการพัฒนาด๎านโลจิสติกส์และยกระดับระบบอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํงข๎ามแดน และผํานแดนได๎โดยตรง
ปัญหาอุปสรรคที่สําคัญการจัดรูปแบบองค์การแบบ กบส. ได๎แกํ
1) การมีองค์ประกอบคณะกรรมการที่เป็นผู๎บริหารสูงของภาครัฐและภาคเอกชนจํานวนมาก ทําให๎ ไมํสามารถจัดการประชุมหารือได๎บํอยครั้ง โดยที่ผํานมามีการประชุมปีละเพียงไมํกี่ครั้ง เรื่องที่ สามารถนําเข๎าสูํการพิจารณาของคณะกรรมการฯ ได๎มีเพียงไมํกี่เรื่อง โดยฝุายเลขานุการฯ จะต๎องพิจารณาหยิบยกเฉพาะเรื่องที่มีความสําคัญ มีงบประมาณรายจํายสูง และเป็นเรื่องที่ไมํ ซับซ๎อนมาก สํงผลให๎ให๎ข๎อเสนอแนะ การประสานงาน และการกํากับดูแลการดําเนินงานการ พัฒนาการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํงเป็นไปอยํางลําช๎า ซึ่งสํวนใหญํเป็นเรื่องที่ เกี่ยวข๎องกับการปรับกฎระเบียบให๎ทันสมัยกับโลกาภิวัฒน์ทางการค๎าไมํได๎รับการพิจารณานําเข๎า สูํการประชุมมากนักเมื่อเทียบกับเรื่องการพัฒนาโครงสร๎างพื้นฐานการขนสํง
2) เรื่องที่ที่ประชุมให๎ความสําคัญสํวนใหญํเป็นเรื่องการพัฒนาโครงสร๎างพื้นฐานการขนสํง การ พัฒนาบุคลากรและการพัฒนาสถานประกอบการให๎มีความสามารถในการจัดการโลจิสติกส์และ โซํอุปทานมากขึ้น อยํางไรก็ตาม มีเพียงเรื่องเดียวที่เกี่ยวกับการอํานวยความสะดวกทางการค๎า และการขนสํงซึ่งที่ประชุมให๎ความสําคัญ ได๎แกํ การพัฒนาระบบการเชื่อมโยงข๎อมูลทาง อิเล็กทรอนิกส์ (National Single Window หรือ NSW) ซึ่งเป็นการชํวยผู๎ประกอบการ ภายในประเทศไทยลดต๎นทุนด๎านเอกสารและพิธีการในการติดตํอกับหนํวยงานภาครัฐ โดยเน๎น เฉพาะ Information Flow อยํางไรก็ตาม การดําเนินงานด๎าน NSW ยังไมํสามารถแก๎ไขปัญหา ด๎านการเคลื่อนย๎ายสินค๎า Product Flow สําหรับสินค๎าที่นําเข๎า สํงออก และผํานแดนได๎ เนื่องจากติดปัญหาด๎านกฎระเบียบของไทยที่ไมํเอื้ออํานวย
คณะกรรมการอํานวยความสะดวกการขนส่งแห่งชาติ
คณะกรรมการอํานวยความสะดวกการขนส่งแห่งชาติ (National Transport Facilitation Committee หรือ NTFC) จัดตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 27 กันยายน พ.ศ.2554 โดยมีหนํวยงาน เจ๎าภาพ คือ กระทรวงคมนาคม โดยมีองค์ประกอบ คือ รัฐมนตรีวําการกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน กรรมการ ผู๎อํานวยการสํานักความรํวมมือระหวํางประเทศ สํานักงานปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นกรรมการ และเลขานุการ และกรรมการอื่นๆ จากหนํวยงานภาครัฐและเอกชน เชํน กรมการขนสํงทางบก กรมทางหลวง สํานักงานนโยบายและแผนการขนสํงและจราจร กรมศุลกากร กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการตํางประเทศ สํานักงานตํารวจแหํงชาติ เป็นต๎น เพื่อทําหน้าที่เป็นกลไกในการประสานการ ดําเนินงานต่างๆ ให้เป็นไปตามความตกลงการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ําโขง (GMS CBTA) การเตรียมบุคลากรและสถานที่ให๎พร๎อมรองรับกับการเปิดจุดผํานแดนที่กําหนดให๎เป็นจุดผํานแดนที่ได๎รับ อนุมัติตาม GMS CBTA เชํน ดํานแมํสอด-เมียวดี ดํานมุกดาหาร-สะหวันนะเขต เป็นต๎น รวมถึงเพื่อมิให๎เกิด ความซ้ําซ๎อนในการปฏิบัติกับคณะกรรมการชุดอื่น (คณะกรรมการอํานวยความสะดวกการขนสํงแหํงชาติ เกิด จากการยุบและปรับปรุงอํานาจหน๎าที่ของคณะกรรมการประสานการขนสํงผํานแดนและขนสํงข๎ามแดน แหํงชาติ เพื่อให๎ดูและเฉพาะการดําเนินงานด๎าน GMS CBTA เทํานั้น)
ข๎อดีของการจัดตั้งคณะกรรมการอํานวยความสะดวกการขนสํงแหํงชาติ ได๎แกํ มีองค์การที่มีความ รับผิดชอบที่ชัดเจนในการประสานการดําเนินงานทั้งหมดที่ไทยได๎ผูกพันไว๎ภายใต๎ความตกลงการขนสํงข๎าม แดนในอนุภูมิภาคลุํมน้ําโขง (GMS-CBTA) ที่ครอบคลุมการขนสํงสินค๎าและการอํานวยความสะดวกทางการค๎า และการขนสํงระหวํางไทยกับกัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม และจีน (มณฑลยูนนาน และเขตปกครอง ตนเองกวางซี) โดยมีกระทรวงคมนาคม เป็นหนํวยงานเจ๎าภาพที่ชัดเจนในการประสานงานขับเคลื่อน
อยํางไรก็ตาม ข๎อเสียของการจัดตั้งคณะกรรมการอํานวยความสะดวกขนสํงแหํงชาติ ดังกลําวจะไมํ ครอบคลุมถึงการอํานวยความสะดวกทางการค๎าและการขนสํงระหวํางไทยกับประเทศอื่นๆ เชํน การค๎าและ การขนสํงข๎ามแดนระหวํางไทยกับมาเลเซีย และสิงคโปร์ สํงผลให๎การพัฒนาการอํานวยความสะดวกทาง การค๎าและการขนสํงของไทยเป็นแบบไมํครบวงจรเนื่องจากไทยจัดทํากรอบความตกลงการขนสํงหลายกรอบ เชํน กรอบอาเซียน กรอบ GMS และกรอบพหุภาคี
คณะกรรมการประสานการขนส่งผ่านแดนแห่งชาติ
คณะกรรมการประสานการขนส่งผ่านแดนแห่งชาติ (National Transit Transport Coordinating Committee) จัดตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 27 กันยายน พ.ศ.2554 โดยมีหนํวยงาน เจ๎าภาพ คือ กระทรวงคมนาคม โดยมีองค์ประกอบ คือ ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานกรรมการ ผู๎อํานวยการสํานักความรํวมมือระหวํางประเทศ สํานักงานปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นกรรมการและ เลขานุการ และกรรมการอื่น รวม 28 ราย เชํน กรมการขนสํงทางบก กรมทางหลวง สํานักงานนโยบายและ แผนการขนสํงและจราจร กรมเจ๎าทํา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการตํางประเทศ กรมศุลกากร กรมการค๎าตํางประเทศ กรมเจรจาการค๎าระหวํางประเทศ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงการตํางประเทศ สํานักงานตํารวจแหํงชาติ สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหํงชาติ หอการค๎าแหํง ประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแหํงประเทศไทย เป็นต๎น มีหน๎าที่ประสาน ติดตาม ประมวลผล จัดทําข๎อมูล เสนอตํอรัฐบาลเพื่อปรับปรุงแก๎ไขกฎหมาย กฎระเบียบ และข๎อบังคับตํางๆ ที่เกี่ยวข๎อง รวมทั้งดําเนินการ เพื่อให๎สามารถปฏิบัติตามข๎อตกลงด๎านการขนสํงระหวํางประเทศที่ประเทศได๎ทํากับรัฐบาลตํางประเทศ เป็น
ประจํา และพิจารณากําหนดทําทีฝุายไทยสําหรับการประชุมคณะกรรมการประสานการขนสํงผํานแดนภูมิภาค (Regional Transit Transport Coordinating Board หรือ TTCB) กลําวคือ มีลักษณะเป็นหนํวยงานให๎ ข๎อเสนอแนะและประสานงาน (Policy Recommendation and Coordination Body) แตํไมํมีอํานาจใน การดําเนินการขับเคลื่อนการอํานวยความสะดวกทางการขนสํงได๎โดยตรง
ที่ผํานมา คณะกรรมการประสานการขนสํงผํานแดนแหํงชาติ กระทรวงคมนาคม มีบทบาทในการ อํานวยความสะดวกทางการขนสํง เชํน การกําหนดหลักเกณฑ์ผู๎ประกอบการขนสํงระหวํางประเทศภายใต๎ โครงการนํารํองระบบศุลกากรผํานแดนอาเซียน (ASEAN Customs Transit System หรือ ACTS Pilot Testing) โดยนําระบบคอมพิวเตอร์มาใช๎ในการดําเนินพิธีการศุลกากรผํานแดนอาเซียนอยํางเต็มรูปแบบและมี ประเทศที่เข๎ารํวมโครงการนํารํอง 3 ประเทศ ได๎แกํ ไทย-มาเลเซีย-สิงคโปร์ รวมทั้งการประสานงานกับ กรมการขนสํงเพื่อขอให๎กรมการขนสํงพิจารณาคัดเลือกและกลั่นกรองผู๎ประกอบการขนสํงระหวํางประเทศ ภายใต๎โครงการ ACTS เชํน กรณีการพิจารณาให๎ใบอนุญาตรถสินค๎าข๎ามพรมแดนอาเซียนฯ (ASEAN Goods Vehicle Cross Border Permit) จํานวน 100 ฉบับ สําหรับให๎บริการในเส๎นทางไทย-มาเลเซีย-สิงคโปร์
ข๎อดีของการจัดตั้งคณะกรรมการประสานการขนสํงผํานแดนแหํงชาติ ได๎แกํ มีองค์การที่มีความ รับผิดชอบที่ชัดเจนในการประสานการขนสํงผํานแดนแหํงชาติ อยํางไรก็ตาม ข๎อเสีย ได๎แกํ หากเป็นการ ดําเนินงานภายใต๎กรอบความตกลงการขนสํงข๎ามแดนในอนุภูมิภาคลุํมน้ําโขง (GMS-CBTA) จะอยูํภายใต๎การ ดําเนินงานของคณะกรรมการการอํานวยความสะดวกการขนสํงแหํงชาติ (ที่ดูแลเฉพาะการขนสํงทางบก เชื่อมโยงภายใต๎ GMS CBTA เทํานั้น แตํไมํรวมถึงการขนสํงข๎ามแดนและผํานแดนด๎วยวิธีการขนสํงรูปแบบ ตํางๆ ไปยังประเทศอื่น)
คณะกรรมการส่งเสริมการค้าชายแดนและการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน
คณะกรรมการส่งเสริมการค้าชายแดนและการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน จัดตั้งขึ้นตามมติ คณะรัฐมนตรี โดยมีหนํวยงานเจ๎าภาพ คือ กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นหนํวยงานหลักในการพัฒนาการค๎า ชายแดน โดยมีองค์ประกอบ คือ รัฐมนตรีวําการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานกรรมการ อธิบดีกรมการค๎า ตํางประเทศ เป็นกรรมการและเลขานุการ และมีกรรมการรํวมจากภาครัฐและเอกชน เชํน กรมสํงเสริมการค๎า ระหวํางประเทศ กรมพัฒนาธุรกิจการค๎า กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการตํางประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข สํานักงานคณะกรรมการสํงเสริม การลงทุน สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหํงชาติ สํานักงานความรํวมมือพัฒนา เศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ๎าน สภาความมั่นคงแหํงชาติ สภาหอการค๎าแหํงประเทศไทย สภาอุตสาหกรรม แหํงประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย เป็นต๎น
ที่ผํานมา คณะกรรมการสํงเสริมการค๎าชายแดนและการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ๎าน เป็น Policy and Recommendation Body โดยจัดทํายุทธศาสตร์การสํงเสริมการค๎าชายแดนและการลงทุนกับประเทศ เพื่อนบ๎าน ที่ให๎ความสําคัญกับการอํานวยความสะดวกทางการค๎าด๎านชายแดนและการลงทุนกับประเทศเพื่อน บ๎าน การพัฒนาดํานชายแดนเพื่อยกระดับมูลคําการค๎าชายแดน การเรํงรัดการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ การยกระดับ/พัฒนาผู๎ประกอบการเพื่อให๎สามารถใช๎ประโยชน์เชื่อมโยงภายในภูมิภาคได๎อยํางมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการเชื่อมโยงเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษของไทยและประเทศเพื่อนบ๎านให๎สอดรับกับนโยบายเขต พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาล และเห็นชอบแผนงานนํารํองที่มีความจําเป็นเรํงดํวน ๙ แผนงาน เชํน โครงการพัฒนาเครือขํายผู๎ประกอบการรุํนใหมํของไทยกับกลุํมประเทศเพื่อนบ๎าน (Young Executive