MARPOL 73/78 Annex 5)
อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการป้องกันมลพิษจากเรือ ค.ศ. 1973
ที่แก้ไขปรับปรุงโดยพิธีสาร ค.ศ. 1978
ภาคผนวก 5 ว่าด้วยกฎข้อบังคับสำหรับการป้องกันมลพิษจากขยะบนเรือ
(MARPOL 73/78 Annex 5)
1. ความเป็นมาของอนุสัญญาฯ
ทะเลเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อมนุษยชาติ การรักษาสิ่งแวดล้อมทางทะเลจึงเป็น xxxxxxxxxxในความสนใจในประชาคมระหว่างประเทศ โดยองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ ( International Maritime Organization: IMO) ตระหนักว่าปัญหามลพิษทางทะเลแท้จริงแล้วเกิดจากการเดินเรือเป็นสำคัญ ด้วยเหตุนี้จึงได้จัดทำอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการป้องกันมลพิษจากเรือ (International Convention for the Prevention of Pollution from Ships 1973 , as modified by the Protocol of 1978 relating thereto: MARPOL 73/78) ลงxxxxxx 2 xxxxxx 2526 ขึ้น ประกอบด้วย 6 ภาคผนวก โดยประเทศไทยได้เข้าเป็น ภาคีภาคxxxxxxx 1 การป้องกันมลพิษจากน้ำมัน (Annex I Regulations for the Prevention of Pollution by Oil) และภาคxxxxxxx 2 การควบคุมมลพิษจากสารเหลวมีพิษในระวางเรือ (Annex II Regulations for the Control of Pollution by Noxious Liquid Substances in Bulk) แล้ว
ปัจจุบันอนุสัญญาฯ มีรัฐภาคี จำนวน 155 ประเทศ xxxx จีน แคนาดา ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร รวมถึงประเทศในอาเซียน ได้แก่ บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย xxxxxxxxx ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม เป็นต้น คิดเป็นสัดส่วนของกองเรือโลก (World Tonnage) xxxxxxxละ 98.49
2. เหตุผลความจำเป็นในการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ
การเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ นี้สอดคล้องกับxxxxxxxxxxชาติที่ 5 ด้านการพัฒนาสิ่งแวดล้อม ทรัพยากร และการพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยเป็นการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นxxxxต่อสิ่งแวดล้อม มีเป้าหมายการ
พัฒนา ที่สำคัญเพื่อนำไปสู่การxxxxxเป้าหมายการพัฒนาxxxxxxxxxxในทุกมิติ ทั้งมิติด้านสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดลอม
xxxxxxxxxx และความเป็นหุ้นส่วน ความร่วมมือระหว่างxxxxxxxภายในและภายนอกประเทศอย่างบูรณาการในเฉพาะ ประเด็นหลัก เรื่อง สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมเศรษฐกิจภาคทะเล และความเป็นxxxxต่อสภาพภูมิอากาศ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อxxxxxx 7 xxxxxx 2563 (เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี) รวมถึง ยังสอดคล้องกับxxxxxxกรุงเทพฯ ว่าด้วยการต่อต้านขยะทะเลในxxxxxxxอาเซียนอีกด้วย
3. สาระสำคัญของอนุสัญญาฯ
3.1 การใช้บังคับ
ภาคxxxxxxx 5 การป้องกันมลพิษจากขยะบนเรือ (MARPOL 73/78 Annex 5) ใช้บังคับกับเรือทุกประเภท
3.2 ข้อกำหนด
(1) ห้ามมิให้ปล่อยทิ้งพลาสติก เชือกสังเคราะห์ อวนจับปลาสังเคราะห์ ถุงขยะพลาสติก และเถ้าผลิตภัณฑ์ พลาสติกจากเตาxxxขยะ และน้ำมันปรุงอาหาร
-2-
(2) การปล่อยทิ้งขยะลงในทะเลนอกพื้นที่พิเศษให้กระทำได้ในขณะที่เรืออยู่ระหว่างทางและไกลจาก แผ่นดินที่ใกล้ที่สุดเท่าที่กระทำได้ แต่ทั้งนี้ต้องไม่น้อยกว่าระยะทาง ดังต่อไปนี้
(2.1) ระยะ 3 ไมล์ทะเล จากแผ่นดินที่ใกล้ที่สุด สำหรับของเสียจากอาหาร ซึ่งได้ผ่านเครื่องบดปั่น แล้วและxxxxxxผ่านตะแกรงที่มีช่องผ่านขนาดไม่เกิน 25 มิลลิเมตร
(2.2) ระยะ 12 ไมล์ทะเล จากแผ่นดินที่ใกล้ที่สุด สำหรับของเสียจากอาหาร xxxxxxxxผ่านการบำบัด ตามที่กำหนดไว้ในข้อ (2.1)
(2.3) ระยะ 12 ไมล์ทะเลจากแผ่นดินที่ใกล้ที่สุด สำหรับเศษสินค้าซึ่งไม่xxxxxxนำxxxxxxใช้ได้อีก โดยวิธีการขนถ่ายสินค้า เศษสินค้าเหล่านี้จะต้องไม่มีองค์ประกอบของสารที่ถูกกำหนดชั้นว่าเป็นอันตรายต่อ สิ่งแวดล้อมทางทะเลตามที่กำหนดไว้ในหลักเกณฑ์ของภาคผนวกนี้
(3) เรือที่มีความยาวตลอดลำตั้งแต่ 12 เมตรขึ้นไป รวมถึงแท่นชนิดติดตรึงอยู่กับที่หรือลอยน้ำได้ต้อง แสดงป้ายประกาศ เพื่อให้ลูกเรือและผู้โดยสารทราบถึงข้อกำหนดเกี่ยวกับการปล่อยทิ้งขยะ
(4) เรือที่มีขนาดตั้งแต่ 100 ตันxxxxขึ้นไป และเรือที่xxxxxxบรรทุกคนได้ตั้งแต่ 15 คนขึ้นไป รวมถึง แท่นชนิดติดตรึงอยู่กับที่หรือลอยน้ำได้จะต้องมีแผนจัดการขยะเพื่อให้ลูกเรือปฏิบัติตาม
(5) เรือที่มีขนาดตั้งแต่ 400 ตันxxxxขึ้นไปหรือxxxxxxบรรทุกคนได้ตั้งแต่ 15 คนขึ้นไปที่เดินทางสู่ท่าเรือ หรือสถานีขนส่งนอกชายฝั่ง ที่อยู่ในเขตxxxxxของรัฐภาคีของอนุสัญญา รวมถึงแท่นชนิดติดตรึงอยู่กับที่หรือ ลอยน้ำได้ ต้องจัดให้มีบันทึกการจัดการขยะ
(6) แท่นที่ติดตรึงอยู่กับที่หรือxxxxxxน้ำต้องมีทั้งป้ายประกาศ แผนจัดการขยะ และการเก็บบันทึกการ จัดการขยะ
3.3 เหตุยกเว้น
เรือและแท่นxxxxxxปล่อยทิ้งขยะได้ตามความจำเป็นตามที่กำหนดดังต่อไปนี้
(1) การปล่อยทิ้งขยะที่จำเป็นต้องกระทำเพื่อวัตถุประสงค์ในการxxไว้ซึ่งความปลอดภัยของเรือและผู้อยู่ บนเรือ และเพื่อรักษาชีวิตในทะเล
(2) การปล่อยทิ้งเครื่องมือทำประมงจากเรือเพื่อป้องกันสิ่งแวดล้อมทางทะเล หรือเพื่อความปลอดภัย ของเรือหรือคนxxxxxxxxx
(3) การปล่อยทิ้งของเสียจากอาหารจากเรือที่อยู่ระหว่างเดินทางในกรณีที่ปรากฏชัดว่าการกักเก็บของ เสียจากอาหารบนเรือส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อสุขภาพอย่างชัดแจ้งต่อคนบนเรือ
(4) เหตุจำเป็นนั้นยังรวมxxxxxxกระทำบางอย่างที่แม้มิได้กระทำโดยxxxxx ได้แก่
(4.1) การรั่วไหลของขยะที่เกิดจากอุบัติเหตุ แต่ต้องxxxxxxการด้วยความระมัดระวังตามxxxxx (4.2) การสูญหายของเครื่องมือทำประมงโดยอุบัติเหตุ แต่ต้องxxxxxxการด้วยความระมัดระวังตามxxxxx
3.4 กำหนดพื้นที่พิเศษ (Special Areas) ได้แก่บริเวณดังต่อไปนี้ พื้นที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน พื้นที่ทะเลxxxติค พื้นที่ทะเลดำ พื้นที่ทะเลแดง พื้นที่อ่าว พื้นที่ทะเลเหนือ พื้นที่แอนตาร์กติก และxxxxxxxไวxxxxxแคริบเบียน) โดยข้อกำหนดในการจัดการขยะหลากหลายประเภทจะมีความxxxxxxxxxxxxxxขึ้นในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว
-3-
4. การxxxxxxการที่ผ่านมา
การเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ เข้าข่ายเป็นการจัดทำ “xxxxxxxxxxxx” ตามมาตรา 178 วรรคสองของ xxxxxxxxxxแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ที่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา เนื่องจากการเข้าเป็นภาคี อนุสัญญาฯ นี้มีความจำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติเพื่อรองรับxxxxxxxxxxxอนุสัญญาฯ กำหนด โดยกรมเจ้าท่า ได้xxxxxxการแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ ซึ่งมีเนื้อหาสาระที่รองรับ
พันธกรณีตามอนุสัญญา MARPOL 73/78 Annex 5 ครบถ้วนทั้งหมด ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านการตรวจพิจารณา ของคณะกรรมการกฤษฎีกาและผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องตามมาตรา 77 ของxxxxxxxxxxแห่ง ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 แล้ว เมื่อxxxxxx 1 กันยายน 2563 รวมถึงได้จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบ xxxxxxเกิดขึ้นจากกฎหมาย พร้อมหลักฐานการxxxxxxการตามมาตรา ๗๗ ของxxxxxxxxxxแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ แล้ว ซึ่งร่างพระราชบัญญัติฯ ฉบับนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ความเห็นชอบและส่งให้รัฐสภา พิจารณา โดยที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้รับหลักการในวาระที่ 1 แล้ว เมื่อxxxxxx 8 ธันวาคม 2564 ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญrพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ส่วนขั้นตอนการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา MARPOL 73/78 Annex 5 นั้น เมื่อพระราชบัญญัติการเดินเรือใน น่านน้ำไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาและมีผลใช้บังคับ ประเทศไทยจะxxxxxxการยื่น ภาคยานุวัติสารต่อองค์การทางทะเลระหว่างประเทศเพื่อเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา MARPOL 73/78 Annex 5 ต่อไป
5. ประโยชน์xxxxxxรับจากการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ
5.1 เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่เน้นบทบาทความเป็นผู้นำของประเทศไทยในเรื่องการจัดการขยะในทะเล
5.2 xxxxxxระดับมาตรฐานการรักษาสิ่งแวดล้อมทางทะเลของประเทศไทยให้เทียบเท่ากับมาตรฐานxxxx
5.3 ช่วยลดปัญหามลพิษทางทะเลซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบในระดับอนุxxxxxxxและxxxxxxx
5.4 ทำให้ประเทศไทยมีกฎหมายเพื่อการคุ้มครองและรักษาสิ่งแวดล้อมทางทะเลที่เป็นมาตรฐานxxxxโดยใช้ บังคับกับเรือไทยและเรือต่างชาติ
5.5 ส่งผลให้กฎหมายภายในและการบริหารจัดการมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมถึงเป็นการพัฒนาด้านวิชาการ และเทคโนโลยีเกี่ยวกับการจัดการขยะในทะเล
5.6 เป็นการสร้างฐานทางกฎหมายว่าด้วยการใช้xxxxxของรัฐในฐานะรัฐเจ้าของธงและรัฐเจ้าของเมืองท่า
5.7 เป็นการสร้างxxxxx จิตสำนึก และความตระหนักรู้ให้กับพลเมืองรวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการxxxxxxxxและ รักษาสิ่งแวดล้อมให้มีความxxxxxx xxxxxxxx และยั่งยืนตลอดไป
กระทรวงคมนาคม
กรมเจ้าท่า 9 ธันวาคม 2564
International Convention for the Prevention of Pollution
from Ships 1973, as modified by the
Protocol of 1978 relating thereto,
Annex V Regulations for Prevention of Pollution
by Garbage from Ships
อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการป้องกันมลพิษจากเรือ ค.ศ. 1973 ที่แก้ไขปรับปรุงโดยพิธีสาร ค.ศ. 1978
ภาคผนวก 5 ว่าด้วยกฎข้อบังคับสำาหรับการป้องกันมลพิษจาก ขยะบนเรือ
Marine Department กรมเจ้าท่า
November, 2021 พฤศจิกายน 2564
INTERNATIONAL CONVENTION FOR THE PREVENTION OF POLLUTION FROM SHIPS, 1973
THE PARTIES TO THE CONVENTION,
BEING CONSCIOUS of the need to preserve the human environment in general and the marine environment in particular,
RECOGNIZING that deliberate, negligent or accidental release of oil and other harmful substances from ships constitutes a serious source if pollution,
RECOGNIZING ALSO the importance of the International Convention for the Prevention of Pollution of the Sea by Oil, 1954, as being the first multilateral instrument to be concluded with the prime objective of protecting the environment, and appreciating the significant contribution which that Convention has made in preserving the seas and coastal environment from pollution,
2
อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการป้องกันมลพิษจากเรือ ค.ศ. 1973
ภาคีxxxxxxxxxxx
ส�านึกถึงความจ�าเป็นที่จะxxxxxxรักษาสภาพแวดล้อมทั่ว ๆ ไปของมนุษย์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาพแวดล้อมในทะเล
ยอมรับว่า การปล่อยน�้ามันและสารอื่นๆ ที่เป็นอันตรายจากเรือโดยxxxxx โดยประมาทเลินเล่อ หรือโดยอุบัติเหตุก็ตาม เป็นแหล่งก�าเนิดของมลพิษ ที่ส�าคัญ
ยอมรับอีกด้วยถึงความส�าคัญของอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วย การป้องกันมลพิษทางทะเลเนื่องจากน�้ามัน ค.ศ. 1954 ซึ่งเป็นผลของ ความร่วมมือระหว่างประเทศครั้งแรก ที่มีมติร่วมกันในอันที่จะxxxxxx รักษาสภาพแวดล้อม และxxxxxxxxxxxมีส่วนช่วยเหลือที่ส�าคัญในการป้องกัน รักษาสภาพแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่งให้xxxxxxจากมลพิษ
3
DESIRING to achieve the complete elimination of intentional pollution of the marine environment by oil and other harmful substances and the minimization of accidental discharge of such substances,
CONSIDERING that this objective may best be achieved by establishing rules not limited to oil pollution having a universal purport,
HAVE AGREED as follows:
4
มีความมุ่งมั่นที่จะก�าจัดมลพิษในทะเลเนื่องจากน�้ามันหรือสารที่เป็นอันตราย โดยxxxxx และลดอุบัติเหตุที่เกิดจากการปล่อยทิ้งสารxxxxว่านั้นให้เหลือน้อย ที่สุด
พิจารณาว่า วิธีการxxxxxที่สุดที่จะxxxxxถึงวัตถุประสงค์ได้คือ การวางกฎเกณฑ์ ซึ่งใช้ได้โดยทั่วไปและไม่จ�ากัดอยู่เฉพาะมลพิษที่เกิดขึ้นเนื่องจากน�้ามัน
ได้ตกลงกันดังต่อไปนี้
5
ARTICLE 1
General Obligations under the Convention
(1) The parties to the Convention undertake to give effect to the provisions of the present Convention and those Annexes thereto by which they are bound, in order to prevent the pollution of the marine environment by the discharge of harmful substances or effluents containing such substances in contravention of the Convention.
(2) Unless expressly provided otherwise, a reference to the present Convention constitutes at the same time a reference to its Protocols and to the Annexes.
6
ข้อ 1 พันธกรณีทั่วไปภายใต้อนุสัญญา
(1) ภาคีอนุสัญญาxxxxxxxxxจะน�าบทบัญญัติของxxxxxxxxxxx และภาคผนวก ต่างๆ ของxxxxxxxxxxx ซึ่งผูกพันภาคีอยู่มาใช้ เพื่อที่จะป้องกันมลพิษทางทะเล เนื่องมาจากการปล่อยทิ้งสารอันตรายหรือน�้าที่มีสารอันตรายxxxxว่านั้นปน อยู่ด้วย อันเป็นการละเมิดอนุสัญญา
(2) เว้นแต่จะxxxxxxxไว้ชัดแจ้งเป็นอย่างอื่น การอ้างอิงถึงxxxxxxxxxxxให้หมาย รวมxxxxxxอ้างอิงถึงในพิธีสารและภาคผนวกของxxxxxxxxxxxด้วย
7
ARTICLE 2
Definitions
For the purposes of the present Convention, unless expressly
provided otherwise:
(1) “Regulations” means the Regulations contained in the Annexes
to the present Convention.
(2) “Harmful substance” means any substance which, if introduced into the sea, is liable to create hazards to human health, to harm living resources and marine life, to damage amenities or to interfere with other legitimate uses of the sea, and includes any substance subject to control by the present Convention.
(3) (a) “Discharge”, in relation to harmful substances or effluents containing such substances, means any release howsoever caused from a ship and includes any escape, disposal, spilling, leaking, pumping, emitting or emptying;
(b) “Discharge” does not include:
8
ข้อ 2 คำานิยาม
เพื่อความมุ่งหมายของxxxxxxxxxxx เว้นแต่จะxxxxxxxไว้ชัดแจ้งเป็นอย่างอื่น
(1) “กฎข้อบังคับ” หมายถึง xxxxxxxxxxxxxxมีอยู่ในภาคผนวกของxxxxxxxxxxx
(2) “สารที่เป็นอันตราย” หมายถึง สารใด ๆ ซึ่งเมื่อปล่อยลงสู่ทะเลแล้ว อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ เป็นอันตรายต่อทรัพยากร ที่มีชีวิตและสิ่งมีชีวิตในทะเล ก่อให้เกิดความเสียหายต่อความงามของสภาพ ตามxxxxxxxx หรือรบกวนการใช้ประโยชน์อื่น ๆ จากทะเลอันชอบด้วยกฎหมาย และรวมถึงสารใดๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของxxxxxxxxxxx
(3) (เอ) “การปล่อยทิ้ง” ที่เกี่ยวกับสารที่เป็นอันตราย หรือสิ่งใด ๆ ที่มี สารที่เป็นอันตราย xxxxว่านั้นปนอยู่ หมายxxx xxxปล่อยจากเรือไม่ว่าจะ ด้วยสาเหตุใดก็ตามและรวมxxx xxxรั่ว การก�าจัด การหก การซึม การสูบ การแพร่xxxxxxหรือ การเท
(บี) “การปล่อยทิ้ง” ไม่รวมถึง
9
(i) dumping within the meaning of the Convention on the Prevention of Marine Pollution by Dumping of Wastes and Other Matter, done at London on 13 November 1972; or
(ii) release of harmful substances directly arising from the exploration, exploitation and associated off-shore pro- cessing of sea-bed mineral resources; or
(iii) release of harmful substances for purposes of legitimate scientific research into pollution abatement or control.
(4) “Ship” means a vessel of any type whatsoever operating in the marine environment and includes hydrofoil boats, air-cushion vehicles, submersibles, floating craft and fixed or floating platforms.
10
(i) การทิ้งเทในความหมายของอนุสัญญาว่าด้วยการป้องกัน มลพิษทางทะเลเนื่องจากการทิ้งวัสดุเหลือใช้และวัสดุอย่างอื่น ซึ่งกระท�า ณ กรุงxxxxxx xxxxxx 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 หรือ
(ii) การปล่อยสารอันตรายที่เกิดขึ้นโดยตรงจากการส�ารวจ จากการแสวงหาประโยชน์และจากกระบวนการเกี่ยวกับทรัพยากรแร่ บนxxxxxxxxทะเลนอกชายฝั่ง
(iii) การปล่อยสารอันตรายเพื่อวัตถุประสงค์ในการวิจัยทาง วิทยาศาสตร์อันชอบด้วยกฎหมายเกี่ยวกับการลดหรือการควบคุมมลพิษ
(4) “เรือ” หมายถึง เรือประเภทใดก็ตามที่ปฏิบัติงานอยู่ในทะเล และ รวมถึงเรือไฮโดรฟอยล์ xxxเบาะอากาศ xxxใต้น�้า xxxxxxน�้า และ แท่นชนิดประจ�าที่หรือชนิดxxxxxxได้
11
(5) “Administration” means the Government of the State under whose authority the ship is operating. With respect to a ship entitled to fly a flag of any State, the Administration is the Government of that State. With respect to fixed or floating platforms engaged in exploration and exploitation of the sea-bed and subsoil thereof adjacent to the coast over which the coastal State exercises sovereign rights for the purposes of exploration and exploitation of their natural resources, the Administration is the Government of the coastal State concerned.
(6) “Incident” means an event involving the actual or probable discharge into the sea of a harmful substance, oreffluents containing such a substance.
(7) “Organization” means the Inter-Governmental Maritime
Consultative Organization.*
12
(5) “ทางการ” หมายถึง รัฐบาลของรัฐซึ่งมีอ�านาจเหนือเรือที่ปฏิบัติงานอยู่ ในส่วนของเรือซึ่งมีxxxxxชักธงของรัฐใด ทางการให้หมายถึงรัฐบาลของรัฐนั้น ในส่วนของแท่นชนิดประจ�าที่หรือชนิดxxxxxxxxxxxxใช้ในการส�ารวจและ ใช้ในการแสวงหาประโยชน์จากxxxxxxxxทะเล และชั้นดินใต้xxxxxxxxทะเล ที่ติดต่อกับชายฝั่ง ซึ่งรัฐชายฝั่งมีxxxxxอธิปไตยในการส�ารวจและแสวงหา ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ ทางการให้หมายถึงรัฐบาลของ รัฐชายฝั่งนั้น
(6) “อุบัติการณ์” หมายถึง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรืออาจจะเกิดขึ้นเกี่ยวกับ การปล่อยทิ้งสารที่เป็นอันตรายหรือสิ่งใดๆ ที่มีสารที่เป็นอันตรายxxxxว่านั้น ปนอยู่ลงสู่ทะเล
(7) “องค์การ” หมายถึง องค์การทางทะเลระหว่างประเทศ
13
ARTICLE 3
Application
(1) The present Convention shall apply to:
(a) ships entitled to fly the flag of a Party to the Convention;
and
(b) ships not entitled to fly the flag of a Party but which operate under the authority of a Party.
(2) Nothing in the present Article shall be construed as derogating from or extending the sovereign rights of the Parties under international law over the sea-bed and subsoil thereof adjacent to their coasts for the purposes of exploration and exploitation of their natural resources.
(3) The present Convention shall not apply to any warship, naval auxiliary or other ship owned or operated by a State and used, for the time being, only on government non-commercial service. However, each Party shall ensure by the adoption of appropriate measures not impairing the operations or operational capabilities of such ships owned or operated by it, that such ships act in a manner consistent, as far as is reasonable and practicable with the present Convention.
14
ข้อ 3 การใช้บังคับ
(1) xxxxxxxxxxxใช้บังคับกับ
(เอ) เรือที่มีxxxxxชักธงของภาคีอนุสัญญา และ
(บี) เรือที่ไม่มีxxxxxชักธงของภาคี แต่ปฏิบัติงานอยู่ภายใต้อ�านาจของ ภาคีใดภาคีหนึ่ง
(2) ในข้อนี้xxxxxxxxxxหรือขยายxxxxxอธิปไตยตามกฎหมายระหว่างประเทศ ของภาคีเหนือxxxxxxxxและดินใต้ผิวxxxxxxxทะเลที่ติดต่อกับชายฝั่งของภาคี ดังกล่าว เพื่อวัตถุประสงค์ในการส�ารวจและแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากร xxxxxxxx
(3) xxxxxxxxxxxไม่ใช้บังคับกับเรือรบ เรือช่วยรบ หรือเรืออื่นใดที่รัฐเป็น เจ้าของหรือใช้ปฏิบัติงานซึ่งในช่วงระยะเวลานั้นใช้ในกิจการท่ีมิใช่การ ค้าของรัฐเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แต่ละภาคีต้องจัดหามาตรการอันเหมาะสม ที่จะไม่กระทบต่อการปฏิบัติงานหรือความxxxxxxในการปฏิบัติงานของ เรือที่ภาคีนั้นเป็นเจ้าของหรือใช้ปฏิบัติงานเพื่อให้แน่ใจว่าเรือนั้น ปฏิบัติสอดคล้องกับxxxxxxxxxxxเท่าที่xxxxxแก่เหตุผลและxxxxxx ปฏิบัติได้
15
ARTICLE 4
Violation
(1) Any violation of the requirements of the present Convention shall be prohibited and sanctions shall be established therefor under the law of the Administration of the ship concerned wherever the violation occurs. If the Administration is informed of such a violation and is satisfied that sufficient evidence is available to enable proceedings to be brought in respect of the alleged violation, it shall cause such proceedings to be taken as soon as possible, in accordance with its law.
(2) Any violation of the requirements of the present Convention within the jurisdiction of any Party to the Convention shall be prohibited and sanctions shall be established therefor under the law of that Party. Whenever such a violation occurs, that Party shall either:
(a) cause proceedings to be taken in accordance with its law; or
(b) furnish to the Administration of the ship such information and evidence as may be in its possession that a violation has occurred.
16
ข้อ 4 การละเมิด
(1) ห้ามมิให้ละเมิดข้อก�าหนดของxxxxxxxxxxxและต้องจัดให้มีบทลงโทษ ภายใต้กฎหมายของทางการของเรือที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าการละเมิดจะเกิดขึ้น ณ ที่ใด ถ้าทางการได้รับแจ้งxxxxxxละเมิดxxxxว่านั้นและมีหลักฐานจนเป็น ที่xxxxและxxxxxxxxxxจะด�าเนินคดีกับข้อกล่าวหาการละเมิดน้นแล้ว ให้รีบด�าเนินคดีxxxxว่านั้นโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะกระท�าได้ตามกฎหมาย ของทางการนั้น
(2) ห้ามมิให้ละเมิดข้อก�าหนดของxxxxxxxxxxxภายใต้เขตอ�านาจของภาคี อนุสัญญา และต้องจัดให้มีบทลงโทษภายใต้กฎหมายของภาคีนั้น เมื่อใด xxxxxxxxxxละเมิดxxxxว่านั้น ภาคีนั้นต้อง
(เอ) ด�าเนินคดีตามกฎหมายของภาคีนั้น หรือ
(บี) จัดส่งข้อมูลและหลักฐานที่มีอยู่ในxxxxxxxxxxxแสดงว่าได้มี การละเมิดเกิดขึ้นไปยังทางการของเรือ
17
(3) Where information or evidence with respect to any violation of the present Convention by a ship is furnished to the Administration of that ship, the Administration shall promptly inform the Party which has furnished the information or evidence, and the Organization, of the action taken.
(4) The penalties specified under the law of a Party pursuant
to the present Article shall be adequate in severity to
18
(3) เมื่อข้อมูลหรือหลักฐานที่เกี่ยวกับการละเมิดใดๆ ของเรือตามxxxxxxxxxxx ได้จัดส่งให้ทางการของเรือนั้นทางการนั้นต้องแจ้งภาคีซึ่งได้ส่งข้อมูล หรือหลักฐานและแจ้งองค์การให้ทราบโดยxxxxxxxxxxด�าเนินการxxxxxx กระท�าไปแล้ว
(4) การลงโทษตามกฎหมายของรัฐภาคีตามข้อนี้ต้องเท่าเทียมกันเมื่อxxxx xxxละเมิดอนุสัญญาและต้องเท่าเทียมกันไม่ว่าการละเมิดจะเกิดขึ้นที่ใด
19
ARTICLE 5
Certificates and Special Rules on Inspection of Ships
(1) Subject to the provisions of paragraph (2) of the present Article a certificate issued under the authority of a Party to the Convention in accordance with the provisions of the Regulations shall be accepted by the other Parties and regarded for all purposes covered by the present Convention as having the same validity as a certificate issued by them.
20
ข้อ 5 ใบสำาคัญรับรองและxxxxxxxพิเศษสำาหรับการตรวจเรือ
(1) ภายใต้บังคับของบทบัญญัติของวรรค (2) ของข้อนี้ ใบส�าคัญรับรองที่ ออกภายใต้อ�านาจของภาคีหนึ่งของxxxxxxxxxxxตามบทบัญญัติของกฎข้อบังคับ จะได้รับการยอมรับจากภาคีอื่นๆ และxxxxxxมีผลบังคับใช้xxxxเดียวกับ ใบส�าคัญรับรองที่ออกโดยภาคีอื่นๆ ส�าหรับวัตถุประสงค์ทุกอย่างที่ครอบคลุม โดยxxxxxxxxxxx
21
(2) A ship required to hold a certificate in accordance with the provisions of the Regulations is subject, while in the ports or off-shore terminals under the jurisdiction of a Party, to inspection by officers duly authorized by that Party. Any such inspection shall be limited to verifying that there is on board a valid certificate, unless there are clear grounds for believing that the condition of the ship or its equipment does not correspond substantially with the particulars of that certificate. In that case, or if the ship does not carry a valid certificate, the Party carrying out the inspection shall take such steps as will ensure that the ship shall not sail until it can proceed to sea without presenting an unreasonable threat of harm to the marine environment. That Party may, however, grant such a ship permission to leave the port or off-shore terminal for the purpose of proceeding to the nearest appropriate repair yard available.
22
(2) เรือที่จะต้องมีใบส�าคัญรับรองตามบทบัญญัติของกฎข้อบังคับขณะที่อยู่ ในเมืองท่าหรืออยู่ ณ สถานีนอกชายฝั่งภายใต้เขตอ�านาจของภาคี xxxxxxxxxxx xxxxxxxรับมอบอ�านาจโดยถูกต้องจากภาคีนั้นมีxxxxxตรวจเรือดังกล่าว การตรวจใด ๆ xxxxว่านั้นเพียงเพื่อตรวจสอบว่ามีใบส�าคัญรับรองที่มี ผลบังคับใช้อยู่ในเรือ เว้นแต่จะมีหลักเกณฑ์แน่ชัดให้เชื่อได้ว่าสภาพของเรือ หรืออุปกรณ์ประจ�าเรือในส่วนที่ส�าคัญไม่เป็นไปตามรายละเอียดที่ระบุ ไว้ในใบส�าคัญรับรองนั้น ในกรณีดังกล่าว หรือถ้าเรือไม่มีใบส�าคัญรับรอง ที่มีผลบังคับใช้ ให้ภาคีที่ท�าการตรวจด�าเนินการเพื่อให้แน่ใจว่า เรือต้อง ไม่ออกเดินทางจนกว่าจะxxxxxxออกทะเลได้โดยไม่ท�าให้เกิดอันตรายต่อ สิ่งแวดล้อมทางทะเลโดยxxxxxเหตุผล อย่างไรก็ตาม ภาคีนั้นอาจอนุญาต ให้เรือxxxxว่านั้นออกจากเมืองท่าหรือสถานีนอกชายฝั่งเพื่อไปยังอู่ซ่อม เรือที่ใกล้ที่สุด
23
(3) If a Party denies a foreign ship entry to the ports or off-shore terminals under its jurisdiction or takes any action against such a ship for the reason that the ship does not comply with the provisions of the present Convention, the Party shall immediately inform the consul or diplomatic representative of the Party whose flag the ship is entitled to fly, or if this is not possible, the Administration of the ship concerned. Before denying entry or taking such action the Party may request consultation with the Administration of the ship concerned. Information shall also be given to the Administration when a ship does not carry a valid certificate in accordance with the provisions of the Regulations.
(4) With respect to the ships of non-P arties to the Convention, Parties shall apply the requirements of the present Convention as may be necessary to ensure that no more favorable treatment is given to such ships.
24
(3) ถ้าภาคีปฏิเสธเรือต่างชาติในการเข้าเมืองท่า หรือสถานีนอกชายฝั่ง ที่อยู่ภายใต้เขตอ�านาจของภาคีนั้น หรือด�าเนินการใด ๆ กับเรือxxxxว่านั้นด้วย เหตุผลที่เรือนั้นไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติของxxxxxxxxxxx ให้ภาคีแจ้งให้กงสุล หรือผู้แทนทางทูตของภาคีเจ้าของธงที่เรือนั้นชักอยู่โดยxxxx หรือถ้าไม่xxxxxx กระท�าได้ให้แจ้งทางการของเรือนั้นก่อนที่จะมีการปฏิเสธการเข้าเมืองท่า หรือด�าเนินการใดๆ xxxxว่านั้น ภาคีอาจร้องขอให้มีการหารือกันกับทางการ ของเรือนั้น ในกรณีที่เรือไม่มีใบส�าคัญรับรองที่มีผลบังคับใช้ตามบทบัญญัติ ของกฎข้อบังคับให้ภาคีแจ้งทางการของเรือนั้นด้วย
(4) ในส่วนที่เกี่ยวกับเรือxxxxxxได้เป็นภาคีxxxxxxxxxxx ภาคีจะใช้ข้อก�าหนด ของxxxxxxxxxxxเท่าxxxxxxจ�าเป็นเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่ให้ผลประติบัติอันเป็น การอนุเคราะห์แก่เรือxxxxว่านั้นมากไปกว่าที่ก�าหนดไว้
25
ARTICLE 6
Detection of Violations and Enforcement of the Convention
(1) Parties to the Convention shall co-operate in the detection of violations and the enforcement of the provisions of the present Convention, using all appropriate and practicable measures of detection and environmental monitoring, adequate procedures for reporting and accumulation of evidence.
(2) A ship to which the present Convention applies may, in any port or off-shore terminal of a Party, be subject to inspection by officers appointed or authorized by that Party for the purpose of verifying whether the ship has discharged any harmful substances in violation of the provisions of the Regulations. If an inspection indicates a violation of the Convention, a report shall be forwarded to the Administration for any appropriate action.
(3) Any Party shall furnish to the Administration evidence, if any that the ship has discharged harmful substances or effluents containing such substances in violation of the provisions of the Regulations. If it is practicable to do so, the competent authority of the former Party shall notify the Master of the ship of the alleged violation.
26
ข้อ 6 การตรวจหาการละเมิด และการบังคับใช้อนุสัญญา
(1) ให้ภาคีอนุสัญญาร่วมมือในการตรวจหาการละเมิด และการบังคับใช้ บทบัญญัติของxxxxxxxxxxx โดยการใช้มาตรการที่เหมาะสมและที่xxxxxx ปฏิบัติได้ทั้งปวงในการตรวจหาและตรวจสอบสภาพแวดล้อม และ ใช้กระบวนการxxxxxพอในการรายงานและการรวบรวมหลักฐาน
(2) ให้xxxxxxxxxxxxxxxxxรับแต่งตั้งหรือได้รับมอบอ�านาจจากภาคีนั้นมีอ�านาจ ตรวจเรือซึ่งอยู่ภายใต้บังคับของxxxxxxxxxxxที่อยู่ในเมืองท่าหรือสถานี นอกชายฝั่งใด ๆ ของภาคี เพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบว่าเรือนั้นได้ ปล่อยทิ้งสารที่เป็นอันตรายใดอันเป็นการละเมิดบทบัญญัติของกฎข้อบังคับ หรือไม่ ถ้าการตรวจสอบชี้ให้เห็นว่ามีการละเมิดต่อxxxxxxxxxxx จะต้อง ส่งรายงานไปยังทางการเพื่อจะได้ด�าเนินการใดๆ ที่เหมาะสมต่อไป
(3) ให้ภาคีจัดหาหลักฐานให้แก่ทางการ (หากมี) ว่าเรือได้ปล่อยทิ้งสาร ที่เป็นอันตรายหรือสิ่งใด ๆ ที่มีสารที่เป็นอันตรายxxxxว่านั้นปนอยู่อันเป็น การละเมิดต่อบทบัญญัติของกฎข้อบังคับ หากxxxxxxกระท�าได้ให้เจ้าหน้าที่ ผู้มีอ�านาจของภาคีฝ่ายแรกแจ้งข้อกล่าวหาของการละเมิดต่อนายเรือ
27
(4) Upon receiving such evidence, the Administration so informed shall investigate the matter, and may request the other party to furnish further or better evidence of the alleged contravention. If the Administration is satisfied that sufficient evidence is available to enable proceedings to be brought in respect of the alleged violation, it shall cause such proceedings to be taken in accordance with its law as soon as possible. The Administration shall promptly inform the Party which has reported the alleged violation, as well as the Organization, of the action taken.
(5) A Party may also inspect a ship to which the present Convention applies when it enters the ports or off-shore terminals under its jurisdiction, if a request for an investigation is received from any Party together with sufficient evidence that the ship has discharged harmful substances or effluents containing such substances in any place. The report of such investigation shall be sent to the Party requesting it and to the Administration so that the appropriate action may be taken under the present Convention.
28
(4) เมื่อได้รับหลักฐานxxxxว่านั้น ทางการxxxxxxxได้รับแจ้งจะต้องท�าการสืบสวน เรื่องราวและอาจร้องขอไปยังภาคีอื่นให้จัดหาหลักฐานเพิ่มเติมหรือxxxxxขึ้น ของการละเมิดนั้น หากเป็นที่xxxxของทางการว่ามีหลักฐานนั้นเพียงพอ ส�าหรับการด�าเนินคดีต่อข้อกล่าวหาของการละเมิด ก็จะจัดการให้มี การด�าเนินคดีตามกฎหมายของตนโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะท�าได้ ทางการต้องแจ้ง ให้ภาคีที่รายงานการละเมิดตลอดจนองค์การทราบโดยxxxxxxxxxxด�าเนินการ xxxxxxกระท�าไปแล้ว
(5) ภาคีอาจตรวจเรือซึ่งอยู่ใต้บังคับxxxxxxxxxxx เมื่อเรือนั้นเข้าไปยังเมืองท่า หรือสถานีนอกชายฝั่งที่อยู่ภายใต้เขตอ�านาจของภาคีนั้นด้วย หากได้รับ การร้องขอให้ท�าการสืบสวนจากภาคีใด ๆ โดยมีหลักฐานประกอบ อย่างเพียงพอว่า เรือนั้นได้ปล่อยทิ้งสารที่เป็นอันตรายหรือสิ่งใด ๆ ที่มี สารที่เป็นอันตรายxxxxว่านั้นปนอยู่ในที่ใด ให้ส่งรายงานการสืบสวน xxxx ว่านั้นไปยังภาคีที่ร้องขอ และไปยังทางการเพื่อจะได้ด�าเนินการที่เหมาะสม ตามxxxxxxxxxxx
29
ARTICLE 7
Undue Delay to Ships
(1) All possible efforts shall be made to avoid a ship being unduly detained or delayed under Articles 4, 5 or 6 of the present Convention.
(2) When a ship is unduly detained or delayed under Articles 4, 5 or 6 of the present Convention, it shall be entitled to compensation for any loss or damage suffered.
30
ข้อ 7 ความล่าช้าแก่เรือโดยไม่มีเหตุอันควร
(1) ให้xxxxxxทุกวิถีทางที่จะหลีกเลี่ยงมิให้เรือต้องถูกกักหรือท�าให้ล่าช้า โดยไม่มีเหตุอันควรตามข้อ 4, 5 หรือ 6 ของxxxxxxxxxxx
(2) ในกรณีที่เรือถูกกักหรือท�าให้ล่าช้าโดยไม่มีเหตุอันควรตามข้อ 4, 5 หรือ 6 ของxxxxxxxxxxx เรือนั้นมีxxxxxxxxจะได้รับการชดใช้ค่าเสียหาย ส�าหรับการสูญเสียและความเสียหายxxxxxxรับ
31
ARTICLE 8
Reports on Incidents Involving Harmful Substances
(1) A report of an incident shall be made without delay to the fullest extent possible in accordance with the provisions of Protocol I to the present Convention.
(2) Each Party to the Convention shall:
(a) make all arrangements necessary for an appropriate officer or agency to receive and process all reports on incidents; and
(b) notify the Organization with complete details of such arrangements for circulation to other Parties and Member States of the Organization.
(3) Whenever a Party receives a report under the provisions of the present Article, that Party shall relay the report without delay to:
(a) the Administration of the ship involved; and
(b) any other State which may be affected.
32
ข้อ 8 รายงานอุบัติการณ์เกี่ยวกับสารที่เป็นอันตราย
(1) ให้จัดท�ารายงานอุบัติการณ์โดยละเอียดที่สุดเท่าที่จะท�าได้ตามบทบัญญัติ ของพิธีสารฉบับที่ 1 ของxxxxxxxxxxx โดยxxxxxxxxx
(2) ให้แต่ละภาคีอนุสัญญา
(เอ) ด�าเนินการทั้งปวงที่จ�าเป็นเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่เหมาะสม ท�าหน้าที่รับและด�าเนินการเกี่ยวกับรายงานอุบัติการณ์ทั้งปวง และ
(บี) แจ้งองค์การให้ทราบถึงรายละเอียดโดยxxxxxxxเกี่ยวกับการด�าเนิน การดังกล่าว เพื่อเวียนให้ภาคีอื่นๆ และรัฐสมาชิกขององค์การได้ทราบ
(3) เมื่อภาคีได้รับรายงานตามบทบัญญัติของข้อนี้ ให้ภาคีนั้นส่งรายงาน ดังกล่าวโดยxxxxxxxxxต่อไปยัง
(เอ) ทางการของเรือที่เกี่ยวข้อง และ (บี) รัฐอื่นใดxxxxxxถูกกระทบกระเทือน
33
(4) Each Party to the Convention undertakes to issue instructions to its maritime inspection vessels and aircraft and to other appropriate services, to report to its authorities any incident referred to in Protocol I to the present Convention. That Party shall, if it considers it appropriate, report accordingly to the Organization and to any other party concerned.
34
(4) แต่ละภาคีอนุสัญญาตกลงที่จะออกค�าสั่งให้เรือและอากาศยานตรวจ การทางทะเลของตนและหน่วยงานอื่นๆ ที่เหมาะสมรายงานไปยังเจ้าหน้าที่ ผู้มีอ�านาจของตนให้ทราบถึงอุบัติการณ์ใด ๆ ที่อ้างอิงถึงในพิธีสารฉบับที่ 1 ของxxxxxxxxxxx หากเห็นเป็นการxxxxxให้ภาคีนั้นรายงานไปยังองค์การ และภาคีอื่นใดที่เกี่ยวข้องด้วย
35
ARTICLE 9
Other Treaties and Interpretation
(1) Upon its entry into force, the present Convention supersedes the International Convention for the Prevention of Pollution of the Sea by Oil, 1954, as amended, as between Parties to that Convention.
(2) Nothing in the present Convention shall prejudice the codification and development of the law of the sea by the United Nations Conference on the Law of the Sea convened pursuant to Resolution 2750C(XXV) of the General Assembly of the United Nations nor the present or future claims and legal views of any State concerning the law of the sea and the nature and extent of coastal and flag State jurisdiction.
(3) The term “jurisdiction” in the present Convention shall be construed in the light of international law in force at the time of application or interpretation of the present Convention.
36
ข้อ 9 xxxxxxxxxอื่นๆ และการตีความ
(1) เมื่อxxxxxxxxxxxมีผลใช้บังคับ ให้ใช้แทนที่อนุสัญญาระหว่างประเทศ ว่าด้วยการป้องกันมลพิษในทะเลเนื่องจากน�้ามัน ค.ศ. 1954 ตามที่แก้ไข แล้วในระหว่างภาคีอนุสัญญาฉบับนั้น
(2) ความในxxxxxxxxxxx ไม่มีผลกระทบต่อการxxxxxxและพัฒนากฎหมาย ทะเลโดยที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ซึ่งได้จัดขึ้นตาม ข้อมติที่ 2750 ซี (XXV) ของxxxxxxใหญ่แห่งองค์การสหประชาชาติ และไม่กระทบถึงxxxxxเรียกร้องและความเห็นทางกฎหมายทั้งในปัจจุบัน และในxxxxxของรัฐใดๆ เกี่ยวกับกฎหมายทะเลและสถานะและขอบเขต อ�านาจของรัฐชายฝั่งและรัฐเจ้าของธง
(3) ค�าว่า “เขตอ�านาจ “ ในxxxxxxxxxxx ให้ตีความตามxxxxxxxxxxxxx xxxxxxxxxมีผลใช้บังคับอยู่ในเวลาที่มีการบังคับใช้หรือมีการตีความ xxxxxxxxxxx
37
ARTICLE 10
Settlement of Disputes
Any dispute between two or more Parties to the Convention concerning the interpretation or application of the present Convention shall, if settlement by negotiation between the Parties involved has not been possible, and if these Parties do not otherwise agree, be submitted upon request of any of them to arbitration as set out in Protocol II to the present Convention.
38
ข้อ 10 การระงับข้อพิพาท
ข้อพิพาทใดๆ เกี่ยวกับการตีความหรือการบังคับใช้xxxxxxxxxxx ระหว่าง ภาคีxxxxxxxxxxxสองภาคีหรือมากว่า หากxxxxxxระงับได้โดยการเจรจา ระหว่างภาคีที่เกี่ยวข้อง และหากภาคีเหล่านี้xxxxxxตกลงกันเป็นอย่างอื่น แล้ว ให้เสนอค�าร้องขอของภาคีหนึ่งภาคีใดเหล่านั้นต่ออนุญาโตตุลาการ ตามที่ก�าหนดไว้ในพิธีสารฉบับที่ 2 ของxxxxxxxxxxx
39
ARTICLE 11
Communication of Information
(1) The Parties to the Convention undertake to communicate
to the Organization:
(a) the text of laws, orders, decrees and regulations and other instruments which have been promulgated on the various matters within the scope of the present Convention;
*(b) a list of non-governmental agencies which are authorized to act on their behalf in matters relating to the design, construction and equipment of ships carrying harmful xxxxxxxxx in accordance with the provisions of the Regulations;
(c) a sufficient number of specimens of their certificates
issued under the provisions of the Regulations;
(d) a list of reception facilities including their location, capacity and available facilities and other characteristics;
40
ข้อ 11 การแจ้งข้อมูล
(1) ภาคีอนุสัญญาตกลงxxxxxxxxxให้องค์การทราบถึง
(เอ) ตัวบทแห่งกฎหมาย ค�าสั่ง กฤษฎีกาและกฎข้อบังคับ และตราสาร อื่น ๆ ซึ่งได้xxxxxxxขึ้น เรื่องต่างๆ ภายในขอบเขตของxxxxxxxxxxx
(บี) บัญชีรายชื่อของนายช่างตรวจเรือxxxxxxรับแต่งตั้งหรือหน่วยงาน ที่ทางการยอมรับ ซึ่งได้รับมอบอ�านาจให้ท�าการแทนภาคีอนุสัญญาใน เรื่องเกี่ยวกับการออกแบบ การต่อสร้างอุปกรณ์ และการปฏิบัติงานของ เรือที่บรรทุกสารที่เป็นอันตรายตามความในบทบัญญัติของกฎข้อบังคับ เพื่อเวียนให้ภาคีทั้งหลายส�าหรับเป็นข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ของตน ในการนี้ ทางการต้องแจ้งองค์การถึงความรับผิดชอบโดยเฉพาะและเงื่อนไขของ อ�านาจที่มอบให้แก่นายช่างตรวจเรือxxxxxxรับแต่งตั้งหรือหน่วยงาน ที่ทาง
การยอมรับ
(ซี) ตัวอย่างใบส�าคัญรับรองซึ่งออกตามความในบทบัญญัติของกฎ ข้อบังคับ
(ดี) บัญชีรายชื่อของอุปกรณ์เพื่อรองรับของเสียซึ่งรวมถึงต�าบลที่ตั้งขีด ความxxxxxxและอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีอยู่และลักษณะเฉพาะอื่น ๆ
41
(e) official reports or summaries of official reports in so far as they show the results of the application of the present Convention; and
(f) an annual statistical report, in a form standardized by the Organization, of penalties actually imposed for infringement of the present Convention.
(2) The Organization shall notify Parties of the receipt of any communications under the present Article and circulate to all Parties any information communicated to it under sub-paragraphs (1)(b) to (f) of the present Article.
42
(อี) รายงานที่เป็นทางการหรือบทคัดย่อของรายงานที่เป็นทางการ เท่าที่จะแสดงให้เห็นถึงผลของการบังคับใช้xxxxxxxxxxx และ
(xxx) รายงานสถิติประจ�าปีตามรูปแบบมาตรฐานที่องค์การก�าหนด ที่แสดงถึงบทลงโทษส�าหรับการละเมิดxxxxxxxxxxxตามxxxxxxลงอาญาไปจริง
(2) ให้องค์การแจ้งให้ภาคีต่างๆ ทราบxxxxxxได้รับการแจ้งใดๆ ตามข้อนี้ และเวียนให้ภาคีทั้งปวงทราบถึงข้อมูลxxxxxxรับแจ้งตามอนุวรรค (1) (บี) ถึง (xxx) ของข้อนี้
43
ARTICLE 12
Casualties to Ships
(1) Each Administration undertakes to conduct an investigation of any casualty occurring to any of its ships subject to the provisions of the Regulations if such casualty has produced a major deleterious effect upon the marine environment.
(2) Each Party to the Convention undertakes to supply the Organization with information concerning the findings of such investigation, when it judges that such information may assist in determining what changes in the present convention might be desirable.
44
ข้อ 12 ความเสียหายต่อเรือ
(1) ทางการของแต่ละภาคีตกลงที่จะด�าเนินการตรวจสอบความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นแก่เรือของตน ทั้งนี้ภายใต้บทบัญญัติของกฎข้อบังคับ หากความ เสียหายนั้นได้ก่อให้xxxxxxเสียหายอย่างร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล
(2) แต่ละภาคีอนุสัญญาตกลงที่จะจัดหาข้อมูลเกี่ยวกับผลการสอบสวน ให้แก่องค์การเมื่อพิจารณาเห็นว่าข้อมูลดังกล่าวนั้นจะช่วยในการพิจารณา ว่าควรจะมีการแก้ไขxxxxxxxxxxxอย่างไร
45
ARTICLE 13
Signature, Ratification, Acceptance, Approval and Accession
(1) The present Convention shall remain open for signature at the Headquarters of the Organization from 15 January 1974 until 31 December 1974 and shall thereafter remain open for accession. States may become Parties to the present convention by:
(a) signature without reservation as to ratification, acceptance
or approval; or
(b) signature subject to ratification, acceptance or approval, followed by ratification, acceptance or approval; or
(c) accession.
46
ข้อ 13
การลงนาม การให้สัตยาบัน การยอมรับ การให้ความเห็นชอบ และการภาคยานุวัติ
(1) xxxxxxxxxxxเปิดให้ลงนาม ณ ส�านักงานใหญ่ขององค์การ ตั้งแต่xxxxxx 15 xxxxxx พ.ศ. 2517 จนถึงxxxxxx 31 ธันวาคม พ.ศ. 2517 และ หลังจากนั้นจะยังxxเปิดให้xxxxxxxxxxx xxxxxxเข้าเป็นภาคีxxxxxxxxxxx โดย
(เอ) การลงนามโดยไม่มีข้อสงวนเกี่ยวกับการให้สัตยาบัน การยอมรับ หรือการให้ความเห็นชอบ หรือ
(บี) การลงนามโดยมีเงื่อนไขว่าต้องมีการให้สัตยาบัน การยอมรับ หรือ การให้ความเห็นชอบแล้วตามด้วยการให้สัตยาบัน การยอมรับ หรือ การให้ความเห็นชอบ หรือ
(ซี) การภาคยานุวัติ
47
(2) Ratification, acceptance, approval or accession shall be effected by the deposit of an instrument to that effect with the Secretary - General of the Organization.
(3) The Secretary - General of the Organization shall inform all States which have signed the present Convention or acceded to it of any signature or of the deposit of any new instrument of ratification, acceptance, approval or accession and the date of its deposit.
48
(2) การให้สัตยาบัน การยอมรับ การให้ความเห็นชอบหรือการภาคยานุวัต ให้กระท�าโดยการส่งมอบตราสารเพื่อการนั้น ต่อเลขาธิการขององค์การ
(3) ให้เลขาธิการขององค์การแจ้งให้รัฐทั้งปวงซึ่งได้ลงนามในxxxxxxxxxxx หรือได้xxxxxxxxxxxxxxทราบxxxxxxลงนามใดๆ หรือการส่งมอบตราสาร ฉบับใหม่ใด ๆ ส�าหรับการให้สัตยาบัน การยอมรับ การให้ความเห็นชอบ หรือการภาคยานุวัติ และxxxxxxมีการส่งมอบตราสารนั้น
49
ARTICLE 14
Optional Annexes
(1) A State may at the time of signing, ratifying, accepting, approving or acceding to the present convention declare that it does not accept any one or all of Xxxxxxx XXX, IV and V (hereinafter referred to as “Optional Annexes”) of the present Convention. Subject to the above, Parties to the Convention shall be bound by any Annex in its entirety.
(2) A State which has declared that it is not bound by an Optional Annex may at any time accept such Annex by depositing with the Organization an instrument of the kind referred to in Article 13 (2).
50
ข้อ 14 ภาคผนวกเผื่อเลือก
(1) ในขณะที่ลงนาม ให้สัตยาบัน ให้การยอมรับ ให้ความเห็นชอบหรือ ภาคยานุวัติxxxxxxxxxxx xxxxxxแถลงว่าไม่ยอมรับภาคxxxxxxx 3 ภาคxxxxxxx 4 และภาคxxxxxxx 5 (ซึ่งต่อไปในxxxxxxxxxxxเรียกว่า “ภาคผนวกเผื่อเลือก” ของxxxxxxxxxxxฉบับใด ๆ หรือทั้งหมดเว้นจากที่กล่าวมาข้างต้นภาคี อนุสัญญาจะต้องผูกพันตามภาคผนวกฉบับใดๆ ตลอดทั้งฉบับ
(2) รัฐซึ่งได้แถลงว่าจะไม่ยอมผูกพันโดยภาคผนวกเผื่อเลือกฉบับใดฉบับหนึ่ง อาจยอมรับภาคผนวกนั้นเมื่อใดก็ได้โดยการส่งมอบตราสารชนิดที่อ้างอิง ถึงในข้อ 13 (2) ต่อองค์การ
51
(3) A State which makes a declaration under paragraph (1) of the present Article in respect of an Optional Annex and which has not subsequently accepted that Annex in accordance with paragraph (2) of the present Article shall not be under any obligation nor entitled to claim any privileges under the present Convention in respect of matters related to such Annex and all references to Parties in the present convention shall not include that State in so far as matters related to such Annex are concerned.
(4) The Organization shall inform the States which have signed or acceded to the present convention of any declaration under the present Article as well as the receipt of any instrument deposited in accordance with the provisions of paragraph (2) of the present Article.
52
(3) รัฐซึ่งได้มีค�าแถลงตามความในวรรค (1) ของข้อนี้เกี่ยวกับภาคผนวก เผื่อเลือก และซึ่งมิได้ยอมรับภาคผนวกนั้นในเวลาต่อมาตามความในวรรค
(2) ของข้อนี้ ย่อมจะไม่มีพันธกรณีหรือxxxxxเรียกร้องเอกxxxxxใดๆ ภายใต้ xxxxxxxxxxxในเรื่องที่เกี่ยวกับภาคผนวกดังกล่าว และค�ากล่าวอ้างทั้งปวงถึง ภาคีxxxxxxxxxxx ย่อมไม่รวมถึงรัฐนั้นเท่าที่เกี่ยวข้องกับภาคผนวกดังกล่าวนั้น
(4) ให้องค์การแจ้งให้รัฐต่างๆ xxxxxxลงนามหรือภาคยานุวัตินุสัญญานี้ ทราบถึงค�าแถลงตามข้อนี้ ตลอดจนการได้รับตราสารใดๆ ที่ส่งมอบตาม บทบัญญัติของวรรค (2) ของข้อนี้
53
ARTICLE 15
Entry into Force
(1) The present Convention shall enter into force twelve months after the date on which not less than 15 States, the combined merchant fleets of which constitute not less than fifty per cent of the gross tonnage of the world’s merchant shipping, have become parties to it in accordance with Article 13.
(2) An Optional Annex shall enter into force twelve months after the date on which the conditions stipulated in paragraph
(1) of the present Article have been satisfied in relation to that Xxxxx.
(3) The Organization shall inform the States which have signed the present Convention or acceded to it of the date on which it enters into force and of the date on which an Optional Annex enters into force in accordance with paragraph (2) of the present Article.
54
ข้อ 15 การมีผลใช้บังคับ
(1) ให้xxxxxxxxxxxมีผลใช้บังคับเมื่อพ้นสิบสองเดือนหลังจากxxxxxxรัฐ ไม่น้อยกว่า 15 รัฐ xxxxxxxxxเรือพาณิชย์รวมกันแล้วไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบ ของจ�านวนตันxxxxของกองเรือพาณิชย์ของโลกได้เข้าเป็นภาคีxxxxxxxxxxx ตามข้อ 13
(2) ให้ภาคผนวกเผื่อเลือกมีผลใช้บังคับเมื่อพ้นสิบสองเดือนหลังจากxxxxxxได้ มีการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ก�าหนดไว้ในวรรค (1) ของข้อนี้อย่างครบถ้วน ส�าหรับภาคผนวกนั้น
(3) ให้องค์การแจ้งรัฐต่างๆ xxxxxxลงนามในxxxxxxxxxxxหรือได้ภาคxxx วัตินุสัญญานี้ทราบถึงxxxxxxอนุสัญญามีผลใช้บังคับและxxxxxxภาคผนวกเผื่อ เลือกมีผลใช้บังคับใช้ตามความในวรรค (2) ของข้อนี้
55
(4) For States which have deposited an instrument of ratification, acceptance, approval or accession in respect of the present Convention or any Optional Annex after the requirements for entry into force thereof have been met but prior to the date of entry into force, the ratification, acceptance, approval or accession shall take effect on the date of entry into force of the Convention or such Annex or three months after the date of deposit of the instrument whichever is the later date.
(5) For States which have deposited an instrument of ratification, acceptance, approval or accession after the date on which the convention or an Optional Annex entered into force, the Convention or the Optional Annex shall become effective three months after the date of deposit of the instrument.
(6) After the date on which all the conditions required under Article 16 to bring an amendment to the present
56
(4) ส�าหรับรัฐxxxxxxส่งมอบตราสารการให้สัตยาบัน การยอมรับ การให้ ความเห็นชอบหรือการภาคยานุวัติในส่วนของxxxxxxxxxxxหรือภาคผนวก เผื่อเลือกใด ๆ ภายหลังxxxxxxมีการปฏิบัติครบข้อก�าหนดเพื่อให้มีผลใช้บังคับ แต่ก่อนxxxxxxจะมีผลใช้บังคับ ให้การให้สัตยาบัน การยอมรับ การให้ ความเห็นชอบ หรือการภาคยานุวัติมีผลตั้งแต่xxxxxxอนุสัญญาหรือภาคผนวก ดังกล่าวนั้นมีผลใช้บังคับ หรือสามเดือนหลังจากxxxxxxได้มีการส่งมอบตราสาร แล้วแต่ว่าวันใดจะมาถึงทีหลัง
(5) ส�าหรับรัฐซึ่งได้ส่งมอบตราสารการให้สัตยาบัน การยอมรับ การให้ความเห็น ชอบหรือการภาคยานุวัติภายหลังxxxxxxอนุสัญญาหรือภาคผนวกเผื่อเลือกมี ผลใช้บังคับ ให้อนุสัญญาหรือภาคผนวกเผื่อเลือกนั้นมีผลใช้บังคับสามเดือน หลังจากxxxxxxส่งมอบตราสาร
(6) หลังจากxxxxxxเงื่อนไขทั้งปวงที่ก�าหนดไว้ในข้อ 16 เพื่อท�าให้ข้อแก้ไข เพิ่มเติมxxxxxxxxxxxหรือภาคผนวกเผื่อเลือกมีผลใช้บังคับได้รับการปฏิบัติ อย่างครบถ้วน ตราสารใดๆ ของการให้สัตยาบัน การยอมรับ การให้ ความเห็นชอบหรือการภาคยานุวัติ ซึ่งได้มีการส่งมอบให้ใช้กับอนุสัญญา หรือภาคผนวกตามxxxxxxแก้ไขเพิ่มเติมแล้ว
57
ARTICLE 16
Amendments
(1) The present convention may be amended by any of the
procedures specified in the following paragraphs.
(2) Amendments after consideration by the Organization:
(a) any amendment proposed by a Party to the Convention shall be submitted to the Organization and circulated by its Secretary-General to all Members of the Organization and all Parties at least six months prior to its consideration;
(b) any amendment proposed and circulated as above shall be submitted to an appropriate body by the Organization for consideration;
(c) Parties to the Convention, whether or not Members of the Organization, shall be entitled to participate in the proceedings of the appropriate body;
(d) amendments shall be adopted by a two-thirds majority
of only the Parties to the Convention present and voting;
58
ข้อ 16 การแก้ไขเพิ่มเติม
(1) xxxxxxxxxxxอาจแก้ไขเพิ่มเติมได้โดยกระบวนการอย่างใดอย่างหนึ่งตาม ที่ก�าหนดไว้ในวรรคต่อไปนี้
(2) การแก้ไขเพิ่มเติมหลังจากการพิจารณาโดยองค์การ
(เอ) การแก้ไขเพิ่มเติมใด ๆ ที่เสนอโดยภาคีหนึ่งของอนุสัญญา ต้องยื่น ต่อองค์การและให้เลขาธิการขององค์การเวียนให้สมาชิกทั้งปวงขององค์การ และภาคีทั้งปวงได้ทราบอย่างน้อยหกเดือนก่อนการพิจารณา
(บี) ให้ส่งการแก้ไขเพิ่มเติมใด ๆ ที่เสนอและเวียนตามความข้างต้นไป ยังหน่วยงานที่เหมาะสมขององค์การเพื่อพิจารณา
(ชี) ให้ภาคีxxxxxxxxxxxว่าจะเป็นสมาชิกขององค์การหรือไม่ มีxxxxx เข้าร่วมในการพิจารณาของหน่วยงานที่เหมาะสมดังกล่าว
(ดี) ให้การแก้ไขเพิ่มเติมซึ่งได้รับการยอมรับโดยคะแนนเสียงส่วน ใหญ่ สองในสามของภาคือนุสัญญาที่เข้าประชุมและออกเสียง
59
(e) if adopted in accordance with sub-paragraph (d) above, amendments shall be communicated by the Secretary - General of the Organization to all the Parties to the Convention for acceptance;
(f) an amendment shall be deemed to have been accepted
in the following circumstances:
(i) an amendment to an Article of the Convention shall be deemed to have been accepted on the date on which it is accepted by two-thirds of the Parties, the combined merchant fleets of which constitute not less than fifty per cent of the gross tonnage of the world’s merchant fleet;
60
(อี) ให้เลขาธิการขององค์การแจ้งการแก้ไขเพิ่มเติมซึ่งได้รับการยอมรับ ตามความในอนุวรรค (ดี) ข้างต้นไปยังภาคีอนุสัญญาทั้งปวงเพื่อให้มี การยอมรับ
(xxx) ให้xxxxxxxxxมีการยอมรับการแก้ไขเพิ่มเติมในกรณีดังต่อไปนี้
(i) ให้xxxxxxการแก้ไขเพิ่มเติมของข้อบทของxxxxxxxxxxxได้รับ การยอมรับ ในxxxxxxการแก้ไขเพิ่มเติมนั้นได้รับการยอมรับ โดยจ�านวนสอง ในสามของภาคีxxxxxxxxxเรือพาณิชย์รวมกันแล้วไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบ ของจ�านวนตันxxxxของกองเรือพาณิชย์ของโลก
61
(ii) an amendment to an Annex to the Convention shall be deemed to have been accepted in accordance with the procedure specified in sub-paragraph (f)(iii) unless the appropriate body, at the time of its adoption, determines that the amendment shall be deemed to have been accepted on the date on which it is accepted by two-thirds of the Parties, the combined merchant fleets of which constitute not less than fifty per cent of the gross tonnage of the world’s merchant fleet. Nevertheless, at any time before the entry into force of an amendment to an Annex to the Convention, a Party may notify the Secretary-General of the Organization that its express approval will be necessary before the amendment enters into force for it. The latter shall bring such notification and the date of its receipt to the notice of Parties;
(iii) an amendment to an Appendix to an Annex to the Convention shall be deemed to have been accepted at the end of a period to be determined by the appropriate body at the time of its adoption, which period shall be not less than ten months, unless within that period an objection is communicated to the Organization by not less than one-third of the Parties or by the Parties the combined merchant fleets of which constitute not less than fifty per cent of the gross tonnage of the world’s merchant fleet whichever condition is fulfilled;
62
(ii) ให้xxxxxxการแก้ไขเพิ่มเติมของภาคผนวกใดๆ ของxxxxxxxx xxxได้รับการยอมรับตามxxxxxxxxxxxxก�าหนดไว้ในอนุวรรค (xxx) (iii) เว้น แต่หน่วยงานที่เหมาะสมในขณะxxxxxxรับเอาการแก้ไขเพิ่มเติมภาคผนวก ดังกล่าว ก�าหนดให้xxxxxxมีการยอมรับการแก้ไขเพิ่มเติมนั้น ในวันซึ่งได้ มีการยอมรับโดยจ�านวนสองในสามของภาคีxxxxxxxxxเรือพาณิชย์รวมกัน แล้วไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของจ�านวนตันxxxxของกองเรือพาณิชย์ของโลก อย่างไรก็ตาม ในเวลาใดที่การแก้ไขเพิ่มเติมภาคผนวกของอนุสัญญา จะมีผลใช้บังคับอาจแจ้งต่อเลขาธิการขององค์การว่าจ�าเป็นต้องให้มี การให้ความเห็นชอบอย่างชัดแจ้งของตนก่อนที่การแก้ไขเพิ่มเติมดัง กล่าวจะมีผลใช้บังคับกับภาคนั้น ให้เลขาธิการขององค์การเสนอการแจ้ง และxxxxxxได้รับแจ้งดังกล่าวให้ภาคีทั้งหลายทราบ
(iii) ให้xxxxxx การแก้ไขเพิ่มเติมในอนุผนวกของภาคผนวกของ xxxxxxxxxxxได้รับการยอมรับเมื่อสิ้นสุดช่วงเวลาที่หน่วยงานที่เหมาะสมก�าหนด ขณะที่ให้การยอมรับซึ่งต้องไม่น้อยกว่าสิบเดือน เว้นแต่ในระหว่างช่วงเวลา ดังกล่าวน้นได้มีการแจ้งคัดค้านไปยังองค์การโดยภาคีจ�านวนไม่น้อยกว่า หนึ่งในสาม หรือโดยภาคีxxxxxxxxxเรือพาณิชย์รวมกันแล้วไม่น้อยกว่าร้อยละ ห้าสิบของจ�านวนตันxxxxของกองเรือพาณิชย์ของโลก อย่างใดอย่างหนึ่ง
63
(iv) an amendment to Protocol I to the Convention shall be subject to the same procedures as for the amendments to the Annexes to the Convention, as provided for in sub-paragraphs (f)(ii) or (f)(iii) above;
(v) an amendment to Protocol II to the Convention shall be subject to the same procedures as for the amendments to an Article of the Convention, as provided for in sub-paragraph (f)(i) above;
(g) the amendment shall enter into force under the following conditions:
(i) in the case of an amendment to an Article of the Convention, to Protocol II, or to Protocol I or to an Annex to the Convention not under the procedure specified in sub - paragraph
(f) (iii), the amendment accepted in conformity with the foregoing provisions shall enter into force six months after the date of its acceptance with respect to the Parties which have declared that they have accepted it;
64
(iv) ให้การแก้ไขเพิ่มเติมพิธีสารฉบับที่ 1 ของxxxxxxxxxxxเป็นไป ตามกระบวนการอย่างเดียวกันกับการแก้ไขเพิ่มเติมภาคผนวกของ อนุสัญญา ตามที่ก�าหนดไว้ในอนุวรรค (xxx) (ii) หรือ (xxx) (iii) ข้างต้น
(v) ให้การแก้ไขเพิ่มเติมพิธีสารฉบับที่ 1 ของxxxxxxxxxxxเป็นไป ตามกระบวนการอย่างเดียวกันกับการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบทของอนุสัญญา ตามที่กล่าวไว้ในอนุวรรค (xxx) (i) ข้างต้น
(จี) ให้การแก้ไขเพิ่มเติมมีผลใช้บังคับภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้
(i) ในกรณีที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบทของxxxxxxxxxxx พิธีสาร ฉบับที่ 2 หรือพิธีสารฉบับที่ 1 หรือภาคผนวกของอนุสัญญา ซึ่งมิได้อยู่ใต้บังคับ ของxxxxxxxxxxxxก�าหนดไว้ในอนุวรรค(xxx) (iii) การแก้ไขเพิ่มเติมxxxxxx รับการยอมรับตามxxxxxxxxxxxxกล่าวข้างต้นจะมีผลใช้บังคับหกเดือนหลัง จากxxxxxxได้มีการยอมรับการแก้ไขเพิ่มเติมน้นในส่วนที่เกี่ยวกับภาคีxxxxxx แถลงว่าได้ยอมรับการแก้ไขเพิ่มเติมนั้น
65
(ii) in the case of an amendment to Protocol I, to an Appendix to an Annex or to an Annex to the Convention under the procedure specified in sub-paragraph (f) (iii), the amendment deemed to have been accepted in accordance with the foregoing conditions shall enter into force six months after its acceptance for all the Parties with the exception of those which, before that date, have made a declaration that they do not accept it or a declaration under sub-paragraph (f) (ii), that their express approval is necessary.
(3) Amendment by a Conference:
(a) Upon the request of a Party, concurred in by at least one-third of the Parties, the Organization shall convene a Conference of Parties to the Convention to consider amendments to the present Convention.
(b) Every amendment adopted by such a Conference by a two-thirds majority of those present and voting of the Parties shall be communicated by the Secretary-General of the Organization to all Contracting Parties for their acceptance.
66
(ii) ในกรณีที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมพิธีสารฉบับที่ 1 อนุผนวกของ ภาคผนวกใด หรือภาคผนวกของxxxxxxxxxxx ภายใต้บังคับของxxxxxxxxx xxxก�าหนดไว้ในอนุวรรค (xxx) (iii) การแก้ไขเพิ่มเติมxxxxxxxxxได้รับการยอมรับ ตามเงื่อนไขxxxxxxกล่าวข้างต้น จะมีผลใช้บังคับกับภาคีทั้งปวงหกเดือนหลังจาก xxxxxxมีการยอมรับยกเว้นบรรดาภาคีซึ่งได้แถลงก่อนวันดังกล่าวว่าไม่ยอมรับ การแก้ไขเพิ่มเติมนั้น หรือได้แถลงตามความในอนุวรรค (xxx) (ii) ว่า การแก้ไขเพิ่มเติมนั้นจะต้องได้รับความเห็นชอบจากตนก่อน
(3) การแก้ไขเพิ่มเติมโดยที่ประชุม
(เอ) เมื่อได้รับการร้องขอจากภาคีใดภาคีหนึ่ง โดยมีภาคีจ�านวนไม่น้อย กว่าหนึ่งในสามเห็นxxxxด้วยให้องค์การเรียกประชุมภาคีอนุสัญญาเพื่อ พิจารณาการแก้ไขเพิ่มเติมxxxxxxxxxxx
(บี) ให้เลขาธิการขององค์การแจ้งการแก้ไขเพิ่มเติมทุกเรื่อง xxxxxxxประชุม ได้มีมติรับเอาโดยเสียงข้างมากสองในสามของจ�านวนภาคีที่เข้าประชุม และออกเสียงไปยังภาคีทั้งปวงของอนุสัญญาเพื่อให้การยอมรับ
67
(c) Unless the Conference decides otherwise, the amendment shall be deemed to have been accepted and to have entered into force in accordance with the procedures specified for that purpose in paragraph (2) (f) and (g) above.
(4) (a) In the case of an amendment to an Optional Annex, a reference in the present Article to a “Party to the Convention” shall be deemed to mean a reference to a Party bound by that Xxxxx.
(b) Any Party which has declined to accept an amendment to an Annex shall be treated as a non-Party only for the purpose of application of that amendment.
(5) The adoption and entry into force of a new Annex shall be subject to the same procedures as for the adoption and entry into force of an amendment to an Article of the Convention.
(6) Unless expressly provided otherwise, any amendment to the present convention made under this Article, which relates to the structure of a ship, shall apply only to ships for which the building contract is placed, or in the absence of a building contract, the keel of which is laid, on or after the date on which the amendment comes into force.
68
(ซี) เว้นแต่ที่ประชุมจะมีวินิจฉัยเป็นอย่างอื่น ให้xxxxxxการแก้ไขเพิ่มเติม ได้รับการยอมรับและได้มีผลใช้บังคับตามxxxxxxxxxxxxก�าหนดไว้เพื่อ จุดมุ่งหมายนั้นในวรรค (2) (xxx) และ (จี) ข้างต้น
(4) (เอ) ในกรณีที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมภาคผนวกเผื่อเลือก การอ้างอิงถึง “ภาคีอนุสัญญา” ในข้อบทนี้ให้xxxxxxหมายxxx xxxอ้างอิงถึงภาคีซึ่งถูกผูกพัน โดยภาคผนวกดังกล่าว
(บี) ภาคีใดซึ่งxxxxxxxxxจะยอมรับการแก้ไขเพิ่มเติมในภาคผนวกฉบับ ใดฉบับหนึ่ง ให้ถือเสมือนว่ามิใช่ภาคีเฉพาะในการใช้ข้อแก้ไขเพิ่มเติมนั้น
(5) การรับเอาและการมีผลใช้บังคับของภาคผนวกฉบับใหม่ให้เป็นไปตาม กระบวนการอย่างเดียวกันกับที่ใช้ส�าหรับการรับเอา และการมีผลใช้บังคับ ของการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบทของอนุสัญญา
(6) เว้นแต่จะxxxxxxxไว้ชัดแจ้งเป็นอย่างอื่น การแก้ไขเพิ่มเติมใด ๆ ของ xxxxxxxxxxx ที่กระท�าตามข้อนี้ซึ่งเกี่ยวกับโครงสร้างของเรือ ให้ใช้บังคับเฉพาะ กับเรือซึ่งสัญญาต่อสร้างเรือได้ท�า หรือในกรณีที่ไม่มีสัญญาต่อสร้างเรือได้ วางกระดูกงู ในวันหรือหลังxxxxxxการแก้ไขเพิ่มเติมมีผลใช้บังคับ
69
(7) Any amendment to a Protocol or to an Annex shall relate to the substance of that Protocol or Annex and shall be consistent with the Articles of the present convention.
(8) The Secretary-General of the Organization shall inform all Parties of any amendments which enter into force under the present Article, together with the date on which each such amendment enters into force.
(9) Any declaration of acceptance or of objection to an amendment under the present article shall be notified in writing to the Secretary-General of the Organization. The latter shall bring such notification and the date of its receipt to the notice of the Parties to the Convention.
70
(7) การแก้ไขเพิ่มเติมใด ๆ ของพิธีสารหรือภาคผนวกฉบับใดฉบับหนึ่งจะต้อง เกี่ยวข้องกับสาระของพิธีสารหรือภาคผนวกฉบับนั้น และจะต้องสอดคล้อง กับข้อบทของxxxxxxxxxxx
(8) ให้เลขาธิการขององค์การแจ้งภาคีทั้งปวงให้ทราบxxxxxxแก้ไขเพิ่มเติม ใด ๆ ซึ่งมีผลใช้บังคับตามข้อนี้ พร้อมxxxxxxxxxxการแก้ไขเพิ่มเติมxxxxว่านั้น แต่ละxxxxxxxxผลใช้บังคับ
(9) การแถลงยอมรับ หรือคัดค้านการแก้ไขเพิ่มเติมใด ๆ ตามข้อนี้ ต้องกระท�า เป็นลายลักษณ์xxxxxxxxเลขาธิการขององค์การ ให้เลขาธิการขององค์การ แจ้งค�าแถลงและxxxxxxได้รับหนังสือดังกล่าวให้ภาคีอนุสัญญาทราบ
71
ARTICLE 17
Promotion of Technical Co-operation
The Parties to the Convention shall promote, in consultation with the Organization and other international bodies, with assistance and co-ordination by the Executive Director of the United Nations Environment Program, support for those Parties which request technical assistance for:
(a) the training of scientific and technical personnel;
(b) the supply of necessary equipment and facilities for reception and monitoring;
(c) the facilitation of other measures and arrangements to prevent or mitigate pollution of the marine environment by ships; and
(d) the encouragement of research; preferably within the countries concerned, so furthering the aims and purposes of the present Convention.
72
ข้อ 17 การxxxxxxxxความร่วมมือทางวิชาการ
โดยการหารือกับองค์การและหน่วยงานระหว่างประเทศอื่น ๆ ด้วยความช่วยเหลือ และxxxxxxงานของผู้อ�านวยการบริหารของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสห ประชาชาติ ให้ภาคีxxxxxxxxxxxxxxxxxxxให้มีการสนับสนุนแก่บรรดาภาคี xxxxxxxxxxxร้องขอความช่วยเหลือทางวิชาการเพื่อ
(เอ) การฝึกอบรมบุคลากรทางวิทยาศาสตร์และทางวิชาการ (บี) การจัดหาอุปกรณ์และอุปกรณ์เพื่อรองรับของเสียที่จ�าเป็น
เพื่อใช้รองรับและติดตามตรวจสอบ
(ซี) การอ�านวยความสะดวกส�าหรับมาตรการและการจัดเตรียม การอย่างอื่นเพื่อป้องกันหรือลดมลพิษในสิ่งแวดล้อมทางทะเลที่เกิดจาก เรือ และ
(ดี) การxxxxxxxxการวิจัยโดยควรกระท�าภายในกลุ่มประเทศที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของxxxxxxxxxxxxxxxxxxต่อไป
73
ARTICLE 18
Denunciation
(1) The present Convention or any Optional Annex may be denounced by any Parties to the Convention at any time after the expiry of five years from the date on which the Convention or such Xxxxx enters into force for that Party.
(2) Denunciation shall be effected by notification in writing to the Secretary-General of the Organization who shall inform all the other Parties of any such notification received and of the date of its receipt as well as the date on which such denunciation takes effect.
(3) A denunciation shall take effect twelve months after receipt of the notification of denunciation by the Secretary-General of the Organization or after the expiry of any other longer period which may be indicated in the notification.
74
ข้อ 18 การบอกเลิก
(1) ภาคีxxxxxxxxxxxบอกเลิกxxxxxxxxxxxหรือภาคผนวกเผื่อเลือกใด ๆ ได้ในเวลาใด ๆ หลังจากพ้นระยะเวลา 5 ปี นับแต่xxxxxxxxxxxxxxxxxหรือ ภาคxxxxxxxxว่านั้นมีผลใช้บังคับกับภาคีนั้น
(2) ให้การบอกเลิกมีผลโดยการแจ้งเป็นลายลักษณ์xxxxxไปยังเลขาธิการ ขององค์การซึ่งต้องแจ้งไปยังภาคีอื่น ๆ ทั้งปวงให้ทราบxxxxxxแจ้งxxxxxxรับ xxxxว่านั้นและxxxxxxได้รับพร้อมxxxxxxxxxxการบอกเลิกxxxxว่านั้นจะมีผลใช้บังคับ
(3) ให้การบอกเลิกมีผลเมื่อพ้นก�าหนดสิบสองเดือนนับแต่xxxxxxเลขาธิการ ขององค์การได้รับหนังสือแจ้งการบอกเลิก หรือหลังจากสิ้นสุดช่วงระยะเวลา อื่นใดที่ยาวกว่าซึ่งอาจระบุไว้ในหนังสือแจ้ง
75
ARTICLE 19
Deposit and registration
(1) The present convention shall be deposited with the Secretary-General of the Organization who shall transmit certified true copies thereof to all States which have signed the present convention or acceded to it.
(2) As soon as the present Convention enters into force, the text shall be transmitted by the Secretary-General of the Organization to the Secretary-General of the United Nations for registration and publication, in accordance with Article 102 of the Charter of the United Nations.
76
ข้อ 19 การส่งมอบและการจดทะเบียน
(1) ให้เก็บรักษาxxxxxxxxxxxไว้กับเลขาธิการขององค์การซึ่งต้องส่งส�าxxxxxx รับรองว่าถูกต้องของxxxxxxxxxxxไปยังรัฐทั้งปวงซึ่งได้ลงนามในxxxxxxxx xxxหรือได้ภาคยานุวัติ
(2) ทันทีที่xxxxxxxxxxxมีผลใช้บังคับ ให้เลขาธิการขององค์การส่งตัวบทของ อนุสัญญาให้กับเลขาธิการขององค์การสหประชาชาติเพื่อลงทะเบียน และพิมพ์เผยแพร่ตามข้อ 102 ของกฎบัตรสหประชาชาติ
77
ARTICLE 20
Languages
The present Convention is established in a single copy in the English, French, Russian and Spanish languages, each text being equally authentic. Official translations in the Arabic, German, Italian and Japanese languages shall be prepared and deposited with the signed original.
IN WITNESS WHEREOF the undersigned* being duly authorized their respective Governments for that purpose have signed the present Convention.
DONE AT LONDON this second day of November, one thousand
nine hundred and seventy-three.
78
ข้อ 20 ภาษา
xxxxxxxxxxxได้จัดท�าขึ้นฉบับเดียวเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส ภาษา รัสเซีย และภาษาสเปน แต่ละภาษามีความถูกต้องเท่าเทียมกัน ได้จัดท�าค�าแปล เป็นทางการเป็นภาษาอาหรับ ภาษาเยอรมัน ภาษาอิตาลี และภาษาxxxxxxx และเก็บรักษาไว้พร้อมกับต้นฉบับxxxxxxลงนามแล้ว
เพื่อเป็นพยานแห่งการนี้ ผู้ลงนามท้ายนี้ซึ่งได้รับมอบอ�านาจโดยถูกต้องเพื่อ การนั้นจากรัฐบาลของแต่ละฝ่าย ได้ลงนามในxxxxxxxxxxx
กระท�า ณ กรุงxxxxxx xxxxxx 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2516
79
PROTOCOL I
PROVISIONS CONCERNING REPORTS ON INCIDENTS IN- VOLVING HARMFUL SUBSTANCES
(in accordance with article 8 of the Convention)
Article I
Duty to Report
(1) The master or other person having charge of any ship involved in an incident referred to in article II of this Protocol shall report the particulars of such incident without delay and to the fullest extent possible in accordance with the provisions of this Protocol.
(2) In the event of the ship referred to in paragraph (1) of this article being abandoned, or in the event of a report from such a ship being incomplete or unobtainable, the owner, charterer, manager or operator of the ship, or their agent shall, to the fullest extent possible, assume the obligations placed upon the master under the provisions of this Protocol.
80
พิธีสารฉบับที่ 1 บทบัญญัติเกี่ยวกับรายงาน
อุบัติการณ์อันเนื่องมาจากสารที่เป็นอันตราย (ตามข้อ 8 ของอนุสัญญา)
ข้อ 1 หน้าที่ที่จะต้องรายงาน
(1) ให้นายเรือของเรือที่เกี่ยวข้องกับอุบัติการณ์ตามที่อ้างอิงถึงในข้อ 2 ของ xxxxxxxxxxหรือบุคคลอื่นใดที่มีหน้าที่รับผิดชอบในเรือ รายงานรายละเอียด อุบัติการณ์นั้นโดยxxxxxxxxx และให้มีรายxxxxxxxxxxที่สุดที่จะท�าได้ตาม บทบัญญัติของxxxxxxxxxx
(2) ในกรณีที่เรือตามที่อ้างอิงถึงในวรรค (1) ของข้อนี้ถูกสละ หรือในกรณี ที่รายงานของเรือนั้นไม่xxxxxxxหรือไม่xxxxxxหามาxxxxxให้เจ้าของเรือ ผู้เช่าเรือผู้จัดการหรือผู้ด�าเนินกิจการของเรือนั้นหรือตัวแทนรับxxxxxxxx xxxก�าหนดให้นายเรือกระท�าภายใต้บทบัญญัติของxxxxxxxxxxให้มากที่สุด ที่จะท�าได้
81
Article II
When to Make Reports
(1) The report shall be made when an incident involves:
(a) a discharge or probable discharge of oil, or noxious liquid substances carried in bulk, resulting from damage to the ship or its equipment, or for the purpose of securing the safety of a ship or saving life at sea; or
(b) a discharge or probable discharge of harmful substances in packaged form, including those in freight containers, portable tanks, road and rail vehicles and shipborne barges;or
(c) a discharge during the operation of the ship of oil or noxious liquid substances in excess of the quantity or instantaneous rate permitted under the present Convention.
82
ข้อ 2 เมื่อใดจึงรายงาน
(1) การรายงานให้กระท�าทุกครั้งที่เกิดอุบัติการณ์เกี่ยวกับ
(เอ) การปล่อยทิ้ง หรือการปล่อยทิ้งน�้ามันหรือของเหลวที่เป็นพิษที่ บรรทุกในปริมาณมาก ซึ่งเป็นผลมาจากความเสียหายต่อเรือหรืออุปกรณ์ ของเรือ หรือเพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาความปลอดภัยของเรือหรือเพื่อ ช่วยเหลือชีวิตในทะเล หรือ
(บี) การปล่อยทิ้ง หรือปล่อยสารอันตรายทีอยู่ในรูปแบบบรรจุภัณฑ์ รวมทั้งในตู้สินค้า xxxพาหนะส�าหรับใช้บนถนนและราง และบนเรือบรรทุก หรือ
(ซี) การปล่อยทิ้งในระหว่างการปฏิบัติการของเรือน�้ามันหรือสารของเหลว ที่เป็นพิษเกินปริมาณที่อนุญาตภายใต้xxxxxxxxxxx
83
(2) For the purposes of this Protocol:
(a) “Oil” referred to in subparagraph 1(a) of this article means
oil as defined in regulation 1(1) of Annex I of the Convention.
(b) “Noxious liquid substances” referred to in subparagraph 1(a) of this article means noxious liquid substances as defined in regulation 1(6) of Annex II of the Convention.
(c) “Harmful substances” in packaged form referred to in subparagraph 1(b) of this article means substances which are identified as marine pollutants in the International Maritime Dangerous Goods Code (IMDG Code).
84
(2) เพื่อวัตถุประสงค์ของxxxxxxxxxx:
(เอ) “น�้ามัน” ที่อ้างถึงในอนุวรรค 1 (เอ) ของข้อนี้ หมายถึง น�้ามัน ตามที่ก�าหนดไว้ในกฎข้อบังคับ 1(1) ของภาคผนวก 1 ของอนุสัญญา
(บี) “สารเหลวที่เป็นพิษ” ที่อ้างถึงในอนุวรรค 1 (เอ) ของข้อนี้ หมายถึง สารของเหลวที่เป็นพิษตามที่ก�าหนดไว้ในกฎข้อบังคับ 1(6) ของภาคผนวก 2 ของอนุสัญญา
(ซี) “สารที่เป็นอันตราย” ในรูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่อ้างถึงในอนุวรรค 1 (บี) ของข้อนี้ หมายถึง สารxxxxxxรับการระบุว่าเป็นมลพิษทางทะเลในxxxxxx ข้อบังคับว่าด้วยการขนส่งสินค้าอันตรายทางทะเลระหว่างประเทศ (IMDG Code)
85
Article III Contents of report
Reports shall in any case include:
(a) identity of ships involved;
(b) time, type and location of incident;
(c) quantity and type of harmful substance involved;
(d) assistance and salvage measures.
86
ข้อ 3 เนื้อหาของรายงาน
รายงานแต่ละครั้ง xxxxต้องมีข้อมูลดังนี้ (เอ) รายละเอียดของเรือ
(บี) วัน เวลา ที่เกิดอุบัติการณ์
(ซี) ปริมาณและชนิดของสารอันตรายที่เกี่ยวข้อง (ดี) มาตรการช่วยเหลือกู้ภัย
87
ARTICLE IV
Supplementary report
Any person who is obliged under the provisions of this Protocol to send a report shall, when possible;
(a) supplement the initial report, as necessary, and provide information concerning further developments; and
(b) comply as fully as possible with requests from affected States for additional information.
88
ข้อ 4 รายงานเพิ่มเติม
บุคคลใดที่มีพันธกรณีภายใต้บทบัญญัติของxxxxxxxxxxที่จะต้องส่งรายงาน หากเป็นไปได้จะต้อง
(เอ) เพิ่มเติมรายงานฉบับแรกเท่าที่จ�าเป็นด้วยข้อมูลเกี่ยวกับความ เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นต่อมา และ
(บี) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุบัติการณ์นั้นตามค�าร้องขอจากรัฐที่ xxxxxxxxกระทบให้มากที่สุดที่จะท�าได้
89
ARTICLE V
Reporting procedures
(1) Reports shall be made by the fastest telecommunications channels available with the highest possible priority to the nearest coastal State.
(2) In order to implement the provisions of this Protocol, Parties to the present Convention shall issue, or cause to be issued, regulations or instructions on the procedures to be followed in reporting incidents involving harmful substances, based on guidelines developed by the Organization.
90
ข้อ 5 วิธีการรายงาน
(1) การรายงานแต่ละครั้งให้รายงานทางโทรคมนาคมที่เร็วที่สุดแก่รัฐ ชายฝั่งที่ใกล้ที่สุด
(2) เพื่อด�าเนินการตามข้อก�าหนดของxxxxxxxxxx ภาคีอนุสัญญาจะต้อง ออกหรือก�าหนดให้มีการออกxxxxxxxหรือค�าแนะน�าเกี่ยวกับขั้นตอนที่จะต้อง ปฏิบัติตามในการรายงานอุบัติการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสารอันตรายตาม แนวทางที่จัดท�าโดยองค์การ
91
PROTOCOL II
ARBITRATION
(in accordance with Article 10 of the Convention) Article I
Arbitration procedure, unless the Parties to the dispute decide otherwise, shall be in accordance with the rules set out in this Protocol.
92
พิธีสารฉบับที่ 2 การระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการ (ตามข้อ 10 ของอนุสัญญา)
ข้อ 1
วิธีพิจารณาความของอนุญาโตตุลาการ หากผู้พิพาทมิได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น ให้เป็นไปตามxxxxxxxxxxวางไว้ในxxxxxxxxxx
93
Article II
(1) An Arbitration Tribunal shall be established upon the request of one Party to the Convention addressed to another in application of article 10 of the present Convention. The request for arbitration shall consist of a statement of the case together with any supporting documents.
(2) The requesting Party shall inform the Secretary-General of the Organization of the fact that it has applied for the establishment of a Tribunal, of the names of the Parties to the dispute, and of the articles of the Convention or Regulations over which there is in its opinion disagreement concerning their interpretation or application. The Secretary-General shall transmit this information to all Parties.
94
ข้อ 2
(1) ให้ก่อตั้งคณะอนุญาโตตุลาการเมื่อมีค�าร้องขอของภาคีฝ่ายหนึ่งของ xxxxxxxxxxxต่อภาคีอีกฝ่ายหนึ่งตามข้อ 10 ของxxxxxxxxxxx ค�าร้องขอให้ ระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการจะต้องประกอบด้วยค�าแถลงในคดี พร้อมทั้งเอกสารสนับสนุน
(2) ให้ภาคีที่ร้องขอแจ้งต่อเลขาธิการว่าตนได้ยื่นค�าขอให้ก่อตั้งคณอนุญาโต ตุลาการโดยแจ้งชื่อxxxxxxxxและข้อบทของอนุสัญญาหรือกฎข้อบังคับ ซึ่งตนเห็นว่ามีความไม่ตรงกันเกี่ยวกับการตีความหรือการบังคับใช้ให้ เลขาธิการส่งข้อมูลนี้แก่ภาคีทั้งปวง
95