Contract
สัญญาค้ำประกัน
1. องค์ประกอบของสัญญาค้ำประกัน
มาตรา 680 วรรคหนึ่งxxxxxxxว่า
“ อันว่าค้ำประกันนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลภายนอกคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้ค้ำประกัน ผูกพันตนต่อเจ้าหนี้ คนหนึ่ง เพื่อชำระหนี้ในเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้นั้น”
มาตรา 681 วรรคหนึ่งและวรรคสอง xxxxxxxว่า “อันค้ำประกันน้นจะมีได้แต่เฉพาะเพื่อหนี้xxxxxxxxxx
หนี้ในxxxxxหรือหนี้มีเงื่อนไขจะประกันไว้เพื่อเหตุการณ์ซึ่งหนี้นั้นอาจเป็นผลได้จริงก็ประกันได้...” จากบทบัญญัติดังกล่าว สัญญาค้ำประกันมีองค์ประกอบดังนี้
1.1 ผู้ค้ำประกันเป็นบุคคลภายนอก
บุคคลภายนอกในทีนี้ คือ มิได้เป็นผู้มีส่วนได้เสียในหนี้นั้น เพราะการค้ำประกันเป็นการผูกพนตน ในเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ จึงต้องมีผู้เกี่ยวข้อง 3 ฝ่าย
1.2 มีหนี้ระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้
สัญญาค้ำประกันเป็นสัญญาอุปกรณ์ท่ีค้ำประกันการชำระหนี้ประธาน จึงต้องมีหนี้ประธานเกิดขึ้น เสียก่อน จะเป็นหนี้xxxxxxxxหรือหนี้อันเกิดจากการละเมิดก็ได้ หากไม่มีหนี้ต่อกันมาแต่แรก ก็xxxxxxมี สัญญาค้ำประกัน
1.3 ผู้ค้ำประกัน ผูกพันตนต่อเจ้าหนี้คนหนึ่ง เพื่อชำระหนี้ในเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้นั้น
สัญญาค้ำประกันจะต้องมีข้อความในทำนองว่า “ผู้ค้ำประกัน ผูกพันตนต่อเจ้าหนี้คนหนึ่ง เพื่อชำระหนี้ในเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้นั้น” จึงจะถือได้ว่าเป็นการค้ำประกัน
1.4 ต้องระบุหนี้หรือสัญญาที่ค้ำประกันไว้โดยชัดแจ้ง และผู้ค้ำประกันย่อมรับผิดเฉพาะหนี้ หรือสัญญาที่ระบุไว้เท่านั้น
2. แบบของสัญญาค้ำประกัน
แบบคือสิ่งที่กฎหมายกำหนดให้ต้องมี หากมิได้กระทำตามแบบนิติกรรมนั้นเป็น ย่อมเป็นโมฆะ แบบที่กฎหมายกำหนดไว้ xxxx ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อxxxxxxxxxxxxxxxxxx xxxx การทำนิติกรรม เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ หรือ ทำเป็นหนังสือ xxxx สัญญาเช่าซื้อ เป็นต้น
สำหรับสัญญาค้ำประกันนั้น กฎหมายมิได้กำหนดแบบไว้ ดังนั้น เพียงแต่ตกลงกันก็xxxxxxxแล้ว เพียงแต่มาตรา 680 วรรคสองxxxxxxxว่า “อนึ่ง สัญญาค้ำประกันนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใด อย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกันเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาxxxxxx” อันหมายความว่า หากมิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกัน จะนำไปฟ้องร้องให้บังคับคดีต่ อ ศาลxxxxxx แต่สัญญาค้ำประกันก็xxxxxxxxxxอยู่ ดังนั้น หากต่อมามีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อ ผู้ค้ำประกันเมื่อใด ก็xxxxxxนำไปฟ้องร้องบังคับคดีxxxxxxxxxx
เมื่อเป็นxxxxนี้ แม้จะมีหลักฐานเป็นหนังสือภายหลังตกลงค้ำประกันกันแล้ว ก็ได้ จะทำเป็นรู ปแบบ สัญญาหรือโต้ตอบกันทางจดหมายก็ได้ ขอเพียงแต่อ่านแล้วได้ว่ามีการตกลงค้ำประกันและผู้ค้ำประกันได้ ลงลายมือในเอกสารนั้นก็พอ และในเวลานี้มีการบังคับใช้กฎหมายธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วยแล้ว การลงลายมือชื่อทางอิเล็กทรอนิกส์ย่อมใช้ได้ การลงลายมือชื่อทางอิเล็กทรอนิกส์ ก็xxxx การเข้าสู่รหัสผ่าน เป็นต้น ดังนั้น การตอบข้อความกันใน application line หรือส่ง e-mail ซึ่งผู้ใช้ต้องมีรหัสเข้า ก็ถือเป็นการลง ลายมือชื่อตั้งแต่เข้าสู่ระบบแล้ว
3. ผู้ค้ำประกันหลายคน และxxxxxxxxxxx
3.1 ผู้ค้ำประกันหลายคน
มาตรา 682 วรรคสอง xxxxxxxว่า
“ถ้าบุคคลหลายคนยอมตนเข้าเป็นผู้ค้ำประกันในหนี้รายเดียวกันxxxx ท่านว่าผู้ค้ำประกันเหล่านั้นมี ความรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมกัน แม้ถึงว่าจะมิได้เข้ารับค้ำประกันรวมกัน”
บุคคลหลายคนยอมผูกพันตนชำระหนี้แก่ลูกหนี้ชั้นต้นได้ โดยจะเข้าค้ำประกันพร้อมกันหรือต่างคน ต่างเข้าค้ำประกันก็ได้ ผลของผู้ค้ำประกันหลายคน มีดังนี้
1. ความxxxxxxxxกับเจ้าหนี้ ผู้ค้ำประกันหลายคนย่อมเป็นลูกหนี้ร่วม ที่เจ้าหนี้จะเรียกให้ ผู้คำประกันคนหนึ่งชำระหนี้สิ้นเชิงก็ได้
2. ความxxxxxxxxระหว่างผู้ค้ำประกันด้วยกันเอง หากมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ระหว่าง ผู้ค้ำประกันเอง ต้องรับผิดเป็นส่วนเท่า ๆ กัน
3. ความxxxxxxxxกับลูกหนี้ ในกรณีที่ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้แทนลูกหนี้แล้ว ผู้ค้ำ ประกันย่อมรับช่วงxxxxxxxxxxxxxxxxเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้แก่ตนได้ ทั้งนี้ตามมาตรา 693 ที่xxxxxxxว่า “ผู้ค้ำ ประกันซึ่งได้ชำระหนี้แล้ว ย่อมมีxxxxxxxxจะxxxxxxxxเอาจากลูกหนี้ เพื่อต้นเงินกับดอกเบี้ยและเพื่อการที่ต้องสูญ หายหรือเสียหายไปอย่างใด ๆ เพราะการค้ำประกันนั้น” นอกจากนี้ยังมีxxxxxxxxxxxxxเอากับผู้ค้ำประกันคนอื่น ๆ ได้ตามส่วนด้วย
3.2 xxxxxxxxxxx
มาตรา 682 วรรคหนึ่ง xxxxxxxว่า
“ท่านว่าบุคคลจะยอมเข้าเป็นxxxxxxxxxxx คือเป็นประกันของผู้ค้ำประกันอีกชั้นหนึ่ง ก็เป็นได้” หมายถึงผู้ค้ำประกันต่อเจ้าหนี้เพื่อผูกพันรับผิดในเมื่อผู้ค้ำประกันไม่ชำระหนี้
3. ผลก่อนชำระหนี้
เมื่อได้มีการทำสัญญาค้ำประกันกันแล้ว สัญญาย่อมผูกพันผู้ค้ำประกันให้ต้องปฏิบัติxxxxxxxx โดยแยกได้เป็นผลเมื่อมีการเริ่มต้นเป็นผู้ค้ำประกันเกิดขึ้นแล้วตอนหนึ่งซึ่งเป็นตอนที่ ลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ และผลภายหลังจากผู้ค้ำประกันได้เข้าชำระหนี้แทนลูกหนี้แล้ว
สำหรับตอนนี้กล่าวถึงผลก่อนที่ผู้ค้ำประกันเข้าชำระหนี้
3.1 การเริ่มต้นการเป็นผู้ค้ำประกัน
เมื่อสัญญา
มาตรา 686 xxxxxxxว่า
“เมื่อลูกหนี้ผิดนัด ให้เจ้าหนี้มีหนังสือxxxxxxxxไปยังผู้ค้ำประกันภายในหกสิบวันนับแต่xxxxxxลูกหนี้ ผิดนัด และไม่ว่ากรณีจะเป็นประการใดเจ้าหนี้จะเรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ก่อนที่หนังสือxxxxxxxxจะไป ถึงผู้ค้ำประกันมิได้ แต่ไม่ตัดxxxxxผู้ค้ำประกันที่จะชำระหนี้เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระ
ในกรณีที่เจ้าหนี้มิได้มีหนังสือxxxxxxxxภายในกำหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ค้ำประกันหลุ ดพ้น จากความรับผิดในดอกเบี้ยและค่าสินไหมทดแทน ตลอดจนค่าภาระติดพันอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้รายนั้น xxxxxxxxเกิดขึ้นภายหลังจากพ้นกำหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง
เมื่อเจ้าหนี้มีxxxxxเรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้หรือผู้ค้ำประกันมีxxxxxชำระหนี้ได้ตามวรรคหนึ่ง ผู้ค้ำ ประกันอาจชำระหนี้ทั้งหมดหรือใช้xxxxxชำระหนี้ตามเงื่อนไขและวิธีการในการชำระหนี้ที่ลูกหนี้มีอยู่กับ เจ้าหนี้ก่อนการผิดนัดชำระหนี้ ทั้งนี้ เฉพาะในส่วนที่ตนต้องรับผิดก็ได้ และให้นำความในมาตรา ๗๐๑ วรรคxxx xxใช้บังคับโดยอนุโลม
ในระหว่างที่ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ตามเงื่อนไขและวิธีการในการชำระหนี้ของลูกหนี้ตามวรรคสาม เจ้าหนี้จะเรียกดอกเบี้ยxxxxxขึ้นเพราะเหตุที่ลูกหนี้ผิดนัดในระหว่างนั้นมิได้
การชำระหนี้ของผู้ค้ำประกันตามมาตรานี้ xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxของผู้ค้ำประกันตามมาตรา 693”
อธิบาย
1.เมื่อลูกหนี้ผิดนัด และเจ้าหนี้มีหนังสือxxxxxxxxไปยังผู้ค้ำประกันและผู้ค้ำประกันได้รับหนังสือ xxxxxxxxแล้ว นับแต่นั้นเจ้าหนี้ก็มีxxxxxเรียกร้องให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ได้
2. เจ้าหนี้ต้องมีหนังสือxxxxxxxxไปยังผู้ค้ำประกันดังกล่าวภายใน 60 วันนับแต่xxxxxxลูกหนี้ผิดนัด หากเจ้าหนี้มิได้มีหนังสือxxxxxxxxภายในกำหนดเวลา ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดในดอกเบี้ยและ ค่าสินไหมทดแทน ตลอดจนค่าภาระติดพันอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้รายนั้นxxxxxxxxเกิดขึ้นภายหลังจากพ้น กำหนดเวลา แต่xxxxxxxxxxจากหนี้ท่ีค้ำประกัน อย่างไรก็ตาม แม้เวลาที่ลูกหนี้xxxxxxxxxxxxxเจ้าหนี้ยังxxxxxx xxxxxxxxไปยังผู้ค้ำประกัน ผู้ค้ำประกันก็xxxxxxชำระหนี้เองxxx xxxต้องรอหนังสือxxxxxxxx
3.2 xxxxxเกี่ยงของผู้ค้ำประกัน
ผู้ค้ำประกันมิใช่ลูกหนี้ชั้นต้น กฎหมายจึงให้xxxxxผู้ค้ำประกันเกี่ยงความรับผิดไปที่ลูกหนี้ได้กรณีดังนี้
3.2.1 xxxxxเกี่ยงตามมาตรา 688
“เมื่อเจ้าหนี้ทวงให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ ผู้ค้ำประกันจะขอให้เรียกลูกหนี้ชำระก่อนก็ได้ เว้น แต่ลูกหนี้จะถูกศาลพิพากษาให้เป็นคนล้มละลายเสียแล้ว หรือไม่ปรากฏว่าลูกหนี้ไปอยู่แห่งใดในพระราช อาณาเขต”
เมื่อลูกหนี้ผิดนัด เจ้าหนี้ก็มีxxxxxเรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้แทนได้ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ค้ำ ประกันก็xxxxxxเกี่ยงให้เจ้าหนี้เรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ก่อน เว้นแต่ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลายซึ่งสิ้น ความxxxxxxในทางทรัพย์สินแล้ว หรือไม่ปรากฏว่าลูกหนี้อยู่ไหน xxxxนี้ ผู้ค้ำประกันxxxxxxเกี่ยงxxx xxxxxxx xxxxx แม้ผู้ค้ำประกันจะเกี่ยงให้ลูกหนี้ชำระหนี้ก่อนโดยอ้างกฎหมายข้อนี้ แต่ก็ยังเป็นxxxxxของเจ้าหนี้xxxxxxx ผู้ค้ำประกันให้ชำระหนี้ได้อยู่ดี
3.2.2 xxxxxเกี่ยงตามมาตรา 689
“ถึงแม้จะได้เรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ดังกล่าวมาในมาตราก่อนนั้นแล้วก็ตาม ถ้าผู้ค้ำประกัน พิสูจน์ได้ว่าลูกหนี้นั้นมีทางที่จะชำระหนี้ได้ และการที่จะบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้นั้นจะไม่เป็นการยากxxxx ท่าน ว่าเจ้าหนี้จะต้องบังคับการชำระหนี้รายนั้นเอาจากทรัพย์สินของลูกหนี้ก่อน”
กรณีนี้หมายความว่า หากผู้ค้ำประกันพิสูจน์ได้ว่า (1) ลูกหนี้นั้นมีทางที่จะชำระหนี้xxx xxxxมี ทรัพย์สินอย่างอื่นให้บังคับได้ มีxxxxxเรียกร้องท่ีลูกหนี้มีเหนือผู้อื่น เป็นต้น และ (2) การท่ีจะบังคับให้ลูกหนี้
ชำระหนี้นั้นจะไม่เป็นการยาก xxxx เจ้าหนี้xxxxxxบังคับชำระหนี้เอากับที่ดินซึ่งเป็นชื่อของลูกหนี้เป็นเจ้าของ ไม่เป็นการยาก xxxxนี้ กฎหมายกำหนดให้เจ้าหนี้ต้องเรียกให้ลูกหนี้ชั้นต้นชำระหนี้ก่อน
3.2.3 xxxxxเกี่ยงตามมาตรา 690
“ถ้าเจ้าหนี้มีทรัพย์ของลูกหนี้ยึดถือไว้เป็นประกันxxxx เมื่อผู้ค้ำประกันร้องขอ ท่านว่าเจ้าหนี้ จะต้องให้ชำระหนี้เอาจากทรัพย์ซึ่งเป็นประกันนั้นก่อน”
xxxx ลูกหนี้เอาแหวนเพชรจำนำกับเจ้าหนี้ไว้ หรือเอาที่ดินจดทะเบียนจำนอง xxxxนี้ เจ้าหนี้ ย่อมบังคับเอากับทรัพย์ที่เป็นประกันได้ เจ้าหนี้ต้องบังคับเอาก่อน แต่ทั้งนี้ ต้องเป็นทรัพย์สินของลูกหนี้ หาก เป็นของผู้อื่นไม่ใช่กรณีนี้ xxxx แดงกู้เงินดำ โดยขาวเอาที่ดินเข้าจำนอง xxxxนี้ ที่ดินซึ่งเป็นหลักประกันไม่ใช่ ของแดงลูกหนี้
3.3 การลดจำนวนหนี้ที่มีการค้ำประกัน
กรณีลูกหนี้มีแนวโน้มxxxxxxxxxxxxชำระหนี้ได้ และได้มีการต่อรองกับเจ้าหนี้เพื่อลดเงินต้นดอกเบี้ย หรือที่เรียกว่าเป็นการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ข้อตกลงนี้โดยxxxxxxxผูกพันถึงผู้ค้ำประกันด้วย ทำให้ผู้ค้ำประกัน ยังผูกพันหนี้เต็ม แต่ในการแก้กฎหมายใหม่ ได้กำหนดให้ผู้ค้ำประกันได้ประโยชน์ด้วยกล่าวคือ หากมีการ ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ทำให้หนี้ลดลง ผู้ค้ำประกันข้อผูกพันตามหนี้ที่ลดลงด้วย ดังนั้น หากลูกหนี้ไม่xxxxxx ชำระหนี้ ได้เต็มตามจำนวนหนี้ที่ปรับโครงสร้างหนี้ใหม่นี้ ผู้ค้ำประกันก็รับผิดเฉพาะหนี้ใหม่ที่ปรับโครงสร้าง ไม่ใช่ต้องรับผิดในหนี้เดิม
4. ผลเมื่อผู้ค้ำประกันได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้แล้ว ก่อให้xxxxxxต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
เมื่อผู้ค้ำประกันได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้แล้ว ก่อให้xxxxxxดังต่อไปนี้
4.1 xxxxxxxxxxxxx มาตรา 393
ความรับผิดของผู้ค้ำประกันเป็นความรับผิดในหนี้ของบุคคลอื่น หาใช่หนี้ของผู้ค้ำประกันโดยตรง ดังนั้น เม่ือผู้ค้ำประกันได้ชำระหนี้แล้ว ก็มีxxxxxxxxxxxxxเอาจากลูกหนี้ชั้นต้น อันได้แก่เงินที่ลูกหนี้ต้องชำระให้แก่
xxxxxxxx xxxx แดงxxxxxxxxxx โดยมีดำเป็นผู้ค้ำประกัน เม่ืxxxxยังไม่ชำระหนี้ขาวจึงเรียกให้ดำผู้ค้ำประกนชำระหนี้
แทน xxxxนี้ ดำผู้ค้ำประกันเมื่อได้ชำระหนี้แทนแดงแล้ว ย่อมมีxxxxxxxxxxxxxเอากับแดงตามจำนวนที่ดำได้ชำระหนี้ ให้แก่ขาว
4.2 xxxxxในการรับช่วงxxxxxของxxxxxxxxxxxมีเหนือลูกหนี้ คือ นอกจากผู้ค้ำประกันที่ชำระหนี้ให้แล้ว จะมีสิทธิ์xxxxxxxx มาตรา 393 วรรค 2 ยังxxxxxxxให้ผู้ค้ำประกันมีสิทธิ์รับช่วงสิทธิ์ของเจ้าหนี้xxxxxxxxมีเนื้อ ลูกหนี้ด้วย xxxx แดงxxxxxxxxxxโดยมอบแหวนเพชรไว้เป็นจำนำ มีดำเป็นผู้ค้ำประกัน หากดำผู้ค้ำประกันได้ชำระ
หนี้แทนแดงไป xxxxนี้ดำก็มีสิทธิ์xxxxxxxxกับแดงในเงินจำนวนที่ชำระไป นอกจากนี้ยังเข้ารับช่วงสิทธิ์จากขาวใน ฐานะผู้รับจำนำด้วย เป็นต้น
4.3 xxxxxในการยกข้อต่อสู้ของผู้ค้ำประกัน ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดแทนลูกหนี้ เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระ ดังนั้น ความรับผิดของผู้ค้ำประกันยอมขึ้นอยู่กับสัญญาประธานซึ่งลูกหนี้มีอยู่กับเจ้าหนี้ ดังนั้น ผู้ค้ำประกันมี ข้อต่อสู้อยู่ 2 ประการได้แก่ ข้อต่อสู้ของผู้ค้ำประกันเองและข้อต่อสู้ของลูกหนี้ซ่ึงผู้ค้ำประกัน มีส่วนได้เสียใน ฐานะที่ต้นต้องผูกพันอยู่กับหนี้ดังกล่าวด้วย
5. ความระงับสิ้นไปแห่งการค้ำประกัน
5.1 การค้ำประกันอาจระงับไปเพราะหนึ่งหนี้ของลูกหนี้ระงับสิ้นไป เพราะxxxxxxxx ประกันเป็นสัญญาอุปกรณ์ ขึ้นอยู่กับหนี้ประธานหากมีประธานระงับ ก็ไม่มีหนี้xxxxxxxxค้ำประกันอีกต่อไป xxxx ลูกหนี้ชำระหนี้ หรือ เจ้าหนี้ปลดหนี้ให้แก่ลูกหนี้ เป็นต้น
5.2 ผู้ค้ำประกันบอกเลิกสัญญาค้ำประกันเพื่อกิจการเนื่องกันต่อเนื่องกันไปหลาย
คราว
โดยทั่วไปแล้ว หากคู่สัญญาตกลงเลิกสัญญากัน สัญญาก็ระงับ แต่สำหรับกรณีนี้เป็นกรณีที่
ผู้ค้ำประกันใช้สิทธิ์บอกเลิกสัญญาแต่ฝ่ายเดียว มีองค์ประกอบดังนี้
5.2.1 ต้องเป็นการค้ำประกันเพื่อกิจการเนื่องกันไปหลายคราว หมายความว่า เป็นกิจการที่ก่อหนี้ต้องปฏิบัติเป็นระยะระยะหรือเป็นคราวๆ หนี้นั้นอาจจะเกิดขึ้นในปัจจุบันหรือxxxxx ต่อเน่ืองกันเป็นxxxx x xxxx หนี้เกิดจากสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี หรือ สัญญาxxxx กรณีxxxxนี้ ผู้ค้ำประกัน xxxxxxขอเลิกสัญญาได้
5.2.2 กิจการต่อเนื่องกันไปหลายคราวไม่มีกำหนดเป็นคนแก่เจ้าหนี้ หมายความว่า วิธีการต่อเนื่องหลายคราวนั้น ไม่มีกำหนดเวลา ทำให้เป็นคุณแก่เจ้าหนี้ และในขณะเดียวกัน เป็นการสร้างภาระให้แก่ผู้xxxxxxจนเกินxxxxxกฎหมายถึงเปิดโอกาสให้ผู้ค้ำประกันxxxxxxบอกเลิกสัญญาได้
5.2.3 เป็นการบอกเลิกเพื่อคราวในxxxxx หมายความว่า ผู้ค้ำประกันจะหลุด พ้น เฉพาะหนี้ที่เกิดหลังจากมีการบอกเลิกสัญญา หากความรับผิดใดเกิดขึ้นก่อนบอกเลิกผู้ค้ำประกันยัง ต้องรับผิดอยู่
5.2.3 เจ้าหนี้ยอมผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้ หมายความว่า สัญญาค้ำประกันนั้น เป็นสัญญาที่ผู้ค้ำประกันผูกพันตนชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระ ผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นเม่ือหนี้ ประธานระงับแล้ว ดังนั้น หากเจ้าหนี้ยอมผ่อนเวลาการชำระหนี้กับลูกหนี้ออกไปก็จะทำให้ความรับผิดของผู้ ค้ำประกันย่อมต้องขยายออกไปด้วยทำให้เกิดภาระแก่ผู้ค้ำประกัน กฎหมายถึงxxxxxxxไว้ในมาตรา 700 ว่า
xxxxxxxค้ำประกันหนี้ซ่ึงมีกำหนดระยะเวลาชำระแน่นอน และเจ้าหนี้ผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้ ผู้ค้ำประกันหลุด พ้นจากความรับผิด เว้นแต่ผู้ค้ำประกันจะได้ตกลงด้วยในการผ่อนเวลานั้น
แต่xxxxxxxข้อเท็จจริงเป็นว่า เมื่อครบกำหนด 31 ธันวาคม 2563 แดงไม่ชำระหนี้ ส่วนขาวเจ้าหนี้ก็ไม่ทวง xxxxนี้ xxxxxxหมายความว่าการไม่ทวงนั้นเป็นการผ่อนเวลา เพียงแต่ว่า ขาวเจ้าหนี้ยัง xxxxxxใช้xxxxxเรียกร้องเท่านั้นเอง ซึ่งเจ้าหนี้จะใช้xxxxxเรียกร้องเมื่อไหร่ก็ได้ ต่างจากตัวอย่างแรกเพราะ
ตัวอย่างแรกนั้นเจ้าหนี้ขยายเวลาชำระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ เพราะลูกหนี้ได้รับประโยชน์จากการขยายเวลาน้น ทำให้เจ้าหนี้จะทวงหนี้ในเวลาที่ขยายให้xxxxxx
อัน
5.2.4 xxxxxxxxxxxยอมรับชำระหนี้จากผู้ค้ำประกันโดยไม่มีมูลอันจะอ้างตาม กฎหมายได้ตามมาตรา 701 กรณีxxxxนี้ เมื่อผู้ค้ำประกันจะขอชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ เมื่อถึงกำหนดแล้ว แต่ต้อง เจ้าหนี้กลับไม่ยอมรับชำระหนี้ก็ต้องxxxxxxxxxxxxxxxxจะให้ผู้ค้ำประกันการชำระหนี้ต่อไปผู้ค้ำประกันก็หลุด พ้นจากความรับผิดxxxxxxxxค้ำประกัน