PSYCHOLOGICAL CONTRACT, ORGANIZATIONAL COMMITMENT ANDORGANIZATIONAL CITIZENSHIP BEHAVIOR OF THE EMPLOYEES IN A COMPANY
สัญญาทางจิตวิทยา ความผูกพันต่อองค์การและพฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxx
ขององค์การของพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง
PSYCHOLOGICAL CONTRACT, ORGANIZATIONAL COMMITMENT ANDORGANIZATIONAL CITIZENSHIP BEHAVIOR OF THE EMPLOYEES IN A COMPANY
xxxxxxx xxxxxxx 1 xxxxxxxx xxxxxxxxx2 xxxxxxxxx xxxมณี3 และxxxxxx xxxxxxx4
Patumwadee Hanlakon1, Xxxxxxx Xxxxxxxxxxx0, Xxxxxxxxxxxx Xxxxxxxxxxxx0 and Duangkamol Thongyoo4
1,2 นักศึกษาสาขาวิชาจิตวิทยา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยxxxxxxx ในพระบรมราชูปถัมภ์
3,4 อาจารย์ประจําสาขาวิชาจิตวิทยา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยxxxxxxx ในพระบรมราชูปถัมภ์ E-mail: xxxxxxxxxxx@xxx.xx.xx
รับบทความ 24 มิถุนายน 2563 แก้ไขบทความ 29 มิถุนายน 2563 ตอบรับบทความ 30 มิถุนายน 2563
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1. ปัจจัยส่วนบุคคล ระดับสัญญาทางจิตวิทยา
ความผูกพันต่อองค์การและพฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxxขององค์การของพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง
2. ความxxxxxxxxระหว่างสัญญาทางจิตวิทยา ความผูกพันต่อองค์การ กับพฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxxของ องค์การของพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง กลุ่มตัวอย่างเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรม จังหวัดระยอง จํานวน 330 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงxxxมาตรฐาน และค่าสหxxxxxxxxเพียสัน
ผลการวิจัยพบว่า 1. พนักงานกลุ่มตัวอย่างส่วนมากเป็นเพศชาย อายุระหว่าง 23-30 ป สถานภาพสมรส และตําแหน่งงานฝ่ายผลิต 2. พนักงานมีสัญญาทางจิตวิทยา ความผูกพันต่อองค์การ และพฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxxขององค์การ อยู่ในระดับสูง 3. สัญญาทางจิตวิทยามีความxxxxxxxx ทางบวกกับพฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxxขององค์การ อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (r = .259, p < .01) และ 4. ความผูกพันต่อองค์การมีความxxxxxxxxทางบวกกับพฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxxขององค์การอย่างมี นัยสําคัญทางสถิติ (r=.418, p<.01
คําสําคัญ: สัญญาทางจิตวิทยา ความผูกพันต่อองค์การ พฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxxขององค์การ
ABSTRACT
The objectives of this research were to study 1. personal factors, levels of psychological contract, organizational commitment, and organizational citizenship behavior of a company’s employees, 2. the relationship between psychological contract, organizational commitment, and organizational citizenship behavior. Subjects were 330 employees in industrial estates in Rayong. Questionnaires were used as a research instrument. Statistics analyzed were percentage, frequency, mean, standard deviation and Pearson’s product moment correlation coefficient.
The results showed that 1. most of the employees were male, aged between 23 and 30 years, their marital status was married, and they worked in a production position, 2. the employees had the psychological contract, organizational commitment, and organizational citizenship behavior at a high level, 3. the psychological contract had a positive correlation with organizational citizenship behavior (r = .259, p < .01), and
4. organizational commitment had a positive correlation with organizational citizenship behavior (r=.418, p < .01).
Keywords: Psychological Contract, Organizational Commitment, Organizational Citizenship
Behavior
ความสําคัญของปัญหา
ทรัพยากรมนุษย์ถือเป็นทรัพยากรที่มีสําคัญในองค์การ ในการช่วยให้องค์การxxxxxวัตถุประสงค์ เนื่องจากการลงทุนพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จะส่งผลต่อผลิตผลขององค์การในระยะยาว การบริหารองค์การ จึงมีวัตถุประสงค์ที่สําคัญคือควรหาแนวทางในการxxxxxxxxให้พนักงานเกิดพฤติกรรมการทํางานอย่างเต็ม ความxxxxxx
พฤติกรรมการทํางานของบุคคลในองค์การออกเป็น 2 ลักษณะ ทั้งพฤติกรรมตามบทบาทหน้าที่ (In-role behavior) และพฤติกรรมบทบาทพิเศษ (Extra-role behavior) หมายถึง พฤติกรรมที่บุคคล กระทําหรือแสดงออกด้วยความสมัครใจนอกเหนือจากหน้าที่ที่องค์การกําหนด โดยไม่xxxxxxxxxxถึง ผลตอบแทนxxxxxxรับจากองค์การ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนผลการปฏิบัติงานของพนักงาน พฤติกรรมลักษณะนี้ เรียกว่า พฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxxขององค์การ (Organizational Citizenship Behavior) โดยมี ความสําคัญต่อการทํางานของบุคคลในองค์การ ช่วยxxxxxxxxบรรยากาศในการทํางาน ความxxxxxxxxระหว่าง บุคคล ประสิทธิภาพ และxxxxxxxxxxให้กับองค์การ (xxxxxx xxxxxxx, 2551)
สัญญาทางจิตวิทยา (Psychological contract) เป็นปัจจัยทางจิตวิทยาตามแนวคิดของ Rousseau (1995) ที่มีแนวโน้มส่งผลให้เกิดพฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxxขององค์การได้ เป็นการรับรู้ ความคาดxxxxต่าง ๆ ระหว่างพนักงานและองค์การในเรื่องเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ที่มีต่อxxxxxxxสอง xxxxxxxxxxxxxมีไว้เป็นลายลักษณ์xxxxx พนักงานที่มีสัญญาทางจิตวิทยา จึงมีxxxxxxxxxxจะแสดง พฤติกรรมที่นอกเหนือจากสิ่งที่องค์การกําหนด
ความผูกพันต่อองค์การ (Organizational Commitment) เป็นปัจจัยหนึ่งที่มีแนวโน้ม ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxxขององค์การ เนื่องจาก ความผูกพันต่อองค์การเป็นxxxxxx ความรู้สึก ความxxxxxxxxxxxxxมีต่อองค์การ โดยมีความรู้สึกยอมรับและxxxxxxxxxในเป้าหมาย ค่าxxxx และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ขององค์การอย่างxxxxxx มีความใส่ใจและทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อความสําเร็จ ขององค์การ มีความxxxxxxxและมุ่งมั่นที่จะทํางานอยู่กับองค์การต่อไป (Xxxxx Xxxxx, 1990) จึงเปรียบเสมือนตัวกระตุ้นให้พนักงานในองค์การปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยเหตุนี้ผู้วิจัยจึงสนใจที่จะศึกษาความxxxxxxxxระหว่างสัญญาทางจิตวิทยา ความผูกพัน ต่อองค์การ และพฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxxขององค์การของพนักงาน โดยผลการวิจัยจะเป็น ประโยชน์แก่ผู้บริหารองค์กรในการใช้ข้อมูลเป็นแนวทางการวางแผนนโยบายเพื่อxxxxxxxxxx พฤติกรรมการทํางานของพนักงาน ซึ่งจะส่งผลให้พนักงานปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพทําให้เกิด คุณภาพในการพัฒนาองค์กรไปสู่ความสําเร็จตามxxxxxxxxxxxกําหนดไว้
xxxxxxxxxx/xxxxxxxxxx
สัญญาทางจิตวิทยา ความผูกพันต่อองค์การ และพฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxxขององค์การ มีความxxxxxxxxกันหรือไม่ อย่างไร
วัตถุประสงค์การวิจัย
1. เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนบุคคล ระดับสัญญาทางจิตวิทยา ความผูกพันต่อองค์การ และพฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxxขององค์การของพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง
2. เพื่อศึกษาความxxxxxxxxระหว่างสัญญาทางจิตวิทยา ความผูกพันต่อองค์การกับ พฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxxขององค์การของพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง
กรอบแนวคิดการวิจัย
ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดการวิจัย
สมมติฐานการของการวิจัย
1. xxxxxxxxxxxxxxxxมีความxxxxxxxxกับพฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxxขององค์การ
2. ความผูกพันต่อองค์การมีความxxxxxxxxกับพฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxxขององค์การ
วิธีดําเนินการวิจัย
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากร คือ พนักงานบริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง จํานวน 1,876 คน
กลุ่มตัวอย่าง คํานวณขนาดกลุ่มตัวอย่างตามตารางของ Krejcie และ Morgan (1970) จากนั้นสุ่มตัวอย่างแบบลําดับชั้นอย่างเป็นสัดส่วน (Proportional Stratified Random Sampling) โดยแบ่งชั้นตามแผนกที่พนักงานสังกัด และใช้วิธีการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) ได้จํานวนกลุ่มตัวอย่าง คือ พนักงานบริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง จํานวน 330 คน
นิยามศัพท์เฉพาะที่ใช้ในการวิจัย
1. สัญญาทางจิตวิทยา (Psychological contract) หมายxxx xxxรับรู้และความคาดxxxx ต่างๆ ระหว่างพนักงานและองค์การในเรื่องเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ที่มีต่อxxxxxxxสองฝ่าย ความxxxxxxxx ในการxxxxงาน โดยxxxxxxมีการกําหนดการรับรู้และความคาดxxxxเหล่านั้นไว้เป็นลายลักษณ์xxxxx ซึ่ง สัญญาทางจิตวิทยาเป็นสิ่งที่มีลักษณะเป็นxxxxxxxxxเฉพาะตัว เนื่องจากเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบนพื้นฐาน ของการรับรู้ การตีความและความเข้าใจของแต่ละบุคคล ซึ่งxxxxxxประเมินได้จากองค์ประกอบ 4 ด้านคือสัญญาเชิงxxxxxxxxxx (Transactional contract) สัญญาเชิงความxxxxxxxx (Relational contract) สัญญาเชิงxxxxx (Balanced contract) และ ข้อตกลงทางการเปลี่ยนแปลง (Transitional arrangement)
สัญญาเชิงxxxxxxxxxx (Transactional contract) การรับรู้ของพนักงานที่มีต่อความxxxxxxxx ระหว่างตนเองและองค์การ ในรูปแบบการแลกเปลี่ยนผลประโยชนระยะสั้น มีการกําหนดระยะเวลาการxxxx งานที่แน่นอน มีความผูกพันต่ํา มีการระบุถึงรายละเอียดของผลการปฏิบัติงานอย่างชัดเจน พนักงานมี หน้าที่แค่เพียงทําตามหน้าที่ที่ตนรับผิดชอบที่เฉพาะเจาะจง ไม่มีการพัฒนาความxxxxxxของพนักงาน ในงานที่นอกเหนือจากงานที่รับผิดชอบ xxxxพนักงานxxxxxxคาดxxxxจะxxอยู่ทํางานในองค์การในระยะ เวลานาน ทําเพียงแค่ในเวลาxxxxงาน เป็นต้น
สัญญาเชิงความxxxxxxxx (Relational contract) หมายxxx xxxรับรู้ของพนักงานถึงตนเองและ องค์การ ซึ่ง มีความxxxxxxxxแบบปลายเปิด ไม่มีการกําหนดเวลาสิ้นสุดของสัญญาการxxxxงาน ให้ความxxxxxxxxกับความพึงxxxxด้านจิตใจ มีความxxxxxxxxสูง ไม่มีการระบุถึงรายละเอียดของผลการ ปฏิบัติงานอย่างเฉพาะเจาะจง ชัดเจน ใช้ความxxxxxxxกันระหว่างพนักงานและองค์การ มีความผูกพันและ ความxxxxxxxสูง พนักงานมีความรู้สึกเป็นสมาชิก และมีส่วนร่วมกับองค์การ xxxx มีความมั่นคง ความ xxxxxxxxxx เป็นต้น
สัญญาเชิงxxxxxxx (Balanced contract) หมายxxx xxxรับรู้ของพนักงานถึงความxxxxxxxx ระหว่างพนักงานและองค์การ ซึ่งเป็นรูปแบบที่มีความxxxxxxxxปลายเปิด ไม่มีการกําหนดระยะเวลาสิ้นสุด ของสัญญาการxxxxงาน พนักงานจะได้รับการพัฒนาทักษะความxxxxxxของการทํางานอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะทํางานอย่างเต็มประสิทธิภาพตามเป้าหมายขององค์การ มีความชัดเจนของความxxxxxxxxระหว่าง ผลการปฏิบัติงานกับรางวัล ซึ่งการให้รางวัลขึ้นอยู่กับผลการปฏิบัติงานและผลกําไรขององค์การ xxxx พนักงานถูกคาดxxxxให้พัฒนาทักษะในงาน เป็นต้น
ข้อตกลงทางการเปลี่ยนแปลง (Transitional arrangement) หมายxxx xxxรับรู้ของพนักงานถึง ความxxxxxxxxระหว่างตนเองและองค์การในสถานการณ์ที่มีxxxxxxxxxxxงานที่xxxxxxxxx เกิดความไม่ไว้ใจกัน ระหว่างนายจ้างและพนักงาน เกิดความรู้สึกที่กัดเซาะความxxxxxxxxของทั้งสองฝ่าย xxxxพนักงานมองเห็น สัญญาที่xxxxxxxxxขององค์การ เป็นต้น
2. ความผูกพันต่อองค์การ (Organization Commitment) หมายถึง xxxxxx ความรู้สึก ความxxxxxxxxxxxxxมีต่อองค์การ โดยมีความรู้สึกยอมรับและxxxxxxxxxในเป้าหมาย ค่าxxxxและปฏิบัติตาม กฎเกณฑ์ขององค์การอย่างxxxxxx มีความใส่ใจและทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อความสําเร็จขององค์การ มีความ xxxxxxxและมุ่งมั่นที่จะทํางานอยู่กับองค์การต่อไป ซึ่งxxxxxxประเมินได้จากองค์ประกอบ 3 ด้าน ได้แก่ ความผูกพันด้านจิตใจ (Affective Commitment) ความผูกพันด้านการxxอยู่ (Continuance Commitment) และ ความผูกพันxxxxxxxxxxxxx (Normative Commitment)
ความผูกพันด้านจิตใจ (Affective Commitment) หมายถึง ความผูกพันทางจิตใจของ พนักงานที่มีต่อองค์การ ผ่านทางความรู้สึก xxxxxx การแสดงออกและการมีส่วนร่วมของพนักงาน xxxx ความซื่อสัตย์ ความรัก ความอบอุ่น ความเป็นเจ้าของ ความxxxx ความxxxxxx ความxxxxx และอื่น ๆ
ความผูกพันด้านการxxอยู่ (Continuance Commitment) หมายถึง ความผูกพันของพนักงาน ที่มีความตั้งใจและความxxxxxxในการปฏิบัติงาน มีความต้องการอยู่เป็นสมาชิกในองค์การและการxxxxxxxxx จะทํางานให้กับองค์การอย่างต่อเนื่อง การยึดถือและทําตามกฎxxxxxxxขององค์การ โดยไม่คิดที่จะลาออก จากงาน
ความผูกพันxxxxxxxxxxxxx (Normative Commitment) เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นเพื่อตอบแทน สิ่งที่พนักงานได้รับจากองค์การและความรู้สึกในหน้าที่ที่ต้องทํางานต่อไป แสดงออกในรูปของความ xxxxxxxxxx xxxxxxแบบแผนต่าง ๆ ที่ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานของพนักงานให้กับองค์การต่อไป
3. พฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxxขององค์การ (Organizational Citizenship Behavior) หมายถึง พฤติกรรมการให้ความร่วมมือในด้านต่างๆ ที่พนักงานมีให้แก่องค์การ นอกเหนือจากบทบาทที่ องค์การคาดxxxxไว้ และเป็นกิจกรรมที่xxxxxxxxความxxxxxxxxระหว่างพนักงานกับองค์การ ความร่วมมือ ภายในองค์การ พฤติกรรมเหล่านี้ช่วยสนับสนุนให้เกิดความสําเร็จในองค์การ บุคคลxxxxxxปฏิบัติเพื่อ องค์การ โดยองค์การxxxxxxร้องขอและxxxxxxบังคับให้ทํา รวมxxxxxxxเกี่ยวข้องกับระบบการให้รางวัลที่องค์การ กําหนดไว้อย่างเป็นทางการ ซึ่งxxxxxxประเมินได้จากองค์ประกอบ 5 ด้าน ได้แก่พฤติกรรมการให้ความ ช่วยเหลือ (Altruism) พฤติกรรมการคํานึงถึงผู้อื่น (Courtesy) พฤติกรรมการxxxxxxxxxxx (Sportsmanship) พฤติกรรมการให้ความร่วมมือ (Civic Virtue) และพฤติกรรมการสํานึกในหน้าที่ (Conscientiousness)
พฤติกรรมการให้ความช่วยเหลือ (Altruism) หมายxxx xxxที่พนักงานให้ความช่วยเหลือบุคคลอนื่
ทันทีเมื่อเกิดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับงานขึ้น แสดงออกถึงความจริงใจ xxxxxxxxxจะช่วยเหลือ
พฤติกรรมการคํานึงถึงผู้อื่น (Courtesy) หมายxxx xxxที่พนักงานคํานึงถึงผู้อื่นเพื่อป้องกันการ xxxxxxกระทบและปัญหาขัดแย้งxxxxxxจะเกิดขึ้นตามมา เนื่องจากการทํางานในองค์การต้องอาศัยการพึ่งพา อาศัยซึ่งกันและกัน การกระทํา และการตัดสินใจของบุคคลหนึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้อื่นจึงควรคํานึงถึง บุคคลอื่นในองค์การ
พฤติกรรมความxxxxxxxxxxx (Sportsmanship) หมายถึง คุณลักษณะของพนักงานที่มี ความxxxx xxxxxxxต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความคับข้องใจ ความไม่สะดวกสบาย หรือแม้แต่ ความเครียดก็ตาม ในบางครั้งเรามีxxxxxxxxจะแสดงถึงความข้องใจที่เกิดขึ้นในงานแต่ต้องอดทนด้วยความxxxx xx เนื่องจากในการทํางานนั้นจําเป็นต้องมีการพึ่งพาอาศัยกัน แม้ว่าพนักงานมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องxxxxxและ ความเป็นธรรมได้ แต่จะเป็นการxxxxxภาระให้ผู้อื่น พนักงานจึงxxxxxxxxxxxด้วยความxxxxxx
พฤติกรรมการให้ความร่วมมือ (Civic Virtue) หมายxxx xxxกระของพนักงานที่แสดงออก โดย การรับผิดชอบ และการมีส่วนร่วมในกระบวนต่างๆภายในองค์การ เป็นผู้ที่ให้ความร่วมมือกับการประชุม เป็นอย่างดี เก็บความลับ แสดงความคิดเห็นในเวลาที่เหมาะสมและในรูปแบบที่สอดคล้องกับองค์การ
พฤติกรรมการสํานึกในหน้าที่ (Conscientiousness) หมายxxx xxxกระทําของพนักงานที่ xxxxxxxxxxxxxยอมรับกฎxxxxxxxภายในองค์การ โดยเอาใจใส่และเคารพต่อกฎxxxxxxx ตรงต่อ เวลา ปฏิบัติตนอยู่ในxxxxxxx คํานึงถึงทรัพย์สินขององค์การ ดูแลรักษาเครื่องมือ เครื่องใช้ ขององค์การ ไม่ใช้เวลาว่างในการปฏิบัติสิ่งอื่นนอกเหนือการทํางานภายในองค์การ
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ แบบสอบถาม ประกอบด้วย ปัจจัยส่วนบุคคล สัญญา ทางจิตวิทยา ความผูกพันต่อองค์การ และพฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxxขององค์การ โดย มี แนวทางการพัฒนาแบบสอบถาม ดังนี้
1) พัฒนาข้อคําถามจากแบบสอบถามที่สร้างโดยการศึกษา รวบรวมเอกสาร และศึกษา งานวิจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแล้วนํามาสร้างแบบสอบถามขึ้น
2) นําแบบสอบถามที่พัฒนาขึ้นเสนอต่อผู้ทรงคุณวุฒิ จํานวนรวม 3 ท่าน เพื่อทดสอบ อัตราส่วนความxxxxxxxxxเชิงเนื้อหา (Index of Item Objective Congruence: IOC) ตามสูตรของ Rovinelli and Hambleton (1977: 49-60) ทั้งนี้ ข้อคําถามต้องมีค่า IOC มากกว่า 0.5 จึงจะผ่าน เกณฑ์การทดสอบ
3) นําแบบสอบถามที่ผ่านการทดสอบความxxxxxxxxxเชิงเนื้อหาไปทดลองใช้ในพนักงาน ของบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างจํานวนรวม 30 คน เพื่อทดสอบค่าxxxxxxxxxxxxxxxxxx ของ Cronbach (Cronbach Alpha Coefficient) ตัดข้อคําถามที่ค่าความxxxxxxxxxต่ําออก และได้ แบบสอบถามที่นําไปเก็บข้อมูลจริง โดยที่แบบสอบถามสัญญาทางจิตวิทยา ความผูกพันต่อองค์การ และพฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxxขององค์การมีค่าความxxxxxxxxxของแบบสอบถาม เท่ากับ .854, .757 และ .838 ตามลําดับ
การเก็บรวบรวมข้อมูล
ผู้วิจัยได้ดําเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยxxxxxxงานกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ ของบริษัทแห่งหนึ่งและขอความอนุเคราะห์เก็บข้อมูลเพื่อการวิจัย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะส่งแบบสอบถามไป แต่ละฝ่ายงาน ทั้งนี้การเก็บข้อมูลจะขึ้นกับความสมัครใจของผู้ตอบแบบสอบถาม และเมื่อได้ แบบสอบถามคืนมาครบจํานวนเจ้าหน้าที่จะติดต่อให้ผู้วิจัยไปรับแบบสอบถามคืนเพื่อนําไปตรวจสอบ ความถูกต้องและนําไปวิเคราะห์ข้อมูลต่อไป
การวิเคราะห์ข้อมูล
การวิเคราะห์ข้อมูลใช้โปรแกรมสําเร็จรูปทางสถิติ โดยใช้สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่
1. สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistic) ได้แก่ ความถี่ (Frequency) และร้อยละ (Percentage) เพื่อใช้วิเคราะห์ข้อมูลของลักษณะส่วนบุคคล และค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงxxx มาตรฐาน (Standard Deviation) เพื่อใช้วิเคราะห์ระดับของxxxxxxxxxศึกษา
2. สถิติเชิงxxxxxx (Inferential Statistic) คือ ค่าสหxxxxxxxxxxxxxxxxx (Xxxxxxx’x product moment correlation coefficient)
ผลการวิจัย
1. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลของกลุ่มตัวอย่าง พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชาย (ร้อยละ 54.5) อายุ ระหว่าง 23-30 ปี (ร้อยละ 39.1) สถานภาพสมรส (ร้อยละ 56.1) และตําแหน่งงานฝ่ายผลิต (ร้อยละ 33.6)
2. ผลการวิเคราะห์xxxxxxxxxศึกษา พบว่า พนักงานมีระดับสัญญาทางจิตวิทยา ความ ผูกพัน ต่อองค์การ และพฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxxขององค์การ อยู่ในระดับสูง รายละเอียดดังตารางที่ 1
ตารางที่ 1 แสดงค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงxxxมาตรฐานของxxxxxxxxxใช้ในการวิจัย
xxxxxxxxxใช้ในการวิจัย | 𝐱̅ | S.D. | ระดับ |
1.xxxxxxxxxxxxxxxx | 4.12 | .21 | สูง |
1.1 xxxxxxxxxxxxxxxxxxx | 4.18 | .36 | สูง |
1.2 xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx | 4.19 | .26 | สูง |
1.3 xxxxxxxxxxxxxxxx | 4.24 | .35 | สูง |
1.4 ข้อตกลงทางการเปลี่ยนแปลง | 3.89 | .45 | สูง |
2. ความผูกพันต่อองค์การ | 4.18 | .21 | สูง |
2.1 ความผูกพันด้านจิตใจ | 4.23 | .25 | สูง |
2.2 ความผูกพันด้านการxxอยู่ | 4.20 | .36 | สูง |
2.3 ความผูกพันxxxxxxxxxxxxx | 4.11 | .40 | สูง |
3. พฤติกรรมการเป็นสมาชิกขององค์การxxxxx | 4.18 | .21 | สูง |
3.1 พฤติกรรมการให้ความช่วยเหลือ | 3.97 | .42 | สูง |
3.2 พฤติกรรมการคํานึงถึงผู้อื่น | 4.26 | .50 | สูง |
3.3 พฤติกรรมการxxxxxxxxxxx | 4.23 | .40 | สูง |
3.4 พฤติกรรมการให้ความร่วมมือ | 4.24 | .30 | สูง |
3.5 พฤติกรรมการสํานึกในหน้าที่ | 4.32 | .36 | สูง |
หมายเหตุ : การแปลผลค่าเฉลี่ย 1.00 – 2.33 ต่ํา, 2.34 – 3.67 ปานกลาง, 3.68 – 5.00 สูง
3. ผลทดสอบสมมติฐาน
xxxxxxxxxxx 1 สัญญาทางจิตวิทยามีความxxxxxxxxกับพฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxxขององค์การ ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า สัญญาทางจิตวิทยามีความxxxxxxxxทางบวกกับพฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxx ขององค์การอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (r = .259, p < .01) และเมื่อพิจารณาความxxxxxxxxระหว่างสัญญา ทางจิตวิทยากับพฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxxขององค์การในรายด้าน พบว่า สัญญาทางจิตวิทยามี ความxxxxxxxxกับพฤติกรรมการให้ความช่วยเหลือ พฤติกรรมการคํานึงถึงผู้อื่น พฤติกรรมความxxxxxx xxxxx พฤติกรรมการให้ความร่วมมือ และพฤติกรรมการสํานึกในหน้าที่ อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ รายละเอียด ดังตารางที่ 2
ตารางที่ 2 แสดงค่าxxxxxxxxxxxxสหxxxxxxxxระหว่างสัญญาทางจิตวิทยากับพฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxx ขององค์การ
พฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxxขององค์การ
xxxxxxxx xxxxxxxx
การให้ความ ช่วยเหลือ
การคํานึงถึง ผู้อื่น
ความxxxx xxxxxxx
การให้ความ ร่วมมือ
การสํานึก ในหน้าที่
รวม
.278** .105* .131* .035* .033* .259**
** p < .01. * p < .05
xxxxxxxxxxx 2 ความผูกพันต่อองค์การมีความxxxxxxxxกับพฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxxขององค์การ ผลการทดสอบxxxxxxxxxพบว่า ความผูกพันต่อองค์การมีความxxxxxxxxทางบวกกับของพฤติกรรมการเป็น สมาชิกxxxxxขององค์การอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (r = .418, p < .01) และเมื่อพิจารณาความxxxxxxxx ระหว่างความผูกพันต่อองค์การกับพฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxxขององค์การในรายด้าน พบว่าความผูกพัน ต่อองค์การมีความxxxxxxxxกับพฤติกรรมการให้ความช่วยเหลือ พฤติกรรมการคํานึงถึงผู้อื่น พฤติกรรมความ xxxxxxxxxxx พฤติกรรมการให้ความร่วมมือ และพฤติกรรมการสํานึกในหน้าที่ อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ รายละเอียด ดังตารางที่ 3
ตารางที่ 3 แสดงค่าxxxxxxxxxxxxสหxxxxxxxxระหว่างความผูกพันต่อองค์การกับพฤติกรรมการเป็นสมาชิก
xxxxxขององค์การ
ความ
ผูกพันต่อ องค์การ
การให้ความ ช่วยเหลือ
พฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxxขององค์การ
การคํานึงถึง ความอดทน การให้ความ ผู้อื่น อดกลั้น ร่วมมือ
การสํานึก ในหน้าที่
รวม
.364** .324** .089* .116* .061* .418**
การอภิปรายผลการวิจัย
จากผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า สัญญาทางจิตวิทยา ความผูกพันต่อองค์การ กับพฤติกรรม การเป็นสมาชิกxxxxxต่อองค์การ มีความxxxxxxxxกัน xxxxxxสรุปและอภิปรายผลได้ ดังนี้
1. สัญญาทางจิตวิทยามีความxxxxxxxxกับพฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxxขององค์การ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ Kishokumar (2018) และ Chahar (2019) แต่ไม่สอดคล้องกับ นิสสรณ์ ชัยวิจิตมกูล (2549) ซึ่งพบว่าสัญญาเชิงxxxxxxxxxxมีความxxxxxxxxทางลบกับพฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxx ขององค์การ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าสัญญาทางจิตวิทยาเป็นการรับรู้และความคาดxxxx ต่าง ๆ ระหว่าง พนักงานและองค์การในเรื่องเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ที่มีต่อxxxxxxxสองฝ่าย ความxxxxxxxxในการxxxxงาน โดย
xxxxxxมีการกําหนดการรับรู้และความคาดxxxxเหล่านนไว้เป็นลายลักษณ์xxxxx เกิดขึ้นบนพื้นฐานของการรับรู้
การตีความและความเข้าใจของแต่ละบุคคล ดังนั้นหากพนักงานที่รับรู้ในเรื่องบทบาทหน้าที่ของตน ซึ่งหมาย รวมถึงพฤติกรรมการให้ความร่วมมือในด้านต่างๆ ที่พนักงานมีให้แก่องค์การ นอกเหนือจากบทบาทที่ องค์การคาดxxxxไว้
2. ความผูกพันต่อองค์การมีความxxxxxxxxกับพฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxxขององค์การ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ xxxxx xxxxxxxxxx (2557) และxxxxxxxxxxxx xxxxxx, วาxx xxxxxxxxxxx, วัลนิกา xxxxบาง และ xxxxx xxxxxxxxxxxx (2560) ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่า พนักงานที่มีความผูกพันต่อ องค์การนั้น จะมีxxxxxx ความรู้สึกยอมรับและxxxxxxxxxในเป้าหมาย ค่าxxxxและปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของ องค์การ เอาใจใส่และทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อความสําเร็จขององค์การ มีความxxxxxxxและมุ่งมั่นที่จะทํางาน อยู่กับองค์การต่อไป ซึ่งจะส่งผลให้เกิดลักษณะของพฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxxขององค์การได้แก่ พร้อมที่ จะให้ความช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานและผู้บงั คับxxxxxอย่างความxxxxxx ให้ความสําคัญกับผลกระทบจากการ ปฏิบัติงานของตนxxxxxxมีต่อบุคคลอื่นและxxxxxxxxxxxxxจะไม่สร้างปัญหาให้กับบุคคลอื่น xxxxxxปฏิบัติงาน แม้ว่าจะมีข้อจํากัด
ข้อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะจากผลการวิจัย
1. จากผลการวิจัยที่พบว่า สัญญาทางจิตวิทยามีความxxxxxxxxกับพฤติกรรมการเป็นสมาชิก xxxxxขององค์การ บริษัทควรจะให้ความสําคัญกับการสร้างสัญญาทางจิตวิทยาโดยสร้างการรับรู้ถึงความ คาดxxxxของพนักงานและxxxxxความรู้สึกมั่นคงระหว่างองค์การกับพนักงาน สร้างความxxxxxxxxกับความพึง xxxxด้านจิตใจ เพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกคับข้องใจ ไม่ควรกําหนดระยะเวลาสิ้นสุดของสัญญาการxxxxงาน xxxxxxxxให้พนักงานพัฒนาทักษะความxxxxxxของการทํางานอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะทํางาน อย่าง เต็มประสิทธิภาพตามเป้าหมายขององค์การ รวมทั้งมีความชัดเจนของระบบประเมินผลการปฏิบัติงาน
2. จากผลการวิจัยที่พบว่าความผูกพันต่อองค์การมีความxxxxxxxxกับพฤติกรรมการ เป็นสมาชิกxxxxxขององค์การ บริษัทควรกําหนดxxxxxxxxxxxxเหมาะสม สร้างความรู้สึกยอมรับและxxxxxxxxxใน เป้าหมาย ค่าxxxxและปฏิบัติตามกฎเกณฑขององค์การอย่างxxxxxx ผ่านกระบวนการบริหารบุคคล xxxx การ ปฐมนิเทศ xxxxxxxxการมีส่วนร่วมของพนักงาน การจัดกิจกรรมxxxxxxxxxxความxxxxxxxxของพนักงาน เพื่อให้ เกิดความใส่ใจและทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อความสําเร็จขององค์การ มีความxxxxxxxและมุ่งมั่นที่จะทํางานอยู่ กับองค์การ
ข้อเสนอแนะสําหรับการวิจัยในxxxxx
1. ควรศึกษาตัวแปรเพิ่มเติมอื่นๆ xxxxxxจะมีผลต่อพฤติกรรมการเป็นสมาชิกองค์การxxxxxให้
xxxxxขึ้น xxxx การรับรู้ความยุติธรรมในองค์การ การสื่อสารในองค์การ
2. เนื่องจากแต่ละองค์การมีความแตกต่างกันทางด้านวัฒนธรรม ความเป็นอยู่และ สิ่งแวดล้อม จึงควรศึกษาวิจัย ไปยังกลุ่มxxxxxxxxxxมีลักษณะแตกต่างกลุ่มxxxxxxxxxxใช้ในการวิจัยนี้ โดย ศึกษาวิจัยกับกลุ่มประชากรในบริษัทที่ประกอบธุรกิจในด้านอื่น ซึ่งผลการวิจัยxxxxxxอาจมีความแตกต่างกัน
3. ควรศึกษาพฤติกรรมการเป็นสมาชิกองค์การxxxxxในลักษณะของงานวิจัยเชิงคุณภาพควบคู่ ไปกับงานวิจัยเชิงปริมาณ เพื่อให้ได้ข้อมูลจากกลุ่มxxxxxxxxxxเกี่ยวข้องกับ พฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxx ขององค์การในเชิงลึกxxxxxxxขึ้น
4. ควรศึกษาเปรียบเทียบพฤติกรรมการเป็นสมาชิกองค์การxxxxxxxxxxxxxxxxxวิธี ดําเนินงานที่ แตกต่างกัน xxxx บริษัทเอกชนแต่ละธุรกิจ หน่วยงานของภาครัฐ และองค์การรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้เข้าใจความ แตกต่างของพฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxxขององค์การมากขึ้น
บรรณานุกรม
xxxxxxx xxxxxxxxxxxxxx. (2549). ความxxxxxxxxระหว่างสัญญาทางจิตวิทยากับพฤติกรรมการเป็นสมาชิก xxxxxขององค์การและผลการปฏิบัติงานของพนักงานองค์การ. xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxและองค์การ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
xxxxxxxxxxxx xxxxxx, วาxx xxxxxxxxxxx, วัลนิกา xxxxบาง และxxxxx xxxxxxxxxxxx. (2560). รูปแบบ ความxxxxxxxxเชิงสาเหตุปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxxของครู ในโรงเรียนxxxxxxxxxx ธรรมแผนกสามัญศึกษา สังกัดมหาเถรสมาคม. วารสารมหาวิทยาลัยนครพนม, 7 (2), 36-44.
xxxxxx xxxxxxx. (2551). ภาวะความสุขกับพฤติกรรมการเป็นสมาชิกxxxxxขององค์การของพนักงาน ธนาคารพาณิชย์ (สํานักงานใหญ่) แห่งหนึ่ง. xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx xxxxxxxxxxxx xxxxxxxxxx มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
xxxxx xxxxxxxxxx. (2557). การรับรู้บรรยากาศองค์การ ความผูกพันต่อองค์การและการมีพฤติกรรมการ เป็นสมาชิกxxxxxขององค์การ: ของพนักงานธนาคารพาณิชย์ไทยแห่งหนึ่ง ในเขต กรุงเทพมหานคร. งานวิจัยส่วนบุคคลศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาจิตวิทยาอุตสาหกรรมและ องค์การ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
Xxxxx, N.J. and Xxxxx, J.P. (1990). The Measurement and Antecedents of Affective,Continuance, and Normative Commitment to the Organization, The Journalof Occupation Psychology. 63(1), 1–18.
Xxxxxx, X. (2019). Psychological Contract and Organizational Citizenship Behaviour: Exploring the Interrelatedness through cross Validation. Academy of Strategic Management Journal, 18 (1), 1-15.
Kishokumar, R., (2018), The Impact of Psychological Contract on Organizational Citizenship Behaviour: An Investigation on Banking Sector in Eastern Province, Sri Lanka. Asian Journal of Economics, Business and Accounting, 6, (1). 1-13.
Organ, D. W. (1988). Organization Citizenship Behavior: The Goods Soldier Syndrome.
Lexington, MA: Lexington.
Xxxxxxxx, D. M. (1995). Psychological contracts in organization: Understanding written and unwritten agreements. Thousand Oaks, CA: SAGE
Xxxxxxxxx, X. X., and Xxxxxxxxx, R. K. (1977). On the use of content specialists in the assessment of criterion-referenced test item validity. Dutch Journal of Educational Research, 2, 49-60.
Translated Thai References
Chaivijitmalakul, N. (2006). The Relationship Among Psychological Contract, Organization Citizenship Behavior and Performance of The Employee In Private Organization. Thesis for Master of Arts (Industrial and Organizational Psychology), Thammasat University.
Kanishthanonda, P. (2014). Perceived Organizational Climate, Organizational Commitment and Organization Citizenship Behavior: A Case Study of a commercial bank in Bangkok city. Individual Research for Master of Arts (Industrial and Organizational Psychology), Thammasat University.
Pheasa, E., Xxxxxxxxxx, W., Chalakbang, W. and Steannoppakao, P. (2017). A Causal Relationship Model of Factors Affecting Organizational Citizenship Behavior of Teachers in General Buddhist Scripture Schools, General Education Division, under Sangha Supreme Council of Thailand. Nakhon Phanom University Journal, 7 (2), 36-44.
Manator, P. (2008). Happiness and Organization Citizenship Behavior of Employee at a Commercial Bank (Headquarter). Thesis for Master of Science (Industrial Psychology). Kasetsart University.