Insurance Contracts and Consumer Rights
xxxxxxxxxxxxxxกับxxxxxผู้บริโภค
Insurance Contracts and Consumer Rights
Received: 27 ธันวาคม 2564 Revised: -
Accepted: 27 ธันวาคม 2564
บทคัดย่อ
xxxxxx xxxxxxx* xxxเสฎฐ์ xxxxxxxxเกียรติ** Xxxxxxxxx Xxxxxxxxx*** Xxxxxxxxx Xxxxxxxxxxxxx****
xxxxxxxxxxxxxxโดยหลักอยู่ภายใต้บังคับของxxxxxxกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยจะ คุ้มครองผู้เอาประกันภัยในความxxxxxxxxxxเกิดขึ้นจากเหตุxxxxxxทำประกันภัยเอาไว้ จึงเป็นประเด็นxxxxxx xxxxxxxxxxxxxxxxxxพิจารณาใช้xxxxxหากเกิดความเสียหายอันกระทบต่อxxxxxหรือหน้าที่ของบุคคล ตามxxxxxxxxxxxxxxในการดำเนินคดีอย่างคดีแพ่งสามัญทั่วไปหรือใช้xxxxxภายใต้หลักสัญญาผู้บริโภค ในการดำเนินคดีอย่างคดีผู้บริโภค เนื่องจากผู้เอาประกันนั้นก็xxxxxxเป็นผู้บริโภคในลักษณะของการทำ ธุรกิจประกันภัยเพราะว่าเป็นผู้xxxxxxรับบริการจากบริษัทxxxxxxxxxxxxxxxxxxได้ประกอบธุรกิจ
คำสำคัญ: ประกันภัย, xxxxxxxxxxxxxx, คุ้มครองผู้บริโภค, xxxxxผู้บริโภค
Abstract
* อาจารย์ประจำหลักสูตรนิติศาสตรxxxxxx คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
** xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx xxxxxxxxxxxxxx xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
*** Lecturer of Bachelor of Laws Program, Faculty of Social Science, Srinakharinwirot University
**** Student of Bachelor of Laws Program, Faculty of Social Science, Srinakharinwirot University
Insurance contracts are essentially subject to the Civil and Commercial Code. It will protect the insured from damages incurred as a result of the insured. Therefore, it is an issue that the insured can consider exercising their rights if there is damage that affects the rights under the insurance contract in litigation as general civil cases or exercising rights under the consumer contract in litigation as consumer cases. In order to the insured is a consumer in the nature of the insurance business, because it is the person who has received services from the insurer on their business.
Keywords: Insurance, Insurance Contract, Consumer Protection, Consumer Rights.
บทนำ
ในเรื่องของกระบวนการพิจารณาคดีแพ่งอันเกี่ยวกับคดีประกันภัยระหว่างผู้เอาประกันภัยกับ ผู้รับประกันภัยเมื่อเกิดขอพิพาทขึ้น xxxx กรณีผู้เอาประกันภัยถูกทำละเมิด xxxxxxxxxxxxxxxxxย่อมมีxxxxx ตามกฎหมายในการเรียกให้ผู้รับประกันภัยชดใช้ค่าเสียหายตามมูลxxxxxxxxxxxxxx และเมื่อxxxxxx xxxxxxxxxxxxชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามxxxxxxxxxxxxxxแล้ว การฟ้องxxxxxxxxเอาจากบุคคลภายนอกที่ เป็นผู้ทำละเมิดข้อพิพาทระหว่างผู้รับประกันภัยกับผู้ทำละเมิดจำต้องที่จะฟ้องร้องคดีตามxxxxxx กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
หากเป็นประเด็นอันเกี่ยวกับผู้เอาประกันภัยหรือxxxxxxxxxxxxxxxxxxเรียกค่าสินไหมทดแทนจาก ผู้รับประกันภัยนั้นจำเป็นต้องเรียกในคดีแพ่งทั่วไป อย่างไรก็ตามในส่วนของผู้รับประกันภัยซึ่งประกอบ ธุรกิจประกันภัยทำหน้าที่ในการให้บริการเพื่อการรับประกันภัยต่อผู้เอาประกันภัยเป็นลักษณะของการ ประกอบธุรกิจโดยผู้ประกอบธุรกิจโดยผู้บริโภค ซึ่งเป็นในการคุ้มครองทรัพย์สินและชีวิตของxxxxxx xxxxxxxxxxxxได้ทำไว้กับบริษัทประกันภัยเพื่อวินาศภัยหรือความxxxxxx เพราะตามหลักการแล้วสัญญา ผู้บริโภคตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2541 และพระราชบัญญัติxxxxxxxxxxxxxxผู้บริโภค พ.ศ. 2551 จะคุ้มครองผู้บริโภคในสัญญาต่าง ๆ ที่กระทำต่อผู้ประกอบธุรกิจเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบ แต่xxxxxxxxxxxxxxโดยหลักอยู่ภายใต้บังคับของxxxxxxกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์ โดยจะคุ้มครองผู้เอาประกันภัยในความxxxxxxxxxxเกิดขึ้นจากเหตุxxxxxxทำประกันภัยเอาไว้ จึงเป็น ประเด็นxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxพิจารณาใช้xxxxxหากเกิดความเสียหายอันกระทบต่อxxxxxหรือหน้าที่ของ บุคคลตามxxxxxxxxxxxxxxในการดำเนินคดีอย่างคดีแพ่งสามัญทั่วไปหรือใช้xxxxxภายใต้หลักสัญญา ผู้บริโภคในการดำเนินคดีอย่างคดีผู้บริโภค เนื่องจากผู้เอาประกันนั้นก็xxxxxxเป็นผู้บริโภคในลักษณะของ การทำธุรกิจประกันภัยเพราะว่าเป็นผู้xxxxxxรับบริการจากบริษัทxxxxxxxxxxxxxxxxxxได้ประกอบธุรกิจ
ซึ่งผลของการฟ้องคดีแพ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความxxxxxxผลต่างกันกับการ ฟ้องร้องอย่างคดีผู้บริโภคตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551 เพราะในคดีแพ่งนั้นจะ มีกระบวนการพิจารณากล่าวคือผู้ใดกล่าวอ้างผู้นั้นมีภาระการพิสูจน์ แต่ภายใต้คดีผู้บริโภคตาม พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภคผู้ใดที่อ้างว่าตนเสียหายxxxxxxยื่นคำร้องต่อศาลได้โดยให้ฝ่าย ถูกกล่าวอ้างมีภาระหน้าที่การพิสูจน์ รวมไปถึงเรื่องของอายุความและค่าxxxธรรมที่คดีผู้บริโภคมีการ คุ้มครองและเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคจึงเป็นประเด็นที่ว่าxxxxxในการฟ้องร้องดำเนินคดีอย่างไรของผู้ถูก xxxxxxxxxxxxxxxxทำดำเนินคดีได้และเป็นประโยชน์ที่สุด
กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค
กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค (Consumer Protection Law) คือ กฎหมายที่ให้ความคุ้มครอง xxxxxxxxxxแก่ผู้บริโภค ซึ่งหากกฎหมายใด ๆ ที่มีส่วนคุ้มครองประโยชน์ของผู้บริโภคในส่วนที่ เกี่ยวเนื่องกับผู้ประกอบธุรกิจถือเป็นกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคทั้งสิ้น กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคจึงมี หลายเรื่องหลายฉบับมิใช่กฎหมายฉบับเดียว1 และกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคได้กำหนดxxxxxขั้นพ้ืนฐาน ของผู้บริโภคให้รัฐxxxxxxเข้ามามีxxxxxในการจำกัดxxxxxของผู้ประกอบธุรกิจ เพื่อประโยชน์ในการ คุ้มครองและป้องกันขจัดความไม่เป็นธรรมของผู้บริโภค ซึ่งได้xxxxxxxไว้เพื่อจำกัดxxxxxตามxxxxxxxxxx ในพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2541 และพระราชบัญญัติข้อสัญญาxxxxxxเป็นธรรม พ.ศ. 2540
ลักษณะของคดีผู้บริโภค
การวินิจฉัยว่าคดีใดเป็นคดีผู้บริโภคมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบวิธีxxxxxxxxxxจะใช้และxxxxx หน้าที่ของคู่ความในคดีดังที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งการวินิจฉัยว่าคดีใดเป็นคดีผู้บริโภคจะมีหลักเกณฑ์การ xxxxxxxxxxแตกต่างจากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ยกตัวอย่างxxxx ในเรื่องของภาระการ พิสูจน์ของผู้ฟ้องเพราะในคดีแพ่งนั้นจะมีกระบวนการพิจารณากล่าวคือผู้ใดกล่าวอ้างผู้นั้นมีภาระการ พิสูจน์ แต่ภายใต้คดีผู้บริโภคตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภคผู้ใดที่อ้างว่าตนเสียหาย xxxxxxยื่นคำร้องต่อศาลได้โดยให้ฝ่ายถูกกล่าวอ้างมีภาระหน้าที่การพิสูจน์ หรือเรื่องของการยื่นxxxxxx
1 xxxxxxxx xxxxxxxxxxxxx, กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค, พิมพ์ครั้งที่ 1 (กรุงเทพมหานคร: xxxxxxxxxxxxxxxxx, 2543), หน้า 11-12.
หรือคำให้การในคดีผู้บริโภคคู่ความอาจกระทำด้วยวาจาได้ หรือการพิพากษาคดีให้มีผลถึงผู้บริโภคที่ ไม่ใช่คู่ความในคดี แต่อย่างไรก็ดีคดีผู้บริโภคนี้ใช้บังคับได้แต่เฉพาะคดีที่มีข้อพิพาทในทางแพ่งอย่าง เดียวเท่านั้นจะนำไปใช้กับคดีอาญาxxxxxx เนื่องจากนิยามคำว่า “คดีผู้บริโภค” ภายใต้พระราชบัญญัติวิธี พิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 3 กำหนดไว้แต่เฉพาะคดีแพ่งเท่านั้น ที่จะxxxxxxเป็นคดี ผู้บริโภคข้อพิพาทส่วนแพ่งที่พิจารณารวมไปกับคดีอาญาจึงไม่อยู่ในความหมายของคำว่า "คดีผู้บริโภค” เว้นแต่จะได้มีการแยกฟ้องข้อพิพาทส่วนคดีแพ่ง เป็นคดีแพ่งต่างหากจากคดีอาญาจึงจะxxxxxxเป็นคดี ผู้บริโภคที่อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติฉบับนี้2
ประเด็นต่อมาคดีผู้บริโภคนั้นต้องเป็นxxxxxxxxxxพิพาทระหว่างผู้บริโภคหรือผู้xxxxxxxฟ้องคดี
แทนผู้บริโภคตามมาตรา 19 หรือตามกฎหมายอื่น โดยเป็นการพิพาทกันระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบ ธุรกิจ โดยความหมายของ “ผู้บริโภค” และ “ผู้ประกอบธุรกิจ” เป็นไปตามนิยามในมาตรา 3 ใน พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2541 “ผู้บริโภค” หมายความว่า ผู้บริโภคตามกฎหมายว่าด้วย การคุ้มครองผู้บริโภค และให้หมายความรวมถึงผู้เสียหายตามกฎหมายเกี่ยวกับความรับผิดต่อความ xxxxxxxxxxเกิดขึ้นจากสินค้าxxxxxxปลอดภัยด้วย และ “ผู้ประกอบธุรกิจ” หมายความว่า ผู้ประกอบธุรกิจ ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภค และให้หมายความรวมถึงผู้ประกอบการตามกฎหมาย เกี่ยวกับความรับผิดต่อความxxxxxxxxxxเกิดขึ้นจากสินค้าxxxxxxปลอดภัยด้วย โดยมีข้อxxxxxxxในการ พิจารณาผู้บริโภคตามความของมาตรานี้ที่เกี่ยวกับลักษณะของxxxxxxxxxxxxxx
(ก) ผู้ซื้อหรือผู้ได้รับบริการจากผู้ประกอบธุรกิจ ซึ่งคำว่า “บริการ” หมายความว่า การให้xxxxx
ใด ๆ หรือการให้ใช้ประโยชน์หรือกิจการใด ๆ โดยเรียกค่าตอบแทนเป็นเงินหรือผลประโยชนือื่น (ข) ผู้ใช้สินค้าหรือผู้ได้รับบริการจากผู้ประกอบธุรกิจโดยชอบด้วยกฎหมาย
ดังนี้การที่จะเป็นผู้บริโภคที่มีลักษณะตามประเภทดังกล่าวต้องเป็นกรณีที่ผู้บริโภคเป็นผู้ฟ้อง และมีการเสียค่าตอบแทนหรือประโยชน์อื่นใดให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจและได้รับบริการจากผู้ประกอบ ธุรกิจ xxxx การxxxxxxxxxxxxxxxxxxทำxxxxxxxxxxxxxxกับบริษัทผู้รับประกันภัย โดยจ่ายเบี้ยประกันภัย เป็นค่าตอบแทนการที่บริษัทเข้าไปรับภาระเสี่ยงภัยxxxxxxxx
การฟ้องร้องคดีตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551
ประชาชนในฐานะผู้บริโภคหรือผู้ได้รับความเสียหายจากสินค้าอันตรายต่าง ๆ xxxxxxใช้xxxxx ฟ้องร้องต่อศาลในแผนกคดีผู้บริโภค ซึ่งตั้งประจำอยู่ในศาลแขวง ศาลจังหวัด และศาลแพ่ง โดย
2 xxxxxxxx xxxxxxxxxx, ลักษณะของคดีผู้บริโภค, xxxx://xxxxxxxxxxxxx.xxx/xxx search/consu2.pdf. (สืบค้นเมื่อxxxxxx 20 ธันวาคม 2564).
หลักการสำคัญของคดีผู้บริโภคนั้นจะxxxxxxผู้บริโภคขาดความรู้ความเข้าใจ ขาดข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ กระบวนการผลิตของผู้ประกอบการซึ่งอาจเป็นหลักฐานในการพิจารณาคดี ดังนั้น ในคดีผู้บริโภคจึง กำหนดให้ภาระการพิสูจน์เป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการต่างกับคดีแพ่งทั่วไปที่ภาระการพิสูจน์จะเป็น หน้าที่ผู้ของยื่นฟ้อง และการพิจารณาว่าคดีแบบใดที่ศาลจะรับดำเนินคดีและพิจารณาคดีเป็นคดี ผู้บริโภคตามวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551 มาตรา 3 คดีที่ศาลจะรับดำเนินคดีและพิจารณาคดีเป็น คดีผู้บริโภคจะต้องเป็นคดีแพ่งระหว่างผู้บริโภคหรือผู้xxxxxxxฟ้องคดีแทนผู้บริโภคกับผู้ประกอบธุรกิจ ซึ่งพิพาทxxxxxxxxxกับxxxxxหรือหน้าที่ตามกฎหมายอันเนื่องมาจากการบริโภคสินค้าหรือบริการ หรือคดี แพ่งตามกฎหมายเกี่ยวกับความรับผิดต่อความxxxxxxxxxxเกิดขึ้นจากสินค้าxxxxxxปลอดภัย หรือคดีแพ่งxxx xxxxxxxxxกับคดีทั้งสองข้อข้างต้นและคดีแพ่งอื่นที่มีกฎหมายxxxxxxxให้เป็นคดีผู้บริโภค
ประเด็นว่าบุคคลบ้างที่xxxxxxฟ้องร้องเป็นคดีผู้บริโภคได้หากพิจารณาแล้วxxxxxxแบ่งออก
ได้เป็น 1. ผู้บริโภค หมายถึง บุคคลผู้ซื้อหรือผู้ได้รับบริการจากผู้ประกอบธุรกิจและหมายความรวมถึง ผู้ใช้สินค้าหรือผู้ได้รับบริการจากผู้ประกอบธุรกิจโดยชอบ แม้มิได้เป็นผู้เสียค่าตอบแทนก็ตาม 2. ผู้ ประกอบธุรกิจ หมายถึง ผู้ขาย ผู้ผลิตเพื่อขาย ผู้สั่งหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขายหรือผู้ซื้อเพื่อ ขายต่อซึ่งสินค้าหรือผู้ให้บริการ 3. ผู้เสียหาย หมายถึงบุคคลผู้ได้รับความxxxxxxxxxxเกิดจากสินค้าxxxxxx ปลอดภัยไม่ว่าจะ เป็นความเสียหายต่อชีวิตร่างกายสุขภาพอนามัยจิตใจหรือทรัพย์สินแต่ไม่รวมถึงความ เสียหายต่อสินค้าxxxxxxปลอดภัยนั้น3
ขั้นตอนการยื่นฟ้องต่อศาลคดีผู้บริโภค
เมื่อผู้บริโภคหรือผู้เสียหายต้องการที่จะใช้xxxxxของตน พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 กำหนดให้ยื่นฟ้องต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาหรือต่อศาลที่มูลคดีเกิดในเขตอำนาจศาล แต่ ในส่วนของผู้ประกอบธุรกิจจะฟ้องคดีผู้บริโภคจะได้เฉพาะเขตศาลที่ผู้บริโภคxxxxxx xxxxxอยู่เท่านั้น ภายใน 3 ปีนับแต่xxxxxxรู้ถึงความเสียหาย หากเลยกำหนด 3 ปีนี้xxxxxxขาดอายุความ โดยผู้ยื่นฟ้อง xxxxxxxxxxด้วยวาจาหรือเป็นหนังสือก็ได้ และจะฟ้องด้วยตนเองหรือแต่งทนายความ หรือขอให้ คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคหรือสมาคมที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภครับรองxxxxxxการฟ้องร้อง แทนให้ก็ได้ โดยไม่ต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียม และเมื่อศาลรับxxxxxxแล้วศาลจะกำหนดวันนัดพิจารณา
3 มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค, หนังสือคู่มือฟ้องคดีผู้บริโภค, xxxxx://xxx.xxxxxxxxxxxx.xxx/ main/index.php?option=com_content&view=article&id=251:2009-06-15-07-17-31&catid
=2:2009-06-18-03-49-08&Itemid=9, (สืบค้นเมื่อxxxxxx 20 ธันวาคม 2564).
โดยเร็วและออกหมายเรียกจำเลยให้มาศาลตามกำหนดนัดเพื่อไกล่เกลี่ยให้การและสืบพยานในวัน เดียวกัน4
xxxxxxxxxxxxxx
แนวคิดหลักประกันภัยเริ่มพัฒนาและxxxxxxxxxxxxxxxขึ้นในประเทศไทยจึงทำให้การที่บุคคล ใดต้องการเข้าร่วมรับการบริการจากการประกอบธุรกิจของผู้รับประกันภัย ในรูปแบบของธุรกิจที่มี วัตถุประสงค์เพื่อการรับประกันภัย จำเป็นต้องจัดตั้งเป็นบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด ที่มีการจด ทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์และจะต้องได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจประกันภัยจากรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงพาณิชย์ โดยหลักของxxxxxxxxxxxxxxเป็นนิติกรรมสองฝ่าย ซึ่งเป็นสัญญาต่างตอบแทนที่เกิด จากการแสดงxxxxxบุคคล 2 ฝ่าย ได้แก่ บุคคลที่ส่งเงินเบี้ยประกันภัยและบุคคลที่ชำระค่าสินไหม ทดแทนเมื่อเกิดเหตุวินาศภัย กล่าวคือถ้ามีภัยเกิดขึ้นตามที่กำหนดไว้ ผู้รับประกันภัยจะชดใช้xxxxxxxxxx xxxเกิดขึ้นจริง แต่ไม่เกินจำนวนxxxxxxตกลงกันไว้ เพื่อเป็นการกำหนดไม่ให้เป็นการค้ากำไรแก่ผู้เอา ประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์จากเหตุวินาศภัยที่เกิดขึ้นxxxxxxxx หรือxxxxxxxxxxxxxxxxxxxผู้รับ ประกันภัยจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนแน่นอนโดยไม่ต้องxxxxxถึงความเสียหายว่ามีเพียงใดหากมีเหตุอย่าง อื่นในxxxxxดั่งได้ระบุไว้ในสัญญา ตามxxxxxxกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 861 “อันว่าxxxxx xxxxxxxxxนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง ตกลงจะใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือใช้เงินจำนวนหนึ่งให้ใน กรณีวินาศภัย หากมีขึ้น หรือในเหตุอย่างอื่นในxxxxxดั่งได้ระบุไว้ในสัญญาและใน การนี้บุคคลอีกคน หนึ่งตกลงจะส่งเงินซึ่งเรียกว่าเบี้ยประกันภัย” ดังนั้น เมื่อเป็นนิติกรรมสัญญาจึงอยู่ภายใต้หลักกฎหมาย xxxxนี้วัตถุประสงค์แห่งสัญญาจะต้องไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมxxxxxของประชาชนด้วย
โดยxxxxxxxxxxเกี่ยวข้องกับxxxxxxxxxxxxxxxxxเกิดขึ้นจากผู้เอาประกันภัยและบริษัทxxxxxx
xxxxxxxxxxxxมีด้วยกันหลายประการ xxxx5 หลักการมีส่วนได้เสียในการทำxxxxxxxxxxxxxx เนื่องจาก xxxxxxxxxxxxxxนั้น ผู้เอาประกันภัยจำเป็นที่จะต้องมีกรรมสิทธิ์ xxxxxประโยชน์ หรือความรับผิดตาม กฎหมายในวัตถุที่เอาประกันภัย ซึ่งเกิดขึ้นจากความxxxxxxxxทางการเงินโดยที่xxxxxส่วนได้เสียนั้น xxxxxxxxxจะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน หรือการกำหนดค่าสินไหมในxxxxxxxxxxx อีกทั้งการรับ ประโยชน์และส่วนที่จะต้องเสียหายในเหตุการณ์นั้น หรือหลักความxxxxxxในการทำxxxxxxxxxxxxxx
4 xxxxx xxxxxxxxxxxx, วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค, พิมพ์ครั้งที่ 1 (กรุงเทพมหานคร: xxxxxxxxxx xxxxxxxx, 2558), หน้า 55.
5 xxxxxxxx xxxxxxxx, หลักกฎหมายประกันภัย, พิมพ์ครั้งที่ 3 (กรุงเทพมหานคร: xxxxxxxxxx xxxxxxx, 2564), หน้า 187.
เพราะเจตนารมณ์ของหลักความxxxxxxในการทำxxxxxxxxxxxxxxคือ ผู้เอาประกันภัยและบริษัทผู้รับ ประกันภัยจะต้องเปิดเผยข้อความที่เป็นจริงในสาระสำคัญในการทำxxxxxxxxxxxxxx ซึ่งหากแต่แม้จะรู้ ภายหลังของการทำสัญญาไปและผู้เอาประกันภัย หรือผู้ถูกเอาประกันภัย ก็ย่อมที่จะมีหน้าที่จะต้อง เปิดเผยข้อเท็จจริงแก่บริษัทผู้รับประกันภัยด้วย
ข้อพิจารณาการดำเนินคดีระหว่างผู้รับประกันภัยกับบุคคลภายนอก
ในกรณีที่มีข้อพิพาทเกิดขึ้นหากเป็นกรณีxxxxxxxxxxxxxxxxxxถูกทำละเมิดจากบุคคลภายนอก xxxx เกิดเหตุรถชนกันระหว่างคู่กรณีกับผู้เอาประกันภัย ตามหลักของxxxxxxxxxxxxxxผู้เอาประกนภัย หรือผู้เสียหายมีxxxxxxxxจะเลือกฟ้องผู้ทำละเมิด หรือผู้ที่ต้องร่วมรับผิดในเหตุละเมิด หรือผู้รับประกันภัย คนใดคนหนึ่งให้รับผิดเต็มจำนวนหรือทุกคนให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในวงเงินประกันภัยซึ่งผู้ทำละเมิด ต้องรับผิดชอบได้ แต่หากผู้รับประกันภัยต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx xxxxนี้เมื่อxxxxxxxxxxxxxxxxxxชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามxxxxxxxxxxxxxxแล้วต้องการที่จะฟ้องxxxxxxxx เอาจากบุคคลภายนอกที่เป็นผู้ทำละเมิดเพราะxxxxxxxxxxxxxxxxxxรับช่วงxxxxxในการxxxxxxxxตามกฎหมาย มาจากxxxxxxxxxxxxxxxxxxถูกทำละเมิด แต่อย่างไรก็ตามข้อพิพาทดังกล่าวระหว่างผู้รับประกันภัยกับผู้ทำ ละเมิดจำเป็นที่จะต้องฟ้องเป็นคดีแพ่งหรือคดีอาญาแล้วแต่กรณี แต่จะหาฟ้องในมูลคดีของผู้บริโภคได้ เนื่องจากข้อพิพาทระหว่างผู้รับประกันภัยกับผู้ทำละเมิดไม่เป็นคดีผู้บริโภคตามมาตรา 3 (1) และไม่ใช่
คดีเกี่ยวพันตามมาตรา 3 (3) เพราะการที่จะฟ้องเป็นคดีผู้บริโภคต้องเป็นคดีแพ่งระหว่างผู้บริโภคหรือผู้
xxxxxxxฟ้องคดีแทนผู้บริโภค หรือตามกฎหมายอื่น กับผู้ประกอบธุรกิจซึ่งพิพาทxxxxxxxxxกับxxxxxหรือ หน้าที่ตามกฎหมายอันเนื่องมาจากการบริโภคสินค้าหรือบริการ หรือคดีแพ่งตามกฎหมายเกี่ยวกับ ความรับผิดต่อความxxxxxxxxxxเกิดขึ้นจากสินค้าxxxxxxปลอดภัย อีกทั้งกรณีผู้เอาประกันภัยไปทำละเมิดต่อ บุคคลภายนอก ผู้ถูกทำละเมิดxxxxxxxผู้รับประกันภัยค้ำจุนให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน คดีดังกล่าวก็ไม่ใช่ คดีผู้บริโภค ด้วยเหตุที่ว่าความxxxxxxxxระหว่างผู้เสียหายกับxxxxxxxxxxxxxxxxxxอยู่ในฐานะผู้บริโภคและผู้ ประกอบธุรกิจ xxxxนี้การที่xxxxxxxxxxxxxได้รับบริการใด ๆ จากผู้รับประกันภัยคดีดังกล่าวจึงไม่เป็นคดี ผู้บริโภค
ตัวอย่างxxxxในกรณีผู้ถูกทำละเมิดฟ้องบริษัทผู้รับประกันภัยรถที่ทำละเมิดนั้น ไม่เป็นคดี
ผู้บริโภค ดังจะเห็นได้จากคำพิพากษาxxxxxxx 31/25516 การที่โจทก์ฟ้องว่า เมื่อxxxxxx 31 สิงหาคม 2549 xxxxxxxxxxxxxxxxxขับรถบรรทุก หมายเลขทะเบียน 70-2037 นนทบุรี ลากจูงรถพ่วง หมายเลข
6 คำพิพากษาxxxxxxx 31/2551.
ทะเบียน 76-2503 กรุงเทพมหานคร ของผู้มีชื่อซึ่งได้เอาประกันวินาศภัยไว้กับจำเลยมาตามถนน กาญจนาภิเษกจากทางด้านบางนามุ่งหน้าทางด้านบางปะอิน โดยxxxxxxxxxxขับรถไปในทางการxxxxxxx หรือรับมอบหมายจากผู้มีชื่อซึ่งเป็นนายจ้างหรือตัวการด้วยความเร็วปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคล ในภาวะxxxxนั้นจักต้องมีความวิสัยและพฤติการณ์ ทำให้รถเสียหลักพุ่งชนรถบรรทุกหมายเลขทะเบียน 76-3492 กรุงเทพมหานคร ซึ่งลากจูงรถพ่วงหมายเลขทะเบียน 76-3496 กรุงเทพมหานคร ได้รับความ เสียหายอันเป็นการกระทำละเมิดแก่โจทก์ จำเลยในฐานะเป็นผู้รับประกันภัยรถของผู้มีชื่อ จึงต้องชดใช้ ค่าเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 432,600 บาทพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
ศาลแพ่งเห็นว่า กรณีมีปัญหาว่าคดีนี้เป็นคดีผู้บริโภคหรือxxx xxxส่งxxxxxxให้ประธานศาล
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx พ.ศ. 2551 มาตรา 8
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 3 คดีผู้บริโภค
หมายความว่า (1) คดีแพ่งระหว่างผู้บริโภคหรือผู้xxxxxxxฟ้องคดีแทนบริโภคตามมาตรา 19 หรือตาม กฎหมายอื่น กับผู้ประกอบธุรกิจซึ่งพิพาทxxxxxxxxxกับxxxxxหรือหน้าที่ตามกฎหมายอันเนื่องมาจากการ บริโภคสินค้าหรือบริการ ได้ความตามxxxxxxว่าจำเลยเป็นนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจ รับประกันภัยส่วนโจทก์มิใช่ผู้เอาประกันภัย หากแต่เป็นผู้ที่ถูกละเมิดและได้รับความเสียหายจากการที่ รถซึ่งเอาประกันภัยไว้กับจำเลยขับชนรถของโจทก์ xxxxxxxxมิใช่ผู้ได้รับบริการจากจำเลยและไม่เป็น ผู้บริโภคคดีนี้จึงไม่ใช่คดีพิพาทระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบธุรกิจ ไม่เป็นคดีผู้บริโภคตาม พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 3 (1) ซึ่งอยู่ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจกับ ผู้บริโภคxxxxxxxปรากฏว่าจำเลยกับxxxxxxxxxxxxxxxxxxมีข้อพิพาทระหว่างกันอย่างไร อันจะพอถือได้ว่าคดี นี้เป็นคดีที่มีความเกี่ยวพันกันและเป็นคดีผู้บริโภคตามมาตรา 3 (3)
วินิจฉัยว่าคดีของโจทก์ไม่เป็นคดีผู้บริโภค
จะเห็นได้ว่าประเด็นจากคำพิพากษาxxxxxxx 31/2551 ดังกล่าวการที่โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะ เป็นผู้รับประกันภัยรถของผู้ที่ทำละเมิดแก่โจทก์ ไม่ใช่กรณีคดีผู้บริโภคเนื่องจาก โจทก์ไม่ใช่ผู้เอา ประกันภัยกับจำเลยซึ่งเป็นบริษัทผู้รับประกันภัยรถที่ทำละเมิดจึงxxxxxxโจทก์ไม่มีxxxxxในฐานะของผู้xxxxxx บริการจากผู้ประกอบธุรกิจแต่อย่างใด โจทก์เป็นเพียงผู้ที่ถูกทำละเมิดและได้รับความเสียหายจากการที่ รถซึ่งเอาประกันภัยไว้กับจำเลยขับชนรถของโจทก์เท่านั้น จึงไม่ใช่คดีพิพาทระหว่างผู้บริโภคกับผู้ ประกอบธุรกิจ คดีดังกล่าวย่อมไม่เป็นผู้บริโภคคดีตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 3 (1) xxxxนี้หากโจทก์ต้องการโจทก์ขอให้บังคับจำเลยชำระพร้อมดอกเบี้ยย่อมต้องฟ้อง จำเลยในคดีแพ่งทั่วไป
อีกประการหนึ่งในเรื่องของบริษัทประกันภัยฟ้องเรียกให้ตัวแทนประกันภัยและผู้ค้ำประกัน
ชำระค่าเบี้ยประกันxxxxxxรับจากลูกค้าไว้แทนxxxxนี้ไม่เป็นคดีผู้บริโภค ดังจะเห็นได้จากคำพิพากษาxxxxxxx
169/25517 โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัท(มหาชน) จำกัด เมื่อxxxxxx 19 กุมภาพันธ์
2546 โจทก์ได้แต่งตั้งจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนประกันภัย โดยมีหน้าที่จัดหาลูกค้ามาทำxxxxxxxxxxxxxx
รถยนต์และรถจักรยานยนต์กับโจทก์ จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันการชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 ต่อมา จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาการชำระเงินค่าเบี้ยประกันภัยแก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 9,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
ศาลจังหวัดสมุทรสาครเห็นว่า กรณีมีปัญหาว่าคดีนี้เป็นคดีผู้บริโภคหรือxxxxxxส่งสำเนาxxxxxx ให้ประธานศาลอุทธรณ์วินิจฉัยตามพระราชบัญญัติxxxxxxxxxxxxxxผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 8
xxxxxxxxxxxxx xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 3 คดีผู้บริโภค หมายความว่า (1) คดีแพ่งระหว่างผู้บริโภคหรือผู้xxxxxxxฟ้องคดีแทนผู้บริโภคตามมาตรา 19 หรือตาม กฎหมายอื่นกับผู้ประกอบธุรกิจซึ่งพิพาทxxxxxxxxxกับสิทธิ์หรือหน้าที่ตามกฎหมายอันเนื่องมาจากการ บริโภคสินค้าหรือบริการและ (3) คดีแพ่งxxxxxxxxxxxxกับคดีตาม (1) หรือ (2) ได้ความตามxxxxxxว่า xxxxxxxxxxxเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายประเภทบริษัท(มหาชน) จำกัด มีวัตถุประสงค์ในการรับประกัน วินาศภัยทุกประเภทเมื่อxxxxxx 19 กุมภาพันธ์ 2546 โจทก์ได้แต่งตั้งจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนประกันภัย โดยมีหน้าที่จัดหาลูกค้ามาทำxxxxxxxxxxxxxxรถยนต์และรถจักรยานยนต์กับโจทก์ในประเภทสมัครใจ เห็นว่าความxxxxxxxxระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เป็นความxxxxxxxxในฐานะตัวการกับตัวแทนโดยโจท ก์ ซึ่งเป็นตัวการมอบหมายให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวแทนไปหาลูกค้ามาทำxxxxxxxxxxxxxxกับโจทก์ อัน เป็นการxxxxxxธุรกิจตามวัตถุประสงค์ของโจทก์ ลูกค้ารายใดทำxxxxxxxxxxxxxxและชำระค่าเบี้ย ประกันภัยแก่โจทก์ ย่อมเป็นผู้ใช้บริการและเป็นผู้บริโภค แต่จำเลยที่ 1 เป็นเพียงตัวแทนจัดหาลูกค้าแก่ โจทก์ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้ทำสัญญาค้ำประกันการชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 จำเลยทั้งสองxxxxxxทำ xxxxxxxxxxxxxxหรือใช้บริการใด ๆ จากโจทก์โดยตรงและไม่ได้เสียค่าตอบแทนแก่โจทก์ โจทก์กับ จำเลยทั้งสองจึงไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้ประกอบธุรกิจกับผู้บริโภค คดีระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสอง จึงไม่ เป็นคดีพิพาทระหว่างผู้ประกอบธุรกิจกับผู้บริโภคเกี่ยวกับสิทธิ์หรือหน้าที่ตามกฎหมายอันเนื่องมาจาก การบริโภคสินค้าหรือบริการ ตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภคพ.ศ. 2551 มาตรา 3 (1)
วินิจฉัยว่าคดีของโจทก์ไม่เป็นคดีผู้บริโภค
ข้อพิจารณาการดำเนินคดีระหว่างผู้เอาประกันภัยกับผู้รับประกันภัย
ในกรณีคดีพิพาทระหว่างผู้รับประกันภัยกับผู้เอาประกันภัย โดยทั่วไปการฟ้องร้องเรียก xxxxxxxxxxxxxxหายxxxxแล้วกฎหมายกำหนดให้ต้องใช้xxxxxตามxxxxxxกฎหมายแพ่งและxxxxxx
กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเป็นข้อกำหนดหลักในการบังคับxxx xxxxxxxxxxxxxxxภายใต้ พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 ที่กำหนดไว้การที่ผู้ใดจะxxxxxxมีxxxxx ในการฟ้อง คดีผู้บริโภคต้องเป็นคดีแพ่งระหว่างผู้บริโภคหรือผู้xxxxxxxฟ้องคดีแทนผู้บริโภคหรือตามกฎหมายอื่น กับผู้ประกอบธุรกิจซึ่งพิพาทxxxxxxxxxกับxxxxxหรือหน้าที่ตามกฎหมายอันเนื่องมาจากการบริการ ซึ่ง ลักษณะของxxxxxxxxxxxxxxระหว่างผู้เอาประกันภัยกับผู้รับประกันภัย ผู้เอาประกันxxxxxxเป็นผู้บริโภค ในลักษณะของการทำธุรกิจประกันภัย เนื่องจากผู้เอาประกันภัยเป็นผู้xxxxxxรับบริการจากบริษัทxxxxxx xxxxxxxxxxxxได้ประกอบธุรกิจ ซึ่งตามxxxxxxกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 861 ได้มีการจำกัด ความไว้ว่า “คู่สัญญาซึ่งตกลงจะส่งเบี้ยประกันภัยจำนวนหนึ่งให้ผู้รับประกันภัยเมื่อเกิดมีภัยขึ้น xxxxxx xxxxxxxxxxxxจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัย” xxxxนี้ธุรกิจประกันภัยกับผู้บริโภคหรือผู้ เอาประกันภัยนั้น จึงมีความสำคัญกันในเรื่องของxxxxxหรือประโยชน์ในบริการที่จะได้รับจากผู้รับ ประกันภัยในนามของผู้ประกอบธุรกิจ ซึ่งเป็นในลักษณะการคุ้มครองทรัพย์สินและชีวิตของxxxxxx xxxxxxxxxxxxได้เลือกทำไว้กับบริษัทประกันภัย คดีพิพาทระหว่างผู้รับประกันภัยกับxxxxxxxxxxxxxxxxxx เป็นคดีผู้บริโภคตามมาตรา 3 (1) ดังนั้นxxxxxxxxxxxxxxxxxxเป็นผู้บริโภคจึงมีxxxxxในการเลือกที่จะฟ้อง ผู้รับประกันภัยในคดีผู้บริโภคหรือฟ้องตามมูลคดีแพ่งตามxxxx
ตัวอย่างxxxxในกรณีโจทก์เป็นผู้เอาประกันภัย ทำxxxxxxxxxxxxxxกับจำเลยซึ่งประกอบธุรกิจ
รับประกันภัยทุกประเภท การที่จำเลยเข้าไปรับภาระเสี่ยงภัยแทนxxxxxxxxxxxxx ถือเป็นการจัดทำ การงานให้อย่างหนึ่ง เมื่อจำเลยได้รับเบี้ยประกันภัยจากกิจการของจำเลย จึงเป็นการให้บริการ จำเลย ย่อมเป็นผู้ให้บริการและเป็นผู้ประกอบธุรกิจ ส่วนโจทก์เป็นผู้ได้รับบริการและเป็นผู้บริโภค เมื่อโจทก์ ฟ้องเรียกให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทนตามxxxxxxxxxxxxxx xxxเป็นคดีผู้บริโภค ดังจะเห็นได้จากคำ พิพากษาxxxxxxx 60/25518 โจทก์ฟ้องว่า xxxxxxxxxxxเป็นนิติบุคคลประเภทจำกัด มีวัตถุประสงค์ ประกอบกิจการค้าขายและให้เช่าพื้นที่เพื่อทำกิจการค้าภายในท่าอากาศยาน จำเลยxxxxxxเป็นนิติ บุคคลประเภทบริษัทมหาชนจำกัดมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการรับประกันภัยทุกประเภท โจทก์ทำ xxxxxxxxxxxxxxกับจำเลยเพื่อความเสี่ยงทุกอย่างในการก่อสร้างและความรับผิดต่อบุคคลที่สามในการ ก่อสร้างสนามบินxxxxxxxxxx ในโครงการงานตกแต่งภายในสำหรับ xxx เพาเวอร์ในคอมเพล็กซ์อาคาร ผู้โดยสารและพื้นที่ว่างต่าง ๆ ต่อมาระหว่างก่อสร้างปรับปรุงพื้นที่ร้านค้าได้เกิดความเสียหายแก่ผ้าใบ ชั้นในของอาคารเทียบเครื่องบินของบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบ ของโจทก์ในขณะนั้น โจทก์แจ้งความเสียหายให้จำเลยทราบเพื่อรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตาม
xxxxxxxxxxxxxx แต่จำเลยxxxxxxx ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าสินไหมทดแทนพร้อมดอกเบี้ยนับ แต่xxx xxxxจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ประธานศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นคดีผู้บริโภคหรือไม่ xxxxxxxxxx ส่งxxxxxxและคำให้การให้ประธานศาลอุทธรณ์วินิจฉัยตามพระxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx พ.ศ. 2551 มาตรา 8
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 3 คดีผู้บริโภค
หมายความว่า (1) คดีแห่งระหว่างผู้บริโภคหรือผู้xxxxxxxฟ้องคดีแทนผู้บริโภคตามมาตรา 19 หรือตาม กฎหมายอื่น กับผู้ประกอบธุรกิจซึ่งพิพาทxxxxxxxxxกับxxxxxหรือหน้าที่ตามกฎหมายอันเนื่องมาจากการ บริโภคสินค้าหรือบริการ ได้ความตามxxxxxxว่า โจทก์เป็นผู้เอาประกันภัย โดยทำxxxxxxxxxxxxxxกับ จำเลยสำหรับความเสี่ยงทุกอย่างในการก่อสร้างและความรับผิดต่อบุคคลที่สามในการก่อสร้างสนามบิน xxxxxxxxxx โดยจ่ายเบี้ยประกันภัยเป็นค่าตอบแทนการที่จำเลยเข้าไปรับภาระเสี่ยงภัยแทนxxxxxxxx xxxxxดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการจัดทำการงานให้อย่างหนึ่งเมื่อจำเลยได้รับเบี้ยประกันภัยเป็น ค่าตอบแทนกิจการของจำเลยจึงเป็นการให้บริการถือได้ว่าจำเลยเป็นให้ผู้บริการและเป็นผู้ประกอบ ธุรกิจ ส่วนโจทก์อยู่ในฐานะผู้รับบริการและเป็นผู้บริโภค เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยชำระค่าสินไหม ทดแทนตามxxxxxxxxxxxxxxพร้อมดอกเบี้ย จึงเป็นคดีพิพาทระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบธุรกิจอัน เนื่องมาจากการใช้บริการ เป็นคดีผู้บริโภคตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 3 (1)
วินิจฉัยว่า คดีของโจทก์เป็นคดีผู้บริโภค
จะเห็นได้ว่าประเด็นจากคำพิพากษาxxxxxxx 60/2551 ดังกล่าวการที่โจทก์ทำxxxxxxxxxxxxxx กับจำเลยเพื่อความเสี่ยงทุกอย่างในการก่อสร้างและความรับผิดต่อบุคคลที่สามในการก่อสร้างสนามบิน xxxxxxxxxxถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้เอาประกันภัยตามxxxxxxxxxxxxxxxxxโจทก์ก็ได้ชำระเบี้ยประกันภัยเป็น ค่าตอบแทนxxxxxxxxจำเลยจึงมีหน้าที่ในการประกันภัยในความเสี่ยงที่เกิดขึ้น จึงxxxxxxเป็นการ ให้บริการ โดยจำเลยเป็นให้ผู้บริการและเป็นผู้ประกอบธุรกิจ ส่วนโจทก์อยู่ในฐานะผู้รับบริการและเป็น ผู้บริโภค xxxxนี้คดีดังกล่าวจึงเป็นคดีพิพาทระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบธุรกิจอันเนื่องมาจากการใช้ บริการ เป็นคดีผู้บริโภคตามพระราชบัญญัติxxxxxxxxxxxxxxผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 3 (1)
หรือประเด็นเรื่องของผู้ตายเอาประกันภัยไว้แก่บริษัทผู้ประกอบธุรกิจรับประกันภัย ผู้ตายย่อม เป็นผู้ใช้บริการและเป็นผู้บริโภค xxxxxxxxxxxxxxระหว่างผู้ตายกับบริษัทxxxxxxxxxxxxxxx xxxเป็นสัญญา ระหว่างผู้ประกอบธุรกิจกับผู้บริโภค เมื่อผู้ตายถึงแก่ความตาย การxxxxxxxxxxxxxxxxxตามกรมธรรม์ ประกันภัยเรียกค่าสินไหมทดแทนโดยอาศัยกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าว จึงเป็นคดีผู้บริโภคดังจะเห็นได้
จากคำพิพากษาxxxxxxx 61/25519 โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายxxxxx หลินมา ซึ่งเอาประกันภัยอุบัติเหตุไว้แก่จำเลย ต่อมานายxxxxx ถูกทำร้ายจนถึงแก่ความตาย จำเลยจึง ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัย แต่จำเลยxxxxxxx ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดพัทลุงว่า คดีไม่ใช่คดีผู้บริโภค ศาลจังหวัดพัทลุงจึงส่งxxxxxxให้ ประธานศาลอุทธรณ์วินิจฉัยตามพระราชบัญญัติxxxxxxxxxxxxxxผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 8
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 3 คดีผู้บริโภค
หมายความว่า (1) คดีแพ่งระหว่างผู้บริโภคหรือผู้xxxxxxxฟ้องคดีแทนผู้บริโภคตามมาตรา 19 หรือตาม กฎหมายอื่น กับผู้ประกอบธุรกิจซึ่งพิพาทxxxxxxxxxกับxxxxxหรือหน้าที่ตามกฎหมายอันเนื่องมาจากการ บริโภคสินค้าหรือบริการ และ (3) คดีxxxxxxxxxxxxกันกับคดีตาม (1) หรือ (2) ได้ความตามxxxxxxและ คำให้xxxxxx จำเลยเป็นนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการรับประกันภัย จึงถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้ ให้บริการและเป็นผู้ประกอบธุรกิจ ส่วนโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัย กรณีนาย xxxxx หลินมา เอาประกันภัยไว้แก่จำเลย จึงxxxxxxนายxxxxxเป็นผู้ใช้บริการและเป็นผู้บริโภค xxxxx xxxxxxxxxxxxทำขึ้นระหว่างจำเลยกับxxxxxxxxxxxเป็นสัญญาระหว่างผู้ประกอบธุรกิจกับผู้บริโภค เมื่อ นายxxxxxถึงแก่ความตายโดยมีโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์มาเรียกร้องให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน โดยอาศัยกรมธรรม์ประกันภัยและจำเลยปฏิเสธไม่ยอมชดใช้โดยอ้างว่าเป็นกรณีเข้าข้อยกเว้นที่จำเลย ไม่ต้องรับผิดตามxxxxxxxxxxxxxx คดีนี้จึงเกี่ยวพันกันกับข้อพิพาทxxxxxxxxที่ทำขึ้นระหว่างผู้ ประกอบธุรกิจกับผู้บริโภค เป็นคดีผู้บริโภคตามพระราชบัญญัติxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx พ.ศ. 2551 มาตรา 3 (3)
วินิจฉัยว่าคดีของโจทก์เป็นคดีผู้บริโภค
จะเห็นได้ว่าประเด็นจากคำพิพากษาxxxxxxx 61/2551 ดังกล่าวการที่โจทก์ได้ทำxxxxx xxxxxxxxxอุบัติเหตุของสามีของตนโดยชอบด้วยกฎหมายแก่จำเลยซึ่งเป็นxxxxxxxxxxxxxxx xxxxxxxx เมื่อเกิดอุบัติเหตุจำเลยก็ย่อมมีหน้าที่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ตาม xxxxxxxxxxxxxxxxx xxxxนี้จำเลยจึงเป็นนิติบุคคลที่มีวัตถุประสงค์ในประกอบกิจการรับประกันภัย จึง ถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้ให้บริการและเป็นผู้ประกอบธุรกิจ ส่วนโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์ตามxxxxxxxx xxxxxxxxxxxxxxxxxxเป็นผู้บริโภค คดีดังกล่าวจึงเกี่ยวพันกันกับข้อพิพาทxxxxxxxxที่ทำขึ้นระหว่างผู้
9 คำพิพากษาxxxxxxx 61/2551.
ประกอบธุรกิจกับผู้บริโภค จึงxxxxxxเป็นคดีผู้บริโภคตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 3 (3)
บทสรุป
xxxxxxxxxxxxxxถือได้ว่าเป็นธุรกิจในรูปแบบที่จะต้องจดทะเบียนและได้รับความอนุญาตจาก กระทรวงพาณิชย์ เมื่อผู้รับประกันภัยจัดตั้งเป็นบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัดแล้ว ผู้เอา ประกันภัยย่อมชอบที่จะเข้าทำสัญญากับบริษัทผู้รับประกันได้ เมื่อสัญญาของทั้งสองฝ่ายได้เกิดขึ้นแล้ว บรรดาxxxxxและหน้าที่ต่าง ๆ ที่มีต่อกัน หากเกิดเหตุวินาศภัยขึ้นบริษัทผู้รับประกันมีหน้าที่จะต้องชดใช้ ค่าสินไหมให้แก่xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดขอพิพาทขึ้นในกรณีxxxxxxxxx xxxxxxxxxถูกทำละเมิดจากบุคคลภายนอก เมื่อxxxxxxxxxxxxxxxxxxชดใช้xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx ประกันภัยแล้วการฟ้องxxxxxxxxเอาจากบุคคลภายนอกที่เป็นผู้ทำละเมิดข้อพิพาทระหว่างผู้รับประกันภัย กับผู้ทำละเมิดจำต้องที่จะฟ้องร้องคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง แต่หากเป็นประเด็น การฟ้องร้องระหว่างผู้เอาประกันภัยและผู้รับประกัน ผู้เอาประกันก็มีxxxxxxxxจะxxxxxxฟ้องร้องคดีตาม พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551 เนื่องจากผู้เอาประกันนั้นก็xxxxxxเป็นผู้บริโภคใน ลักษณะของการเข้าทำธุรกิจประกันภัยติ่xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxเป็นผู้xxxxxxรับบริการจากบริษัทxxxxxx xxxxxxxxxxxxได้ประกอบธุรกิจที่มีวัตถุประสงค์คือการประกันภัย
โดยหากเป็นการฟ้องร้องคดีตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551 xxxxxx
xxxxxxxxxxxxได้รับxxxxxxxxxxกว่าการฟ้องตามอย่างคดีแพ่งทั่วไป ในเรื่องของหลักการคุ้มครอง ผู้บริโภคที่หากเป็นคดีผู้บริโภคตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค xxxx ผู้ใดที่อ้างว่าตนเสียหาย xxxxxxยื่นคำร้องต่อศาลได้โดยให้ฝ่ายถูกกล่าวอ้างมีภาระหน้าที่การพิสูจน์ แต่ในคดีแพ่ง xxxxจะมี กระบวนการพิจารณา คือผู้ใดกล่าวอ้างผู้นั้นมีภาระการพิสูจน์ หรือเรื่องของอายุความในการฟ้องร้อง โดยคดีผู้บริโภคตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 13 “ในกรณีที่ความ เสียหายเกิดขึ้นต่อชีวิต ร่างกาย สุขภาพ หรืออนามัย โดยผลของสารที่สะสมอยู่ในร่างกายของผู้บริโภค หรือเป็นกรณีที่ต้องใช้เวลาในการแสดงอาการ ผู้บริโภคหรือผู้xxxxxxxฟ้องคดีแทนผู้บริโภคต้องใชxxxxx เรียกร้องภายในสามปีนับแต่xxxxxxรู้ถึงความเสียหายและรู้ตัวผู้ประกอบธุรกิจที่ต้องรับผิด แต่ไม่เกินสิบปี นับแต่xxxxxxรู้ถึงความเสียหาย” แต่หากเป็นกรณีอายุความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ตามมาตรา 882 วรรค 1 ในกรณีxxxxxxxxxxxxxxxxxxฟ้องผู้รับประกันภัย หรือกรณีผู้ถูกละเมิดฟ้องผู้รับ ประกันภัย ต้องใช้อายุความ 2 ปี หรือกรณีของค่าxxxxxxxxxxฟ้องร้องดำเนินคดีทางแพ่งตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ผู้ฟ้องร้องจำเป็นที่จะต้องเสียค่าธรรมเนียมเดิมเป็นไปตามxxxx
ตาม มาตรา 149 บังคับให้ชำระ ให้คู่ความผู้ยื่นxxxxxxเป็นผู้ชำระเมื่อยื่นxxxxxx แต่หากเป็นการ ฟ้องร้องบังคับคดีตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 จะxxxxxxยกเว้นค่าxxx ธรรมเนียมแก่ผู้บริโภคหรือผู้xxxxxxxฟ้องคดีแทนผู้บริโภคได้ ตามมาตรา 18
ดังนั้น กรณีผู้เอาประกันภัยฟ้องร้องxxxxxxxxxxxxxxxxxxเป็นคดีผู้บริโภคด้วยเหตุว่าความxxxxxxxx ระหว่างผู้เสียหายกับผู้รับประกันภัยอยู่ในฐานะผู้บริโภคและผู้ประกอบธุรกิจ xxxxxxรับบริการจากผู้รับ ประกันภัยตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 3 (1) และเป็นคดีเกี่ยวพัน
ตามมาตรา 3 (3) ผู้เอาประกันภัยxxxxxxxxxxในคดีผู้บริโภคในฐานะที่ตนเป็นผู้บริโภคได้หรือxxxxxx เลือกใช้xxxxxของตนxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxในคดีแพ่งxxxxxxxxxกัน
บรรณานุกรม
คำพิพากษาxxxxxxx 169/2551. คำพิพากษาxxxxxxx 31/2551. คำพิพากษาxxxxxxx 60/2551. คำพิพากษาxxxxxxx 61/2551.
xxxxxxxx xxxxxxxxxxxxx. กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค. xxxxxxxxxxที่ 1. กรุงเทพมหานคร: xxxxxxxxxxxxxxx xx, 2543.
xxxxxxxx xxxxxxxxxx. ลักษณะของคดีผู้บริโภค, xxxx://xxxxxxxxxxxxx.xxx/xxxxxxx/00000
/bth3.pdf. (สืบค้นเมื่อxxxxxx 20 ธันวาคม 2564).
ณxxx xxxxxxxxxxxxx. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการประกันภัยต่อ. สำนักงานคณะกรรมการกำกับและxxxxxxxx การประกอบธุรกิจประกันภัย. xxxxx://xxx.xxx.xx.xx/xxxxx/xxxxxxx/xxxxx/xxxxxxxxx/xxxxx 2.pdf. (สืบค้นเมื่อxxxxxx 20 ธันวาคม 2564).
xxxxxxxx xxxxxxxx. หลักกฎหมายประกันภัย, xxxxxxxxxxที่ 3. กรุงเทพมหานคร: xxxxxxxxxxxxxxxx, 2564.
xxxxxxx วายุภาพ. คำอธิบายกฎหมายวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค. xxxxxxxxxxที่ 4. สำนักพิมพ์: xxxxxxxxx, 2564.
มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค(มพบ.). หนังสือคู่มือฟ้องคดีผู้บริโภค, xxxxx://xxx.xxxxxxxxxxxx.xxx/ main/index.php?option=com_content&view=article&id=251:2009-06-15-07-17-
31&catid=2:2009-06-18-03-49-08&Itemid=9. (สืบค้นเมื่อxxxxxx 20 ธันวาคม 2564). สำนักงานศาลยุติธรรม. “หนังสือรวมคำวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์ในคดีผู้บริโภคปี 2551”. 24
สิงหาคม 2551.
xxxxx xxxxxxxxxxxx. xxxxxxxxxxxxxxผู้บริโภค. xxxxxxxxxxที่ 1, กรุงเทพมหานคร: xxxxxxxxxxxxxxxxxx, 2558.