กฎหมาย. ข้อก˚าหนดและเงื่อนไขนี้ อยู่ภายใต้ข้อบังคับและการตีความตามกฎหมายไทย การด˚าเนินคดีใดๆ ที่ เกี่ยวเนื่องกับข้อก˚าหนดและเงื่อนไขนี้ให้ด˚าเนินการเฉพาะแต่ในประเทศไทย
กฎหมาย. ข้อก าหนดและเงื่อนไขนี้ อยู่กภารยดใตา้เขทน้ีิอ่นบคัดงีคใัดบๆแ เกี่กยัวบเขน้ือ่กองาหนดและเงื่อนไขนี้ให้ด าเนินการเฉพ
กฎหมาย. ผู้ให้บริการและผู้ขอรับบริการ ตกลงว่าข้อกําหนดและเงื่อนไขการรับบริการฉบับนี้ให้ใช้บังคับและตีความตามกฎหมาย ไทยและกรณีมีข้อพิพาทใดๆ เกิดขึ้นตามเอกสารนี้จะดําเนินคดีในเขตอํานาจแห่งศาลไทย ผู้ขอรับบริการรับทราบและยอมรับว่าผู้ให้บริการมีสิทธิตรวจสอบการใช้บริการหรือการเข้าใช้ iBond และ/หรือ Mark –to- Market ของผขอรับบริการไม่ว่าผ่านทางอินเทอร์เน็ต หรือโดยวิธีการอื่นใด ข้อมูลทั้งปวงซึ่งผู้ให้บริการมอบให้แก่ผู้ขอรับบริการ หรือผู้ขอรับบริการได้รับมาโดยประการอื่นใด อันเป็นข้อมูล เกี่ยวกับกิจการหรือการดําเนินการของผู้ให้บริการ ผู้ขอรับบริการ ลูกจ้าง ตัวแทน หรือผู้รับจ้างช่วงของผู้ขอรับบริการจะต้อง เก็บข้อมูลดังกล่าวไว้เป็นความลับ ทั้งนี้ผู้ขอรับบริการต้องใช้มาตรฐานในการรักษาข้อมูลเช่นเดยวกับมาตรฐานที่ผขอรับบริการใช้ ในการรักษาปกป้องข้อมูลความลับของตนเอง (โดยมาตรฐานการรักษาความลับนั้นต้องเป็นมาตรฐานที่วิญญูชนพึงคาดหมายได้) และผู้ขอรับบริการจะไม่ใช้ข้อมูลเช่นว่านั้นเพื่อการอื่นใดอันมิใช่เพื่อประโยชน์ของผู้ให้บริการรวมทั้งจะไม่เปิดเผยข้อมูลนั้นๆ แก่ บุคคลภายนอกด้วย
12.1 ผู้ให้บริการมีสิทธิเปลี่ยนแปลงข้อกําหนดและเงื่อนไขการรับบริการนี้ ได้โดยผู้ให้บริการจะแจ้งให้ผู้ขอรับบริการ ทราบล่วงหน้าเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 30 (สามสิบ) วันก่อนวันที่ประสงค์จะมผลบังคับใช้
12.2 ในกรณีที่ผู้ขอรับบริการไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงข้อกําหนดและเงื่อนไขการรับบริการ และ/หรออัตรา ค่าธรรมเนียมที่กล่าวข้างต้นและประสงค์จะบอกเลิกรับบริการตามใบสมัครนี้ ผู้ขอรับบริการต้องแจ้งให้ผู้ให้บริการทราบเป็นลาย ลักษณ์อักษรภายในระยะเวลา 30 (สามสิบ) วัน นับแต่วันที่ได้รับคําบอกกล่าวแจ้งการเปลี่ยนแปลง โดยทั้งนี้ให้การบอกเลิกการ รับบริการมีผลในวันที่ข้อกําหนดและเงื่อนไขการรับบริการใหม่มีผลใช้บังคับ
กฎหมาย. ข้อตกลงฉบับนี้ มีผลบังคับและผูกผันสอดคล้องตามกฎหมายประเทศไทย ความสามารถของ ผู้ทําข้อตกลง ผู้ทําข้อตกลงต้องมีความรู้ความสามารถ และคุณสมบัติ เพียงพอที่จะดําเนินการตรวจอย่างมี ประสิทธิผล หากพบว่าผู้ทําข้อตกลงไม่มีความรู้ความสามารถเพียงพอ หรือให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ หรือไม่ ปฏิบัติตามข้อตกลง กมป. กรมประมง มีสิทธิที่จะยกเลิกข้อตกลงนี้
กฎหมาย. วิชากฎหมาย หมายความว่า การประกอบ วิชาชีพของผู้มีวุฒิการศึกษาด้านกฎหมาย ซึ่งต้องใช้ความรู้ความสามารถเฉพาะทางด้าน กฎหมาย เช่น ที่ปรึกษากฎหมาย ทนายความ ในเรื่องการแบ่งเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2) แห่งประมวลรัษฎากร ออกจากเงินได้ พึงประเมินตามมาตรา 40 (6) แห่งประมวล- รัษฎากร ในส่วนของการประกอบวิชาชีพอิสระ วิชากฎหมาย โดยวางหลักเกณฑ์ดังนี้ เป็นต้น ซึ่งมีค�าพิพากษาฎีกาท 8214/2549
1. เงินได้พึงประเมินจากการรับท�างานให้ ได้อธิบายความหมายของคา� ว่า “วิชากฎหมาย” ไว้ว่า “ ... โจทก์ท้งสองส�าเร็จการศึกษา วิชากฎหมายจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โจทก์ท้งสองร่วมกันเป็นคณะบุคคล มีวัตถุ- ประสงค์เป็นที่ปรึกษากฎหมาย เมื่อประมวล- รัษฎากร มาตรา 40 (6) บัญญัติให้เงินได้จาก วิชาชีพกฎหมายเป็นเงินได้จากวิชาชีพอิสระ และเป็นเงินได้ประเภทหนึ่งต่างจากเงินได้ ประเภทอื่น โจทก์ทั้งสองส�าเร็จการศึกษาวิชา กฎหมาย เงินได้ที่โจทก์ทั้งสองได้รับมาจาก การเป็นที่ปรึกษากฎหมายจึงเป็นเงินได้ตาม มาตรา 40 (6) แห่งประมวลรัษฎากร หามี บทบัญญัติว่าการประกอบอาชีพกฎหมาย จะต้องว่าความหรือฟ้องร้องคดีด้วยไม่ ทั้งไม่มี บทกฎหมายบัญญัติห้ามผู้ประกอบวิชาชีพ กฎหมายรวมกันเป็นคณะบุคคลประกอบวิชาชีพ จะถือว่าเป็นเงินได้จากการประกอบวิชาชีพ อิสระวิชากฎหมายน้น ผู้มีเงินได้จะต้องใช้ ความรู้ความสามารถเฉพาะทางด้านกฎหมาย ในการได้รับเงินได้นั้น ในกรณีตามฎีกาข้างต้น เมื่อเงินได้ที่โจทก์ทั้งสองได้รับน้นมาจากการ เป็นที่ปรึกษากฎหมาย ซึ่งต้องใช้ความรู้เฉพาะ ด้านกฎหมาย เงินได้ที่โจทก์ทงสองได้รับจึงเป็น เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (6) แห่ง ประมวลรัษฎากร
2. ผู้มีเงินได้จะต้องมีวุฒิการศึกษาใน ด้านกฎหมาย เพื่อเป็นตัวบ่งชี้ว่าผู้มีเงินได้น้น เป็นผู้มีความรู้ความสามารถในวิชาชีพกฎหมาย ทั้งนี้ ไม่ได้ก�าหนดว่าผู้มีเงินได้จะต้องมีวุฒิ- การศึกษาในด้านกฎหมายในระดับใด ประเด็นที่น่าสนใจจากฎีกาดังกล่าว คือ เงินได้ตามมาตรา 40 (6) แห่งประมวลรัษฎากร ในส่วนของการประกอบวิชาชีพอิสระวิชา กฎหมาย … ” กฎหมายนน ไม่ได้จา� กัดให้บุคคลธรรมดาเท่านนั ค�าพิพากษาฎีกาดังกล่าว ยังได้อธิบาย ที่สามารถมีเงินได้ดังกล่าว หากบุคคลธรรมดา ร่วมกันประกอบวิชาชีพอิสระวิชากฎหมาย ตุลาการได้รับ ถือเป็นเงินได้พึงประเมินจากการ คณะบุคคลหรือหางหน้ ส่วนสามญซ่ึงเป็นหน่วย รับท�างานให้ตามมาตรา 40 (2) แห่งประมวล- ภาษีที่เกิดจากการร่วมกันของบุคคลธรรมดาก็ สามารถมีเงินได้จากการประกอบวิชาชีพอิสระ วิชากฎหมายได้เช่นเดียวกัน ซึ่งคณะบุคคลนั้น หมายความว่า บุคคลตงแต่สองคนขึ้นไปตกลง กระท�าการร่วมกัน อันมิใช่เป็นห้างหุ้นส่วน- สามัญ3 ในส่วนของอนุญาโตตุลาการนั้น กรม- สรรพากรได้วางแนวทางวินิจฉัยไว้ว่า4 หากการ วินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทระหว่างคู่กรณีในคดี ต้องใช้อนุญาโตตุลาการที่เป็นผู้มีความรู้ความ สามารถในวิชาชีพอิสระตามมาตรา 40 (6) รัษฎากร ดังนั้น ส�าหรับวิชาชีพกฎหมาย ผู้มี เงินได้จะต้องเป็นอนุญาโตตุลาการที่ใช้...