การชําระหนี้ ข้อกำหนดตัวอย่าง

การชําระหนี้. การชําระหนี้ตามสัญญากู้ยืมคืนแก่ผู้ให้กู้ ถือเป็นวัตถุประสงค์หลักของ การกู้ยืมเงิน ลักษณะของการใช้เงินสามารถแบ่งพิจารณาได้ 3 ลักษณะ คือ 2.3.1 การชําระหนี้คืนด้วยเงิน หมายถึง การใช้เงินหรือการชําระหนี้ เงินกู้ยืมด้วยการนําเงินไปชําระ ซึ่งการกู้ยืมเงินที่ใหลักฐานเป็นหนังสือนั้น มีบทบัญญัติ กฎหมายบังคับไว้เป็นพิเศษว่า ผู้กู้จะนําสืบการใช้เงินได้เฉพาะเท่าที่บัญญัติไว้ในมาตรา 653 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เท่านั้น กล่าวคือ ในการกู้ยืมเงินที่มีหลักฐาน เป็นหนังสือจะนําสืบการใช้เงินได้ต่อเมื่อมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง ลงลายมือชื่อ ผู้ให้กู้มาแสดง หรือเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินนั้นได้เวนคืนแล้ว หรือได้มีการแทง เพิกถอนลงในเอกสารนั้นแล้ว หากผู้กู้ไม่มีหลักฐานดังกล่าวข้างต้นก็ไม่มีสิทธิจะนําพยานบุคคล เข้าสืบเพื่อแสดงให้เห็นว่ามีการชําระหนี้เงินต้นแล้ว เพราะขัดต่อสิ่งที่กฎหมายกําหนด เมื่อไม่มี หลักฐานการใช้เงินมาแสดง ผู้กู้ต้องแพ้คดีและต้องชําระเงินต้นคืนให้แก่ผู้ให้กู้ตามที่มีการ ฟ้องร้องคดีกันอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่สําคัญอย่างมากที่ผู้กู้ควรจะใส่ใจและใช้ความ ระมัดระวังในขณะที่มีการนําเงินไปชําระหนี้คืน กล่าวคือ ผู้กู้ควรต้องขอให้ผู้ให้กู้ออกหลักฐาน เป็นหนังสือแสดงการรับชําระหนี้ หรือใบเสร็จรับเงิน หรือต้องขอคืนต้นฉบับสัญญากู้ หรือ ขอให้ผู้กู้แทงเพิกถอนสัญญากู้ที่เก็บไว้ หากผู้ให้กู้ปฏิเสธไม่ยอมออกหรือทําหลักฐานดังกล่าว ผู้กู้ก็ไม่ควรยอมที่จะชําระเงินคืน

การชําระหนี้. 5.1 ผูใหสัญญาตกลงท่ีจะรับผิดชอบในคาซื้อหลกทรัพย อากรแสตมป ตลอดจนคาใชจายใดๆ ที่เก่ียวของกบการซื้อขายหลักทรัพยตามสญญาน้ในอตราที่บริษัท กําหนด รวมถึงคาทนายความและคาใชจ ายอื่นใดๆ ในการฟองรองคดี เพ่ือบงคับชําระหน้ีจากผูใหสญญาและคาใชจายใดๆ ตามที่ระบุในกฎหมายไทย ระเบียบ หรือขอบังคบตลาดหลักทรัพย 5.2 ในกรณีผูใหสัญญาผิดนัดหรือไมปฏิบัติตามสญญานี้ไมวาขอหน่ึงขอใด บริษทมีสทธิคิดดอกเบ้ียในหน้ีซึ่งลูกหน้ีคางชําระในอัตราสูงสุดท่ีกฎหมายยินยอมให บริษัทหลักทรพยเรียกเก็บจากลูกคาในกรณีผิดนัดได (ปจจุบันอัตรารอยละ 15 ตอป) ซ่ึงอัตราดอกเบ้ียน้ี บริษัทมีสิทธิประกาศเปลี่ยนแปลงไดโดยไมตองแจง ใหผูใหสญญาทราบลวงหน นอกจากน้ี ผูใหสัญญายังมีหนาที่ตองชําระคาปรับตามอัตราที่บริษทั และ/หรอตื ลาดหลกทรพยจะประกาศกําหนด 5.3 ในกรณีท่ีบริษัทไดขายหลักทรัพยใดหลกทรัพยหน่ึงหรอหลายหลักทรัพยตามคําส่ังของผูใหส ัญญา บริษัทจะจายคาขายหลักทรพยหักดวยคาใช จายอนจําเปน และคาธรรมเนียมใหแกผใ หส ัญญาภายในวนทําการที่สามถัดจากวันท่ีขายหลักทรัพยรายการนน้ ๆ หรือวนอื่นใดท่ีตลาดหลัก ทรพยหรือบริษัทกําหนด บริษัทมีสิทธิยึดหนวงเงินที่ไดจากการขายหลักทรพยเชนวานันไวกอน จนกวาบริษทจะไดร ับชําระคาซื้อหลักทรัพยนนั้ หรือเหลานั้นจนครบถวนแลว