ความเป็นมาและวัตถุประสงค์ ข้อกำหนดตัวอย่าง

ความเป็นมาและวัตถุประสงค์. กรอบความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกทางการค้าข้ามพรมแดนแบบไร้กระดาษใน เอเชียและแปซิฟิก ริเริ่มโดยคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมเอเชียและแปซิฟิกแห่งสหประชาชาติ (UNESCAP) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการรับรู้และการแลกเปลี่ยนเอกสารและข้อมูลการค้าในรูปแบบ อิเล็กทรอนิกส์ ผลักดันการเชื่อมต่อระหว่างประเทศและภูมิภาคของระบบ Single window และการค้าข้าม พรมแดนแบบไร้กระดาษอื่นๆ ส่งเสริมการค้าข้ามพรมแดนแบบไร้กระดาษ (Paperless) เพิ่มประสิทธิภาพ และความโปร่งใสของการค้าระหว่างประเทศ และสร้างสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบของการค้าข้ามพรมแดน ที่ดีขึ้น กรอบความตกลงฯ เริ่มต้นเจรจาในเดือนเมษายน 2015 จากนั้นมีประเทศสมาชิก ESCAP เกือบ 30 ประเทศเข้าร่วมเจรจา อาทิ จีน รัสเซีย เกาหลีใต้ อินเดีย และอินโดนีเซีย สำหรับประเทศจีนเข้าร่วมเจรจา อย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2015 ได้ผ่านการเจรจาทั้งหมด 4 รอบ โดยเฉพาะด้านผลประโยชน์ซึ่งกัน และกันและการพัฒนาร่วมกัน จนเสร็จสิ้นการเจรจาในเดือนพฤษภาคม 2016 จากนั้นจึงเปิดให้ประเทศ สมาชิก ESCAP ลงนามและเข้าร่วมกรอบความตกลงฯ สำหรับจีนได้ลงนามในกรอบความตกลงในเดือนสิงหาคม 2017 และได้ผ่านขั้นตอนการอนุมัติ ภายในประเทศในปี ค.ศ. 2020 และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2021 ที่ผ่านมา ปัจจุบัน มีประเทศ ที่ผ่านการอนุมัติภายในประเทศและเริ่มมีผลบังคับใช้แล้วด้วยกัน 5 ประเทศ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ อาเซอร์ไบจาน อิหร่าน บังคลาเทศ และจีน นอกจากนี้ ยังพบว่ามีประเทศอาร์มาเนียและประเทศกัมพูชาก็ได้ลงนามในกรอบ ความตกลงฯ และกำลังดำเนินการอนุมัติภายในประเทศ ในขณะเดียวกันยังมีอีกหลายประเทศที่กำลังพิจารณา เข้าร่วมในกรอบความตกลงฯ นี้ด้วย E-mail: xxxxxxx@xxxx.xx.xx Facebook: @ditpqingdao กรอบความตกลงฯ มีเงื่อนไขทั้งหมด 25 ข้อ ซึ่งครอบคลุมกรอบนโยบายความสะดวกทางการค้า และมีผลที่ดีต่อสภาพแวดล้อมกฎหมายภายในประเทศ ความสะดวกในการค้าข้ามพรมแดนแบบไร้กระดาษ และการพัฒนาระบบ Single window การยอมรับเอกสารระหว่างประเทศและข้อมูลการค้าในรูปแบบ อิเล็กทรอนิกส์ การแลกเปลี่ยนเอกสารและข้อมูลการค้าในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรฐานสากล รวมถึง แลกเปลี่ยนแผนปฏิบัติการ และโครงการนำร่องต่างๆ เป็นต้น

ความเป็นมาและวัตถุประสงค์. ประเทศไทยประกอบไปด้วยกลุ่มคนที่หลากหลาย รวมถึงคนกลุ่มหนึ่งซึ่งเรียกตนเองว่าโรฮิงญา คนโรฮิงญาหลายคนเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยนานหลายสิบปี บางคนอาจเพิ่งเข้ามาใน ประเทศไทยด้วยเหตุหนีภัยการละเมิดสิทธิ การถูกเลือกปฏิบัติและการประหัตประหาร บางคน ได้รับการบันทึกตัวบุคคลในฐานะแรงงานข้ามชาติ บางคนกำาลังแสวงหาที่ลี้ภัย และบางคนได้ รับการบันทึกว่าเป็นบุคคลในความห่วงใยโดยสำานักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) แต่ในสายตาของเจ้าหน้าที่รัฐไทย พวกเขาถูกพิจารณาว่าเป็น “ผู้อพยพผิดกฎหมาย” เพราะพวกเขาเข้ามาในประเทศไทยโดยไม่มีเอกสารที่ถูกต้อง มีการประมาณว่า มีโรฮิงญา