ความเป็นมา. (ประวัติ, ความเป็นมา, ต้นกําเนิด, ที่มา, ตํานาน ของสิ่งที่ศึกษา, พัฒนาการแต่ละยุคสมัย) - กรอบแนวคิดหรือทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง - กระบวนการดําเนินงานและการจัดทําแผนการดําเนินงานแบบมีส่วนร่วมร่วมกับชุมชน - การจัดการความรู้ (Knowledge Management) - เทคนิคเครื่องมือการบริการวิชาการในเชิงพื้นที่ - หรืออื่นๆ
ความเป็นมา. เม่อ พ.ศ. 2536 ผน ำรฐบาลไทยได่ร่วมลงนามพรอมกบผน ำของ องค์การสหประชาชาติได้ให้ความสำคัญเรื่องสิทธิ โอกาส ประเทศในภม ภาคนใี นประกาศการมส วนรวมอยางเตมทแี ละความเสมอภาค และความเสมอภาคของคนพิการ โดยในปี พ.ศ. 2541 ได้ประกาศ ปฏิญญาว่าด้วยสิทธิของคนพิการทางสติปัญญาและการเรียนรู้ พ.ศ. 2518 ประกาศปฏิญญาว่าด้วยสิทธิของคนพิการ พ.ศ. 2524 ประกาศให้เป็นปีคนพิการสากล และประกาศให้ช่วงปี พ.ศ. 2526 - 2535 เป็นทศวรรษของคนพิการพร้อมทั้งกำหนดแผนปฏิบัติการโลก เมื่อสิ้นสุดทศวรรษคนพิการแล้วคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคม ของคนพิการในภูมิภาคเอเซียและแปซิฟิคเพื่อเป็นคำมั่นสัญญาใน การพัฒนาคุณภาคชีวิตคนพิการ และขจัดเจตคติที่ไม่ถูกต้องของสังคม ที่มีต่อคนพิการ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ได้บัญญัติ ถึงเร่ืองการคุมครองเสรีภาพ ศกดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์ สิทธิของคนพิการ เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและสามารถพึ่งตนเองได้ CRPD แห่งเอเซียและแปซิฟิค องค์การสหประชาชาติ ต้องการที่จะปฏิบัต เพอ เปนการนำเจตนารมณในเรอ งสทธิ โอกาส และความเสมอภาค กิจกรรมและรณรงค์เรื่องสิทธิและโอกาสของคนพิการอย่างต่อเนื่อง จึงได้ประกาศให้ปี พ.ศ. 2536 - 2545 เป็นทศวรรษคนพิการ ของภูมิภาคเอเซียและแปซิฟิค สำหรบประเทศไทย รฐบาลไดตระหนกถึงความสำคญเร่องสิทธิ และโอกาสของคนพิการเช่นกัน โดยหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมกับ คนพิการได้ยกร่างพระราชบัญญัติการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการตั้งแต่ พ.ศ. 2520 และเมื่อปีคนพิการสากล พ.ศ. 2524 ไดจ้ ดกิจกรรมต่างๆ พร้อมทั้งประกาศใช้แผนการสงเคราะห์และฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ ของคนพิการดังที่ปรกฎในรัฐธรรมนุญแห่งราชอาณาจักรไทย ปฏิญญา ขององค์การสหประชาชาติ ประกาศการมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่และ ความเสมอภาคของคนพิการในภูมิภาคเอเซียและแปซิฟิค แผนงาน และกฎระเบียบอื่น ๆ ที่ได้กำหนดไว้ไปสู่การปฏิบัติ ผู้แทนจากองค์กร ที่เกี่ยวข้องกับคนพิการทั้งภาครัฐและเอกชน และองค์กรคนพิการ จึงได้ร่วมกันจัดทำปฏิญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการไทย เพื่อถือปฏิบัติ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่คนพิการ แห่งชาติระยะยาว (พ.ศ.2525-2534) ในปี พ.ศ. 2534 ได้มีการตราพระราชบัญญัติการฟื้นฟู สมรรถภาพคนพิการ และต่อมาไดประกาศกฎกระทรวง ระเบียบต่าง ๆ รวมทั้งกำหนดนโยบายของรัฐเพื่อให้คนพิการได้รับสิทธิโอกาส และมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ อย่างเท่าเทียมกับสมาชิกอื่นในสังคม คณะรฐมนตรีเม่ือวนท่ 10 พฤศจิกายน 2541 CRPD
ความเป็นมา. ตามที่ กรมบังคับคดี ได้ประกาศใช้แผนปฏิบัติราชการรายปี (พ.ศ. 2567) ของกรมบังคับคดี เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2566 เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการขับเคลื่อนการปฏิบัติราชการตามภารกิจ ของกรมบังคับคดีให้บรรลุผลสัมฤทธิ์ตามนโยบาย วิสัยทัศน์ พันธกิจ วัตถุประสงค์ และเป้าหมายที่ก ำหนด โดยแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ระดับสำนัก/กอง ได้นำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนปฏิบัติราชการรายปี (พ.ศ. 2567) ของกรมบังคับคดี มาเป็นกรอบแนวทางในการกำหนดทิศทางและ การดำเนินงานตามภารกิจให้สามารถตอบสนองต่อนโยบาย ยุทธศาสตร์ และความต้องการของประชาชนได้อย่าง เป็นรูปธรรม อีกทั้งยังเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมาย โดยโครงการและกิจกรรม ที่กำหนดไว้ภายใต้แผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ระดับสำนัก/กอง ได้กำหนดผลผลิต ตัวชี้วัด และเป้าหมาย เพื่อให้บรรลุผลสัมฤทธิ์ตามแผนในระดับต่างๆ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน อย่างแท้จริง แผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ระดับสำนัก/กอง ถือเป็นแผนระดับที่ 3 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2560 โดยมีการเชื่อมโยงความสอดคล้องกับแผนระดับต่างๆ ดังนี้ แข่งขัน (รอง) ซึ่งมีความสำคัญตามลำดับ และแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (พ.ศ. 2561 – 2580) ยุทธศาสตร์ การพัฒนาระบบราชการ พ.ศ. ๒๕๖๔ – ๒๕๖๕ แผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๖๙) แผนปฏิบัติราชการ ระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) ของกระทรวงยุติธรรมแผนปฏิบัติ ราชการ ระยะ 5 ปี (พ.ศ. ๒๕๖6 – ๒๕70) ของกรมบังคับคดี และแผนอื่น ๆ ที่กรมบังคับคดี มีความเกี่ยวข้อง รวมทั้งคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี และนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวโดยสรุปแผนปฏิบัติราชการรายปี (พ.ศ. 256๗) ของกรมบังคับคดี ใช้เป็นแนวทาง ให้หน่วยงาน ของกรมบังคับคดีนำไปเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนและปฏิบัติให้เกิดประสิทธิภาพและประสทธิผล ตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของกรมบังคับคดีที่สอดคล้องและบูรณาการการขับเคลื่อนกับแผน ยุทธศาสตร์ชาติ และแผนอื่นในระดับที่ ๒ และ ๓ ต่อไป
ความเป็นมา. จากกรณีที่รถมีประกันภัยทั้งสองฝ่าย เกิดเหตุเฉี่ยวชนกันทําให้เกิดความเสียหายของรถทั้ง สองฝ่าย หลังจากที่บริษัทประกันภัยได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับรถที่เอาประกันภัยของตนเองแล้ว ก็ มีสิทธิตามกฎหมายในการรับช่วงสิทธิ์ไล่เบี้ยคืนบริษัทประกันภัยที่คู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิด ส่งผลให้เกิดการ เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนระหว่างกันเองของบริษัทประกันภัยเป็นจํานวนมากตามจํานวนอุบัติเหตุที่ เพิ่มขึ้นทุกปี ดังนั้นจึงได้เกิดการรวมตัวของบริษัทประกันภัยที่รับประกันภัยรถยนต์ ร่วมตกลงกันที่จะไม่ เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนระหว่างกัน เพื่อสะดวกในการปฏิบัติและลดต้นทุนการดําเนินการ เนื่องจากไม่ ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนระหว่างกัน ต่างฝ่ายต่างรับผิดชอบซ่อมรถที่ เอาประกันภัยของตนเอง โดยมีวิวัฒนาการการลงนามร่วมกันดังนี้ 1. ปี พ.ศ. 2531 มีการร่วมลงนามสัญญาไม่เรียกร้องค่าเสียหายซี่งกันและกัน สําหรับรถเก๋งนั่ง ส่วนบุคคลรหัส 1.10 โดยมีบริษัทร่วมลงนาม 10 บริษัทได้แก่ กรุงเทพ คุ้มภัย ไทยประสิทธิ ไทยวิวัฒน์ นิวแฮมเชอร์ นําสิน ไพศาล สากล สหวัฒนา สามัคคี 2. ปี พ.ศ. 2533 มีการร่วมลงนามสัญญาไม่เรียกร้องค่าเสียหายซึ่งกันและกันสําหรับรถประเภท รวม กับรถประเภทรวม โดยมีบริษัทร่วมลงนาม 7 บริษัท ได้แก่ คุ้มเกล้า นําสิน นารายณ์ พิพัทธ์ รัตนโกสินทร์ วิริยะ สินมั่นคง 3. ปี พ.ศ. 2538 มีการร่วมลงนามสัญญาสละสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายซึ่งกันและกันตาม กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ โดยเปลี่ยนแปลงชื่อสัญญา จากเดิมคือ คําว่า “ไม่เรียกร้อง” เป็นคําว่า “สละสิทธิเรียกร้อง” และสัญญาสละสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายซึ่งกันและกันตามกรมธรรม์ประกันภัย รถยนต์ ได้จํากัดเฉพาะรถยนต์ส่วนบุคคล (รหัส 1.10) เท่านั้น โดยมีบริษัทสมาชิกร่วมลงนาม 58 บริษัท 4. ปี พ.ศ. 2539 มีการจัดลงนามสัญญาสละสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายซึ่งกันและกันตาม กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายชูชีพ หาญสวัสดิ์ เป็นประธานใน พิธีลงนามเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2539 ณ กรมการประกันภัย กระทรวงพาณิชย์ โดยในวันดังกล่าวมี บริษัทสมาชิกร่วมลงนามสัญญา 58 บริษัท และมีการลงนามเพิ่มเติมในปี 2541 จนถึงปี 2549 อีกรวม เป็นทั้งสิ้น 69 บริษัท ซึ่งสัญญาดังกล่าวขยายเพิ่มจากเดิมเมื่อปี 2538 สําหรับรถชนิด 4 ล้อ ทุกประเภท ตามกรมธรรม์ประกันภัยประเภทคุ้มครองความเสียหายรวม (ประเภท 1) ที่มีน้ําหนักรวมไม่เกิน 3 ตัน และ รถนั่งโดยสารที่จดทะเบียนที่นั่งไม่เกิน 15 คน และต่อมา ปี พ.ศ. 2542 มีการเปลี่ยนแปลงพิกัด อัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ โดยมีการปรับขนาดของรถประเภทต่างๆ ซึ่งรวมถึงรถยนต์นั่งและบรรทุกที่มี ขนาด 4 ล้อด้วย ดังนั้นใน ปี พ.ศ. 2545 จึงได้มีการปรับเปลี่ยนเป็นบันทึกข้อตกลงเพิ่มเติมแนบท้าย สัญญา จากเดิมรถบรรทุกน้ําหนักไม่เกิน 3 ตัน รถโดยสารนั่งไม่เกิน 15 ที่นั่ง ขยายมาเป็น รถบรรทุก น้ําหนักไม่เกิน 4 ตัน รถโดยสารนั่งไม่เกิน 20 ที่นั่ง ซึ่งการขยายเพิ่มเติมดังกล่าว ...
ความเป็นมา. จากสภาพแวดล้อมในการดําเนินงานทั้งภายในและภายนอกองค์กรซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให ริการที่ตองการความถูกตองและรวดเร็วกับบุคคลในองค์กรและบุคคลภายนอกท่ีเข้า มาติดต่อ สํานักงานจึงได้เล็งเห็นความจําเป็นในการประยุกต์ใช้หลักการพัฒนาระบบของ Service Oriented Architecture (SOA) กับระบบสารสนเทศของสํานักงาน เพื่อให้ระบบสารสนเทศของสํานักงานสามารถ ให้บริการ Service แก่นักลงทุนภายนอกและภายในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากย่ิงขึน้ สํานักงานจึงมีความประสงค์ท่ีจะออกแบบและพัฒนา ระบบสนบสนุนงานส่งเสริมการลงทุน (e-Investment Promotion) และระบบงานที่ดิน ตามหลักการพัฒนาระบบของ SOA เพ่ือให้สํานักงานมี ระบบสารสนเทศท่ีมีความเหมาะสม ยืดหยุ่น รองรับการเปล่ียนแปลงท้ังในส่วนของการให้บริการนักลงทุนและ ในส่วนของการบริหารจัดการภายในองค์กร อีกทั้งเพื่อให้สํานักงานสามารถใช้งานข้อมูลสารสนเทศร่วมกัน อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึน้
ความเป็นมา. ตามที่ภาครัฐได้เชื่อมโยงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติเข้ากับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของประเทศไทย และยุทธศาสตร์เกษตรและสหกรณ์ 20 ปี ระหว่างปี 2560 ถึง ปี 2579 โดยน้อมนำเอาหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่เน้นการพัฒนาแบบยั่งยืน โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมที่อยู่ และใช้หลักการทรงงาน ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดชบรมนาถบพิตร มาเป็นแนวทางในการดำเนินนโยบาย เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และยกระดับรายได้ของประชาชน แก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างการผลิตภาคเกษตร เสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร พัฒนาโภชนาการและความปลอดภัยด้านอาหาร เพื่อนำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ของประชาชนและประเทศชาติ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 ทรงมีพระปณิธานแน่วแน่ที่จะสานต่อโครงการในพระราชดำริของพระราชบิดา เพื่อช่วยเหลือ ประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นมหาวิทยาลัยที่พระราชาประสงค์ให้เป็น มหาวิทยาลัยเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฎ พ.ศ. 2547 มาตรา 7 ที่ระบุให้ มหาวิทยาลัยเป็นสถาบันอุดมศึกษา เพื่อการพัฒนาท้องถิ่นเสริมพลังปัญญาของแผ่นดิน ซึ่งสอดคล้องกับแผน ยุทธศาสตร์เพื่อยกคุณภาพมาตรฐานมหาวิทยาลัยราชภัฎสู่คุณภาพเป็นเลิศ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพบัณฑิตสู่ นักปฏิบัติอย่างมืออาชีพ การยกคุณภาพมาตรฐานชีวิตของชุมชน ท้องถิ่น และพื้นที่ให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหน่วยงานภาครัฐที่มี บทบาทในการ ขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชนในมิติต่างๆ ที่สอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาลที่กำหนดยุทธศาสตร์ชาติในการพัฒนา เศรษฐกิจของประเทศ โดยมีกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นหน่วยงานหลักใน การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ BCG Economy เศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) โดยเน้นการพัฒนาในมิติด้านสังคม เศรษฐกิจ และ สิ่งแวดล้อมของตำบลนั้นๆ อย่างบูรณาการ เพื่อให้เกิดโครงการในพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปตาม ความต้องการของพื้นที่อย่างแท้จริง ปี 2562 มีการส่งเสริมการเพาะเห็ดนางฟ้าเพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับคนในชุมชนในพื้นที่หมู่ที่ 2 บ้านโนน สูง ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ทำให้เกิดการรวมกลุ่มของคนในชุมชนและจัดตั้งกลุ่มอาชีพ เพราะเห็ดนางฟ้าของประชาชนได้ และยังสามารถทางเลือกสร้างรายได้เสริมให้กับคนในชุมชน ปี 2563 ส่งเสริมต่อยอดการเพาะเห็ดนางฟ้า โดยใช้นวัตกรรมการทำก้อนเห็ดนางฟ้าจากฟางข้าวลงไปใช้ ในชุมชน ด้วยการอบรมให้ความรู้เรื่องกระบวนการทำก้อนเห็ดจากฟางข้าว ซึ่งนำแนวคิดขยะเหลือศูนย์ Zero waste มาใช้ เพื่อการเพิ่มมูลค่าให้กับวัสดุฟางข้าวที่เหลือทิ้งในพื้นที่ตำบลโนนหมากมุ่น และลดมลพิษทางอากาศ จากการเผาฟางข้าวของเกษตรกรในพื้นที่ ซึ่งสามารถช่วยลดต้...
ความเป็นมา. สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ สพร. ได้จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้ง สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2561 เพื่อเป็นหน่วยงานกลางของระบบรัฐบาลดิจิทัล ทำหน้าที่ให้บริการส่งเสริม สนับสนุน พัฒนา บริหารจัดการ และให้บริการโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี ดิจิทัลและระบบการให้บริการหรือแอปพลิเคชันพื้นฐานของหน่วยงานของรัฐและหน่วยงานอื่นเกี่ยวกับการ พัฒนารัฐบาลดิจิทัล ทั้งนี้ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2550 อนุมัติหลักการพัฒนา ระบบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์กลางเพื่อการสื่อสารในภาครัฐ ซึ่งถือเป็นนโยบายด้านความมั่นคงปลอดภัยของ ข่าวสารภาครัฐ ให้ข้าราชการและพนักงานของรัฐยุติการใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ของเอกชน โดยสำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) ได้มอบหมายให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การ มหาชน) เป็นหน่วยงานหลักในการพัฒนาระบบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์กลางเพื่อการสื่อสารในภาครัฐ ทั้งนี้ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการเชื่อมโยงระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ระหว่าง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ในวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2563 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันพัฒนาระบบสารบรรณ อิเล็กทรอนิกส์ อันเป็นโครงสร้างพื้นฐานในการพัฒนาไปสู่รัฐบาลดิจิทัล ในการนี้เพื่อให้สามารถพัฒนาระบบเพื่อรองรับรูปแบบการทำงานและการรับบริการของบุคลากร ภาครัฐที่สอดรับกับสถานการณ์ Covid-19 ของหน่วยงานรัฐได้ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การ มหาชน) จึงขอรับการส่งเสริม สนับสนุน ความช่วยเหลือ ในการดำเนินการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และ สังคมและรับทุนอุดหนุนการวิจัยและพัฒนาในเรื่องที่เกี่ยวกับการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จาก กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตามสัญญากองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่อนุมัติให้ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ดำเนินโครงการ ระบบการสื่อสารแบบรวมศูนย์ สำหรับให้การ ดำเนินงานในส่วนของการให้บริการมีความต่อเนื่องและมีการพัฒนาประสิทธิภาพและประสิทธิผลให้มากขึ้น ทั้งนี้ในที่ประชุมติดตามการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการและการประชุมคณะกรรมการสำนักงาน พัฒนารัฐบาลดิจิทัล ครั้งที่ 11/2564 วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2564 เห็นชอบทิศทางการให้บริการตามที่มี การนำเสนอ คือระบบการสื่อสารแบบรวมศูนย์ (Unified Communication: UC) สำหรับให้บริการหน่วยงาน ภาครัฐ ซึ่งจะเป็นการรวมบริการ MailGoThai บริการ GINConference และบริการ G-Chat ให้สามารถ ทำงานร่วมกันได้บนแพลตฟอร์มเดียวกัน โดยมีรูปแบบการลงทะเบียนและพิสูจน์ตัวตนบุคลากร...
ความเป็นมา. ด้วย เทศบาลเมืองพิจิตร มีความประสงค์จะจัดซื้อ/จ้าง (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง) จำนวน ............รายการ ซึ่งมีความจำเป็นต้องจัดหาเพื่อใช้ในการปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่ และเก็บเอกสารสำคัญทางราชการต่างๆ ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีไม่เพียงพอต่อการจัดเก็บเอกสาร ด้วยการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นทำให้หน่วยงานมีภารกิจเพื่อบริการประชาชนประกอบกับการดำเนินการต่างๆ ต้องมีการจัดเก็บเอกสารสำคัญไว้เป็นหลักฐานเพื่อเป็นฐานข้อมูลสำคัญ และเพื่อรองรับการตรวจสอบจากหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบ
ความเป็นมา. ด้วยงานเวชระเบียนและเวชสถิติ สังกัดสํานักงานผู้อํานวยการโรงพยาบาลวชิรพยาบาล คณะแพทยศาสตร์วชิรพยา บาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช มีหน้าที่ในการให้บริการเวชระเบียนของคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล ต้องมีการจัดเก็บ รักษาเวชระเบียน และรวมถึงการทําลายเวชระเบียนที่ครบตามอายุการเก็บรักษาตามกฎหมาย การพัฒนามาตรฐานการให้บริการด้านเวชระเบียนเป็นสิ่งสําคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริการและการ ดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาล แม้โรงพยาบาลวชิรพยาบาลซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Advanced HA อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อให้มาตรฐานการให้บริการด้านเวชระเบียนดียิ่งขึ้น เนื่องจากในปัจจุบันมี ปริมาณการใช้งานแฟ้มเวชระเบียนเพิ่มสูงขึ้น จากทั้งการยืมเพื่อศึกษาวิจัยและการรักษาต่อเนื่องของผู้ป่วย และ แม้กระทั่งเพื่อประกอบการพิจารณาคดีในศาล ดังนั้น เพื่อให้การบริการเวชระเบียนมีประสิทธิภาพและตอบสนองการใช้ งานได้อย่างทันเวลา ให้ข้อมูลในเวชระเบียนคงอยู่ไม่สูญหาย การสแกนเวชระเบียนทั้งหมดจะช่วยให้เวชระเบียนของ โรงพยาบาลและข้อมูลของผู้ป่วยยังคงอยู่ โดยที่ไม่มีการสูญหายของข้อมูล มีหลักฐานหากมีการแก้ไขข้อมูลภายหลัง ช่วย ให้การดําเนินการทางการแพทย์เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงทางกฎหมายได้ ในส่วนของการจัดเก็บเอกสารเวชระเบียนผู้ป่วยยังมีความจําเป็นต้องจัดเก็บเอกสารเวชระเบียนไว้ตามระยะเวลา ที่กฎหมายกําหนด ตามระเบียบกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการจัดเก็บข้อมูลด้านสุขภาพของบุคคล พ.ศ. 2561 กําหนดให้สถานพยาบาลต้องเก็บรักษาเวชระเบียนผู้ป่วยไว้อย่างน้อย 5 ปี นับแต่วันที่จัดทํา ยกเว้นเวชระเบียนของผู้ป่วย คดี ซึ่งต้องเก็บรักษาไว้อย่างน้อย 20 ปี (กระทรวงสาธารณสุข, 2561) และการจัดเก็บต้องมีความปลอดภัย สะดวกต่อ การเรียกใช้งานไม่เกิดการสูญหายและเป็นไปตามมาตรฐานการจัดเก็บเวชระเบียน เวชระเบียนผู้ป่วยในของคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาลมีจํานวนประมาณปีละเกือบ 30,000 ฉบับ แต่เนื่องจาก หน่วยงานมีข้อจํากัดด้านสถานที่ที่สามารถจัดเก็บเวชระเบียนผู้ป่วยที่มีจํานวนเพิ่มมากขึ้นในแต่ละปีให้เพียงพอได้ จึง จําเป็นต้องจัดหาสถานที่จัดเก็บภายนอกโรงพยาบาล และหากคิดเป็นจํานวนหน้าเอกสารที่จะต้องทําการสแกน อ้างอิง จากจํานวนหน้าเอกสารเวชระเบียนเฉลี่ยของเวชระเบียนผู้ป่วยในปี พ.ศ. 2566 ที่ได้ทําการสแกนไปจํานวน 3,838 ฉบับ มีจํานวนหน้าเอกสารเฉลี่ยประมาณ 130 หน้าต่อฉบับ ฉะนั้นในปี พ.ศ. 2567 จํานวนเวชระเบียนที่จะเกิดขึ้นและต้องมี การจัดเก็บและการสแกน จะมีจํานวนเอกสารทั้งหมดประมาณ 3,900,000 หน้า นอกจากนี้ยังมีเวชระเบียนผู้ป่วยในของ ปี พ.ศ. 2564 อีกจํานวน 10,050 ฉบับ หรือประมาณ 1,306,500 หน้า ที่ยังไม่ได้รับการสแกน เนื่องจากช่วงปี 2564 มี การย้ายสถานที่จัดเก็บเวชระเบียนอย่างเร่งด่วนจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019 จึงทําให้ต้องมีการ จัดสรรพื้นที่เพื่อรองรับผู้ป่วย โดยได้ขนย้ายเวชระเบียนออกไปจัดเก็บภาย...
ความเป็นมา. ด้วยโปรแกรมวิชาเทคโนโลยีก่อสร้าง คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย มีวัตถุประสงค์ในการจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นการพัฒนากําลังคนซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สําคัญ และจะเป็น กําลังสําคัญในการขับเคลื่อนประเทศ อีกทั้งสามารถนําความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาท้องถิ่นและ ประเทศได้ โดยที่โปรแกรมวิชาเทคโนโลยีก่อสร้างนั้น จะเป็นการเน้นการเรียนรู้จากการปฏิบัติงานจริงมากขึ้น นอกจากการเรียนการสอนในตําราหรือตามหลักสูตร ซึ่งเป็นการเรียนรู้จากการฝึกภาคปฏิบัติ จึงจําเป็นต้องจัดหา เครื่องมือและอุปกรณ์ที่นักศึกษาสามารถนําไปปฏิบัติงานได้อย่างครอบคลุม ซึ่งเป็นครุภัณฑ์ที่สามารถใช้ในการ จัดการเรียนการสอนได้ในหลายๆ รายวิชา อาทิเช่น การสํารวจ 1, ปฏิบัติการสํารวจ, การเตรียมโครงงานด้าน เทคโนโลยีวิศวกรรมการก่อสร้าง, โครงงานด้านเทคโนโลยีวิศวกรรมการก่อสร้าง, การสํารวจ 2, วิศวกรรมการทาง, การบริหารงานสนาม, การควบคุมงานและการตรวจงานก่อสร้าง เป็นต้น และที่สําคัญเพื่อเป็นการกระตุ้นให้ นักศึกษาเกิดความรู้สึกอยากเรียนรู้ ลงมือปฏิบัติงานจริงด้วยตนเอง ทําให้เกิดทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เช่น การวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การคิดสร้างสรรค์ การเรียนการทํางานเป็นทีม การใช้คอมพิวเตอร์ และการคิด คํานวณ อีกทั้งยังเกิดประโยชน์ในด้านศึกษา ค้นคว้า วิจัย บริการวิชาการแก่ผู้ที่สนใจ เป็นการสร้างประสบการณ์ เพิ่มทักษะการเรียนรู้แบบมืออาชีพของอาจารย์ผู้สอนและนักศึกษา