ที่มาและความสําคัญของปัญหา ข้อกำหนดตัวอย่าง

ที่มาและความสําคัญของปัญหา. การบริหารงานบุคคลภาครัฐแนวใหม่ มีวัตถุประสงค์ในการปรับลดขนาดกําลังคนของ หน่วยงานราชการให้เหมาะสมกับภารกิจที่ได้รับมอบหมายมีความยืดหยุ่นมากขึ้น และเพื่อเป็นการลด ภาระค่าใช้จ่ายของรัฐ จึงมีการจ้างบุคลากรภาครัฐเพื่อทดแทนการแต่งตั้งข้าราชการมากขึ้น ปัจจุบัน บุคลากรภาครัฐในประเทศไทยทั้งของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และหน่วยงานอื่นที่ ได้รับมอบหมายให้ดําเนินการทางปกครอง มีหลายประเภททั้งที่เป็นข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานขององค์การมหาชน พนักงานหรือลูกจ้างหน่วยงานรัฐ ซึ่งพนักงานหรือ ลูกจ้างจะเข้ามาปฏิบัติงานในหน่วยงานรัฐดังกล่าวได้ด้วยการทําสัญญาจ้าง โดยต้องผ่านการสอบแข่งขัน หรือสอบสัมภาษณ์ตามระเบียบหลักเกณฑ์ที่หน่วยงานนั้น ๆ กําหนด เมื่อสอบแข่งขันผ่านตามหลักเกณฑ์ ที่กําหนดแล้ว หน่วยงานราชการก็จะทําสัญญาจ้างบุคคลเหล่านั้นให้ปฏิบัติงานตามสัญญา โดยกําหนด ระยะเวลาสิ้นสุดสัญญาจ้างไว้ เมื่อสัญญาจ้างสิ้นสุดแล้วหน่วยงานของรัฐอาจพิจารณาต่อสัญญาได้ตาม ความเหมาะสมและความจําเป็นของแต่ละหน่วยงาน โดยทั่วไปก่อนครบกําหนดระยะเวลาการจ้าง หน่วยงานรัฐจะประเมินผลการปฏิบัติงานบุคคลเหล่านั้นก่อน หากบุคคลเหล่านั้นไม่ผ่านการประเมินผล การปฏิบัติงานก็ย่อมไม่ได้รับพิจารณาให้ต่อสัญญาจ้าง ทําให้เมื่อครบกําหนดระยะเวลาจ้าง สัญญาจ้าง ย่อมสิ้นสุดลง หรือบางกรณีสัญญาจ้างบุคลากรภาครัฐอาจสิ้นสุดลงก่อนครบกําหนดระยะเวลาการจ้างก็ได้ เช่น กรณีพนักงานหรือลูกจ้างกระทําผิดวินัย หรือไม่ผ่านการประเมินผลการปฏิบัติงาน ทําให้เป็นผู้ไม่ เหมาะสมในการปฏิบัติงานต่อไปตามสัญญา หรือมีการยุบหรือยกเลิกส่วนงาน หรือความเจ็บปุวยของ พนักงานหรือลูกจ้าง เป็นต้น เป็นเหตุให้หน่วยงานใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาจ้างหรือไม่ต่อสัญญาจ้างให้ ทําให้ พนักงานหรือลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว นําคดีมาฟูองต่อศาลโดยมีคําขอให้เพิกถอนคําสั่งเลิกจ้าง และให้พิจารณาต่อสัญญาจ้างให้ หรือขอให้เพิกถอนคําสั่งที่ไม่ให้ตนผ่านการประเมินผลการปฏิบัติงาน หรือขอให้ชดใช้เงิน เป็นต้น ดังที่กล่าวมาแล้วว่า พนักงาน ลูกจ้างในหน่วยงานของรัฐมีความหลากหลาย นอกจากนี้ ยังมีพนักงานมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นพนักงานของหน่วยงานรัฐอีกประเภทหนึ่งที่ปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัย แต่เดิมมหาวิทยาลัยในประเทศไทยมีทั้งมหาวิทยาลัยของรัฐ มหาวิทยาลัยในกํากับของรัฐมาตั้งแต่แรก จัดตั้ง สถาบันราชภัฏ และมหาวิทยาลัยเอกชน โดยมหาวิทยาลัยดังกล่าวจะมีสถานะแตกต่างกัน กล่าวคือ มหาวิทยาลัยของรัฐมีฐานะเป็นส่วนราชการ มหาวิทยาลัยในกํากับของรัฐมีฐานะเป็นองค์การ มหาชน ส่วนมหาวิทยาลัยเอกชนมีฐานะเป็นเอกชน การบริหารงานต่าง ๆ ภายในมหาวิทยาลัยย่อมมีความ แตกต่างกัน โดยมหาวิทยาลัยของรัฐมีการดําเนินการบริหารงานต่าง ๆ ตามระเบียบ ข้อบังคับ และกฎหมาย ที่เกี่ยวข้อง ทั้งเรื่องการบริหารงานภายในมหาวิทยาลัย การบริหารงานบุคคล หรือการงบประมาณซึ่งได้รับ จากสนับสนุนจากรัฐบาล ซึ่งบางครั้งการบริหารงานอาจมีคว...
ที่มาและความสําคัญของปัญหา. ธุรกิจแบบเครือข่าย อาจเรียกว่าธุรกิจประเภทขายตรงแบบหลายชั้น หรือ Multi-Level Marketing ซึ่งสมาคมการขายตรงไทย (Thai Direct Selling Association, 2010) ได้ให้ความหมาย ว่าคือ การทําตลาดสินค้าหรือบริการในลักษณะของการนําเสนอขายต่อผู้บริโภคโดยตรง ณ ที่อยู่ อาศัยหรือสถานที่ทํางานของผู้บริโภคหรือของผู้อื่น หรือสถานที่อื่นที่มิใช่สถานที่ประกอบการค้าเป็น ปกติธุระ โดยผ่านตัวแทนขายตรงหรือผู้จําหน่ายอิสระชั้นเดียวหรือหลายชั้น แต่ไม่รวมถึงนิติกรรม ตามที่กําหนดในกฎกระทรวง ซึ่งธุรกิจประเภทขายตรงแบบหลายชั้นนี้องค์การจะแบ่งออกเป็นสอง ส่วน ส่วนที่หนึ่งคือส่วนของบริษัท องค์การส่วนนี้มีหน้าที่จัดหาสินค้า จัดการการจ่ายเงินตามแผนการ ตลาดให้แก่นักธุรกิจอิสระและหน้าที่อื่นๆ เช่น วิจัยการตลาด หรือจัดงาน event ส่งเสริมการขาย การตลาดขนาดใหญ่ อีกส่วนหนึ่งก็คือองค์การผู้จําหน่ายตรง หรือผู้จําหน่ายอิสระ ซึ่งเอกสารของสมาคม การขายตรงไทย (2553) ได้กล่าวไว้ว่าหมายถึง บุคคลที่ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ในสินค้าหรือบริการจากผู้ ประกอบธุรกิจขายตรงและนําสินค้าหรือบริการดังกล่าวไปเสนอขายตรงต่อผู้บริโภค บุคคลเหล่านี้โดย ส่วนใหญ่แล้วไม่ใช่ลูกจ้างของบริษัท ไม่มีสถานที่ในการทํางาน หรือเวลาเข้างาน บางบริษัทก็มียอด กําหนดขั้นต่ํา แต่บางบริษัทก็ไม่มีการรักษายอดขั้นต่ํา เรียกได้ว่ามีความอิสระในการทํางานสูง แม้จะไม่ได้เงินเดือนแน่นอนก็ตาม องค์การธุรกิจของนักธุรกิจเครือข่ายเกิดขึ้นโดยมีการ จัดตั้งผ่านผู้ที่มาก่อน หรือผู้แนะนํา ซึ่งจะเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้และแนวทางที่จําเป็นสําหรับการดําเนิน ธุรกิจ ซึ่งผู้ที่มาก่อนนั้นเรียกว่า อัปไลน์ (Upline) และผู้ที่มาทีหลังจะเรียกว่า ดาวน์ไลน์ (Downline) ซึ่งโดยปกติแล้วผู้ที่มีการสร้างเครือข่ายจํานวนมาก หรือมี Downline จํานวนมากนั้นจะจัดตั้งองค์การ ขึ้นมา แต่เนื่องจากธุรกิจลักษณะนี้มีความอิสระและยืดหยุ่นสูง อีกทั้งประกอบด้วยผู้คนจากหลาย พื้นฐาน จึงไม่ใช่ทุกคนที่เป็นนักธุรกิจเครือข่ายจะทําการขายหรือการตลาดอยู่ตลอดเวลา บางครั้งจึงมี การรวมกลุ่มกับผู้ที่ไม่ได้เป็น อัปไลน์ (Upline) หรือ ดาวน์ไลน์ (Downline) กันแต่ทําธุรกิจในบริษัท เดียวกันซึ่งเรียกว่า ไซด์ไลน์ (Sideline) ซึ่งกลุ่มที่รวมกันนี้มักจะจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ การตลาด การสร้างแรงบันดาลใจ และมักจะสอนการพัฒนาตนเองด้านต่างๆ ซึ่งที่เรียนรู้จะเรียกกัน ว่าเซ็นเตอร์ (Center) ซึ่งจะมีการจัดที่ต่างกันตามการทํางานและพื้นเพของแต่ละกลุ่ม แน่นอนว่าเมื่อบุคคลเข้ามาสู่ธุรกิจแบบเครือข่ายแล้วก็ย่อมคาดหวังความสําเร็จและ ความสุข ซึ่งจะเห็นได้ชัดในปัจจุบันที่คนมีความต้องการจากการทํางานที่เปลี่ยนไป กิจธวัช ฤทธีราวี (2559) กล่าวว่า คนที่เข้ามาทําธุรกิจเครือข่ายนั้นจากเดิมที่มองเพียงค่าตอบแทนเพียงอย่างเดียว หรือ ความมั่นคงเพียงอย่างเดียว เริ่มจะคิดถึงความสุข คุณภาพชีวิต วิถีชีวิต สอดคล้องกันไปด้วย ธุรกิจ เครือข่ายต้องปรับตัวให้สอ...
ที่มาและความสําคัญของปัญหา. สัญญาจ้างแรงงานเป็นสัญญาที่ทําขึ้นระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างอันเป็นสัญญา ต่างตอบแทนซึ่งก่อให้เกิดสิทธิและหน้าที่โดยที่นายจ้างได้ตกลงรับลูกจ้างเข้าทํางานและตกลงจะให้ สินจ้างตลอดเวลาที่ลูกจ้างทํางานให้และลูกจ้างตกลงจะทํางานให้แก่นายจ้าง ตามความหมายของ มาตรา 575 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งสัญญาจ้างแรงงานมีอยู่ 2 ประเภท ได้แก่ สัญญาที่มีกําหนดระยะเวลาที่แน่นอน กล่าวคือ เป็นสัญญาจ้างที่ระบุเวลาที่เริ่มการจ้างและเวลาที่การ จ้างสิ้นสุดเอาไว้ และสัญญาจ้างไม่มีกําหนดระยะเวลาที่แน่นอน กล่าวคือ เป็นสัญญาจ้างที่ระบุแต่ เพียงเวลาที่เริ่มการจ้างไว้เท่านั้น แต่ไม่มีการกําหนดวันสิ้นสุดของสัญญาเอาไว้แม้ว่าสัญญาจ้าง แรงงานจะเป็นสัญญาทางแพ่งประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้นภายใต้หลักของการทํานิติกรรมสัญญา ได้แก่ หลักเสรีภาพในการทําสัญญา (Freedom of Contract) และหลักความศักดิ์สิทธิ์ในการแสดงเจตนา (Autonomy of Will) อันเป็นการทําสัญญาที่ให้เสรีภาพเอกชนที่จะทําสัญญาโดยไม่ถูกแทรกแซงจาก รัฐ1 แต่ความเป็นจริงแล้วการทําสัญญาจ้างแรงงานดังกล่าวไม่ได้เป็นการทําสัญญาในฐานะของ คู่สัญญาที่มีความเท่าเทียมกัน กล่าวคือ นายจ้างนั้นมีอํานาจเหนือกว่าลูกจ้าง ไม่ว่าจะเป็นอํานาจทาง เศรษฐกิจและสังคม อํานาจในการตัดสินใจ อํานาจในการบังคับบัญชา หรืออํานาจในการเจรจา ต่อรอง เป็นต้น นายจ้างจึงสามารถกําหนดเงื่อนไขต่าง ๆ ในการทํางานได้ จึงทําให้ลูกจ้างต้องยอมถูก นายจ้างเอารัดเอาเปรียบเกินสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการที่ลูกจ้างถูกนายจ้างเลิกจ้าง2 ซึ่งการถูกเลิกจ้างมีผลกระทบต่อการดํารงชีวิตของลูกจ้างโดยตรง เพราะทําให้ลูกจ้างต้องตกงาน กลายเป็นผู้ว่างงาน อาจส่งผลต่อความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นเป็นความเสียหายทางธุรกิจ ชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือ หรือการขาดรายได้ ความลําบากในการดํารงชีพของครอบครัว และการเสียเวลาใน การหางานทําใหม่ เป็นต้น3 1 ศนันท์กรณ์ โสตถิพันธุ์, คํำอธิบำยนิติกรรม-สัญญำ (พิมพ์ครั้งที่ 26, สํานักพิมพ์วิญญูชน 2567) 210- 212. 2 วิจิตรา (ฟุ้งลัดดา) วิเชียรชม, ‘การแสดงเจตนาเลิกสัญญาจ้างแรงงานโดยนายจ้าง’ (2530) รวมบทความ ในโอกาสครบรอบ 60 ปี ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์, 221. 3ธีระปกรณ์ ธีระภัทรปกรณ์ และกิตติ ชยางคกุล, ‘ความยุติธรรมด้านแรงงานในประเทศไทย ศึกษากรณี ความยุติธรรมตามสัญญาจ้างแรงงาน’ (2565) 49 วารสารรัชติภาคย์, 29. ปัจจุบันความหลากหลายในการประกอบธุรกิจและกิจการมีเพิ่มมากขึ้นทําให้ นายจ้างมีความต้องการแรงงานในลักษณะที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทําสัญญาจ้างที่มี กําหนดระยะเวลาการจ้างที่แน่นอนได้เข้ามามีบทบาทในการดําเนินธุรกิจต่าง ๆ เป็นอย่างมาก เนื่องจากการประกอบธุรกิจอาจมีการทํางานที่มากขึ้นแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง หรือมีการทํางาน บางอย่างเข้ามาเพียงครั้งคราว จึงไม่ต้องการจ้างลูกจ้างประจํา หรืออาจเป็นการจ้างเพื่อทดแทน ลูกจ้างประจําที่ติดภารกิจต้องหยุดงานเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่น การลาคลอด และเพื่อตอบ...
ที่มาและความสําคัญของปัญหา. ผู้สอบบัญชี เป็นผู้ประกอบวิชาชีพอิสระที่มีส่วนสําคัญในการยกระดับความน่าเชื่อของ ตลาดทุนไทย ในการสร้างความเชื่อมั่นต่อข้อมูลที่กิจการเปิดเผยผ่านการแสดงความเห็นต่องบการเงิน ของบริษัทต่างๆ ทั้งบริษัทจํากัดและบริษัทมหาชน ผู้สอบบัญชีจึงมีความสําคัญอย่างยิ่งต่อนักลงทุน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ ที่จะใช้ข้อมูลดังกล่าวประกอบการตัดสินใจ หากข้อมูลในงบการเงิน เหล่านั้นได้แสดงข้อมูลอันขัดต่อข้อเท็จจริงอย่างมีสาระสําคัญ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตจะต้องเป็นฝุา ย รับความเสี่ยงจากความผิดพลาดดังกล่าว ดังนั้นผู้สอบบัญชีจึงเป็นอาชีพหนึ่งที่อาจก่อให้เกิด ความเครียดได้ง่าย (Weick, 1983) ดังสถิติของเว็ปไซต์ XxxxxxXxxx ที่จัดอันดับให้วิชาชีพที่มีความ เกี่ยวข้องกับด้านบัญชี เป็นวิชาชีพที่มีความเครียดติดอันดับ40 อันดับแรกจากอาชีพทุกประเภท เนื่องจากต้องรับความกดดันจากสิ่งแวดล้อมรอบข้างหลายประการ เช่น ความซับซ้อนในขั้นตอนการ ทํางานและตรวจสอบ ความกดดันด้านเวลาและปริมาณงานที่มากเกินไปในแต่ละช่วงเวลา (Jax Xxxxxxxx xnd Pexxx Xxxxx, 2013) การยึดหลักเกณฑ์ตามมาตรฐานการสอบบัญชีและมาตรฐาน การบัญชีที่ต้องหมั่นติดตามการเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงเวลาอยู่เสมอ (Pearson, Wexxxxx xnd sexxxx, 1985) จากลักษณะการทํางานดังกล่าวที่ผู้สอบบัญชีต้องได้รับแรงกดดันและความเครียดใน ระดับที่สูง โดยเฉพาะในช่วงการตรวจสอบสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี (Year end) ที่ความเครียดมักจะ สูงขึ้น และมีลักษณะต้องแบกรับความเครียดหมุนเวียนเช่นนี้ไปทุกปี ไม่เพียงแต่ส่งผลให้ผู้สอบบัญชีมี สภาพร่างกายจิตใจย่ําแย่และถดถอยลงไปเรื่อยๆเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อประสิทธิภาพทางการทํางานที่ ลดลง ท้ายที่สุดทําให้เกิดภาวการณ์เปลี่ยนงานที่เร็ว (High turnover) โดยสอดคล้องกับผลการศึกษา ของ Fusaro, Xxxxx และ Zimmerman (1984) ที่พบว่า กลุ่มผู้ช่วยผู้สอบบัญชีมักจะวางแผนในการ ทํางานจนครบชั่วโมงฝึกงานหรือได้ตําแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้สอบบัญชีอาวุโสแล้ว ก็จะมีการลาออกเพื่อนํา ประสบการณ์ที่ได้ไปแสวงหางานในบริษัทเอกชนทั่วไป ปัญหาด้านการรักษาฐานพนักงานเป็นปัญหาสําคัญของสํานักสอบบัญชีแต่ละแห่ง หรือ แม้กระทั่งบริษัทสอบบัญชีขนาดใหญ่ในประเทศไทย หรือ Big4 เองก็ตาม โดยพบว่าอัตราการลาออก ในแต่ละปีของผู้สอบบัญชีในเครือ Big4 อยู่ในช่วงสูงถึงร้อยละ 15-25 คณะกรรมการระดับสูงของแต่ ละบริษัทจึงพยายามหาแนวทางแก้ไขอยู่ในปัจจุบัน โดยพบว่าบริษัทในเครือ Big4 จะมีอัตราลาออก ของบุคลากรไม่แตกต่างกันมากนัก แต่อัตราการลาออกค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยใน อุตสาหกรรมอื่น คุณสุภศักดิ์ กฤษณามระ กรรมการผู้จัดการบริษัท ดีลอยท์ทู้ชโธมัทสุ ไชยยศ จํากัด กล่าวว่า แนวโน้มด้านปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในวิชาชีพตรวจสอบบัญชีรุนแรงขึ้นเนื่องจาก หลายสาเหตุ เช่น ความไม่สอดคล้องของอุปสงค์และอุปทานในด้านบุคลากรองค์กรส่วนใหญ่มีการ เพิ่มจํานวนบุคลากร ในขณะที่ผู้จบการศึกษาในสถาบันต่างๆมีจํานวนค่อนข้างคงที่ ทําให้การแข่ง...

Related to ที่มาและความสําคัญของปัญหา

  • การทําสัญญาจ้างก่อสร้าง ผู้ชนะการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์จะต้องทำสัญญาจ้างตามแบบสัญญา ดังระบุ ในข้อ ๑.๓ หรือทำข้อตกลงเป็นหนังสือกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ภายใน ๗ วัน นับถัดจากวันที่ได้รับ แจ้ง และจะต้องวางหลักประกันสัญญาเป็นจำนวนเงินเท่ากับร้อยละ ๕ ของราคาค่าจ้างที่ประกวดราคา อิเล็กทรอนิกส์ ให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ยึดถือไว้ในขณะทำสัญญาโดยใช้หลักประกันอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ ๖.๒ เงินสด เช็คหรือดราฟท์ที่ธนาคารเซ็นสั่งจ่าย ซึ่งเป็นเช็คหรือดราฟท์ลงวันที่ที่ใช้เช็คหรือ ดราฟท์นั้น ชำระต่อเจ้าหน้าที่ในวันทำสัญญา หรือก่อนวันนั้นไม่เกิน ๓ วันทำการ ๖.๓ หนังสือค้ำประกันของธนาคารภายในประเทศ ตามตัวอย่างที่คณะกรรมการ นโยบายกำหนด ดังระบุในข้อ ๑.๔ (๒) หรือจะเป็นหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ตามวิธีการที่กรมบัญชีกลาง กำหนด ๖.๔ หนังสือค้ำประกันของบริษัทเงินทุน หรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาต ให้ประกอบกิจการเงินทุนเพื่อการพาณิชย์และประกอบธุรกิจค้ำประกันตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศ ไทย ตามรายชื่อบริษัทเงินทุนที่ธนาคารแห่งประเทศไทยแจ้งเวียนให้ทราบ โดยอนุโลมให้ใช้ตามตัวอย่าง หนังสือค้ำประกันของธนาคารที่คณะกรรมการนโยบายกำหนด ดังระบุในข้อ ๑.๔ (๒) ๖.๕ พันธบัตรรัฐบาลไทย หลักประกันนี้จะคืนให้ โดยไม่มีดอกเบี้ยภายใน ๑๕ วันนับถัดจากวันที่ผู้ชนะการ ประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (ผู้รับจ้าง) พ้นจากข้อผูกพันตามสัญญาจ้างแล้ว

  • การเสนอราคา ๔.๑ ผู้ยื่นข้อเสนอต้องยื่นข้อเสนอ และเสนอราคาทางระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วย อิเล็กทรอนิกส์ตามที่กําหนดไว้ในเอกสารประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์นี้ โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น และจะต้อง กรอกข้อความให้ถูกต้องครบถ้วน พร้อมทั้งหลักฐานแสดงตัวตนและทําการยืนยันตัวตนของผู้ยื่นข้อเสนอโดยไม่ต้อง แนบใบเสนอราคาในรูปแบบ PDF File (Portable Document Format) ๔.๒ ให้ผู้ยื่นข้อเสนอกรอกรายละเอียดการเสนอราคาในใบเสนอราคาตามแบบเอกสาร ประกวดราคาจ้างก่อสร้างด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ข้อ ๑.๒ ให้ครบถ้วนโดยไม่ต้องยื่นใบ แจ้งปริมาณงานและราคา และใบบัญชีรายการก่อสร้างในรูปแบบ PDF File (Portable Document Format) ในการเสนอราคาให้เสนอราคาเป็นเงินบาทและเสนอราคาได้เพียงครั้งเดียวและราคา เดียว โดยเสนอราคารวม หรือราคาต่อหน่วย หรือราคาต่อรายการ ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ท้ายใบเสนอราคาให้ถูกต้อง ทั้งนี้ ราคารวมที่เสนอจะต้องตรงกันทั้งตัวเลขและตัวหนังสือ ถ้าตัวเลขและตัวหนังสือไม่ตรงกัน ให้ถือตัวหนังสือ เป็นสําคัญ โดยคิดราคารวมทั้งสิ้นซึ่งรวมค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีอากรอื่น และค่าใช้จ่ายทั้งปวงไว้แล้ว ราคาที่เสนอจะต้องเสนอกําหนดยืนราคาไม่น้อยกว่า ๖๐ วัน ตั้งแต่วันเสนอราคาโดย ภายในกําหนดยืนราคา ผู้ยื่นข้อเสนอต้องรับผิดชอบราคาที่ตนได้เสนอไว้และจะถอนการเสนอราคามิได้ ๔.๓ ผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องเสนอกําหนดเวลาดําเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จไม่เกิน ๔๒๐ วัน นับถัดจากวันลงนามในสัญญาจ้างหรือจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้งจาก โรงเรียน ให้เริ่มทํางาน ๔.๔ ก่อนเสนอราคา ผู้ยื่นข้อเสนอควรตรวจดูร่างสัญญา แบบรูป และรายการละเอียด ฯลฯ ให้ถี่ถ้วนและเข้าใจเอกสารประกวดราคาจ้างอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดเสียก่อนที่จะตกลงยื่นข้อเสนอตามเงื่อนไข ในเอกสารประกวดราคาจ้างอิเล็กทรอนิกส์ ๔.๕ ผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องยื่นข้อเสนอและเสนอราคาทางระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วย อิเล็กทรอนิกส์ในวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ระหว่างเวลา ๐๘.๓๐ น. ถึง ๑๖.๓๐ น. และเวลาในการเสนอราคา ให้ถือตามเวลาของระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์เป็นเกณฑ์ เมื่อพ้นกําหนดเวลายื่นข้อเสนอและเสนอราคาแล้ว จะไม่รับเอกสารการยื่นข้อเสนอ และเสนอราคาใดๆ โดยเด็ดขาด ๔.๖ ผู้ยื่นข้อเสนอต้องจัดทําเอกสารสําหรับใช้ในการเสนอราคาในรูปแบบไฟล์เอกสาร ประเภท PDF File (Portable Document Format) โดยผู้ยื่นข้อเสนอต้องเป็นผู้รับผิดชอบตรวจสอบความ ครบถ้วน ถูกต้อง และชัดเจนของเอกสาร PDF File ก่อนที่จะยืนยันการเสนอราคา แล้วจึงส่งข้อมูล (Upload) เพื่อ เป็นการเสนอราคาให้แก่โรงเรียน ผ่านทางระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ๔.๗ คณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์จะดําเนินการตรวจสอบ คุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอแต่ละรายว่า เป็นผู้ยื่นข้อเสนอที่มีผลประโยชน์ร่วมกันกับผู้ยื่นข้อเสนอรายอื่นตาม ข้อ ๑.๖ (๑) หรือไม่ หากปรากฏว่าผู้ยื่นข้อเสนอรายใดเป็นผู้ยื่นข้อเสนอที่มีผลประโยชน์ร่วมกันกับผู้ยื่นข้อเสนอราย อื่น คณะกรรมการฯ จะตัดรายชื่อผู้ยื่นข้อเสนอราคาที่มีผลประโยชน์ร่วมกันนั้นออกจากการเป็นผู้ยื่นข้อเสนอ หากปรากฏต่อคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ว่า ก่อนหรือใน ขณะที่มีการพิจารณาข้อเสนอ มีผู้ยื่นข้อเสนอรายใดกระทําการอันเป็นการขัดขวางการแข่งขันอย่างเป็นธรรมตาม ข้อ ๑.๖ (๒) และคณะกรรมการฯ เชื่อว่ามีการกระทําอันเป็นการขัดขวางการแข่งขันอย่างเป็นธรรม คณะ กรรมการฯ จะตัดรายชื่อผู้ยื่นข้อเสนอรายนั้นออกจากการเป็นผู้ยื่นข้อเสนอ และโรงเรียน จะพิจารณาลงโทษผู้ยื่น ข้อเสนอดังกล่าวเป็นผู้ทิ้งงาน เว้นแต่ โรงเรียน จะพิจารณาเห็นว่าผู้ยื่นข้อเสนอรายนั้น มิใช่เป็นผู้ริเริ่มให้มีการ กระทําดังกล่าวและได้ให้ความร่วมมือเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาของโรงเรียน

  • การรับประกันความชํารุดบกพร่อง ผู้ชนะการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งได้ทำสัญญาจ้าง ตามแบบ ดังระบุในข้อ ๑.๓ หรือข้อตกลงจ้างเป็นหนังสือแล้วแต่กรณี จะต้องรับประกันความชำรุดบกพร่องของงานจ้างที่เกิดขึ้นภายใน ระยะเวลา ไม่น้อยกว่า ๒ ปี นับถัดจากวันที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้รับมอบงาน โดยต้องรีบจัดการ ซ่อมแซมแก้ไขให้ใช้การได้ดีดังเดิมภายใน ๑๕ วัน นับถัดจากวันที่ได้รับแจ้งความชำรุดบกพร่อง

  • การทําสัญญาจ้าง ผู้ชนะการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์จะต้องทําสัญญาจ้างตามแบบสัญญา ดังระบุในข้อ ๑.๓ หรือทําข้อตกลงเป็นหนังสือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภายใน ๗ วัน นับถัดจากวันที่ได้รับแจ้ง และจะต้องวาง หลักประกันสัญญาเป็นจํานวนเงินเท่ากับร้อยละ ๕ ของราคาค่าจ้างที่ประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ได้ ให้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ยึดถือไว้ในขณะทําสัญญา โดยใช้หลักประกันอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ ๖.๑ เงินสด ๖.๒ เช็คหรือดราฟท์ที่ธนาคารสั่งจ่ายให้แก่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยเป็นเช็คลงวันที่ที่ ทําสัญญา หรือก่อนหน้านั้น ไม่เกิน ๓ วัน ทําการของทางราชการ ๖.๓ หนังสือค้ําประกันของธนาคารภายในประเทศ ตามแบบหนังสือค้ําประกัน ดังระบุในข้อ ๑.๔ (๒) หรือจะเป็นหนังสือค้ําประกันอิเล็กทรอนิกส์ตามวิธีการที่กรมบัญชีกลางกําหนด ๖.๔ หนังสือค้ําประกันของบริษัทเงินทุน หรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตให้ ประกอบกิจการเงินทุนเพื่อการพาณิชย์และประกอบธุรกิจค้ําประกัน ตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย ตาม รายชื่อบริษัทเงินทุนที่ธนาคารแห่งประเทศไทยแจ้งเวียนให้ทราบ โดยอนุโลมให้ใช้ตามตัวอย่างหนังสือค้ําประกันของ ธนาคารที่คณะกรรมการนโยบายกําหนด ดังระบุในข้อ ๑.๔ (๒) ๖.๕ พันธบัตรรัฐบาลไทย หลักประกันนี้จะคืนให้ โดยไม่มีดอกเบี้ยภายใน ๑๕ วันนับถัดจากวันที่ผู้ชนะการประกวดราคา อิเล็กทรอนิกส์ (ผู้รับจ้าง) พ้นจากข้อผูกพันตามสัญญาจ้างแล้ว

  • แบบรูปและรายการละเอียดคลาดเคลื่อน ผู้รับจ้างรับรองว่าได้ตรวจสอบและทําความเข้าใจในแบบรูปและรายการละเอียดโดยถี่ถ้วนแล้ว หากปรากฏว่าแบบรูปและรายการละเอียดนั้นผิดพลาด หรือคลาดเคลื่อนไปจากหลักการทางวิศวกรรมหรือทาง เทคนิค ผู้รับจ้างตกลงที่จะปฏิบัติตามคําวินิจฉัยของผู้ว่าจ้าง คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ ผู้ควบคุมงาน หรือบริษัทที่ ปรึกษาที่ผู้ว่าจ้างแต่งตั้ง เพื่อให้งานแล้วเสร็จบริบูรณ์ คําวินิจฉัยดังกล่าว ให้ถือเป็นที่สุด โดยผู้รับจ้างจะคิดค่าจ้าง ค่าเสียหาย หรือค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มขึ้นจากผู้ว่าจ้าง หรือขอขยายอายุสัญญาไม่ได้

  • การปรับราคาค่างานก่อสร้าง การปรับราคาค่างานก่อสร้างตามสูตรการปรับราคาดังระบุในข้อ ๑.๕ จะนํามาใช้ในกรณีที่ ค่า งานก่อสร้างลดลงหรือเพิ่มขึ้น โดยวิธีการต่อไปนี้ ตามเงื่อนไข หลักเกณฑ์ สูตรและวิธีคํานวณที่ใช้กับสัญญาแบบปรับราคาได้ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๓๒ เรื่อง การพิจารณาช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพงานก่อสร้าง ตามหนังสือสํานักเลขาธิการ คณะรัฐมนตรี ที่ นร ๐๒๐๓/ว ๑๐๙ ลงวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๓๒ สูตรการปรับราคา (สูตรค่า K) จะต้องคงที่ที่ระดับที่กําหนดไว้ในวันแล้วเสร็จตามที่กําหนดไว้ใน สัญญา หรือภายในระยะเวลาที่โรงเรียนได้ขยายออกไป โดยจะใช้สูตรของทางราชการที่ได้ระบุในข้อ ๑.๕

  • สิทธิของผู้ว่าจ้างภายหลังบอกเลิกสัญญา ในกรณีที่ผู้ว่าจ้างบอกเลิกสัญญา ผู้ว่าจ้างอาจทํางานนั้นเองหรือว่าจ้างผู้อื่นให้ทํางานนั้นต่อจนแล้ว เสร็จก็ได้ ผู้ว่าจ้างหรือผู้ที่รับจ้างทํางานนั้นต่อมีสิทธิใช้เครื่องใช้ในการก่อสร้าง สิ่งที่สร้างขึ้นชั่วคราวสําหรับงาน ก่อสร้าง และวัสดุต่างๆ ซึ่งเห็นว่าจะต้องสงวนเอาไว้เพื่อการปฏิบัติงานตามสัญญาตามที่จะเห็นสมควร ในกรณีดังกล่าว ผู้ว่าจ้างมีสิทธิริบหรือบังคับจากหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญา ทั้งหมดหรือ บางส่วนตามแต่จะเห็นสมควร นอกจากนั้นผู้รับจ้างจะต้องรับผิดชอบในค่าเสียหายซึ่งเป็นจํานวนเกินกว่าหลัก ประกันการปฏิบัติตามสัญญา รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในการทํางานนั้นต่อให้แล้วเสร็จตามสัญญา ตลอดจนค่าใช้จ่าย ในการควบคุมงานเพิ่ม (ถ้ามี) ซึ่งผู้ว่าจ้างจะหักเอาจากเงินประกันผลงานหรือจํานวนเงินใด ๆ ที่จะจ่ายให้แก่ผู้รับจ้างก็ได้

  • หลักฐานการเสนอราคา ผู้ประสงค์จะเสนอราคาจะต้องเสนอเอกสารหลักฐาน แยกเป็น 2 ส่วน คือ 3.1 ส่วนที่ 1 อย่างน้อยต้องมีเอกสารดังต่อไปนี้ (1) ในกรณีผู้ประสงค์จะเสนอราคาเป็นนิติบุคคล (ก) ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือห้างหุ้นส่วนจ˚ากัด ให้ยื่นส˚าเนาหนังสือรับรองการ จดทะเบียนนิติบุคคล บัญชีรายชื่อหุ้นส่วนผู้จัดการ ผู้มีอ˚านาจควบคุม (ถ้ามี) พร้อมรับรองส˚าเนาถูกต้อง /3.(ข) บริษัทจ˚ากัด.... (ข) บริษัทจ˚ากัดหรือบริษัทมหาชนจ˚ากัด ให้ยื่นส˚าเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติ บุคคล หนังสือบริคณห์สนธิ บัญชีรายชื่อกรรมการผู้จัดการ ผู้มีอ˚านาจควบคุม และบัญชีผู้ถือหุ้นรายใหญ่พร้อม รับรองส˚าเนาถูกต้อง (2) ในกรณีผู้ประสงค์จะเสนอราคาเป็นบุคคลธรรมดา หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลให้ยื่น ส˚าเนาบัตรประจ˚าตัวประชาชนของผู้นั้น ส˚าเนาข้อตกลงที่แสดงถึงการเข้าเป็นหุ้นส่วน(ถ้ามี) ส˚าเนาบัตรประจ˚าตัว ประชาชนของผู้เป็นหุ้นส่วน พร้อมทั้งรับรองส˚าเนาถูกต้อง (3) ในกรณีผู้ประสงค์จะเสนอราคาเป็นผู้ประสงค์จะเสนอราคาร่วมกันในฐานะเป็นผู้ร่วมค้าให้ ยื่นส˚าเนาสัญญาของการเข้าร่วมค้า ส˚าเนาบัตรประจ˚าตัวประชาชนของผู้ร่วมค้า และในกรณีที่ผู้เข้าร่วมค้าฝ่ายใด เป็นบุคคลธรรมดาที่มิใช่สัญชาติไทย ก็ให้ยื่นส˚าเนาหนังสือเดินทาง หรือผู้ร่วมค้าฝ่ายใดเป็นนิติบุคคล ให้ยื่น เอกสารตามที่ระบุไว้ใน (1) (4) ส˚าเนาแบบแสดงการลงทะเบียนในระบบ e-GP, ส˚าเนาใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมรับรองส˚าเนาถูกต้อง (5) บัญชีเอกสารส่วนที่ 1 ทั้งหมดที่ได้ยื่นตามแบบในข้อ 1.9 (1)

  • ความรับผิดชอบในความชํารุดบกพร่องของงานจ้าง เมื่องานแล้วเสร็จบริบูรณ์ และผู้ว่าจ้างได้รับมอบงานจากผู้รับจ้างหรือจากผู้รับจ้างรายใหม่ ใน กรณีที่มีการบอกเลิกสัญญาตามข้อ 7 หากมีเหตุชํารุดบกพร่องหรือเสียหายเกิดขึ้นจากการจ้างนี้ ภายในกําหนด 2 (สอง) ปี - เดือน นับถัดจากวันที่ได้รับมอบงานดังกล่าว ซึ่งความชํารุดบกพร่องหรือเสียหายนั้นเกิดจากความ บกพร่องของผู้รับจ้างอันเกิดจากการใช้วัสดุที่ไม่ถูกต้องหรือทําไว้ไม่เรียบร้อย หรือทําไม่ถูกต้องตามมาตรฐานแห่ง หลักวิชา ผู้รับจ้างจะต้องรีบทําการแก้ไขให้เป็นที่เรียบร้อยโดยไม่ชักช้า โดยผู้ว่าจ้างไม่ต้องออกเงินใดๆ ในการนี้ทั้งสิ้น หากผู้รับจ้างไม่กระทําการดังกล่าวภายในกําหนด 7 (เจ็ด) วัน นับถัดจากวันที่ได้รับแจ้งเป็นหนังสือจากผู้ว่าจ้าง หรือไม่ทําการแก้ไขให้ถูกต้องเรียบร้อยภายในเวลาที่ผู้ว่าจ้างกําหนด ให้ผู้ว่าจ้างมีสิทธิที่จะทําการนั้นเอง หรือจ้าง ผู้อื่นให้ทํางานนั้น โดยผู้รับจ้างต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเองทั้งสิ้น ในกรณีเร่งด่วนจําเป็นต้องรีบแก้ไขเหตุชํารุดบกพร่องหรือเสียหายโดยเร็ว และไม่อาจรอให้ผู้รับ จ้างแก้ไขในระยะเวลาที่กําหนดไว้ตามวรรคหนึ่งได้ ผู้ว่าจ้างมีสิทธิเข้ าจัดการแก้ไขเหตุชํารุดบกพร่องหรือเสียหาย นั้นเอง หรือจ้างผู้อื่นให้ซ่อมแซมความชํารุดบกพร่องหรือเสียหาย โดยผู้รับจ้างต้องรับผิดชอบชําระค่าใช้จ่ายทั้งหมด การที่ผู้ว่าจ้างทําการนั้นเอง หรือจ้างผู้อื่นให้ทํางานนั้นแทนผู้รับจ้าง ไม่ทําให้ผู้รับจ้างหลุดพ้นจาก ความรับผิดตามสัญญา หากผู้รับจ้างไม่ชดใช้ค่าใช้จ่ายหรือค่าเสียหายตามที่ผู้ว่าจ้างเรียกร้องผู้ว่าจ้างมีสิทธิบังคับจาก หลักประกันการปฏิบัติตามสัญญาได้

  • ความรับผิดของผู้รับจ้าง ผู้รับจ้างจะต้องรับผิดต่ออุบัติเหตุ ความเสียหาย หรือภยันตรายใด ๆ อันเกิดจากการปฏิบัติงาน ของผู้รับจ้าง และจะต้องรับผิดต่อความเสียหายจากการกระทําของลูกจ้างหรือตัวแทนของผู้รับจ้าง และจากการ ปฏิบัติงานของผู้รับจ้างช่วงด้วย (ถ้ามี) ความเสียหายใดๆ อันเกิดแก่งานที่ผู้รับจ้างได้ทําขึ้น แม้จะเกิดขึ้นเพราะเหตุสุดวิสัยก็ตาม ผู้รับ จ้างจะต้องรับผิดชอบโดยซ่อมแซมให้คืนดีหรือเปลี่ยนให้ใหม่โดยค่าใช้จ่ายของผู้รับจ้างเอง เว้นแต่ความเสียหายนั้น เกิดจากความผิดของผู้ว่าจ้าง ทั้งนี้ ความรับผิดของผู้รับจ้างดังกล่าวในข้อนี้จะสิ้นสุดลง เมื่อผู้ว่าจ้างได้รับมอบงาน ครั้งสุดท้าย ซึ่งหลังจากนั้นผู้รับจ้างคงต้องรับผิดเพียงในกรณีชํารุดบกพร่อง หรือความเสียหายดังกล่าวในข้อ 8 เท่านั้น ผู้รับจ้างจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกในความเสียหายใดๆ อันเกิดจากการปฏิบัติงานของผู้ รับจ้าง หรือลูกจ้างหรือตัวแทนของผู้รับจ้าง รวมถึงผู้รับจ้างช่วง (ถ้ามี) ตามสัญญานี้ หากผู้ว่าจ้างถูกเรียกร้องหรือ ฟ้องร้องหรือต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บุคคลภายนอกไปแล้ว ผู้รับจ้างจะต้องดําเนินการใด ๆ เพื่อให้มีการว่าต่างแก้ต่าง ให้แก่ผู้ว่าจ้างโดยค่าใช้จ่ายของผู้รับจ้างเอง รวมทั้งผู้รับจ้างจะต้องชดใช้ค่าเสียหายนั้น ๆ ตลอดจนค่าใช้จ่ายใด ๆ อันเกิดจากการถูกเรียกร้องหรือถูกฟ้องร้องให้แก่ผู้ว่าจ้างทันที