บทน˚า. มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับท่ ี 16 เร่ ือง สัญญาเช่า ก˚าหนดหลักการส˚าหรับการรับรู้รายการ การวัดมูลค่า การนา˚ เสนอและการเปิ ดเผยข้อมูลของสัญญาเช่า โดยมีวัตถุประสงค์เพือให้มั่นใจว่าผู้เช่าและ ผู้ให้เช่าได้ให้ข้อมูลท่เก่ ย วข้องกบ การตัดสนใจในลักษณะการนา˚ เสนอรายการท่เป็นตัวแทนอนเท่ย งธรรมโดย ใช้วิธการบัญชีเดียวสา˚ หรับผู้เช่า (single lessee accounting model) โดยผู้เช่าบันทกสัญญาเช่าทุกรายการใน แนวทางเดียวกันและกา˚ หนดให้ผู้เช่ารับรู้สินทรัพย์และหนีสินสา˚ การเช่ามากกว่า 12 เดือน เว้นแต่สินทรัพย์อ้างอิงนั้นมีมูลค่าต่า หรับสัญญาเช่าทุกรายการท่ ีมีระยะเวลาใน โดยผู้เช่าต้องรับรู้สินทรัพย์สิทธิการใช้ท่ ี แสดงถึงสิทธิในการใช้สินทรัพย์อ้างอิงท่ เี ช่าและหนีสินตามสัญญาเช่าท่ แสดงถึงภาระผูกพันท่ ีต้องจ่ายช˚า ระ ตามสญญาเช่า สนทรัพย์และหนีสนท่ เกิดจากสญญาเชาถ่ ูกวัดมูลคาเ่ มือเร่ ิมแรกดว้ ยเกณฑ์ของมูลคาปั่ จจุบัน การวัดมูลค่าประกอบด้วยการจ่ายชา ระตามสัญญาเช่าท่ บ อกเลิกไม่ได้ (รวมถึงค่าเช่าท่ แปรผันตามเงินเฟ้ อ) และยังรวมถึงการจ่ายชา˚ ระท่จะจ่ายในช่วงเวลาใช้สิทธิเลือกถ้าผู้เช่าจะใช้สิทธิเลือกในการขยายอายุสญญาเช่า หรือไม่ใช้สิทธิเลือกในการยกเลิกสัญญาเช่าอย่างแน่นอนด้วยความสมเหตุสมผล มาตรฐานการรายงานทาง การเงิน ฉบับท่ ี 16 เร่ ือง สญญาเช่า นา˚ ข้อกา˚ หนดเกอบท้งั หมดของการบัญชีสา˚ หรับผู้ให้เช่าในมาตรฐานการ บัญชี ฉบับท่ ี 17 (ปรับปรุง 2561) เร่ ือง สญญาเช่า มาใช้ ดังนั้นผู้ให้เช่ายังคงต้องจัดประเภทสญญาเช่าเป็น สญญาเช่าดา˚ เนินงานหรือสญญาเช่าเงินทุนและบันทกสญญาเช่าท้งั สองประเภทนั้นอย่างแตกต่างกนั
บทน˚า. 1.1 ขอ้ ตกลงนีท ˚ำขนึ้ ระหว่ำงคุณและ MoneyGram International B.V. (“เรำ”) ซงึ่ ด˚ำเนินกำรผ่ำนเจำ้ หนำ้ ทข อง MoneyGram (“เจำ้ หน้ำทบี รกำร”) ในฐำนะตวแทนของเรำ
1.2 ขอ้ ตกลงนีอ้ นุญำตใหค้ ุณรบั เงนท่ี “ผูส้ ่ง” ไดต้ กลงทจ่ี ะจด หำใหแ้ กคุณในสกุลเง หนงึ่ ตำมยอดเงินทเ่ี ขำระบุ เพอ ใหค้ ุณรบั เงน ดงั กล่ำวไดจ้ ำกสถำนทตง้ั ของ MoneyGram ในประเทศทผูส้ ่งเลอกไว ้ โดยเป็ นส่วนหน่ึงของบรก ำร MoneyGram®Money Transfer ของเรำ และเรำจะไม่คดค่ำธรรมเนยมี จำกคุณส˚ำหรบั บรกำรนี้ โปรดทรำบว่ำบรก ำรนีม จี ดมุ่งหมำยเพอใหค้ ุณไดร้ บั เงินใน ฐำนะบุคคลทผูส้ ่งรูจ้ ก แทนทจ่ี ะรบั เงนในรูปแบบของกำรชำ˚ ระเงินเพื่อกำรพำณิชย
1.3 ในกำรรบั เงินตำมขอ้ ตกลงนี้ คุณจะตองผ่ำนกระบวนกำรยนยนตวตน และปฏบตตำมขนตอนและวธิ ก ำรทเ่ี จำ้ หนำ้ ทบ รกำร กำ˚ หนดผ่ำนเครอ่ื งบรกำรเงนด่วน (Automatic Teller Machine: ATM) หรอื เครอื่ งอเิ ล็กทรอนกิ สอ์ นใดตำมทเี่ จำ้ หนำ้ ทบ รกำร กำหนด ซงึ่ รวมถงึ แต่ไม่จ˚ำกดเฉพำะกำรใส่หมำยเลขอำ้ งองิ ของกำรโอนเงิน (ซงึ่ คุณสำมำรถขอรบั ไดจ้ ำกผูส้ ่ง)
1.4 คุณจะตอ้ งแสดงบต รประจ˚ำตวั ทถ ูกตอ้ งแกเ่ จำ้ หนำ้ ทบ รกำร ส˚ำหรบกำรโอนเงน ในบำงกรณี (ขนึ อยู่กบ ประเทศทร่ี บั เงน และ ยอดเงิน) เจำ้ หนำ้ ทบรกำรอำจกำ˚ หนดใหค้ ุณตอบค˚ำถำมทดสอบทผ ูส้ ่งระบุไวใ้ หถ้ ูกตอ้ ง นอกเหนือจำกหรอแทนกำรแสดงบตร ประจ˚ำตว จำกน้ันคุณจะสำมำรถรบั เงน และด˚ำเนินขน ตอนกำรโอนเงินใหเ้ สรจ็ สมบูรณ
1.5 รำยละเอยดตดต่อของเรำ: ตดต่อกบเรำทำงเว็บไซตท์ ่ี xxx.xxxxxxxxx.xxx หรอท˚ำหนังสอ ถงึ เรำไดที่ Complaints Manager, MoneyGram International, Konstruktorska Business Centre, 13 Konstruktorska Street, Warsaw, Poland 02-673 อเมลแอดเดรสของเรำคอ
บทน˚า. 1.1 ควำมเป็ นมำและควำมส˚ำคญ
บทน˚า. บรษท เอดี เวนเจอร์ จ˚ากด (มหาชน) ซงึ่ ต่อไปนี้จะเรย กวา “ผใ้ ห้บรก าร” ไดจด ท˚าระบบ Office Anywhere ซงึ่ เป็นระบบการ จดการภายในองค์กรแบบออนไลน์ โดยการท˚างานรูปแบบออนไลน์ มีดวยกน 4 ระบบ คอ
1). Memo Online ระบบจด การ เอกสารเพอขออนุมต ิ, 2). Leave Online ระบบจด การการลางานของพนก งาน, 3). Time Attendance ระบบลงเวลาและ ตรวจสอบเวลาเขา้ -ออกงานของพนก งาน และ 4). Reservation ระบบจด การทรพ ย์สน เพอใหบ รการกบ ผตู องการใชบ รการ ระบบ 5). Verk Application แอพพลเคชนั Chat เพอใชส อสารภายในองคก ร ซงึ่ ต่อไปนี้จะเรย กวา “ผรู้ บ บรก าร” และหาก ผรู้ บ บรก ารยอมรบ ขอก˚าหนดและเงอ นไขทป รากฏบนเวบ ไซต์หรอแอปพลเคชนวา่ จะมผ ลผก พนตามกฎหมาย และท่านยง ยอมรบ นโยบายความเป็นส่วนตวของระบบ Office Anywhere บนเวบ ไซต์หรอแอปพลเคชนและยอมรบ ทจะปฏบ ตตาม กฎระเบย บอน ๆ ของระบบ เชน วธีการใช้ วธิ ป ฏบตแ ละขน้ ตอน หรือเงอ นไขสา˚ หรบ การเขา้ ถงึ หรอการใชบ รการของระบบ
บทน˚า. ปัจจุบันพบว่าธุรกิจการให้บริการเสริมความงามเป็นธุรกิจที่ผู้ประกอบการมีการใช้สัญญาส˚าเร็จรูป ที่ท˚าเป็นหนังสือโดยผู้ประกอบธุรกิจซึ่งเป็นผู้ให้บริการได้จัดท˚าขึ้นฝ่ายเดียวและมีการใช้ข้อสัญญาที่ไม่เป็น ธรรมส˚าหรับผู้รับบริการ อีกทั้งมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย และเป็นข้อสัญญาที่ใช้บังคับได้เพราะข้อสัญญา ดังกล่าวไม่ขัดต่อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ด้วยเหตุนี้จึงท˚าให้ ผู้รับบริการไม่ได้รับความเป็นธรรมในการท˚าสัญญา ประกอบกับกฎหมายไทยในส่วนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้ ได้แก่ กฎหมายสถานบริการ กฎหมายสาธารณสุข กฎหมายการประกอบโรคศิลปะ กฎหมายสถานพยาบาล กฎหมายวิชาชีพเวชกรรมไม่มีบทบัญญัติเรื่องมาตรฐานข้อสัญญาคงมีเฉพาะมาตรฐานวิชาชีพเท่านั้น ดังนั้น จึงจ˚าเป็นต้องมีการก˚าหนดให้ธุรกิจการให้บริการเสริมความงามเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญาตามกฎหมาย คุ้มครองผู้บริโภค
บทน˚า. การท˚าสัญญาสินเชื่อกับธนาคารอิสลามนั้น สินเชื่อกับธนาคารอิสลามนั้นจะต้องเป็นการขอสินเชื่อ ในวัตถุประสงค์ที่ไม่ขัดต่อหลักการของศาสนาอิสลาม ไม่จ˚าเป็นต้องบุคคลที่นับถือซึ่งศาสนาอิสลาลามเพียง เท่านั้น บุคคลใดก็ตามหากความประสงค์จะเป็นลูกค้า ของธนาคารอิสลามสามารถเป็นลูกค้าได้ทุกคนหากได้ ผ่านหลักเกณฑ์การประเมินของธนาคารอิสลามแล้ว ส˚าหรับการท˚าข้อตกลงของธนาคารอิสลามในเรื่องของ การขอสินเชื่อนั้นโดยส่วนใหญ่ของธนาคารอิสลามจะ แตกต่างกับธนาคารพาณิชย์ทั่วไป กล่าวคือการขอ เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ทั่วไปด˚าเนินกิจการโดยการ หารายได้จากอัตราดอกเบี้ย แต่ธนาคารอิสลามแห่ง ประเทศไทยต้องด˚าเนินงานธุรกิจในการหารายได้ที่ไม่ สามารถเกี่ยวข้องกับดอกเบี้ยได้ จึงได้น˚าวิธีการซื้อขาย, วิธีการให้เช่าและวิธีการร่วมทุนมาบังคับใช้แทน เช่น การซื้อขายสินค้าโดยบวกเพิ่มราคา (murabahah) มหาวิทยาลัยรังสิต หลักการพื้นฐานก็คือธนาคารซื้อสินค้ามาขาย ให้แก่ลูกค้า แต่ขายในราคาที่มีการบวกต้นทุนและก˚าไร หรือดอกเบี้ยแฝงเข้าไปแล้ว (cost plus หรือ mark-up) ถ้าลูกค้าประสงค์จะซื้อขายหรือประสงค์ที่จะกู้ยืมเงิน ขอสินเชื่อจากธนาคารเพื่อซื้อสินค้า เพื่อการกู้ยืมเงิน เพื่อปิดบัญชีต่างธนาคารและกู้ยืมเ งินโดยไม่มี หลักประกัน ลูกค้าต้องตกลงตามระเบียบหรือข้อบังคับ สัญญาตามราคาที่ธนาคารแจ้งกลับไป โดยธนาคาร อนุญาตให้ผ่อนจ่ายเป็นงวดรายเดือน ซึ่งเหล่านี้ไม่ขัด กับหลักศาสนาอิสลามแต่ประการใด ดังนั้นเมื่อการที่ ธนาคารได้บวกก˚าไรไปนั้น มีลักษณะเหมือนหรือคล้าย กับดอกเบี้ย เบี้ยปรับ หรือค่าเสียหายมา จึงมีความ จ˚าเป็นจะต้องศึกษาที่มา แนวคิด วิธีการ รูปแบบ ของ ดอกเบี้ย เบี้ยปรับ หรือค่าเสียหาย ว่าเป็นอย่างไร จาก วิธีการดังกล่าวจะเห็นได้ว่าก˚าไรที่ธนาคารอิสลามฯ บวกเข้าไปนั้นเป็นการบวกเพิ่มไปตั้งแต่ต้น ดังนั้นยอด หนี้ที่ต้องช˚าระของลูกค้าสินเชื่อของธนาคารอิสลามฯ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าลูกค้าผิดนัดไม่ช˚าระหนี้ ลูกค้าจะต้องรับผิดชดใช้ค่าชดเชยในอัตราที่สูงมากถึง ร้อยละ 31 ต่อปี จะเห็นได้ว่าข้อสัญญาในการขอ สินเชื่อของธนาคารอิสลามฯนั้นมีการก˚าหนดข้อตกลง และเงื่อนไขในการขอสินเชื่อที่ไม่เป็นธรรมต่อลูกค้า อย่างมากในกรณีของการที่ลูกค้าต้องรับผิดชดใช้ ค่าชดเชยที่ลูกค้าผิดนัดช˚าระหนี้ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วจะ เห็นว่าเข้าลักษณะของข้อสัญญาสินเชื่อที่มีอัตรา ค่าชดเชยหรือก˚าไรสูงเกินส่วน จึงแสดงให้เห็นว่าไม่มี ความเสมอภาคในการท˚าสัญญา กล่าวคือผู้ประกอบ กิจการหรือธนาคารอิสลามฯอยู่ในฐานะได้เปรียบใน การก˚าหนดข้อตกลงในสัญญามีอ˚านาจในการต่อรอง มากว่าลูกค้าหรือผู้ขอสินเชื่อที่อยู่ในฐานะเสียเปรียบ ต้องยอมจ˚านนต่อข้อตกลงหรือเงื่อนไขในสัญญา (สฤษฎ์ กลั่นสุภา, 2554) อีกทั้งเมื่อการท˚าข้อตกลงสัญญาสินเชื่อของ ธนาคารอิสลามฯไม่มีค˚าว่าดอกเบี้ยหรือไม่ได้คิด ดอกเบี้ยแก่ลูกค้าแล้วกระนั้น จึงไม่ตกอยู่ภายใต้ กฎหมายที่ก˚าหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ เช่นประมวล กฎหมายแพ่งและพา...
บทน˚า. 17
1.1 ความส˚าคญของปัญหาที่จะท˚าการวิจยั 17
1.2 วตั ถประสงค์ของการวิจยั 21
1.3 ประโยชน์ที่จะได้จากการวิจยั 21
1.4 ขอบเขตของการวิจยั 21
1.5 กรอบแนวคดิ 22
1.6 นิยามศพั ท์เฉพาะ 22
บทน˚า. 1.1 ความเป็นมาและความส าคัญของปัญหา
1.1.1 ความส าคัญของการค้าระหว่างประเทศและการพัฒนาการทางเทคโนโลยีอัน เกี่ยวเนื่องกับสัญญา
1.1.2 ปัญหาเรื่องแบบของสัญญาและข้อก าหนดเกี่ยวกับหลักฐานเป็นหนังสือ
1.1.3 ปัญหาเรื่องค าเสนอค าสนองไม่ถูกต้องตรงกัน
บทน˚า. ในปี 2548-2553 ตลาดอาคารชุดหรือคอนโดมิเนียม ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ3โดยมีการ ก่อสร้างขึ้นอย่างคึกคักโดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครเนื่องจาก มีระบบรถไฟฟ้าท˚าให้ชีวิตของคนใน กรุงเทพมหานครเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ท˚าให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเองให้ มีจุดขายมากสอดคล้องกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปโดยเริ่มมีการท˚าอาคารชุดหรือคอนโดมิเนียม ซึ่งตอบโจทย์ กับ วิถีชีวิตของคนเมืองกรุงเป็นอย่างดี และท˚าให้ตัวเลขในการยื่นจดทะเบียนอาคารชุดในกรุงเทพมหานคร เริ่มสูงขึ้น โดยอ้างอิงข้อมูลตั้งแต่ปี2548-2553 นั้น มีการเติบโตของตัวเลขการ จดทะเบียนอาคารชุด เพิ่มขึ้นในกรุงเทพมหานคร กว่า 423 เปอร์เซ็นต์4 จากการขยายตัวของตลาดอาคารชุดหรือคอนโดมิเนียม ท˚าให้ผู้ประกอบการลงทุนมีการแข่งขัน มากขึ้นและการเอารัดเอาเปรียบต่อผู้บริโภคมีมากขึ้นด้วยจึงก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมแม้จะมีกฎหมาย ออกมาควบคุมการก่อสร้างอาคาร เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและเหมาะสมแก่การใช้สอยโดยไม่ กระทบกระเทือนต่อส่วนรวม แต่ยังพบปัญหาให้เห็นอยู่หลายประการ จึงควรหาแนวทางออกเกี่ยวกับ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอาคารชุดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
บทน˚า. ธนำคำรตระหนักดีว่ำกำรบริหำรควำมเสี่ยงที่มีประสิทธิภำพ และกำรก˚ำกับดูแลกิจกำรตำมหลักธรรมำภิบำลที่ดี เป็นส่วน ส˚ำคัญต่อควำมมั่นคงและควำมน่ำเชื่อถือของธนำคำรและบริษัทลูกในกลุ่มธุรกิจทำงกำรเงินของธนำคำร (“กลุ่มธุรกิจทำงกำรเงินของ ธนำคำร”) ธนำคำรจึงมุ่งเน้นกำรพัฒนำระบบกำรบริหำรควำมเสี่ยงอย่ำงต่อเนื่องและให้ควำมส˚ำคัญว่ำ ธนำคำรและกลุ่มธุรกิจทำงกำรเงิน ของธนำคำรมีเงินกองทุนเพียงพอเพื่อรองรับกำรประกอบธุรกิจ ธนำคำรเล็งเห็นว่ำกำรใช้กลไกตลำดในกำรก˚ำกับดูแล จะเป็นส่วนส˚ำคัญที่จะส่งเสริมให้มีกำรพัฒนำระบบกำรบริหำรควำม เสี่ยงอย่ำงต่อเนื่อง จึงมีกำรเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวกับเงินกองทุน ระดับควำมเสี่ยง กระบวนกำรประเมินควำมเสี่ยง และควำมเพียงพอขอ ง เงินกองทุนทั้งในระดับธนำคำร(Solo Basis) และระดับกลุ่มธุรกิจทำงกำรเงินของธนำคำร (Full Consolidation Basis) ซึ่งกำรเปิดเผยข้อมูล ดังกล่ำวเป็นไปตำมแนวทำงกำรเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับกำรด˚ำรงเงินกองทุนตำมประกำศของธนำคำรแห่งประเทศไทย (“ธปท.”) ธนำคำรมีกำรเปิดเผยข้อมูลกำรด˚ำรงเงินกองทุนตำม Basel III-หลักกำรที่ 3 โดยข้อมูลเชิงปริมำณเกี่ยวกับโครงสร้ำงและควำม เพียงพอของเงินกองทุน กำรประเมินควำมเสี่ยงด้ำนตลำด และกำรด˚ำรงสินทรัพย์สภำพคล่องเพื่อรองรับสถำนกำรณ์ด้ำนสภำพคล่องที่มี ควำมรุนแรง (Liquidity Coverage Ratio : LCR) จะเปิดเผยเป็นรำยครึ่งปี ส˚ำหรับกำรเปิดเผยข้อมูลเชิงคุณภำพ ธนำคำรจะจัดให้มีกำร ทบทวนเป็นประจ˚ำทุกปีและทุกครั้งที่มีกำรเปลี่ยนแปลงนโยบำยกำรบริหำรควำมเสี่ยงอย่ำงมีนัยส˚ำคัญ ทั้งนี้ ธนำคำรมีแนวทำงกำร เปิดเผยเฉพำะข้อมูลที่มีนัยส˚ำคัญบนเว็บไซด์ของธนำคำรภำยใต้หัวข้อ “นักลงทุนสัมพันธ์” ภำยใน 4 เดือนนับจำกวันสิ้นงวด